“ อึก!! ออกไปจากที่นี้!! ”
วูบ ตู้มมมมม
“ น น นายท่า…!! ”
ย้อนกลับไปช่วงเวลาเดียวกันกับตอนที่มาร์ได้ที่พลักให้เพนเทกลับเข้าไปในทางเดินวิญญาณ เธอที่พยายามจะคว้ามือของเขาเอาไว้ก็ต้องพลาด และดิ่งลงไปในเส้นทางที่มืดมิดพร้อมกับเทียนไขสีดำที่ค่อยๆปรากฎตัวขึ้นรอบกายของเธอพร้อมกับจุดไฟเพื่อสร้างแสงสว่างไปทั่วความมืดมิดนี้
“ ชิ!! ถ้าเราเก่งกว่านี้ ถ้าชั้นมีพลังมากกว่านี้ล่ะก็… นายท่าน! นายท่าน!!! โธ่เว้ย!! ”
เพนเท เธอนั้นได้เห็นตอนสุดท้ายก่อนที่ประตูสู่ทางเดินวิญญาณจะปิดลง ภาพของนายท่านผู้เป็นที่รักยิ่งถูกซัดกระเด็นหายไปต่อหน้าต่อตา มันทำให้เธอรู้สึกอ่อนแออย่างถึงที่สุด ทว่าเธอก็ได้แต่เพียงตะโกนออกมาอย่างเจ็บปวดในพื้นที่ที่แสนจะมืดมิดแห่งนี้เท่านั้น
กึก กึก กึก
“ มากันแล้วสินะ…อ่า ถ้าเป็นแกรนด์ทั่วไปก็ต้องมีวิธีเพื่ออยู่ในนี้นี่ เหมือนกับเราในอดีต ไม่สิ วิธีแบบนั้น หึ… น่าสมเพชสิ้นดี ”
แต่ในระหว่างที่เพนเทกำลังกรีดร้องจากความรู้สึกผิดอยู่นั้น เธอก็ได้หยุดลงราวกับเรื่องก่อนหน้าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป จากที่เศร้าโศกมาเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยแรงอาฆาตอันเกินกว่าจะอธิบายได้ เธอไม่ได้จะหันกลับไปมอง แต่เป็นการเอนหัวกลับไปเพียงเล็กน้อยแล้วใช้สายตาของเธอมองกลับไปยังด้านหลัง
“ ปกป้องข้าไว้!! ถ้าพลาดล่ะก็ พวกแกออกไปจากที่นี้ไม่ได้นะเว้ย!! ”
“ โอ้!!! ”
ภาพนั้นคือภาพของกลุ่มคนราวๆ 30 กว่าคน โดยทุกคนล้วนกำลังใช้โล่ห์ใช้แท่งเหล็กบางอย่างหวดเข้าใส่ดวงไฟสีฟ้าที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วให้มันกระเด็นออกห่างจากพวกเขา ชายวัยกลางคนที่สวมเกราะและชุดคลุมสีดำที่มีตราประทับแปลกๆคล้ายปีกบางอย่างไว้ที่แขนซ้ายและขวา
“ วิธีของพวกที่ดูแลตัวเองไม่ได้แบบนี้ ไม่มีแต่พรจากพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ของเรา ไม่มีอะไรเลยแบบนั้น ก็… ”
ส่วนทางเพนเท พอเธอได้เห็นว่าเป้าหมายนั้นไร้กำลังแม้แต่่จะต่อต้านดวงวิญญาณของคนตายที่กรูกันเข้าไปเพื่อแย่งชิงร่าง เธอก็ได้แต่ยิ้มก่อนจะจับหน้ากากของตนเองแล้วเปิดการทำงานของมัน หน้ากากที่สร้างม่านหมอกออกมา หมอกสีขาวที่เมื่อถูกกับแสงของเทียนกลับกลายเป็นสีแดงดั่งเลือด
