pip pip pip pip pip pip
“ ค ความรู้สึกแบบนี้…อาจารย์คะ!! ขออนุญาตออกไปรับสายโทรศัพท์ค่ะ!! ”
เสียงสัญญาณเตือนดังขึ้นภายในห้องบรรยายขนาดใหญ่ ทำให้เหล่านักศึกษาทั้งหลายหันไปมองยังที่มาของเสียงนั้น ด้านหน้าสุดของโต๊ะเรียน หญิงสาวผมดำปลายสีม่วงเธอลุกขึ้นอย่างเร่งรีบแล้วกล่าวกับอาจารย์สาวที่กำลังสอนอยู่ เธอหันมามองเช่นกันก่อนจะพูดกับนักศึกษาคนนั้นด้วยเสียงที่กล้าๆกลัวๆ
“ อ อ เออ คือว่า ย ยูเรย์ อาจารย์ว่าตอนนี้ เรายัง… ”
“ ขอบคุณค่ะ เช่นนั้นขอตัวนะคะ ”
อ่า หญิงสาวผู้นั้น ยูเรย์เธอไม่ได้ฟังอาจารย์แต่อย่างใดและรีบร้อนวิ่งออกจากห้องไปพร้อมกับโทรศัพท์พับเครื่องสีม่วงของเธอที่มีที่ห้อยเป็นตุ๊กตาตัวเล็กๆของชายผมดำปลายสีแดง อย่างไรก็ตามเพื่อนของเธอที่นั่งข้างๆกัน เฟิร์น พอเห็นแบบนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้าก่อนจะหันไปมองยังอาจารย์สาวที่ยืนตัวสั่นหน้าซีดอยู่
“ เห้ออ…ไม่ไหวเลยน้ายูเรย์ เอาเถอะ…อะแฮ่ม!! อาจารย์คะ!! ช่วยสอนต่อด้วยค่ะ ”
…
ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก แกร็ก กึง
ส่วนยูเรย์ เธอรีบเดินไปยังห้องน้ำที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนจะเข้าไปนั่งในห้องแล้วปิดประตูล็อกไม่ให้ใครเข้าออกได้อีก เธอยืนอยู่ตรงหน้ากระจก ก่อนจะวางโทรศัพท์ลงบนที่ล้างมือแล้วกางมันออกพร้อมกับกดปุ่มรับสาย ทันใดนั้นแสงไฟก็ฉายออกมา มันสแกนห้องนี้ทั้งห้องก่อนจะมีอักขระบางอย่างปรากฎตามผนัง แล้วปิดท้ายด้วยข้อความว่า [ SAFE SOUNDPROOF ]
“ เกิดอะไรขึ้นน่ะ!! ไอความรู้สึกนี้่!?! พี่ เกิดอะไรขึ้นกับพี่ของชั้น!! ”
ภาพถูกฉายขึ้นมา ภาพของเหล่าหญิงสาวที่รายล้อมกัน 14 คน โดยที่ตรงกลางนั้นคือยูเรย์ที่มีสีหน้าเขร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด เธอหันไปมองดูทุกคนซึ่งก็เห็นได้ว่าไม่ว่าจะเป็นใครก็ล้วนแล้วแต่มีสีหน้าที่เคร่งเครียดเช่นเดียวกับเธอ ไม่เว้นแม้แต่ทิเรียกับอคโตที่ได้ชื่อว่าไร้ความรู้สึก
“ ได้โปรดฟังดิชั้นก่อนนะเจ้าคะ ท่านพี่หญิง…ทุกคนเองก็รู้สึกเหมือนกันเจ้าค่ะ นายท่านตอนนี้ อ อึก… ตกอยู่ในสภาพไร้สติสมบูรณ์เจ้าค่ะ ”
“ ว่ายังไงนะ!! ”
ทิเรียเรียนให้ยูเรย์ฟังอย่างช้าๆ ด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความทุกข์ ซึ่งยูเรย์พอได้รู้ถึงเรื่องนี้ เธอก็ถึงกับล้มลงไปนั่งกับพื้นแล้วตะโกนออกมา เสียงตะโกนของเธอมันทำให้เธอไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้รอบๆตัวนั้นเต็มไปด้วยหมอกสีม่วงที่กำลังกัดกินพื้นที่รอบๆ
