แต่งงานกับขุนนางกอบลินที่ลือกันว่าน่าเกลียด แต่เธอกลับน่าเอ็นดูสุดๆ ~ความพยายามของนายน้อยเพื่อเอาชนะใจคุณหนูกอบลิน - ตอนที่ 1 ความพยายามของนายน้อยเพื่อเอาชนะใจคุณหนูกอบลิน อรัมภบท
- Home
- แต่งงานกับขุนนางกอบลินที่ลือกันว่าน่าเกลียด แต่เธอกลับน่าเอ็นดูสุดๆ ~ความพยายามของนายน้อยเพื่อเอาชนะใจคุณหนูกอบลิน
- ตอนที่ 1 ความพยายามของนายน้อยเพื่อเอาชนะใจคุณหนูกอบลิน อรัมภบท
“การหมั้นหมายของแกได้เลือกเอาไว้แล้ว”
ท่านพ่อเรียกผมมาเพื่อแจ้งข่าวนี้
“เอิ่ม ไม่ใช่ว่ามันต่างจากที่เราตกลงกันไว้เหรอครับ? ผมเป็นแค่บุตรคนที่สี่ อีกไม่นานก็จะต้องกลายเป็นสามัญชนแล้ว เพราะงั้นอย่างน้อยๆจะให้ผมเลือกคู่ครองเองไม่ได้เลยเหรอครับ?”
มันฉุกละหุกเกินไป แล้วก็ฟังดูเหมือนมันจะถูกกำหนดไว้เป็นที่แน่นอนอยู่แล้ว มันก็ต้องแหงอยู่แล้วที่ผมจะทักท้วง
“หืม แน่นอนว่านั่นก็เคยเป็นแผนล่ะนะ แต่ข้าตอ้งขอโทษด้วย มันต้องมีการเปลี่ยนแผนวันนี้นิดหน่อย”
“หา แล้วไหงมันกลายเป็นอย่างนั้นไปได้ล่ะ”
ผมหงุดหงิดหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับการตัดสินใจตามอำเภอใจ จนผมไม่สามารถที่จะซ่อนมันกับน้ำเสียงในตอนที่ถามท่านพ่อออกไปอีกครั้งได้
“จดหมายการพิจารณาหมั้นหมายพึ่งถูกส่งมาในวันนี้ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมแผนถึงเปลี่ยนกระทันหัน คู่ของเจ้าคือคุณหนูอนาสตาเซีย เซเว่นส์เวิร์ธ ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนและเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของท่านดยุคเซเว่นส์เวิร์ธ”
“ดยุคเซเว่นส์เวิร์ธงั้นเหรอ!!?”
ผมเกิดสับสนขึ้นมาเมื่อท่านพ่อเอ่ยชื่อของบุคคลที่โด่งดั่งเหมือนท่านทิ้งระเบิด ไม่มีใครในประเทศนี้สักคนเดียวที่จะไม่รู้จักชื่อของตระกูลขุนนางนั้น
“ใช่แล้วล่ะ จดหมายถูกเขียนส่งมาจากตระกูลที่ใหญ่เสียขนาดนั้น พวกเราเป็นเพียงแค่ไวส์เคานต์ เพราะงั้นไม่มีทางที่พวกเราจะบอกปฏิเสธเรื่องนี้ได้อยู่แล้ว มัน ได้ถูก กำหนดมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วล่ะนะ”
ดูเหมือนว่าผมจะต้องแต่งเข้าบ้านดยุคเซเว่นส์เวิร์ธ
“อีกเรื่องหนึ่ง ได้มีการตัดสินใจเอาไว้แล้วว่าดยุคและดัชเชสเซเว่นส์เวิร์ธ จะแวะมาเยี่ยมพวกเรากับบุตรสาวของพวกเขาในเดือนหน้า”
“อะไรนะะะ!? ไม่สิ ไม่ นั่นมันจะไม่น่าอึดอัดเกินไปหน่อยเหรอครับ? พวกเขาสูงศักดิ์กว่าพวกเราตั้งเท่าไหร่ พวกเราควรที่จะเป็นฝ่ายไปหาพวกเขาสิครับ”
“ตัวดยุคเป็นคนต้องการแบบนั้นเอง เอาเถอะ เจ้าแค่ต้องแสดงความจริงใจก็พอ เข้าใจนะ? เจ้าเองก็เข้าใจสถานการณ์ของพวกเราดีไม่ใช่หรือ? พวกเราไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธหรอก แต่พวกเขาก็ยังอุตส่าห์เดินทางมาหาพวกเรา มันจะเป็นการไม่สมเหตุสมผลหรือเปล่าถ้าหากว่าเจ้าจะไม่เตรียมอะไรให้เธอนำกลับที่บ้านน่ะ เข้าใจใช่ไหม? สำหรับคุณหนูแล้ว คำตอบอย่างอื่นนอกจาก “ครับ” ถือเป็นสิ่งที่ให้อภัยไม่ได้ เข้าใจแล้วนะ?”