“ นั้นไง ศัตรูที่ลอบเข้ามาในเส้นทางของคนตาย มันอยู่ตรงหน้าแล้ว!! เตรียมตัว!! ”
เหล่าทหารพวกนั้นชักดาบและอาวุธมากมายออกมาพร้อมกับเตรียมเข้าปะทะทันทีตามคำสั่งของคนที่อยู่ตรงกลาง และแน่นอนว่าเพนเทเองก็รับรู้ได้ถึงสิ่งที่พวกมันแสดงออก อย่างไรเสียเธอก็ไม่ได้กังวลเลย ไม่สิ เธอกำลังโกรธอยู่ต่างหาก โกรธที่เธอจะต้องมาฆ่าพวกมันในขณะที่นายท่านของเธอกำลังต่อสู้กับอะไรบางอย่างที่ด้านนอกนั้น
“ ชั้น…จะพรากเอาชีวิตของพวกแก ชีวิตที่น่ารำคาญนั้น!! ชีวิตที่กล้ามาขัดขวางชั้นไม่ให้ไปช่วยนายท่านผู้เป็นที่รัก!! ไปเซ่นให้กับเทพีแห่งความตายให้หมด!! ”
วูบบบ
“ ม ม มันหายไปแล้วครับท่าน!! ”
“ อะไร!?? มันจะหายไปได้ยังไงกัน!! ”
เพนเทเธอหายเข้าไปในหมอกสีเลือดนั้นและแสงไฟจากเทียนทั้งหลายเองก็หายไปด้วย ศัตรูที่ได้เห็นก็ได้แต่สับสน พวกมันพยายามจะใช้ตะเกียงส่องแสงเพื่อตามหาเพนเท ทว่าสิ่งที่เจอก็มีเพียงความมืดมิดจากทางเดินวิญญาณ แสงสีฟ้าจากดวงไฟชีวิต และหมอกสีแดงเลือดที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ
“ เอายังไงดีครับ?!? ”
“ ช่างมัน! ตอนนี้เราแค่ประคองอย่างให้พวกวิญญาณมาชิงร่างไปด้วย แล้วเดี๋ยวศัตรูก็คงโดนวิญญาณรุมตายไปเองนั้นแหล่ะ!! ไว้ตอนนั้นค่อยเข้าไปจัดการ!! ”
แต่ด้วยความที่สถานที่แห่งนี้ เส้นทางวิญญาณมันเป็นมิติที่เต็มไปด้วยความตาย คนที่มีชีวิตอยู่ในที่แบบนี้จึงกลายเป็นเป้าหมายสำหรับดวงวิญญาณที่จะเข้ามาแย่งชิงร่าง และด้วยความที่พวกมันเป็นมานาบริสุทธิ์ การโจมตีทางกายภาพจึงไม่เป็นผล ทั้งการใช้สกิลเอง หากมีมานาที่ปล่อยผ่านมาน้อยกว่าตัววิญญาณก็แทบจะเรียกได้ว่าเป็นการโจมตีที่ไร้ค่าเลยทีเดียว ดังนั้นการตอบโต้และป้องกันที่ดีที่สุด คือ การใช้อาวุธที่อาบมานาและเสริมพลังต่อต้านเอาไว้
ดังนั้นการเข้ามาในที่แบบนี้ด้วยตัวคนเดียวแบบเพนเท ในสายตาของพวกมันก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตายเลยสักนิด แต่นั้นก็เป็นเพียงความคิดของผู้ที่ไม่รู้ว่าถึงสิ่งที่พวกมันกำลังเจอนั้น ไม่ได้อยู่ในกฎเกณฑ์ที่เข้าใจได้ด้วยความคิดของคนทั่วไป
ผัวะ ผัวะ ผัวะ
“ หวดเข้าไป!! อย่าให้พวกมันเข้ามาได้!! ”
“ ค ค ครับ!! ล ล แล้วหมอกพวกนี้ล่ะครับ จะให้พวกผม อึก ”
“ หมอกอะไรน… เห้ย!! ระวัง!! ศัตรูมันเริ่มแล้ว!! ”
