แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1178 วนเวียนเป็นวงกลม
ตอนที่ 1178 วนเวียนเป็นวงกลม
โชคดีที่สามวันต่อมา รถไฟก็มาถึงเขตอำเภอจิ่ว ซึ่งเป็นเมืองที่ไป๋เซี่ยทำงานอยู่
ทันทีที่ทั้งกลุ่มลงจากรถไฟ ก็มีอาการตัวสั่นเทากันหมด เด็ก ๆ หนาวมากจนหายใจไม่ออกพลางลูบมือกระทืบเท้า
ก่อนมาถึง หลินม่ายและคนอื่น ๆ รู้ว่าเขตอำเภอจิ่วหนาวมาก ดังนั้นพวกเขาจึงสวมกางเกงผ้าขนสัตว์ขายาว เสื้อแจ็คเก็ตขนเป็ดตัวหนา และรองเท้าบูตหนังบุขนสัตว์
แต่ตอนนี้ทุกคนต่างรู้สึกว่ามันไม่เพียงพอ
กลุ่มคนเดินออกยังจุดนัดพบที่ไป๋เซี่ยและจ้าวเชี่ยนหรูมารอรับ
ไป๋เซี่ยอายุ 30 ปี เขาสูงขึ้นมาก และไม่ผอมแห้งเหมือนต้นไผ่อย่างในอดีตแล้ว ตอนนี้เขาดูแข็งแรงสมชายชาตรีมากขึ้น
ใบหน้าของจ้าวเชี่ยนหรูมีร่องรอยแห่งกาลเวลาเช่นกัน แต่ยังคงสวยมาก แม้จะไม่อ่อนเยาว์เหมือนในอดีต
ใครจะคิดว่าหลังจากวนเวียนคลาดกันไปมา ทั้งสองจะได้ลงเอยกันในที่สุด
หลังจากที่จ้าวเชี่ยนหรูทักทายทุกคนอย่างเขินอาย หล่อนก็เห็นกระเป๋าใบใหญ่และใบเล็กในมือของทุกคน จึงพูดขึ้นอย่างน้อยใจ “พวกคุณส่งของมาให้ตั้งมากมายแล้วทำไมถึงยังนำของติดตัวมาเยอะขนาดนี้ล่ะคะ?”
พ่อไป๋พูดอย่างร่าเริง “เธอกับเซี่ยเซี่ยกำลังจะแต่งงานกัน มันเป็นงานมงคล พ่อกลัวว่าของที่ส่งมาจะไม่พอ แต่เธอกลับยังคิดว่ามันมากเกินไป!”
จ้าวเชี่ยนหรูพูดว่าจะช่วยถือของบางอย่างจากมือแม่ไป๋ ขณะที่ไป๋เซี่ยต้องการช่วยถือกระเป๋าใบเล็กและใหญ่จากมือพ่อไป๋
พ่อไป๋หลบเลี่ยง “ไปช่วยถือในมือพี่เขยของลูกเถอะ เขาไม่ค่อยสบาย”
ไป๋เซี่ยจำได้ว่าหยางจิ้นพี่เขยของเขาเคยดื่มยาฆ่าแมลงและได้รับบาดเจ็บที่ไตจนต้องทนทุกข์ทรมานจากภาวะไตวายเฉียบพลัน แม้ว่าเขาจะรอดชีวิตในเวลาต่อมา แต่ก็ยังคงป่วยเป็นโรคไตถึงทุกวันนี้
ขณะที่รับของจากมือของหยางจิ้น เขาถามด้วยความกังวล “พี่เขย ตอนนี้สุขภาพของคุณเป็นยังไงบ้างครับ?”
