แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 1176 ระงับการก่อสร้าง
ตอนที่ 1176 ระงับการก่อสร้าง
……….
ตอนที่ 1176 ระงับการก่อสร้าง
ชิวกั๋วจื้อเพิ่งจะกลับมาจากการใช้ห้องน้ำแบบเปิดโล่งในป่าที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นจึงเห็นชายกลุ่มหนึ่งกำลังล้อมรอบหลินม่าย
คนพวกนั้นมีท่าทางไม่เป็นมิตร เขากลัวว่าหลินม่ายจะถูกทำร้าย จึงส่งเสียงคำรามอื้ออึงออกมาโดยไม่คิดอะไรพร้อมหยิบไม้ขึ้นจากพื้นและวิ่งออกไปทางชายกลุ่มนั้น
เมื่อไปถึง เขาถูกชายคนหนึ่งตีที่ศีรษะอย่างแรง
ศีรษะของชิวกั๋วจื้อไม่เป็นอะไร แต่จู่ ๆ เลือดกำเดาสีแดงสดก็ไหลออกจากรูจมูกทั้งสองของเขา
เมื่อคนงานต่างถิ่นที่นำมาจากเมืองเจียงเฉินเห็นว่าหัวหน้าของตนถูกทำร้าย พวกเขาทั้งหมดจึงรีบวิ่งไปพร้อมกับเครื่องมือการทำงานของตน ทุกคนต่างเห็นว่าการต่อสู้แบบกลุ่มกำลังจะปะทุขึ้น
โชคดีที่หัวหน้าหมู่บ้านของหลายหมู่บ้านมาถึงทันเวลา และขัดขวางไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายลง
หลังจากหัวหน้าหมู่บ้านหลายคนซักถาม ในที่สุดชิวกั๋วจื้อและหลินม่ายก็เข้าใจจุดประสงค์ของกลุ่มชายฉกรรจ์ที่เข้ามาพร้อมไม้ในมือ
ปรากฏว่า ภายในเวลาเพียงเดือนเดียวนับตั้งแต่เริ่มการก่อสร้างโรงงานน้ำแร่เจียงเล่อไป่หยวน สัตว์ปีกและสุกรจำนวนมากในบริเวณใกล้เคียงเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ
ในพื้นที่ภูเขาที่ยากจนแห่งนี้ หมู ไก่ และเป็ดเป็นทรัพย์สินหลักของชาวบ้าน
โดยเฉพาะหมูที่เลี้ยงตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นปี และเงินที่ขายได้คือค่าใช้จ่ายประจำปีของครอบครัว
ตอนนี้พวกมันเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ แล้วผู้คนจะไม่ขุ่นเคืองได้อย่างไร?
หากไก่ เป็ด หรือหมูตายเพียงครอบครัวเดียว คนนอกจะแสดงความเห็นใจเท่านั้น แล้วก็ปล่อยผ่านไป
แต่ในพื้นที่นี้ บ้านเรือนจำนวนมากสูญเสียสัตว์ปีกหรือปศุสัตว์ ซึ่งทำให้ผู้คนตื่นตระหนก
ว่ากันว่าพวกมันโดนวางยาพิษ อย่างไรก็ตามแม้จะกินหมูและไก่ที่ตายแล้วไป แต่ก็ไม่มีใครรู้สึกไม่สบาย
บ้างก็ว่าเป็นโรคระบาด แต่ครัวเรือนที่มีสัตว์ปีกและปศุสัตว์ตายนำซากของมันไปให้สัตวแพทย์ตรวจดู ก่อนพบว่ามันไม่ใช่โรคระบาด
คนในท้องถิ่นมีระดับวัฒนธรรมล้าหลัง มีคนไม่มากที่สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษา และส่วนใหญ่เชื่อโชคลางมาก
เนื่องจากไม่ใช่ยาพิษหรือโรคระบาด หลายคนจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะนึกถึงผีและเทพเจ้า และสงสัยว่าตนได้ล่วงละเมิดผีหรือเทพเจ้าองค์ใดบ้าง
เมื่อนึกถึงผีที่ปรากฏเป็นระยะ ๆ ในหลายหมู่บ้านในช่วงนี้ ชาวบ้านก็ตื่นตระหนก
บางคนกล้าเชิญพ่อมดมาทำนายและสอบถามเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
หลังจากการทำนาย พ่อมดบอกว่าเป็นเพราะสถานที่ก่อสร้างของหลินม่าย และในวันที่พื้นดินถูกขุด หลุมศพของหญิงชราในยุคราชวงศ์ชิงก็ได้รับความเสียหายโดยไม่ได้ตั้งใจ
หญิงชราในยุคราชวงศ์ชิงโกรธมาก หล่อนจึงแก้แค้นชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง
พ่อมดพูดอย่างน่าตกใจว่า ตอนนี้วิญญาณหญิงชราในยุคราชวงศ์ชิงเพียงจัดการสัตว์ปีกและปศุสัตว์ของชาวบ้านบางคนตาย แต่หลังจากนั้นไม่นานหล่อนจะมาฆ่าผู้คนในหมู่บ้าน โดยเฉพาะเด็ก ๆ
มีทางเดียวเท่านั้นที่จะถอนคำสาปได้ นั่นคือการย้ายสถานที่ก่อสร้างของหลินม่ายออกไป
แม้ว่าทุกคนจะตื่นตระหนกหลังจากได้ยินคำพูดของพ่อมด แต่พวกเขาก็ไม่เชื่อในทันที
จนกระทั่งเมื่อวันก่อน จู่ ๆ เด็กคนหนึ่งที่สบายดีก็ล้มป่วยสาหัส จนชาวบ้านเชื่อคำพูดของพ่อมด
คนเหล่านี้จึงรวมตัวกันและต้องการให้หลินม่ายย้ายสถานที่สร้างโรงงาน ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะใช้กำลังขัดขวางการก่อสร้างโรงงาน
ผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งพูดกับหลินม่ายด้วยคิ้วขมวดมุ่น “กรุณาหาที่อื่นเพื่อสร้างโรงงานเถอะครับ ไม่เช่นนั้นผมเกรงว่าคนอื่นจะถูกสาปโดยวิญญาณที่ขุ่นเคืองตนนั้น”
หลินม่ายถามอย่างจริงจัง “เด็กคนนั้นอยู่ไหนคะ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลหรือที่บ้าน?”