ท่ามกลางความวุ่นวายจากการที่ดวงไฟสีฟ้าเข้ามารุมล้อม(รุมจริงๆ)พวกเขา จู่ๆทหารคนหนึ่งก็เกิดวูบลงไปนอนกองกับพื้นโดยที่ไม่มีเสียงหรือสัญญาณใดๆให้ได้รับรู้ สิ่งเดียวที่ชายวัยกลางคนผู้เป็นหัวหน้าได้เห็นคือ หัวของทหารคนนั้นค่อยๆเลื่อนออกจากคอแล้วตกลงสู่พื้นอย่างช้าๆ
“ ด ด ได้ครับ! ”
“ หมอกไง หมอก ระวังอย่าให้ … ”
“ เชี้ยเอ้ย!! อย่าเข้าไปในหมอกนั้น!! ใครมีสกิลลมก็รีบๆพัดมันออกไปเร็วเข้า!! ”
ฟู่ๆๆๆๆๆ
ชายวัยกลางคนผู้เป็นหัวหน้า เขาออกคำสั่งในทันทีก่อนจะหยิบเอาหมวกเหล็กมาใส่แล้วปลดผ้าคลุมของตนเองออกเผยให้เห็นว่าเกราะที่เขาใส่มันหนากว่าเกราะทั่วๆไปมาก ทั้งยังมีการลงอักขระไว้โดยทั่ว ซึ่งในเวลาเดียวกันเหล่าทหารก็เริ่มร่ายสกิลเพื่อพัดพาให้หมอกสีเลือดนี้ปลิวห่างจากตัวของพวกเขา
“ รีบๆ… ยอมแพ้แล้วมอบชีวิตของพวกแกมา!! ”
“ อะ..!! ”
“ เดี๋ย?!?! ”
เสียงนั้นดังขึ้น เสียงของหญิงสาวนามว่าเพนเท เธอใช้มีดที่อยู๋ในมือตัดผ่านร่างของทหารนับสิบอย่างรวดเร็วจนพวกนั้นตายก่อนที่จะรู้ตัวด้วยซ้ำว่าตายเพราะอะไร พวกมันได้แต่ยืนนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนที่หัวจะเลื่อนและตกลงสู่พื้น
“ ถอย!! ถอยห่างออกจากคนที่ตายเร็วเข้า!! ”
ตัวหัวหน้านั้นรู้ว่าสิ่งที่จะตามมาคืออะไร และเขาก็ได้ตะโกนออกไปแบบนั้น ทำให้พวกทหารต่างเคลื่อนตัวออกห่างจากศพของคนที่ตายอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็เป็นเวลาเพียงไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น… ร่างที่ควรจะแน่นิ่งก็เริ่มจะมีการเคลื่อนไหว การเคลื่อนไหวที่รุนแรงจนน่ากลัว
“ ตั้งโล่!! ”
“ ฮ่าห์!! ”
ตู้มมมม
เปลวไฟสีฟ้าได้ถูกจุดขึ้นจากภายในศพ มันสร้างแรงระเบิดจนเศษซากกระจัดกระจายไปทั่ว รวมถึงเศษเกราะด้วยนั้นทำให้พวกทหารรีบตั้งโล่และรับแรงระเบิดนั้นเอาไว้ได้ อย่างไรก็ตามมาเมื่อการระเบิดสิ้นสุดลง ภาพที่เห็นก็คือเปลวไฟสีฟ้าที่ปรากฎอยู่บนจนที่เคยมีศพถูกทิ้งเอาไว้
“ ชิ! ภาระจริงๆเล้ย เอาเถอะ!! ตั้งป้องกันเอาไว้ เดี๋ยวข้าจะจัดการกับศัตรูเอง!! ”
“ แต่ว่าท่าน… ”
“ ไม่่ต้องพูดมาก พวกแกแค่เอาชีวิตรอดให้ได้ก็พอ!! ”
ชายวัยกลางคนชักเอาอาวุธของตนเองออกมา ดาบยาวมือเดียว แล้วก็เริ่มเดินตรงเข้าไปที่หมอกควันนั้นพร้อมกับใช้ดาบตวัดเพียงไม่กี่หนก็ทำให้หมอกตรงหน้าหายไปจนหมดและทำให้เขาได้เห็นศัตรูที่ยืนนิ่งพร้อมกับมีดเล่มหนึ่งอยู่ในมือ รูปลักษณ์นั้นเขารับรู้ได้ทันทีว่าเธอเป็นผู้หญิง แต่ที่น่าแปลกใจก็คือสิ่งที่กำลังหมุนวนอยู่รอบเธอ