หยางจิ้นระบายลมหายใจเฮือกใหญ่ “ดีขึ้นมากแล้วล่ะ หลังจากกินยาจีนมาหลายปี อาการก็ไม่เคยกลับมากำเริบอีกเลย”
ไป๋เซี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เยี่ยมเลยครับ”
แม้ว่างานของไป๋เซี่ยจะอยู่ในเขตอำเภอจิ่ว แต่ก็อยู่บริเวณชายขอบของเมือง
หลังจากลงจากรถไฟแล้ว พวกเขายังใช้เวลาขับรถไปอีกหนึ่งถึงสองชั่วโมง
ด้วยเหตุนี้ ไป๋เซี่ยจึงยืมรถบรรทุกขนาดเล็กที่มีผ้าคลุมมาจากหน่วยงานของเขาเป็นกรณีพิเศษ และวางแผนที่จะพาทุกคนกลับบ้าน
ทั้งคู่พาทุกคนไปที่ท้ายรถบรรทุกขนาดเล็กที่ไป๋เซี่ยยืมมา และนำสิ่งของทั้งหมดขึ้นไปไว้บนหลังรถบรรทุก
หลังจากที่ทุกคนเก็บของทุกอย่างแล้ว ไป๋เซี่ยรูดซิปประตูผ้าคลุมและล็อกให้แน่นหนา
เขาปัดมือ “นี่ก็เที่ยงแล้ว ไปกินข้าวกันก่อนเถอะครับ”
ทุกคนต่างก็พูดว่า “กลับไปบ้านพวกเธอก่อนแล้วค่อยทำอาหารกลางวันก็ได้”
แต่ไป๋เซี่ยและจ้าวเชี่ยนหรูยืนกรานที่จะให้ทุกคนลองชิมอาหารท้องถิ่น
ในที่สุดหลินม่ายและทุกคนก็เดินตามไป๋เซี่ยกับจ้าวเชี่ยนหรูเพื่อไปรับประทานอาหารกลางวัน
หลินม่ายเดินดูด้วยความมึนงงและรู้สึกเหมือนหลุดเข้ามาอีกโลกหนึ่ง
ถนนที่นี่ดูเหมือนจะล้าหลังกว่าเมืองเจียงเฉิงมากกว่าสิบปี มันเป็นช่วงปี 1990 แล้ว แต่ถนนยังคงเป็นถนนลูกรัง
เมื่อลมพัดแรง ฝุ่นผงก็ลอยตลบ
ไป๋เซี่ยเลือกร้านอาหารขนาดเล็กที่ไม่ได้มีการตกแต่งอะไรมากนัก
เขายิ้มและพูดกับทุกคนว่า “ถึงสภาพร้านจะไม่ค่อยน่าดู แต่อาหารของที่ร้านอร่อยมากนะครับ”
เถ้าแก่และภรรยาดูเหมือนจะคุ้นเคยกับไป๋เซี่ยเป็นอย่างดี ทันทีที่หลินม่ายและครอบครัวนั่งลง เถ้าแก่ก็เข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้ม เขาเหลือบมองหลินม่ายและทุกคนก่อนถามไป๋เซี่ยว่า “ไป๋กง วันนี้พาครอบครัวมากินอาหารด้วยเหรอ?”
ไป๋เซี่ยตอบกลับ “ใช่ครับ มาเริ่มกันที่สาลี่ตุ๋นร้อนกันดีกว่า พ่อและคนอื่น ๆ มาจากทางใต้ พวกเขาไม่ชินอากาศหนาว”
เถ้าแก่ตอบรับ “ได้เลย!”