“ บ บ แบบนี้ต้องฆ่า… ต้องฆ่า ไอคนที่มันทำกับนายท่านของชั้น พี่ชายของชั้น มัน… มัน… ”
ยูเรย์เริ่มจะพูดพึมพำออกมาพร้อมกับดวงตาที่เริ่มจะเปลี่ยนไป ความมืดเริ่มกลืนกินมันและนัยน์ตาเองกลายเป็นสีม่วงปนแดงเลือด ทุกคนที่อยู่ในห้องสนทนาพอได้เห็นก็ถึงกับเงียบและไม่กล้าจะพูดอะไรราวกับว่าพวกเธอถูกบางอย่างควบคุมเอาไว้ไม่ให้พูดโต้แย้ง เว้นแต่…เพนเท
“ สงบสติอารมณ์สักทีสิยะ!! เคนโทร!! เธอคิดว่านายท่านอยากจะให้เราไปล้างแค้นแล้วทิ้งเขาไว้หรือยังไงกัน!! ”
เสียงนั้น เสียงของเพนเท เธอตะโกนออกมาพร้อมกับอุ้มร่างของนายท่านขึ้น ร่างของมาร์ที่หลับไหลไร้สติใดๆอยู่ ร่างของเขานั้นมีมีดบางอย่างปักไว้ที่หน้าอก มันแทงจากข้างหลังออกมาข้างหน้าแถมแผลรอบๆบริเวณนั้นก็มีอักขระบางอย่างกำลังกระจายออกไป ทว่าพอมันออกไปได้ไม่ไกลนักก็ค่อยๆจางหายกลับไปแล้วเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
“ อ่า… ช ชั้นขอโทษ ฮ่าห์ ฮ่าห์ ”
“ นั้นแหล่ะ สงบสติอารมณ์ได้สักที! เทเสล่า…ตาเธอแล้ว ”
ด้วยคำพูดนั้นของเพนเท มันก็ทำให้หมอกควันสีม่วงของยูเรย์เริ่มจะจางลง และดวงตาที่มืดมัวของเธอก็จางหายไปก่อนจะค่อยๆกลับไปเป็นปกติ ทว่าตัวของยูเรย์เองก็มีอาการเหนื่อยจนหอบ อย่างไรก็ตามเพนเทไม่ได้จะให้สถานการณ์ในห้องคุยนี้เงียบลง เธอเรียกเทเสล่าและทันใดนั้นจอของเทเสล่าก็รวมเข้ากับเพนเท แสดงให้เห็นว่าทั้งสองอยู่ที่เดียวกัน
“ อื้ม! ทุกคนฟังชั้นนะ ไอมีดนี้น่ะมันเป็นอาร์ติแฟคประเภท…สั่งตาย แต่ว่านายท่านของพวกเรา ท่านนั้นเหนือกว่ามันมาก เอฟเฟคของมันไม่ทำให้ท่านตายแต่ว่ามันทำได้เพียงกดสติของนายท่านเอาไว้เท่านั้น ”
“ แบบนี้ก็ดึงมันออกก็จบๆไปเลยสิคะท่านพี่เทเสล่า!! ”
การอธิบายโดยผู้มีความรู้ด้านเวทย์มนต์มากที่สุดในกลุ่ม เทเสล่าก็ทำให้ หนึ่งในผู้รับใช้หน้าใหม่สุดของมาร์ ชาลีรีบกล่าวขึ้นมาอย่างเร่งรีบและนั้นก็ทำให้เทเสล่าส่ายหน้า ก่อนจะเอื้อมมือสัมผัสที่มีดนั้น… ทว่ามือของเธอไม่อาจจะจับมีดได้เพราะมีบางอย่างมาขวางกั้นเธอเอาไว้ และแม้เธอจะพยายามใช้แรงมาเท่าไหร่มันก็ไม่อาจจะเข้าไปจับได้เลย
“ อย่างที่เห็นนั้นแหล่ะชาลี อาร์ตีแฟคนี้มันมีระบบป้องกันของมัน ระบบที่จะกางกำแพงเวทย์มนต์หลายชั้นเพื่อไม่ให้ถูกขัดขวางการทำงานของมัน จนกว่า…เหยื่อจะตายลงจริงๆ ”