ท่านพ่อย้ำคำพูดอีกครั้ง
“ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงครับ ผมพอจะทราบเรื่องแบบนั้นอยู่ล่ะน่า ถึงแม้ว่าผมจะเป็นอย่างนี้ก็เถอะ ถ้าหากว่าผมตอบว่า “ไม่” พวกเราก็คงจะไม่มีที่อยู่ในประเทศนี้แล้วใช่ไหมล่ะ”
อันที่จริง ดยุคค่อนข้างขึ้นชื่อเรื่องอำนาจที่มหาศาล
ไม่มีทางที่พวกเราจะขัดขืนเขาได้เลย
“ถ้าหากว่าเจ้ามีปัญหาเรื่องผู้หญิง ก็ให้ทำอะไรสักอย่างก่อนที่จะเกิดเรื่อง เข้าใจนะ? จะใช้เงินเท่าไหร่ก็ได้ที่เจ้าต้องการ”
“ครับ ถ้าเป็นเรื่องผู้หญิงผมไม่ค่อยยุ่งอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นนักก็ได้ครับ”
ผมตอบกลับเรื่องกังวลที่ไร้สาระของท่านพ่อ
ตระกูลของผมรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้รู้ว่าพวกเรากำลังจะได้เป็นญาติกับขุนนางตระกูลเช่นนั้น
มีเพียงท่านแม่ของผมที่ยังคงตื่นตระหนกอยู่ ในเมื่อเธอต้องเป็นคนรับหน้าที่คอยรับแขกผู้มาเยือนทั้งหลาย
จะว่าไป ผมเองก็ได้ยอมรับความจริงที่ว่าทั้งชีวิตผมกำลังจะเปลี่ยนไปด้วย แล้วผมก็ค่อนข้างที่จะคาดหวังเรื่องนั้นด้วย
ที่เป็นแบบนั้น ให้ผมได้เล่าให้ฟังแบบตรงๆแล้วกัน ⎯ ผมมีความทรงจำของชาติก่อนหน้านี้
ผมได้ทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง ตั้งแต่ตอนที่ผมถูกจ้างจนเกษียณออกมา
การที่เป็นพนักงานเงินเดือนระยะยาวนั้นมีสิทธิพิเศษ ⎯ คุณจะได้เรียนรู้ถึงการกล้ำกลืนความต้องการที่ไม่สมเหตุสมผลต่างๆนาๆโดยที่ไม่สามารถจะโต้แย้งได้ และคุณก็จะถูกลากไปยุ่งเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ไร้ซึ่งเหตุผลต่างๆจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน
จิตวิญญาณวัยรุ่นอันเร่าร้อนก็ได้ถูกพังไม่เหลือชิ้นดีจนกระทั่งมันหายไปกับวันเวลาของการเกษียณ
ผมไม่ได้เป็นพวกที่มีนิสัยชอบต่อต้านกับพวกผู้มีอำนาจด้วย
มันจะสบายกว่ากันเยอะที่จะยอมรับสถานะของตัวเองและพยายามในสถานการณ์ที่เราไปติดพันให้ดีที่สุด ⎯ ผมรู้เรื่องนั้นเป็นอย่างดีเลยล่ะ
◆◆◆◆◆
ผมชื่อ จิโนเรียส อดอร์นี
บุตรชายคนที่สี่แห่งตระกูลไวส์เคานต์อดอร์นิ ที่ยากจนข้นแค้นนิดหน่อย