หลินม่ายกล่าว “ฉันต้องการส่งเด็กไปตรวจที่โรงพยาบาลประจำเขตก่อน แล้วค่อยคุยกันเรื่องอื่น ๆ หลังจากที่เด็กหายดีแล้ว”
หัวหน้าหมู่บ้านทั้งหมดพยักหน้าเห็นด้วย
หลินม่ายรีบพาเด็กและพ่อแม่ของเขาขึ้นรถของเธอ แล้วตรงไปที่โรงพยาบาลประจำเขต
เมื่อถึงโรงพยาบาล แพทย์ได้เอกซเรย์สมองเด็ก พบว่ามีเลือดคั่งจำนวนมากที่ศีรษะของเด็ก
แพทย์ถามพ่อแม่ของเด็กว่า เขาเคยตกจากที่สูงในช่วงสองวันที่ผ่านมาหรือไม่
แม่ของเด็กกล่าวว่า “เมื่อวานซืน เด็กคนนั้นตกลงมาจากห้องใต้หลังคาพร้อมกับเมล็ดพืชโดยไม่ได้ตั้งใจขณะช่วยฉันหยิบข้าวโพดป่น ตอนนั้นลูกก็ลุกขึ้นและออกไปเล่นเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ”
แพทย์ให้ความรู้แก่สามีภรรยาคู่นี้ เมื่อเด็กตกจากที่สูง แม้ว่าตอนนี้จะดูสบายดี แต่ก็อาจมีเลือดออกในสมอง ทำให้มีอาการโคม่าในภายหลัง
หากถูกส่งมาที่นี่ช้าเกินไป เกรงว่าเด็กคนนี้อาจไม่รอดแล้ว
แต่ถึงแม้จะส่งเขามาที่นี่ตอนนี้ เด็กคนนี้ก็อาจจะไม่รอดเช่นกัน
พ่อแม่ของเด็กถามอย่างประหม่า “ทำไมล่ะ?”
แพทย์กล่าวอย่างตรงไปตรงมา “อาการบาดเจ็บของเด็กสาหัสเกินไป และลิ่มเลือดก็ใหญ่มาก โรงพยาบาลของเราไม่สามารถทำการผ่าตัดที่ยากและสำคัญเช่นนี้ได้ แพทย์แนะให้ส่งเด็กไปโรงพยาบาลในเมืองโดยเร็วที่สุด เรายังมีความหวังที่เด็กจะฟื้นตัวได้”
หลินม่ายโทรหาฟางจั๋วหรานทันที และขอให้เขารอเธอที่โรงพยาบาลในเมืองเอินซือ เธอกำลังจะพาเด็กที่ต้องผ่าตัดสมองไป
หลินม่ายพาเด็กและพ่อแม่ไปโรงพยาบาลในเมือง แต่ฟางจั๋วหรานยังคงมาไม่ถึง
หลังจากรออยู่หลายชั่วโมง ในที่สุดฟางจั๋วหรานก็มาถึง
ฟางจั๋วหรานก้าวเข้ามา และแม้จะช่วยเหลือเด็กไว้ได้ แต่ก็ไม่สามารถระงับข่าวลือในท้องถิ่น
ชาวบ้านต่างก็บอกว่าเด็กถูกผลักลงมาจากห้องใต้หลังคา และพวกเขาก็เร่งเร้าให้หลินม่ายย้ายสถานที่ก่อสร้างโดยเร็ว
หลินม่ายไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องระงับการก่อสร้าง และโทรแจ้งตำรวจด้วย
ตำรวจจับกุมพ่อมดทันที และถามเขาว่าทำไมต้องถึงสร้างข่าวลือเกี่ยวกับหลินม่าย
ในตอนแรก พ่อมดปฏิเสธที่จะยอมรับว่าเขากำลังแพร่ข่าวลือ โดยยืนยันว่าคำทำนายของเขาออกมาเป็นแบบนั้น
แต่เมื่อตำรวจบอกว่าจะจับเขาจำคุกฐานเผยแพร่ความเชื่อในผีสางเทวดาของพวกศักดินา เขาจึงสารภาพทันที โดยบอกว่าถูกคนอื่นยุยงให้พูดอย่างนั้น
ตำรวจถามเขาว่าใครยุยงให้เขาพูดแบบนั้น
พ่อมดบอกว่า ชายลึกลับให้เงินก้อนใหญ่แก่เขาและขอให้เขาพูดอย่างนั้น เขาไม่รู้จักชายลึกลับคนดังกล่าว
