ซ่า ซ่า… ซ่า…
“ พวกมันคิดจะบุกมาเหยียบถิ่นของพวกเราจริงๆเหรอวะ? ”
“ ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้ ข้าเป็นแค่ทหารระดับล่างจะไปรู้เรอะไอบ้า! ”
“ เอ้อ เอ้อ… แต่ยังไงต่อให้พวกมันมาก็คงขึ้นฝั่งไม่ได้หรอกมั้ง ก็พวกเราอุตส่าห์ดำพุดดำว่ายไปวางถุงเก็บวงเวทย์กันตั้ง 7 วัน 7 คืน ไหนพวกนักเวทย์จะลงทุนร่ายเวทย์คุมมอนสเตอร์ไว้อีก เห้อ คิดไม่ออกว่ะ ว่าทำไมท่านฟารูนถึงสั่งให้พวกเราตั้งแนวป้องกันหน้าขนาดนี้ ”
“ ช่างแม่งดิ! มึงจะไปคิดทำไมวะ พวกเราใช้แค่แรงกับกล้ามเนื้อก็พอ สมองน่ะให้พวกระดับสูงใช้ก็เข้าใจหรือเปล่า? ”
“ อ่า… อ่า แล้วแต่แกเลย เห้ออ นี้ข้าต้องมาสู้ร่วมกับพวกสมองกล้ามเหรอวะเนี่ย ”
ณ ขอบทวีปของดินแดนจอมมาร ชายหาดสีขาวที่มีทิวทัศน์งดงามกำลังมีการตั้งแนวป้องกันเป็นอย่างดี มันมีทั้งกำแพงไม้ กำแพงหิน กำแพงหนามพร้อมสำหรับการต่อต้านการยกพลขึ้นบก แถมก็อย่างที่ทหารบนชายฝั่งกำลังพูดคุยกันในน้ำทะเลตรงหน้าเองก็เต็มไปด้วยมอนสเตอร์ดุร้ายมากมายและยังมีกับดักเวทย์มนต์ที่ออกแบบมาไว้สำหรับดึงเรือให้จมลง
ซ่า…. ครืนน ครืนน ซ่า…
“ เห้ยๆๆ!! ทะเลเว้ยทะเล!! ”
“ มึงจะตะโกน… ทำไมวะ… เชี้ย!! ”
“ แม่งเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย?!? ”
ทว่าระหว่างที่พวกทหารกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน จู่ๆทะเลสีครามก็เริ่มจะเปลี่ยนไป สีที่ดูสงบสบายตากลายมาเป็นสีที่ทำให้ทุกคนถึงกับขาสั่น ทะเลอันกว้างขวางกลายเป็นสีแดงเลืิอดและไม่นานนักซากศพของมอนสเตอร์มากมายก็ทยอยลอยขึ้นมา ร่างของพวกมันเต็มไปด้วยรอยเขี้ยวขนาดเล็กมากมายที่ฉีกกระชากเอาเนื้อในส่วนนั้นๆให้หลุดหายไป บางตัวร่างและดวงตาก็ถูกเฉือนจนแหว่งเป็นแผลยาวหลายเมตร
horn sound
“ เตรียมตัว เตรียมตัว! ”
“ ข้าศึกจะบุกแล้วเว้ย!!! ”
“ ตั้งแถวเตรียมร่ายเวทย์เร็วเข้า!! ”
“ เห้ยๆๆ!! ตื่นเว้ย ตื่น!! ยังจะมัวนอนกันอีก!! ”
เสียงแตรเตือนดังสนั่นไปตลอดชายหาด ทหารต่างพากันเตรียมพร้อมยกโล่ ยกดาบ หอก ขวานขึ้น ส่วนนักเวทย์ก็ยกคฑาพร้อมกับรอรับคำสั่งจากหัวหน้าว่าจะให้ตนร่ายอะไร ทำให้บรรยากาศบนหาดที่เคยเต็มไปด้วยเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะนั้นเงียบลงในทันที เงียบจนได้ยินเสียงหายใจกับเสียงฟันที่กระทบกันจากความกลัว