พวกเราเป็นส่วนหนึ่งของเหล่าขุนนาง แต่ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่บุตรชายคนที่สี่จะต้องกลายเป็นสามัญชนในอนาคตอันใกล้นี้
ถ้าหากว่าขุนนางคนนั้นมั่งคั่งมากพอ เหล่าลูกๆก็จะสามารถอยู่ในคฤหาสห์เพื่อช่วยเหลือพี่ชายคนโตของพวกเขาต่อไปได้เมื่อถึงยามที่ต้องสืบทอดทรัพย์สมบัติและตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม พวกเราไม่ได้มีเงินทองมากมายขนาดที่จะกระทำการเช่นนั้นได้
อย่าว่าแต่บุตรชายคนที่สี่เลย แม้แต่พี่ชายคนโตก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาจะได้รับการสืบทอดทรัพย์สมบัติหรือไม่
เพราะอย่างนั้นเราถึงได้ต้องออกจากตระกูล ไปยืนด้วยลำแข้งของตัวเราเอง
ตามปกติแล้ว เหล่าบุตรชายของขุนนางจะจงเกลียดจงชังการถดถอยในสถานะของพวกเขา เพราะงั้นพวกเขาจะพยายามให้ถึงที่สุดเพื่อเป็นอัศวินในส่วนหนึ่งของภาคีอัศวิน เฝ้าอธิษฐานภาวนาให้ตนเองได้รับยศอัศวินในท้ายที่สุด
จะอย่างไรก็ดี ผมก็ไม่ได้เลี่ยงที่จะกลายเป็นสามัญชนเลยสักนิดเดียว
เพราะอย่างนั้น ขอพูดอีกครั้ง ทั้งหมดนั่นเป็นเพราะความทรงจำของผมในโลกก่อน เมื่อตอนที่ผมยังทำงานในฐานะคนๆหนึ่งที่ไม่มีตำแหน่งอะไรในบริษัท
ผมจะใช้ชีวิตในฐานะนักธุรกิจเพราะความรู้เหล่านี้ที่สั่งสมมา เพราะงั้นผมเลยต้องการที่จะกลายเป็นขุนนางที่ถูกถอดยศออกจริงๆ
เพื่อที่จะเตรียมการสำหรับในวันนั้น ผมจึงได้ยืมเงินทุนนิดหน่อยมาจากท่านพ่อท่านแม่และเริ่มทำการค้าขายตั้งแต่อายุสิบขวบ
เงินทุนเริ่มแรกของเรามันห่างไกลจากคำว่าก้อนโต แต่ก็ต้องขอขอบคุณในความทรงจำก่อนหน้านี้ของเรา ⎯ ซึ่งจะคิดเสียว่าเป็นสกิลโกงก็คงได้ล่ะมั้ง ⎯ ธุรกิจเปิดใหม่ของเราเลยโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดตลอดหกปีมานี้
ท่านพ่อถึงกับรับรู้ในความสามารถของเราเมื่อตอนที่ธุรกิจของเราเติบโตอย่างรวดเร็ว และเขาถึงขนาดว่าจะพิจารณาให้เราได้ไปเป็นคนจัดการสิ่งต่างๆในอาณาเขตของตระกูล
เขานำวิธีการแบบใหม่ๆที่เราเสนอไปปรับใช้ เพราะอย่างนั้นอาณาเขตของพวกเรา ซึ่งเคยเกือบจะล่อสลาย ได้ฟื้นกลับคืนมา
โลกใบนี้มันล้าหลังในแง่ของการพัฒนาไปโขเมื่อเปรียบเทียบกับโลกใบก่อนหน้านี้ของเรา เพราะงั้นแม้ข้อมูลที่เราได้รวบรวมมาจากการอ่านข่าวเมื่อตอนที่เราเป็นพนักงาน ก็กลายเป็นการค้นพบสิ่งใหม่ๆสำหรับพวกเขาไปแล้ว