“ แก…ก็เป็นเหมือนกันสินะ ไม่สิ… แกมี เทียนดำ? ยูนีคสกิลสินะ หรือว่าแกจะเป็นคนที่มาจากต่างโลกกันล่ะ?? ”
เขาถามออกมาอย่างช้าๆ ทว่าในมือเองก็ยังคงจับอาวุธเอาไว้แน่นและพร้อมที่จะปะทะได้เสมอ ทว่าเพนเทนั้นไม่ได้จะสนใจอะไร เธอมอง มองดูอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะค่อยๆ หายไปต่อหน้าต่อตายของชายผู้นี้อีกครั้ง
“ จะไปไหนกัน!! หาาา!! ”
ดาบถูกสะบั้นหั่นลงอย่างรุนแรงเพื่อสร้างแรงลมส่งตัดผ่านม่านหมอกพวกนี้ ทว่าเมื่อหมอกหายไป หญิงสาวผู้นั้นก็ไม่ได้อยู่ที่เดิมอีกแล้ว แม้แต่ร่องรอยของเทียนไข หรือสิ่งใดก็ไม่หลงเหลืออยู่อีก
“ อ๊าากก!! ”
“ อ อ … ”
“ เป็นอะไ… ”
ฟู่…. ตู้มมมมม
และเพียงเสี้ยววินาทีหลังจากนั้น ทหารมากมายของเขาก็เริ่มส่งเสียงร้องกันออกมา นั้นทำให้เขาหันกลับไปมองดูสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วก็พบว่าทหารส่วนใหญ่ของเขาเริ่มจะล้มลงและตายในแบบเดียวกันกับก่อนหน้านี้
“ ยัยเวรนี้!! มันเล็งทหารของเรา!! ”
เจ้าตัวที่เจอกับสถานการณ์ดังกล่าว ก็รีบหันหลังกลับแล้ววิ่งเข้าไปหวังจะจัดการฟันตัดหมอกทั้งหมดทิ้ง ทว่าในระหว่างที่ตนเองกำลังพยายามจะวิ่งออกไป เขาก็เริ่มสัมผัสได้ว่าเส้นทางที่เขายิ่งวิ่งมันช่างยาวไกลเกินกว่าตอนที่เดินจากมามากๆ แม้ว่าเขาจะวิ่งมาเกือบๆ 5 นาทีแล้วมันก็ไปไม่ถึงสักที เหมือนกับว่ามันไม่มีที่สิ้นสุดเลยที่จะวิ่งไปให้ถึง
“ หรือว่า!! หนอย!! ”
ฟุบ ฟุ่มมมมม
เขาตวัดดาบอีกครั้งเพื่อตัดผ่านทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และมันก็ทำให้เขายืนยันได้ถึงสิ่งที่เขาคิด ภาพที่เห็นมันคือภาพลวงตา หมอกพวกนั้นเบี่ยงเบนทิศทางที่เขาควรจะวิ่งไปทำให้เขาวิ่งห่างออกมาจากกลุ่มทหาร และตอนนี้ทหารพวกนั้นก็กำลังล้มตายลงอย่างที่เขาไม่สามารถจะกลับไปช่วยได้ทันอีกแล้ว
“ ท่านหัวหน้… ”
ตุบ ตู้มมมม
“ ทีนี้ก็เหลือแค่แก แค่แกคนเดียว… ม ม ”
เมื่อเหลือศัตรูเพียงคนเดียว เพนเทก็หันกลับมามองมันด้วยสายตาที่ยังคงเต็มไปด้วยความโกรธ เธอจ้องมองแล้วพูดออกมาอย่างเลือดเย็น ทว่าจู่ๆ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป เธอหันไปมองยังรอบๆตัวเองแล้วก็พบว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ ผิดปกติไปในทางที่เธอกลัว กลัวจนร่างกายเริ่มจะสั่นแล้วลงไปนั่งหมดแรงกับพื้น