ตำรวจถามอีกครั้งว่าชายลึกลับคนนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร แต่พ่อมดก็ไม่สามารถตอบได้
ชายลึกลับเข้ามาหาเขาโดยปิดบังใบหน้า เหลือเพียงดวงตาคู่หนึ่งที่อยู่ข้างนอก
ชายลึกลับอธิบายในขณะนั้นว่า เขาเป็นโรคผิวหนังและไม่สามารถถูกลมได้ จึงจำเป็นต้องปิดหน้า
ขณะที่ตำรวจกำลังหมดหนทาง พ่อมดก็ให้เบาะแสบางอย่างทันที
ชายลึกลับมีนิ้วก้อยหายไปครึ่งหนึ่ง และมีรอยแผลเป็นเก่าบนแขนของเขาจากการถูกสัตว์ป่าข่วนหรือกัด
หลินม่ายถูกพ่อมดสร้างข่าวลือเสียหาย แม้จะเป็นคดีเล็ก ๆ แต่รองผู้ว่าการต้วนก็กังวลกับเรื่องนี้มาก
เมื่อเขาได้รู้เกี่ยวกับลักษณะของชายลึกลับ เขาก็นึกถึงถู่เจียเสียง ซึ่งเป็นคนที่พี่เขยของเขาเสนอชื่อและพยายามสกัดกั้นโรงงานน้ำแร่เจียงเล่อไป่หยวนหลินม่ายเมื่อครั้งที่แล้ว
เพื่อรักษาสิทธิในการพัฒนาของน้ำพุเซียนหนิ่ว เมื่อไม่นานที่ผ่านมาถู่เจียเสียงยังได้ออกไปรับประทานอาหารเย็นกับเขาผ่านคำเชิญพี่เขยของอีกฝ่ายซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้บริหารเพื่อสร้างความสัมพันธ์
ที่โต๊ะอาหารเย็น ขณะที่ถู่เจียเสียงเทเหล้าอู่เหลียงเย่ให้เขา เขาสังเกตเห็นว่านิ้วก้อยของถู่เจียเสียงหายไปครึ่งหนึ่ง และมีรอยแผลเป็นบนแขนของเขาจากรอยขีดข่วนของสัตว์ป่า
แม้ว่าจะเป็นปี 1995 แล้ว แต่หลายครัวเรือนในเมืองใหญ่ก็เริ่มใช้โทรศัพท์บ้าน และมีคนจำนวนไม่น้อยที่หันมาใช้เพจเจอร์
อย่างไรก็ตามเขตปกครองตนเองเอินซืออยู่นอกเหนือจากเขตเมือง แม้แต่พื้นที่ชนบทที่ห่างไกลเล็กน้อยก็ยังขาดไฟฟ้า ไม่ต้องพูดถึงโทรศัพท์มือถือหรือโทรศัพท์บ้าน การรับรู้ข้อมูลต่าง ๆ จึงค่อนข้างจำกัด
พ่อมดถูกตำรวจพาตัวไป ดังนั้นเรื่องใหญ่เช่นนี้ไปไม่ถึงถู่เจียเสียง
แม้ว่าเหตุผลหลักก็คือครอบครัวของพ่อมดไม่ทราบเกี่ยวกับตัวตนของถู่เจียเสียง แต่อีกเหตุผลหนึ่งก็คือไม่มีโทรศัพท์และไม่มีวิธีแจ้งเตือน
เมื่อตำรวจขับรถตำรวจเพื่อจับกุมถู่เจียเสียง ถู่เจียเสียงกำลังกินไก่ย่างที่บ้านอย่างสบายใจ
ด้วยความโกรธแค้นของชาวบ้านจะทำให้หลินม่ายจำใจต้องถอยออกจากสถานการณ์และถูกบังคับให้ละทิ้งโครงการน้ำแร่ที่มีอยู่ จากนั้นพี่เขยของเขาจะเข้ามารับช่วงต่อโครงการในราคาที่ต่ำกว่า
แต่เขาฝันหวานได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น เมื่อเห็นตำรวจ 2 นายบุกเข้ามา เขาตื่นตกใจจนลุกขึ้นยืนและแข็งค้างไป
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ฝีมือคนล้วน ๆ ไม่ใช่ผีสางเทวดาที่ไหนหรอก คนด้วยกันนี่แหละที่ทำอะไรได้น่ากลัวกว่าผี
ไหหม่า(海馬)
……….