การค้าขายของเราประสบความสำเร็จ และที่ดินที่ได้รับมอบหมายให้จัดการดูแลก็เป็นไปได้ด้วยดีเช่นกัน เราจึงโด่งดังมีชื่อเสียง
เพราะแบบนั้น ผมเลยไปเตะตาตระกูลของดยุคเซเว่นสเวิร์ธเข้า
พวกเขามีลูกสาวเพียงคนเดียว เพราะงั้นพวกเขาเลยอาจจะกำลังมองหาลูกเขยที่จะมาแต่งเข้าตระกูลของพวกเขา
ผมเองก็อายุเท่ากันกับคุณหนูด้วย แล้วก็อย่าหาว่าผมโม้เลย แต่ผมเองก็หน้าตาดีพอตัว
ที่ยิ่งไปกว่านั้น ผมมีความสามารถที่มากพอที่จะทำให้ผมโด่งดัง เพราะงั้นผมเลยเดาว่านั่นเป็นสาเหตุที่พวกเขาตั้งเป้ามาที่ผม
ตระกูลเซเว่นสเวิร์ธเป็นหนึ่งในตระกูลเสาหลักของเหล่าขุนนาง และเป็นหัวหน้าท่ามกลางเหล่าดยุค เขาถูกพูดถึงกันว่าเป็นตระกูลลำดับที่สองของเหล่าราชวงศ์เมื่อพูดถึงเรื่องอำนาจในมือ
ภายใต้สถานการณ์ปกติ พวกเขาจะไม่มีทางมองมาที่บุตรชายคนที่สี่ของไวส์เคานต์ที่ยากจน ซึ่งเมื่อเปรียบแล้วเป็นได้แค่เศษเสี้ยวของความยิ่งใหญ่ของพวกเขา ไม่ว่าเจ้าหนุ่มคนนั้นจะเก่งกาจแค่ไหนก็ตาม
แต่ไม่ว่าจะยังไง ตระกูลนั้นก็ได้พยายามอย่างยากลำบากในการตามหาตัวเจ้าบ่าว
ส่วนเหตุผลนั้น ⎯ เป็นเพราะว่าคุณหนูของดยุคเป็นผู้หญิงที่หน้าตาอัปลักษณ์ และนางยังถูกทุกคนเรียกว่า “คุณหนูกอบลิน” อีกด้วย
◆◆◆◆◆
“นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้เจอกันสินะคะ ฉันมีชื่อว่า อนาสตาเซีย เป็นบุตรสาวแห่งตระกูลเซเว่นสเวิร์ธค่ะ”
เด็กสาวที่มีผมสีเงินงดงามได้กล่าวทักทายด้วยกิริยาท่าทางท่วงท่าที่มีมารยาทอย่างสมบูรณ์แบบเบื้องหน้าผม
คนๆนี้คือคู่หมั้นของผม
ชุดเดรสคอเต่าที่เธอสวมถือเป็นเสื้อผ้าที่หรูหรา เห็นได้ชัดตั้งแต่แวบแรกที่มอง
มีสีของดอกไลแลคเป็นสีพื้น และกระโปรงทรงเอที่ประดับประดาด้วยหมู่ดอกไม้อยู่ส่วนหนึ่งตรงกลาง เธอนุ่งกระโปรงอีกหนึ่งตัวที่สร้างขึ้นมาอย่างดีเหมือนชั้นของหิมะทีทับซ้อนกัน ⎯ ลายลูกไม้สีขาวข้างใต้ บริเวณอกและตะเข็บของชุดเดรสก็เรียงรายไปด้วยอัญมณี และเครื่องเพชรบริเวณตะเข็บดูเหมือนกับดวงดาวทั้งหลายบนท้องฟ้ายามค่ำคืน
กระโปรงลายลูกไม้ก็ถูกทอขึ้นมาอย่างประณีต และวิเศษมากจริงๆ