หลังจากนั้นไม่นาน เถ้าแก่และภรรยาก็นำสาลี่ตุ๋นร้อนมาให้ทุกคน
หลังจากกินสาลี่ตุ๋นร้อนเสร็จ ทุกคนก็เริ่มสั่งอาหารจานหลัก
ไป๋เซี่ยสั่งบะหมี่เนื้อลาและเนื้อแกะฉีกด้วยมือ โดยบอกว่าร้านอาหารเล็ก ๆ แห่งนี้เตรียมอาหารสองจานนี้ไว้อย่างดีเป็นพิเศษ และเป็นเมนูที่อร่อยที่สุดในบรรดาอาหารทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นบะหมี่เนื้อลาหรือเนื้อแกะ พวกมันล้วนมีรสชาติดี ไม่เพียงผู้ใหญ่อย่างหลินม่ายที่ชื่นชอบ แม้แต่เด็ก ๆ ก็ยังบอกว่าอร่อยมาก
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันแบบเรียบง่าย ทุกคนก็ขึ้นรถบรรทุกขนาดเล็กที่ไป๋เซี่ยยืมมาจากที่ทำงานเพื่อกลับไปยังบ้านของเขา
ท้ายที่สุดแม่ไป๋ก็แก่ตัวลงมากแล้ว และมีปัญหาในการขึ้นรถบรรทุกอยู่บ้าง
หลินม่ายยื่นมือไปให้ จากนั้นไป๋เหยียนและไป๋ลู่ก็ช่วยพยุงหล่อนขึ้นมา ทำให้แม่ไป๋สามารถขึ้นรถบรรทุกได้
แม่ไป๋หันกลับมายิ้มอย่างซาบซึ้งให้หลินม่าย
แม้ว่าการนั่งในรถบรรทุกจะหนาวเย็นอยู่บ้าง แต่ก็ดีกว่าการนั่งกลางสายลม
ทันทีที่ดึงผ้าใบปิด ภายในรถก็มืดมากจนแทบมองไม่เห็นใคร
ทุกคนกำลังพูดคุยกันในความมืด และดวงตาของทุกคนก็เป็นประกาย
หลินม่ายถามจ้าวเชี่ยนหรูด้วยความสงสัยว่าทำไมถึงตกลงแต่งงานกับไป๋เซี่ยตอนนี้
ตอนนี้หล่อนอายุ 30 แล้ว หากแต่งงานก่อนอายุ 30 ปีคงจะมีลูกง่ายกว่าตอนนี้มาก
จ้าวเชี่ยนหรูตอบด้วยความเขินอาย “มันเป็นโชคชะตาที่ไม่คาดคิดมาก่อน”
หล่อนบอกทุกคนว่า โรงเรียนที่ตนเคยสอนอยู่ห่างจากที่ทำงานของไป๋เซี่ยประมาณสี่ถึงห้าชั่วโมง
ไม่ว่าจ้าวเชี่ยนหรูจะไปหาไป๋เซี่ย หรือไป๋เซี่ยมาหาหล่อน มันก็เดินทางไม่สะดวกนัก
หากไป๋เซี่ยไม่ได้สัญญากับคุณยายจ้าวว่าเขาจะดูแลจ้าวเชี่ยนหรู เกรงว่าเขาคงไม่มาเยี่ยมหล่อนเดือนละครั้ง
ไป๋ลู่กระซิบถาม “ทุกครั้งที่พี่ชายของฉันมาเยี่ยมคุณ เขาจะบอกคุณว่ายังไงบ้างคะ?”
จ้าวเชี่ยนหรูโบกมือ “พี่ชายวิศวกรของคุณจะพูดคำหวานอะไรได้ล่ะ ทุกครั้งก็แค่เอาอาหารมาให้ฉันด้วยท่าทางเหมือนไม่เต็มใจ ทุกครั้งที่วางของเสร็จก็จะวิ่งหนีไปราวกับกลัวฉันจับกิน ไม่อย่างนั้นเราคงไม่ได้เจอกันช้าขนาดนี้”
ไป๋ลู่ถามด้วยความสนใจ “แล้วคุณมาอยู่กับพี่ชายของฉันได้ยังไงคะ?”