“ อึก… นี้มันเกิดบ้าอะไร… ”
“ ข้าจะไปรู้เหรอ? ”
“ ใจเย็นๆ ใจเย็นๆ มันยังไม่มา ช ช ใช่ มันยังไม่มา … อ๊ะ?? ”
“ มาแล้ว!! ศัตรูมาแล้ว!! ”
สีของเลือดนั้นเริ่มคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ จนในที่สุดสีของทะเลที่ชายฝั่งก็กลายเป็นสีแดงจนหมด และเพียงครู่เดียวเท่านั้นตัวต้นเหตุก็ต่างปรากฎตัวขึ้นที่ชายหาด พวกมันเดินขึ้นมาจากน้ำพร้อมกับร่างที่อาบไปด้วยเลือดของมอนสเตอร์ หน้าตาของพวกมันแค่เห็นก็รู้ได้ว่าเป็นเผ่าพันธ์ุที่อาศัยอยู่ใต้ทะเล พวกมันมีรูปร่างคล้ายคนบนดินต่างแค่ตรงคอจะมีเหงือแบบปลาไว้หายใจใต้น้ำ อย่างไรก็แล้วแต่ชุดกับอาวุธของพวกมันก็ช่างแปลกตา
“ เผ่าทะเล?! พวกมันร่วมมือกับศัตรูงั้นเหรอ หรือว่าพวกมันเองก็หวังจะทำลายพวกเรา!? ”
“ อย่าพึ่งโจมตี รอ รอให้พวกมันเข้ามาในระยะแล้วร่ายเวทย์เผาเลย!! ”
ผู้หญิงต่างใส่ชุดรัดรูปสีดำกับอาวุธที่สวมไว้ที่แขนขวา ถุงมือขนาดใหญ่ที่มีเหมือนกับปากของสัตว์ป่า เจ้าสิ่งนี้คือสิ่งที่กัดกินมอนสเตอร์ทะเลอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนผู้ชายก็สวมชุดไม่ต่างกัน แค่ตามตัวจะมีแผ่นเหล็กสีน้ำเงินติดอยู่ด้วย พวกมันใช้อาวุธต่างออกไป อาวุธติดกับแขนใบมีดขนาดใหญ่ที่ไม่ได้ยึดติดแน่นเป็นเล่มยาว มันมีลักษณะคล้ายแส้มากกว่า
“ ย ย ยัยนั้นหัวหน้าของพวกมันสินะ เดินเข้ามาแบบนั้นหรือว่า…ออกมาประกาศสงคราม?!? ”
“ อย่าพึ่งโจมตี!! ”
“ โอ้ อย่าพึ่งโจมตี!! ”
ทหารบนหาดยังไม่ได้ลงมืออะไรแล้วจับตาดูศัตรูตรงหน้า ที่พวกมันเองก็ไม่ได้มีเยอะเป็นพัน เป็นหมื่น เหมือนกับกองทัพจอมมารที่อยู่บนหาด ในสายตาของพวกเขานั้น ตรงหน้ามีเพียงแค่ร้อยกว่าๆเท่านั้น ทว่าพวกเขาก็ไม่กล้าจะทำอะไรเพราะ ตัวที่อยู่ด้านหน้าสุด หญิงสาวผมสีฟ้าที่มีดวงตาของนักล่าและหน้ากากที่ปล่อยหมอกสีแดงเลือดออกมาตลอดเวลา เธอสวมชุดเมดผ้ามันเงา กับถุงเท้ายาวที่ทำจากยาง รูปลักษณ์นั้นมันช่างยั่วยวนเหลือเกิน แต่มือขวานั้น กรงเล็บที่ชะโลมไปด้วยเลือดแล้วเลือดพวกนั้นก็กำลังระเหยอยู่เรื่อยๆ