มีความสงบเสงี่ยมแสดงออกมาให้เห็น และยังคุณจะยังสามารถเห็นถึงฝีมืออันสุดยอดที่ใช้ในการรังสรรค์เสื้อผ้าเหล่านี้ออกมา
เหล่าเครื่องประดับของเธอก็เข้ากับสีของชุดเดรส และเราก็ยังมองออกได้ว่าเธอเลือกพวกมันมาอย่างพอดิบพอดี
อย่างไรก็ตาม มันถือว่า “พอดิบพอดี” สำหรับขุนนางที่มียศฐาสูงส่งเช่นเธอ
นิลกาฬ(แซฟไฟร์) บนสร้อยไข่มุกยิลกาฬของเธอก็เม็ดโตราวกับไข่ไก่ และมันยังเป็นนิลกาฬเม็ดที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เราเคยได้เห็นมา
มันอาจจะเป็นหนึ่งในเพชชนิลจินดาที่เอาไว้เฉลิมฉลองที่ตั้งชื่อตามพวกดวงดาวหรือกลุ่มดาวหรืออะไรทำนองนั้น และถึงพวกเราจะขายคฤหาสน์นี้และทรัพย์สมบัติต่างๆของตระกูลอดอร์นิทิ้ง ก็คงยังไม่พอที่จะซื้ออัญมณีที่ประดับอยู่บนสร้อยของเธอนั้นได้แม้แต่เม็ดเดียว
คุณหนูอนาสตาเซียไม่ใช่คนเดียวที่เป็นอย่างนี้
แม้แต่กับดยุคและดัชเชสก็เช่นเดียวกัน
พวกเขาอาจจะคิดเผื่อเพื่อที่พวกเราจะได้ไม่รู้สึกถูกคุกคาม หรือไม่ก็พวกเขาเป็นคนที่ถ่อมตนมากพอที่จะยอมแต่งตัวดูเรียบๆมาด้วยกัน
ถึงอย่างนั้น เราก็ยังเป็นนักธุรกิจ
เพียงมองแค่ปราดเดียว ก็บอกได้แล้วว่าชุด “เรียบๆ” พวกนั้นมันแพงเป็บบ้าเป็นหลังขนาดไหน
ผมยิ่งรู้สึกได้ชัดเจนถึงระดับของความแตกต่างระหว่างตระกูลของดยุคและสถานะของพวกเราในฐานะไวส์เคานต์
พวกเขาเรียกเธอว่า “คุณหนูกอบลิน” แต่ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นโรคร้ายอะไรสักอย่างมากกว่า
เธอมีรอยบวมขนาดใหญ่เท่าลูกปิงปองบริเวณข้างคอที่เผยออกมา เลยทำให้เหมือนกับว่าหน้าและคอของเธอไม่ได้มีช่องว่างอยู่เลย
เธอยังมีรอบบวมอยู่บนเปลือกตา และใบหน้าเธอที่อัปลักษณ์นั้นดูเหมือนกับว่าถูกต่อยเข้าที่หน้าโดยใครบางคน
ตรงสันจมูกของเธอก็เต็มไปด้วยรอยช้ำ ผมเดาไม่ออกเลยว่าจมูกของเธอเดิมทีแล้วมีลักษณะยังไง
ดวงตาของเธอเป็นสีเขียวสงบเหมือนกับดัชเชส
ทั้งดยุคและดัชเชสต่างเป็นคนที่หน้าตาดี เพราะงั้นหากเธอไม่มีรอยช้ำเหล่านั้น เธออาจจะงดงามเหมือนพวกเขาก็ได้
เหมือนกับชื่อเล่นที่เธอถูกกล่าวถึง ผิวของเธอมีสีขาวและมีลายสีเขียว
สีขาวที่ไม่สมบูรณ์นั้นดูแปลกมากจริงๆ ถึงขั้นที่ว่าสีเขียวนั้นยังดูดีเสียกว่า
เราไม่ได้สนใจรูปลักษณ์ของเธอเลยสักนิด