เทเสล่าก้มหน้าลงด้วยสีหน้าที่ผิดหวัง เช่นกันทุกคนพอรู้เองก็มีท่าทีไม่ต่างกัน เว้นแต่ยูเรย์ที่เธอหันไปมองยังเพนเทก่อนจะถามออกมาอย่างช้าๆ ซึ่งเพนเทที่ถูกมองก็เหมือนจะรู้ว่าตัวเองจะโดนถามว่าอะไร
“ เพนเท เธอพานายท่านกลับมาผ่านสกิลของตัวเองได้หรือเปล่า? ”
“ ว่าแล้วว่าจะถามแบบนี้ เห้อ… ตามตรงนะเคนโทร เป็นไปไม่ได้เลยล่ะที่นายท่านในตอนนี้จะเดินทางในเส้นทางวิญญาณได้… ท่านที่ไร้สติแต่มีวิญญาณกับร่างที่จุไปด้วยมานาปริมาณมากกว่าคนทั่วไปเป็นล้านล้านเท่าจะมีสถานะกลายเป็นประตูปลายทางแล้วเป็นเป้าล่อให้พวกวิญญาณ…ทั้งทวีป ไม่สิ อาจจะครึ่งโลกเข้ามารุมทำร้ายและชั้นกับเทเสล่าแค่สองคนเอาไม่อยู่แน่ๆ ”
“ หมายความว่ามีแต่ต้องพามาด้วยวิธีปกติสินะ ”
“ อิืม ตอนแรกก็จะให้เทเสล่าอุ้มไปแต่ว่า… ”
เพนเทพูดจบก็หันไปมองยังเทเสล่าที่ตอนนี้กำลังตรวจดูมีดบนหน้าอกของนายท่าน เธอหันกลับมามองยังทุกคนก่อนจะส่ายหน้าแล้วเริ่มพูดอธิบายอีกหน โดยที่เพนเทที่นั่งข้างๆก็กลับไปดูอาการนายท่านของเธอแทน
“ อย่าบอกว่าจะให้ชั้นอุ้มเลยเพนเท ตอนแรกพวกเราน่ะพยายามอุ้มแล้ว แต่ว่าพอเริ่มเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว มานาของชั้น ไม่สิ ของเพนเทเองก็ด้วย มานาของพวกเราถูกเจ้ามีดนี้ดูดไปอย่างรวดเร็ว จนเกือบจะสลบเลยล่ะ ก็นะ อย่างที่บอกเจ้ามีดนี้มันมีเป้าหมายเพื่อฆ่า ดังนั้นเราที่เข้าไปขัดขวางมันด้วยการย้ายเพื่อนำตัวนายท่านกลับไปก็เลยถูกมันขัดขวางแบบนี้ ”
“ แบบนี้ก็เคลื่อนย้ายกลับมาไม่ได้เลยสินะเทเสล่า? ”
เอนนาที่นั่งเงียบไม่พูดมาตั้งแต่ต้นก็พูดออกมา พร้อมกับกุมใบหน้าของตัวเองด้วยมือทั้งสองข้าง เช่นกันกับดีย์โอะที่อยู่ข้างๆ เธอเอื้อมมือเข้ามาแล้วลูบหลังของเอนนาอย่างช้าๆ อย่างไรเสียในความสิ้นหวังนี้มันก็ยังมีหนทางอยู่ เทเสล่าหันกลับแล้วเดินเข้าไปแบกร่างของนายท่านขึ้นอย่างช้าๆ
“ มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางเลย แค่มันยากแล้วก็ช้ามากๆเท่านั้นเอง วิธีก็คือเคลื่อนย้ายไปโดยไม่ใช้มานาใดๆ เคลื่อนด้วยแรงกายเพียวๆแบบนี้ ”
เทเสล่าเธอเริ่มเดินให้ทุกคนได้เห็นแล้วทุกคนก็รู้ได้ว่ามันยังพอมีทางที่จะพาร่างของนายท่านของพวกเธอกลับมา แม้ทางนั้นมันจะช้ามากๆก็ตาม แต่มันก็คงเป็นทางเดียวที่พวกเธอจะทำได้ในตอนนี้ ทว่าสองสาวหัวนักประดิษฐ์ก็ยกมือขึ้นซึ่งทิเรียที่เห็นก็พยักหน้าเป็นการอนุญาต