“ ไม่นะ ไม่!! น น นายท่าน!! นายท่าน!! จะไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ จะไปเดี๋ยวนี้!! ก ก แก!! หลีกไปซะ!! ”
แสงเทียนรอบตัวของเธอเริ่มจะหมอดลง มันช่างแปลกในสายตาของศัตรูเขาไม่มีทางรู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สำหรับเพนเทที่มีความสัมผัสกับผู้มอบเทียนให้เธอ มันทำให้เพนเทรู้ได้ว่า นายท่านอันเป็นที่รักนั้นกำลังตกอยู่ในอันตราย ไม่สิ ต้องเรียกว่า แสงเทียนนี้ ก็เหมือนกับแสงไฟชีวิตของเขา
“ จะไปไหน!! ยัยแกรนด์ดาร์ก!! ”
ตัวหัวหน้านั้นพอเห็นว่าศัตรูตกอยู่ในความกลัว ทั้งเปลวไฟสีฟ้าก็เริ่มจะเข้าห้อมล้อมเธอ เขาก็ไม่รอช้าที่จะกระโดดเข้าใส่แล้วกวาดดาบลงเพื่อจะปลิดชีพเธอซะ ทว่าเพนเทที่ยังตัวสั่นอยู่ จู่ๆเธอก็เงยหน้าขึ้นแล้วก็ถอดหน้ากากของตนเองพร้อมกับยิ้มออกมา รอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุขบางอย่าง
“ อ๊ะ… อ่า… ขอบคุณค่ะนายท่าน ขอบคุณจริงๆ ”
พรึบ พรึบ พรึบ พรึบ พรึบ ตึ้ง!!
“ อะไรกัน!! ”
เปลวไฟสว่างขึ้นอีกครั้ง แม้จะไม่ได้มากเหมือนตอนแรก แต่ก็อยู่ในระดับที่คงที่ ทว่าที่น่าแปลกใจคือเปลวไฟพวกนี้ต่างออกไปแล้ว มันไม่ได้เป็นเพียงแค่แท่งเทียนเหมือนแต่เก่า บัดนี้ที่ใต้เทียนพวกนั้นมีเชิงเทียนสีเงินรองรับเอาไว้ และพวกมันก็กำลังหมุนล้อมรอบตัวของเธอกับชายวัยกลางคนที่ตกอยู่ในความสับสนและดาบที่ถูกบางอย่างขวางกั้นเอาไว้
“ อ๊าาาาห์ นายท่าน นายท่าน!! นายท่าน!!! นายท่าน!!!! นี้สินะความรักที่ท่านมอบให้กับความภักดีของชั้น!! อ่าห์!! ในที่สุด! ชั้นก็เหมือนกับพี่เคนโทร! ในที่สุดชั้นก็ได้รับการยอมรับ!! อื้อออ! หัวใจของชั้นนน!! อื้อออ!! จะไปหาเดี๋ยวนี้แหล่ะค่ะ!! ”
เพนเทยืนเงยหน้าแล้วพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่มากไปด้วยอารมณ์ ทั้งยินดี ทั้งเศร้า ทั้งประทับใจ มากมายเสียจนยากจะอธิบาย เธอกอดร่างของตัวเองเอาไว้แขนทั้งสองข้าง ดวงตาเปร่งประกายและหลั่งหมอดสีแดงเลือดออกมาราวกับน้ำตา โดยที่ศัตรูของเธอได้แต่ยืนมองเท่าน้น
“ นี้มันบ้าอะไรกัน?! ”