เหตุผลนั้นช่างเรียบง่าย
เพราะผมเคยเป็นคนที่หน้าตาห่วยสุดๆในชาติก่อนไงล่ะ
ไม่มีสาวที่ไหนที่อยากจะมาเป็นคู่เต้นรำตอนที่อยู่ในโรงเรียน
เมื่อไหร่ก็ตามที่มีสาวทำของตกแล้วเราก้มไปเก็บมาให้ เธอก็จะร้องห่มร้องไห้ราวกับถูกดุ และเธอก็จะขว้างของอะไรก็ตามนั่นทิ้งลงถังขยะ
“ฉันได้ยินมาว่านายมีสุดยอดคนหน้าตาห่วยแตกเรียนอยู่ในโรงเรียนด้วยนี่”
“ช่าย ช่าย ก็มีนั่นแหละ ดูสิ นั่นไงมาแล้ว”
ผมเองก็ได้ยินคนเขาพูดถึงผมแบบนั้นเหมือนกัน
ผมไม่ได้มีความกล้าพอจะไปมองพวกนั้นหรอก
“นี่ หมอนั่นมันคนที่ห่วยแตกที่สุดนี่”
“แหวะ แหยงอ่ะ! อะไรล่ะนั่น? เหวอ เขามองมาที่พวกเราด้วย”
แล้วก็ยังมีกลุ่มของพวกผู้หญิงที่หัวเราะขณะที่ชี้มาที่ผมด้วย
ในขณะที่เหล่าสาวๆจัดปาร์ตี้กินดื่มกันหลังเลิกงาน พวกเขาก็ไม่เคยชวนผมไปเลยด้วยสักครั้งเดียว
ทุกสิ่งที่ผมได้ประสบมาคือการเลือกปฏิบัติอย่างสาหัสตั้งแต่ที่ผมเกิดมาจนกระทั่งเสียชีวิตจากการแก่ชรา
ผมรู้อยู่แล้วว่ามันเจ็บปวดถึงขนาดไหน อีกอย่าง ผมจะเปลี่ยนรูปลักษณ์เพียงแค่เพื่อให้พวกเขายอมรับ เพียงแค่ให้พวกเขาเปลี่ยนท่าทีที่ปฏิบัติกับผมนั้น ผมก็ไม่ได้ต้องการหรอก
แน่นอนว่าผมไม่ได้หมายถึงว่าหน้าตาน่าเกลียดตั้งแต่เกิดนั้นไม่เป็นไรเลยเสียทีเดียว
ผมมักจะมองตามเหล่าคนที่หน้าตารูปลักษณ์ดีแบบไม่รู้ตัว จากนั้นผมก็จะรู้สึกเวทนาตัวเองเมื่อรู้ตัวว่าทำอย่างนั้นขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลักจากนั้นผมก็เลิกมองตามคนพวกนั้นหลังจากที่ทำซ้ำๆมาหลายทศวรรษ
ผมยังแบ่งแยกความสวยงามตามความเป็นจริงในหมู่พวกผู้หญิง
ถึงผมจะเห็นผู้หญิงสวย ผมก็จะเพียงแค่จำแนกเธอไว้แบบนั้น แต่ผมจะไม่รู้สึกว่าถูกดึงดูดด้วยเสน่ห์ ไม่เลยแม้แต่นิดเดียว
มันเป็นอย่างนั้นมาตั้งแต่ก่อนที่จะรู้ตัวเสียอีก
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมได้ให้สัญญาไว้กับตัวเอง ว่าผมจะไม่มีวันตกต่ำไปถึงระดับของพวกที่ล้อผมเด็ดขาด
นี่คือศักดิ์ศรีของคนหน้าตาไม่ดีที่ทำให้ผมเป็นผมในตอนนี้
หลังจากที่ได้ทักทายกันแล้ว ทั้งท่านพ่อท่านแม่ คุณหนูอนาสตาเซียและผมที่ได้หมั้นหมายก็ได้สนทนากันอย่างออกรสออกชาติ