“ ถ้าห้ามใช้มานา แบบนี้ก็ส่งเครื่อง TwinWings ไปรับมาก็ได้สิ!! ”
“ ใช่ๆ แบบที่พี่เอ็กซิบอกถ้าในเมื่อห้ามใช้มานา พวกจักรกลและยานยนต์ที่พวกเราสร้างก็ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะตัวมานาโดนแปลงเป็นไฟฟ้ากับพลังงานจลน์หมดแล้ว!! ”
ทั้งสองพูดถึงแนวทางช่วยเหลือที่ใช้ยานพหนะเป็นตัวนำพามาร์ออกมา แล้วนั้นก็เหมือนจะเป็นทางออกที่ดี แต่เทเสล่าก็ยังคงส่ายหน้า แล้วเริ่มเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วด้วยแรงปกติ ซึ่งก็ไม่นานเลยที่สีหน้าของเธอจะซีดลงอย่างเห็นได้ชัด แล้วนั้นก็ทำให้เธอค่อยๆวางร่างของนายท่านลงก่อนจะหันมามองทุกคน
“ อย่างที่เห็น ถ้าให้ชั้นอธิบายก็คงจะเข้าใจกันยาก พวกเราเคลื่อนที่ร่างนายท่านได้ แต่ว่าถ้าเร็วเกินไปแม้แต่นิดเดียวมานาของๆรอบ ใช่ รอบๆหมายถึงในถังเชื้อเพลิงของเครื่องบินก็จะหายไปด้วย ดังนั้นหนทางที่ดีที่สุดคงเป็นใช้รถยนต์กับเรือเท่านั้นแหล่ะ ”
“ อ่า… ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะเจ้าคะท่านพี่หญิงเทเสล่า ”
ทิเรียพอรู้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ทั้งหมดแล้วเธอก็เริ่มกดแผงควบคุมตรงหน้าเพื่อวางแผนในการช่วยเหลือนายท่านของเธอ อย่างไรก็ตามยูเรย์ที่ลุกขึ้นมาแล้วก็หันไปมองยังเพนเทพร้อมกับพูดด้วยเสียงที่เย็นชา
“ ถึงมันจะยากนะเพนเท ยังไงเธอกับเทเสล่าพยายามพานายท่านกลับมาให้ใกล้ฝั่งของเรามากที่สุด เข้าใจนะ ”
“ แหงละ นี้ก็กะไว้แล้วว่าหลังจากหมดนี้จะพลัดกันแบกนายท่านกลับไปจนกว่าจะถึงชายฝั่งน่ะ อ๋อ แล้วพวกหน่วยพิเศษเองก็จะมาช่วยกันด้วย คงใช้เวลาอยู่หลายวันแหล่ะ ”
“ อืม ขอบใจนะเพนเท ”
“ เห??? แปลกนะเนี่ยที่อยู่ๆมาขอบใจเค้าน่ะ? ”
สถานการณ์ของทุกคนเริ่มจะผ่อนคลายขึ้นมาก แต่ก็ยังไม่ใช่จะสบายใจไปเลยทีเดียวเพราะสุดท้ายแม้จะมีวิธีพานายท่านกลับมาได้ แต่มันก็ยังช้ากว่าที่จะหมดห่วงได้ ดังนั้นทิเรียที่นั่งก้มหน้าอยู่ก็ได้กลับมาเงยหน้าขึ้นพร้อมกับหันไปมองยังดีย์โอะ
“ ท่านพี่หญิงดีย์โอะเจ้าคะ แผนขึ้นฝั่งดิชั้นต้องขอเปลี่ยนนะเจ้าคะ ”
“ อ อ อื้ม เอาเลย เอาอะไรก็ได้ขอแค่พานายท่านกลับมาให้ไวที่สุดก็พอ ”