แสงสว่างจากเปลวไฟอื่นถูกจุดขึ้น แสงสีฟ้าของวิญญาณสว่างอยู่รอบตัวเขา โดยเฉพาะตรงหน้านั้น ตรงที่ดาบควรจะลงไปสะบั้นคอของหญิงสาวที่ยังคงนั่งอยู่บนพื้น มันขวางเขาไว้ทั้งๆที่มันไม่ควรจะทำเช่นนั้นได้ ทั้งด้านหลัง ไม่สิที่รอบๆเท้าของเขาก็มีเชิงเทียนมากมายถูกจุดขึ้นอีก
พรึบ พรึบ พรึบ พรึบ พรึบ
“ อัค!! ม ม มานา… ของเรา ม ม มัน ”
ร่างกายของเขาเริ่มอ่อนแรงลงอย่างรวดเร็ว เช่นกันแสงสีฟ้ามากมายก็ไหลออกจากตัวของเขา มันวิ่งลงไปที่เชิงเทียนพวกนั้นราวกับว่าแสงไฟพวกนี้มันไม่ได้ใช้อากาศเป็นเชื้อเพลิง แต่เป็นบางอย่าง บางอย่างที่เรียกว่ามานา หรือจิตวิญญาณของเขาเป็นเชื้อไฟ
“ อ อ๊ากกกกกกกกกก!! พ พ พ อ พอได้… ”
“ พลังของเรา พลังของความโกรธที่เรามีให้ เพื่อนายท่านของเรา ฮะ ฮะ ฮ่าๆๆๆ ฮ่าๆๆ ”
เพนเทใช้มือทั้งสองลูบไปยังใบหน้าของตัวเองก่อนจะเงยขึ้นมองเหนือขึ้นไปยังด้านบนพร้อมกับหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สถานที่มืดมิดและว่างเปล่า บัดนี้มันมีเชิงเทียนมากมายก่อตัวขึ้นและเปลวไฟจากดวงวิญญาณก็หมุนวนรอบเชิงเทียนพวกนั้นเพื่อไต่ขึ้นไปยังปลายทาง ในขณะที่เหยื่อของเธอกำลังกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวน ร่างกายของมันเริ่มจะแห้งเหือดจนเหมือนกับคนชราที่ใกล้ตาย
[ ได้รับสกิล [ ความโกรธของพี่น้องผู้รับใช้หายนะ (5) ] : แบ่งแสงไฟสีดำจากเทียนไขของผู้เป็นนาย เพื่อเปิดมิติทั้งสองโลกให้กลายเป็นเส้นทางอันนำพาเหล่าดวงวิญญาณออกจากมิติใดๆเพื่อไปยังที่หมาย และหากใช้ในพื้นที่เส้นทางวิญญาณ แสงไฟสีดำจักสูบเอาวิญญาณของผู้ที่ใกล้เคียงมันมาให้ผู้ถือเชิงเทียน ]
“ น นี้แหล่ะ ฮ่าห์… ชีวิตใหม่ที่แท้จริงอีกครั้งของชั้น ”
เธอค่อยๆลุกขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะหันหน้ามองไปยังทิศทางหนึ่ง แล้วทันใดนั้นเชิงเทียนมากมายก็เรียงรายอยู่ซ้ายและขวาของเธอ มันเปิดทางให้เธอเดินตรงไปยังที่นั้น ไปยังที่หมายที่มีแสงสว่างอันอบอุ่นรอเธออยู่ เพนเทค่อยๆก้าวเดินออกไปโดยไม่สนใจสิ่งที่กลายเป็นขี้เถ้าไปแล้วอยู่ด้านหลัง เธอมุ่งตรงไปด้วยใบหน้าที่เฝ้าหวังพร้อมกับหยิบยกเชิงเทียนขึ้นมา 1 อัน เพื่อมองดูเปลวเพลิงที่ของมัน
“ ยังสว่างอยู่สินะ … สมกับเป็นนายท่านจริงๆ อ๊าห์ อยากจะเจอเร็วๆแล้วสิ นายท่านของเค้า ”
…….
MANGA DISCUSSION