เพราะว่าเสาหลักของเหล่าขุนนางอุตส่าห์ถ่อมาเพื่อมาเยี่ยมเยียนพวกเรา ก็คงช่วยไม่ได้ที่ทั้งตระกูลของเราจะรู้สึกประหม่า
อย่างไรก็ดี ดยุคและดัชเชสดูท่าทางจะสบายใจในขณะที่นำบทสนทนาของพวกเราอย่างมีชั้นเชิง และดูเหมือนว่าพวกเขาจะชินกับการพูดคุยกับเหล่าขุนนางชั้นผู้น้อยอย่างเราๆแล้ว
ในขณะที่การสนทนายังคงดำเนินต่อไป จู่ๆผมก็เริ่มเข้าใจบุคคลิกของคู่หมั้นของผม คุณหนูอนาสตาเซียทั้งฉลาด สง่างาม และเธอยังเป็นคนที่จะไม่ทำให้คู่สนาทนาของเธอรู้สึกต่ำต้อย
ผมยังรู้สึกได้ถึงสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งที่มีอยู่ระหว่างครอบครัวของดยุค
อันที่จริงแล้ว ผมคิดว่าพอมาเทียบกับพวกเราเหล่าขุนนางที่ยากจนผู้ถูกเลี้ยงดูมาโดยพ่อแม่เพราะพวกท่านไม่มีกำลังทรัพย์พอจะจ้างแม่นมแล้ว ขุนนางพวกนั้นที่มีแม่นมอาจจะรู้สึกห่างเหินกับพ่อแม่ของตนก็ได้
แต่ครอบครัวนี้กลับสนิทใกล้ชิดกันและกันมากกว่าพวกเราเสียอีก
เจ้าสาวของผมก็เป็นคนใจดีและเธอยังแสดงให้เห็นถึงความฉลาดเฉลียว และเหล่าพ่อตาแม่ยายในอนาคตของเราลึกๆแล้วยังเป็นคนที่น่าดึงดูดอีก
ผมดีใจที่ได้รับข้อเสนอที่แสนวิเศษอย่างนี้
ผมหายใจออกช้าๆ
ผมไม่เคยได้แต่งงานในชาติก่อน ผมตายในฐานะชายโสดที่ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวคนเดียว
ในขณะที่เพื่อนฝูงของผมต่างถูกล้อมรอบไปด้วยลูกๆและหลานๆในช่วงเทศกาลโคมไฟ ผมได้แต่กินเค้กข้าวและซุปปีใหม่อยู่คนเดียว และผมยังดูรายการทีวีพิเศษตัวคนเดียวอีก
ครั้นจะเดินไปเยี่ยมเพื่อนฝูงที่บ้านก็ถือว่าลำบากสังขารข้อเข่าแล้ว ผมเลยลงเอยที่ใช้เวลาช่วงวันหยุดทั้งหมดไปกับตัวเอง
มันเจ็บปวดมากเลยนะที่ต้องใช้เวลาของวันเหล่านั้นคนเดียวโดยที่ไม่มีใครมาคุยด้วย ผมคงไม่เลือกมีชีวิตอยู่นานขนาดนั้น หากรู้ว่ามันจะดำเนินแบบนั้นมาเรื่อยๆจนถึงวันที่ผมจากโลกนี้ไป
หากว่าผมจะได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวที่อบอุ่นนี้ล่ะก็ งั้นในครั้งนี้ ผมคงจะได้รับการอวยพรอย่างมากเมื่อเทียบกับชีวิตก่อนหน้านี้ของผม
==================
*หากแปลผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้
*สามารถติ/คอมเมนต์ความเห็นกันได้ที่ด้านล่าง
แปลไทยโดย: MountainIbex