“ เจ้าค่ะ ดังนั้นแผนการณ์ของพวกเราฝ่ายยกพลเข้ายึดปราสาทจะเริ่มเร็วกว่าเดิม ท่านพี่หญิงดีย์โอะจะเป็นคนนำทัพขึ้นฝั่งไปก่อน ส่วนท่านพี่หญิงเอนนากับน้องอคโตจะอาศัยท้องฟ้าที่ยังไงก็ต้องให้น้องเอ็กซิกับเดคกะคอยคุมขนส่งให้ แล้วเมื่อเราเข้ายึดชายหาดได้แล้ว เอปต้า ชาลีจะนำทัพทหารยานเกราะหนักลงไปพร้อมกับบุกต่อแบบไม่หยุดจนกว่าจะถึงปราสาท ทั้งหมดประมาณนี้เจ้าค่ะ นั้นหมายความว่าพวกเราจะลดระยะเวลาเริ่มปฏิบัติการณ์จาก 48 ชั่วโมงเหลือ 24 ชั่วโมงเจ้าค่ะ ”
ทุกคนที่นั่งฟังก็พยักหน้ารับทราบ ก่อนจะเริ่มลุกและหันกลับไปเตรียมตัวตามแผนนี้ ดีย์โอะเธอเปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำที่พึ่งสั่งตัดมาใหม่ เอนนาเองก็สวมสูทกับซองดาบคัตเตอร์ของเธอ อคโตเองก็พอกันเธอเปลี่ยนจากเครื่องแบบทหารตามปกติมาเป็นชุดออกรบที่มีแผ่นเกราะติดอยู่ตามตัวมากมายและซองที่ใส่เล่มดาบเรเปียร์อีกนับสิบ
เอ็กซิกับเดคกะทั้งคู่ก็หยิบเอาหมวกนักบินมาสวมแล้วหมวดพวกนั้นก็เรืองแสงสว่างทำให้เห็นว่ามันกำลังฉายภาพมากมาย ภาพของแผนที่การบินให้กับทั้งสอง เอปต้า ชาลี ทั้งคู่เดินออกหายไปจากจอพร้อมกับเสียงของเครื่องจักรที่ดังขึ้นในจอของพวกเธอ
เอเนอากับอัลฟ่าและเบต้าวัน เบต้าทู ทั้งสามสวมอุปกรณ์มากมายที่มีเครื่องหมายกาชาดบนนั้น บ่งบอกได้ว่าทั้งสี่คนมีหน้าที่เป็นแพทย์สนามในศึกครั้งนี้ เว้นแต่ว่าเอเนอาเธอแบกธนูคอมพาวน์ขนาดใหญ่ขึ้นมาด้วยแถมแก้วกาแฟที่ใช้ดื่มก็วางลงก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นหลอดบางอย่างเสียบเข้าที่หลังคอของเธอ
ทว่าตลอดเวลาที่ทุกคนกำลังเตรียมตัวอยู่ ทิเรียก็สังเกตุเห็นว่ายูเรย์กำลังยิ้มอยู่ นั้นทำให้เธอถึงกับรู้สึกได้เลยว่าพี่สาวของเธอจะต้องทำอะไรแน่ๆ และนั้นทำให้ทิเรียหันมามองพร้อมกับตั้งใจรอรับฟังสิ่งที่พี่สาวของเธอจะพูด
“ ทิเรีย…หลังจากนี้ ส่งเครื่องมารับพี่ด้วยนะ… ”
“ จ จ เจ้าค่ะท่านพี่หญิง แต่ว่าเรื่องมหาลัยล่ะเจ้าค่ะ? ”
ยังไงก็ตามแม้ทิเรียจะรับฟังคำสั่งนั้น เธอก็ใช่ว่าจะกดออกคำสั่งในทันที เธอถามพี่สาวของเธอผู้นี้อีกครั้ง ถามเมดลำดับที่ 0 อีกหนเพราะเธอยังจำคำสั่งของมาร์ได้ว่า “ ให้ยูเรย์โฟกัสกับการเรียนก่อน ” ทว่าตัวของยูเรย์นั้นก็เงยหน้าขึ้นก่อนจะพูดออกมาสั้นๆว่า
“ เรื่องนั้น เดี๋ยวชั้นให้เฟิร์นจัดการให้เอง… ยังไงพวกครู อาจารย์ก็คงไม่ห้าม น้องสาวที่กำลังจะไปดูอาการของพี่ชายหรอกใช่ไหมล่ะ? แล้วก็นะ แค่จัดการพวกสวะที่ทำให้พี่ชั้นต้องมาหลับแบบนี้ ไม่กี่วันก็คง…จบ ”
……
MANGA DISCUSSION