“ มันจะชี้มาทำไมวะ? จะคุยงั้นเหรอ?! ”
“ เอาไงดีครับหัวหน้า?!? ”
“ ไม่รู้ รอดูไปก่… ไม่ๆ เตรียมตัวๆ พวกมันเริ่มแล้ว!! ”
“ เชี้ยเอ้ยย!! แม่งอยู่กับยูโทเปีย! ”
หญิงสาวผู้นั้นชี้กรงเล็บมาทางพวกเขา มันไม่ได้พูดอะไร แต่ว่าพวกเขาก็รับรู้ได้ว่ามีอะไรบางอย่างกำลังเกิดขึ้น บางอย่างที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าแล้วกำลังมุ่งตรงมาอย่างรวดเร็ว พวกมันมีเป็นสิบๆ และยิ่งเวลาผ่านไปในทุปวินาที พวกมันก็ใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น จนพอๆเทียบเคียงกับมังกร มังกรสีขาวที่ติดตราของประเทศศัตรู ฟันเฟืองและดอกไม้ตรงกลาง ยูโทเปีย
“ ร่ายเวทย์คมดาบลมเร็วเข้า!! ศัตรูกำลังจะมาถึงแล้ว!! ”
“ เล็งดีๆนะเว้ย!! กว่าจะยิงได้นัดนึงมันลำบากนะมึง! ”
“ เออ!! มึงบอกศัตรูเหอะ บินเร็วขนาดข้าจะเล็งยังไงวะ!! ”
บนป้อมปราการต่อต้านการโจมตีทางอากาศ นักเวทย์ที่เฝ้ายามยกคฑาขึ้นเตรียมร่ายโจมตีพวกมัน ทหารเองก็เล็งบัลลิซต้าหรือก็คือธนูขนาดยักษ์เพื่อรอให้จะสอยพวกมังกรยักษ์ขาวให้ร่วงเมื่อเข้าระยะ แต่…ก็คงจะยากเกินไป เพราะความเร็วของพวกมันเกินกว่าที่จะตามทันได้
ฟู่มมมมมมม
“ เชีี้ยยย!! ”
“ ลูกธนูหล่นแล้วเว้ย!! ”
“ คฑา!! คฑา!! ”
“ จับขาหัวหน้าเร็วเข้าาา!! ”
“ กรี๊ดดดด ช่วยด้วยย!! ”
และเพียงไม่นานพวกมันก็บินอยู่เหนือหัวของพวกเขาพร้อมกับปล่อยแรงอัดกระแทกของลมออกมาจนบัลลิซต้าเอียง คฑาหลุดออกจากมือและนักเวทย์คนไหนที่ตัวเล็กตัวเบา ก็ปลิวหล่นจากหอคอยกันหลายสิบคน
กึก กึก กึก กึก
“ แรงอัดอะไรกันวะเนี่ย!! ”
“ อักกก!! ถ้าไอมังกรพวกนี้มันพ่นไฟใส่ล่ะก็…อึก เชี้ยเอ้ย!! กางบาเรียไว้!! ”
อย่างไรก็ตามด้วยความที่มันเข้าใกล้ขนาดนี้ ทหารทุกคนที่อยู่บนป้อมนั้นต่างเตรียมพร้อมที่จะรับการโจมตีของมังกรนี้การโจมตีที่คาดว่าจะเป็นกรงเล็บขนาดใหญ่ด้วยการยกโล่ขึ้นป้องกัน นักเวทย์เองก็กางม่านป้องกันสำหรับป้องกันไฟที่อาจจะถูกปล่อยออกมาเมื่อไหร่ก็ได้
bang bang bang
“ เสียงอะไร อัค!! ”
“ ข้างบน!! ข้างบน!! ”
“ พวกมันทำบ้าอะไรกันวะ!! ”
“ คน!! คนกำลังลงมา!? เทวทูต?!? นี้ยูโทเปียมีเทวทูต?!? ”