“มีผู้นำท้องถิ่นคนหนึ่งอยากให้ฉันเป็นลูกสะใภ้หลังจากที่ลูกชายของเขาหย่าร้าง ผู้ชายคนนั้นไม่เพียงน่าเกลียดเท่านั้น แต่เขายังทำตัวเหมือนเป็นคนวิเศษวิโสกว่าคนอื่นด้วย โดยบอกว่าถ้าฉันแต่งงานกับเขา ฉันต้องใช้ความสัมพันธ์ของพ่อแม่ย้ายเขาไปดำรงตำแหน่งราชการในเมืองหลวง ไม่เช่นนั้นเขาจะไล่ฉันออกจากบ้าน ฉันจึงใช้ไม้กวาดไล่ทุบเขาออกไปแล้วบอกเขาว่า อย่าคิดที่จะไปเมืองหลวงเพื่อเป็นข้าราชการ เขาไม่เหมาะที่จะเป็นผ้าขี้ริ้วด้วยซ้ำ! ผู้ชายคนนั้นยืนอยู่หน้าประตูบ้านแล้วพูดว่าฉันแก่มากแล้ว ถ้าฉันไม่แต่งงานกับเขาแล้วใครจะอยากแต่งงานกับฉันอีก เขาบอกให้ฉันเลิกเย่อหยิ่งและอีกมากมาย พ่นสารพัดคำพูดแย่ๆ ใส่ฉัน บังเอิญพี่ชายของคุณนำอาหารมาให้และเห็นเหตุการณ์นี้ เขาโกรธมากจนทุบตีผู้ชายคนนั้น แล้วยังบอกอีกว่าฉันเป็นแฟนของเขา ถ้าชายคนนั้นกล้ารังแกฉันอีก เขาจะทุบตีอีกฝ่ายให้ตาย! จากนั้นเพื่อที่จะแกล้งเป็นแฟนฉัน พี่ชายของคุณแวะมาหาทุกสัปดาห์ ในที่สุดจากการแกล้งเป็นแฟนก็กลายเป็นแฟนฉันจริง ๆ”
หลังจากที่จ้าวเชี่ยนหรูพูดจบ หล่อนก็ก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย
หลินม่ายถาม “คุณสอนมาหลายปีแล้วไม่ใช่เหรอ เมื่อไหร่จะย้ายกลับเมืองหลวงล่ะ?”
จ้าวเชี่ยนหรูส่ายหัว “ฉันไม่มีแผนที่จะกลับเมืองหลวง การศึกษาที่นี่แย่มาก ฉันเลยอยากจะสอนที่นี่ต่อ ฉันเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนแล้วด้วย!”
หนึ่งชั่วโมงครึ่งต่อมา ไป๋เซี่ยขับรถบรรทุกมาถึงบริเวณบ้านพักของสถาบันสำรวจทางธรณีวิทยา
หลินม่ายและทุกคนที่นั่งอยู่ด้านหลังรถบรรทุกค่อย ๆ ลงมาทีละคน พวกเขาสะบัดแขนขาที่ชาและแข็งจากการนั่งเป็นเวลานานขณะมองไปรอบ ๆ
แม้ว่าด้านนอกพื้นที่อยู่อาศัยจะรกร้างเป็นพิเศษ และแทบบอกไม่ได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของเมือง แต่พื้นที่อยู่อาศัยเป็นเหมือนอีกโลกหนึ่ง มีหอพักตั้งเรียงรายอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ทั้งยังมีร้านค้าขนาดเล็กและแผงลอยขายของ ซึ่งดูเหมือนเมืองมากกว่าชนบท
คนกลุ่มหนึ่งถือกระเป๋าใบใหญ่และใบเล็กติดตามไป๋เซี่ยกับจ้าวเชี่ยนหรูไปเยี่ยมชมบ้านหลังใหม่ของพวกเขา
ทันทีที่ทุกคนเข้ามาในห้อง คลื่นความร้อนก็พุ่งเข้าปะทะใบหน้า ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกสบาย ใบหน้าที่เย็นเยือกก่อนหน้าเริ่มอบอุ่นขึ้นมา
หลังจากเข้าไปด้านใน ทุกคนก็ถอดเสื้อคลุมตัวหนาและเยี่ยมชมบ้าน
………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เป็นแฟนกันจริงๆ จากการเป็นแฟนกันหลอกๆ นี่เอง ยังไงก็ยินดีกับไป๋เซี่ยด้วยนะคะ
ไหหม่า(海馬)