“ สติเว้ย!! มันก็แค่คนใส่อุปกรณ์เท่านั้น!! ”
“ ปืน?!? นั้นมันปืน!! ”
เสียงของการโจมตีประหลาด ดังสนั่นไปทั่วบริเวณ แล้วบนท้องฟ้านั้นก็มีผู้คน ผู้คนกำลังลอยลงมานับพัน พวกเขาลอยลงมาอย่างช้าๆด้วยผ้าใบทรงกลมที่ชะลอร่างให้ค่อยๆร่อนลงมา กระนั้นก็ดีพวกมันทุกคนมีอาวุธชิ้นหนึ่งที่กองทัพจอมมารรู้จัก ปืน แล้วเสียงการโจมตีนั้นก็ไม่ต้องสงสัยเลย มันคือเสียงของปืนแน่ๆ
กึง boom boom grank grank
“ โกเล็ม!! ”
“ พวกมันจะบ้าเกินไปแล้วนะเว้ย!! ”
ทว่านอกจากผู้คนที่กำลังร่อนลงมา ก็ยังมีวัตถุขนาดใหญ่ ไม่สิ เกราะขนาดใหญ่กำลังดิ่งลงมา…ร่อนลงมาแบบเดียวกับศัตรูบนฟ้า พวกมันมีกันหลายสิบชุด เกราะยักษ์คล้ายเกราะอัศวินที่ดูล้ำหน้าและเทอะทะอย่างเห็นได้ชัด แต่ว่าพวกมันล้วนแล้วแต่มีปืนที่ใหญ่กว่ามาก แถมยังร่อนลงมาที่พื้นเร็วกว่าพวกทหารธรรมดาอีก
“ ตัวบ้าอะไรวะ … อัค!! ”
“ กรี๊ดดด มันยิงมาแล้ววว!! หล… โพละ ”
“ กำแพงกันไม่อยู่เว้ย!! ”
กระนั้นก็ตามก็มีบางตัวที่แตกต่่างออกไป บางตัวที่ไม่ได้ลงมาเหมือนกับตัวอื่นๆ มันมีขนาดใหญ่กว่ามากแถมยังทาสีม่วงดำทั้งตัว จนเด่นกว่าใครเขา แถมอาวุธที่ติดตั้งก็เห็นได้ชัดว่าเยอะ มันทิ้งตัวลงสู่พื้นอย่างรวดเร็วและพอใกล้จะกระทบกับพื้น กระเป๋าที่ด้านหลังของมันก็พ่นเปลวเพลิงออกมาชะลอให้มันแตะกับพื้นอย่างนิ่มนวล
ฟู่!! ฉึก ฉึก
“ อ๊ากกกกก!! ”
“ ไม่ๆ ไม่! ดับไฟที ดับไฟให้ข้าเร็วเข้า อ๊ากก!! ”
แต่แล้วในระหว่างที่ทหารกำลังตกอกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาก็ไม่ได้ระวังที่ด้านหลังของตัวเองเลยสักนิด และกว่าจะรู้ตัวก็ช้าเกินไปเสียแล้ว ทั้งสิ่งที่รับรู้ได้ก็เป็นเปลวเพลิง กับเสียงกรีดร้องที่เสียดแทงเข้ามาในหัวใจของผู้คนโดยรอบ
[ ศัตรูลงมาแล้ว?!? บ้าน่า…อึก ! ]
นายทหารหันกลับไปมองดูแล้วภาพที่ได้เห็นก็น่าสยดสยองกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น ภาพเพื่อนฝูง ลูกน้องที่ร่างกายกลายเป็นเถ้าถ่านสีดำจากเปลวไฟที่ลุกขึ้นบนใบมีดที่ปักอยู่บนร่างของพวกเขา ทั้งที่อยู่ข้างๆกัน ก็เห็นเลยว่าร่างของทุกคนกำลังมีบางอย่างแทงทะลุออกมา เข็มหินสีเทา
“ ถ ถ ถอย!! พวกเราสู้พวกมันไม่ไหวหรอก!! ”
“ เห้ย!! คิดจะหนีทหารงั้นเหรอวะ!! ”
“ ถ้าจะอยู่แล้วตายใครจะไปยอมล่ะ!! ”
“ ใช่ๆ หนี!! ต้องหนี!! ”
ความวุ่นวายเริ่มเกิดขึ้น จิตใจสู้ของทหารก็ลดลง พวกเขาไม่รู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น สิ่งเดียวที่พอจะเดาได้คือยิ่งเวลาผ่านไปนาน ยิ่งอันตรายแล้วก็ทำให้ทหารหลายต่อหลายคนเริ่มหันหลังหนีสนามรบ เริ่มจะทิ้งอาวุธแล้วรีบวิ่งลงจากหอคอย ทว่ามันก็เป็นการตัดสินใจที่เลวร้ายสุดๆ การหันหลังมันก็ไม่ต่างจากการฆ่าตัวตาย
ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ฟู่…. ฉึกๆๆๆๆ
“ อ๊ากกก!! ”
“ ร้อน! ร้อน!! อึกกก!! กรี๊ด!! ”
“ ย ย หยุด.. อัค จ เจ็บ.. ”
เงาของคนสองคนกระโจนออกมาจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้น แล้วทั้งสองเงานั้นก็จัดการปลิดชีพทุกคนที่หนีทั้งหมดอย่างรวดเร็ว พร้อมกับหยุดลงที่ด้านหน้าของนายทหารผู้นี้ที่ยังคงมีใจกล้าและถืออาวุธหันเข้าใส่ศัตรูของเขา
“ ดูท่าจะยังมีคนที่รู้ว่าต้องทำอะไรนะอคโต ”
“ ค่ะท่านพี่… แต่ว่าก็คงได้ไม่นานหรอกมั้งคะ ”
ทั้งสองหันมามองยังตัวของนายทหารพร้อมกับกล่าวชมเชย แต่เขาที่ฟังก็ไม่ได้รู้สึกดีใจนักเลย คนหนึ่งเป็นหญิงในชุดพ่อบ้านผู้มีผมสีแดงประกายไฟและหน้ากากที่มีเพียงดวงตาอันโกรธเกรี้ยวตลอดเวลากับดาบหน้าตาประหลาดที่กำลังระอุจนสีสว่างออกมา ส่วนอีกคนก็เป็นหญิงผมสั้นสีเงินในชุดรัดรูปแปลกประหลาดเธอสวมผ้าคาดตาสีดำไว้ ในมือเองก็ถือเรเปียร์สีเงิน
“ ดูท่าจะยังไงก็ตายสินะ แต่แบบนี้คงต้องขอยื้อเวลาให้คนอื่นหนีไปให้ได้ก่อน… ”
เขารู้อนาคตของตัวเองทันทีที่ทั้งสองชี้ดาบเข้าใส่ แต่ว่าสถานการณ์ตอนนี้ก็ไม่อาจจะถอยได้แล้วและถ้าเป็นไปได้เขาก็มีแค่ความคิดเดียวว่าเขาจะต้องยื้อเวลาของศัตรูให้้ได้มากที่สุดและให้หน่วยที่อยู่ภาคพื้นสกัดศัตรูไม่ให้ผ่านแนวป้องกันนี้ไปได้
ปั้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ครืดดดดดด กึงงง ตู้มมมมม
“ แน่ใจเหรอว่าจะยื้อเวลาให้คนตายได้น่ะ? ”
ทว่าเสียงปืนก็ดังสนั้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมันก็ไม่ได้มาจากด้านหลังของหอคอยนี้ ไม่ได้มาจากจุดที่พวกศัตรูร่อนลงมา เสียงพวกนี้มันมาจากชายหาด แถมยังมีอย่างต่อเนื่องจนทำให้นายทหารต้องเหลือบไปมองดูพร้อมกับเสียงพูดอันแสนจะเย็นชาจากหญิงสาวผมสีแดงนั้น อย่างไรก็ดีภาพที่เห็นนั้นมันก็ทำให้เขาทำในสิ่งที่เหมือนจะย้อนแย้งกับตอนแรก เขาลดดาบลงพร้อมกับก้มหน้ารับโชคชะตาของตัวเองอย่างไม่ขัดขืน
“ อ้าว ยอมแพ้แล้วแหะ… เห้อ พูดเหมือนกับรู้ล่วงหน้าเลยนะอคโต? ”
“ คือท่านพี่ ท่านพี่น่าจะเห็นนะคะว่าในสถานการณ์แบบนี้จะสู้ชนะมันเป็นไปไม่ได้เลย ”
“ นั้นสินะ นั้นสิน้าา แย่จริงๆแหะ อ้าวนาย… อืม เรียบร้อย ”
สิ่งที่เขาเห็นก็คือ รถเกราะเหล็กมากมายนับสิบทยอยขึ้นจากทะเล แล้ววิ่งไปบนชายหาดทะลุผ่านสิ่งกีดขวางอย่างง่ายดาย สิ่งกีดขวางที่ใช้เวลาสร้างนานกว่า 10 วันทั้งหมดถูกพังย่อยยับไร้ชิ้นดี ทั้งทหารที่คอยอยู่ ทั้งนักเวทย์ที่เตรียมตัว ก็ถูกปืนพวกนั้นยิงตายก่อนจะได้ตอบโต้เสียอีก นั้นเองทำให้เขารู้ว่านี้มันไม่ใช่สนามรบแล้ว…
“ ฮะ ฮะ ฮ่าๆๆๆ …. ที่นี้คือลานประหารพวกข้าสินะ ใช่ ที่นี้คือที่ตายของพวกเรา ช่าย ที่ตาย… ”
… …
“ ฮ่าห์ ฮ่าห์… มาช่วยข้าที ”
“ อ อื้ม แปปนะ… อึก อึก อึก ฮ่าห์ โอเค ยาพร้อม มาวางนายท่านลงมาได้เลย ”
ในเวลาเดียวกันที่อีกฟากหนึ่งของดินแดนนี้ ณ บริเวณเขาลูกใหญ่อันเป็นปราการก่อนเข้าสู่พื้นที่ราบสูงอันอยู่ติดกับทะเลนั้น กลุ่มคนนับสิบกำลังช่วยกันทำสิ่งๆหนึ่งที่ดูเหมือนจะง่ายแต่ก็ยากแสนยาก
“ ค่อยๆนะ ใจเย็นๆ อย่าปล่อยลงมาแรงล่ะไม่งั้นเดี๋ยวมานาพวกเราโดนดูดกันหมดแน่ ”
“ ค้า ค๊าา ค่าาา เข้าใจแล้วค่าา ฮึบบบ ค่อยๆหย่อนขาลงไป ฮ่าห์ มานาไหลแล้ว… ”
“ อ อ โอยย มานาข้าจะหมดแล้วเนี่ย… ฝากต่อด้วยนะ ”
สิ่งนั้นคือการแบกหามร่างของนายท่านผู้ยิ่งใหญ่ที่ตอนนี้กำลังหลับไหลไร้สติอยู่ โดยที่ทุกๆคนได้แต่แบกร่างเขาไปได้แค่ร้อยเมตรก็ต้องเปลี่ยนคนอุ้มต่อเพราะร่างกายของพวกเขาถูกดูดมานาไปจนเกือบหมดจากการที่ต้องเร่งพาร่างนี้ออกจากพื้นที่อันตราย อย่างไรเสียก็มีอยู่ 2 คนที่สามารถแบกร่างของมาร์ไปได้ หลายกิโลเมตรโดยไม่ต้องพักนั้นคือ เทเสล่า และ เพนเท
“ ใกล้ถึงตาเค้าแล้วสินะ เอ่อออ ตาย ตาย มานาพึ่งฟื้นมาได้แค่นิดเดียวเอง ”
“ เอาน่า แฮก แฮก….เพนเท ถ้าเราไม่ทำก็ไม่มีใครไหวแล้วนะ…ฮ่าห์…ตอนนี้ ”
“ จ้า จ้า เทเสล่า แหม…พูดออกมาทั้งๆที่หอบแบบนั้นน่ะนะ ”
“ อึก ทำไงได้ล่ะ… ”
ทั้งนี้แม้ทั้งสองจะทำได้มากกว่าคนอื่น แต่จริงๆทั้งคู่ก็เหนื่อยอยู่พอตัวจนบ่นออกมาให้เห็นได้แบบนี้แถมยังสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนสุดๆผ่านสีหน้าของเพนเทที่หมองหม่นยิ่งกว่าปกติที่เธอเป็นหลายเท่า และอาการหอบของเทเสล่าที่ไม่เคยจะหอบสักครั้งตลอดการใช้ชีวิตที่ 2 ของเธอ
“ เร็วเข้าอีกแค่ไม่กี่ร้อยกิโลเมตรเอง!! ”
“ ค ค ครับท่านเพนเท! ”
“ อ อ อัค ร ร รับทราบค่ะ ”
แต่ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหนก็ตาม หน่วยพิเศษนี้ก็ไม่อาจจะหยุดมือหรือขาของตนได้ เพราะทุกก้าวที่เข้าใกล้ทะเล ก็มีค่ามีความหมายต่อชีวิตของนายท่านผู้ยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก และพวกเขาทุกคนก็พร้อมถ้าจะต้องเอาชีวิตของตนเข้าแลกก็ตาม
“ เอาล่ะ!! ต่อให้พวกเราต้องหน้ามืด สลบเหมือด หรือช็อกไปบ้างแต่ก็อย่าลืมล่ะว่าต้องรีบพานายท่านไปให้ถึงชายหาดให้ได้!! แล้วถ้าไปถึงตอนนั้นพวกเรายังรอดกันอยู่ ชั้นจะเลี้ยงอาหารหรูที่ภัตตาคารที่เมืองหลวงเอง!! ไม่สิ เดี๋ยวออกใบลาหยุด 1 สัปดาห์ให้ด้วยเลยเอ้า!! ”
“ อ โอ้!! สู้ตายยครับ!! ”
“ พ พ เพื่อ ข ข ของกินและวันหยุดดด ”
“ ชอปปิ้งงง!! ”
อย่างที่เห็น เพนเทก็ยังคงพูดล้อเล่นและสบายใจได้ เพราะเธอนั้นรู้สถานการณ์ดีกว่าใครผ่านการเห็นดวงวิญญาณมากมายรอบๆตัวของเธอที่เหมือนกำลังวุ่นวายกับการจัดกอง จัดแถวอะไรบางอย่างแล้วก็มุ่งตรงไปยังชายหาดกันอย่างเร่งรีบ นั้นทำให้รอบๆพวกเขาตอนนี้ไม่มีวี่แววการมาของศัตรูเลยแม้แต่น้อย ถึงจะเป็นแบบนั้นดวงตาของเพนเทก็ดูอ่อนล้าลง เธอมองไปยังฝั่งของชายหาดแล้วถอนหายใจก่อนจะพูดอย่างหมดเรี่ยวแรงว่า
“ ฮ่าห์…วิญญาณคนตายจะเยอะไปแล้วนะ!! คิดถึงนายท่านบ้างสิ…เห้อ นี้รู้กันหรือเปล่าเนี่ยว่านายท่านเองก็เป็นเหมือนประตูไปสู่การเกิดใหม่เลยนะยะ!! ถ้าวิญญาณหลงมาแล้วเค้าจัดการไม่ทันก็ยุ่งน่ะซี่!! ”
……
MANGA DISCUSSION