แปะ แปะ… แปะ แปะ แปะ ครึก ครืนนนนน
ณ ค่ายทหารขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของกองทัพจอมมาร เหล่าทหารกำลังเดินตรวจตรากันอย่างแข็งขันและทำหน้าที่ของตนอย่างตั้งใจที่สุด ทว่าพอพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า เมฆฝนก็ปรากฎขึ้นเหนือหัวของพวกเขา เสียงของหยดน้ำกระทบกับพื้นดังไปทั่ว ฝนนั้นเริ่มตกแล้ว แต่ว่าเหล่าทหารก็ไม่ได้จะสนใจหรือวิ่งหลบฝนไม่ พวกเขายังคงยืนประจำจุดของตนเองเช่นเดิม
[ อยู่ๆฝนตกแบบนี้ คงไม่เอะใจ… อ่า ยืนนิ่งกันเป็นหินไม่สนใจอะไรแบบนั้น เคร๊… ]
“ ไปกันเถอะเพนเท ”
“ ค๊า! ”
และในที่ห่างออกไปมากๆนั้น บนผาที่มองลงมาเห็นทุกอย่างในค่าย มาร์ที่สวมชุดคลุมและหน้ากากประจำตัว เขากำลังมองลงมาดูเหล่าทหารนั้นเพื่อตรวจดูว่าสิ่งที่เขาทำ การสร้างเมฆฝนจากมานานั้น ศัตรูรู้หรือไม่ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เกิดตามธรรมชาติ แต่พวกนั้นก็ไม่ได้แตกตื่นอะไรเลยสักนิด มาร์จึงหันกลับไปมองก่อนจะพูดกับเพนเทที่อยู่ข้างหลังด้วยเสียงที่เบาแสนเบา
“ [ทางวิญญาณ] ”
เพนเทเปิดการใช้งานสกิลของตนก่อนจะกุมมือของนายท่านผู้เป็นที่รัก เข้าไปในพื้นที่ที่มืดมิดและว่างเปล่า โดยทันทีที่เข้ามาได้ แสงไฟสีกดำจำนวนมากก็จุดประกายวนรอบตัวของทั้งสองคน โดยเฉพาะมาร์ แสงไฟนั้นสว่างจนพื้นที่ที่มืดมิดนี้เหมือนกับถูกปกคลุมเพราะแสงของเขา ไม่ใช่เพราะจากที่มันเป็นโดยปกติ
[ ดูท่าสิ่งที่เราทำไว้จะเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะเนี่ย… ]
ทั้งสองเริ่มเดินไปในเส้นทางที่มืดมิดนี้ และก็ไม่นานเลยที่มาร์จะสังเกตุเห็นว่ารอบๆนั้น ตอนนี้เต็มไปด้วยแสงไฟสีฟ้า แสงไฟของวิญญาณคนตายมากมาย กำลังมุ่งหน้าไปยังปลายทางอีกด้านหนึ่ง ซึ่งทำให้แสงไฟพวกนั้นเดินตัดผ่านจากด้านข้างของทั้งสอง ทว่าพวกมันก็ต่างไม่เข้ามาใกล้บริเวณที่แสงไฟสีดำสว่างไปถึงได้เลย
“ ข้างหน้าแล้วนะคะนายท่าน!! ”
“ อ่า ฝากด้วยล่ะ ”
[ เห้อ…ต่อให้เราขโมยสกิลใครมาก็ได้ แต่บางอย่างก็เอามาไม่ได้สินะ แบบเซ้นท์จับทิศทางของเพนเท เราเองก็ยังไม่เข้าใจเลย ]
เพนเทเริ่มจูงมือนำมาร์ไปยังปลายทางที่เขาเองก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่ามันคือทางที่ใช่หรือไม่ สำหรับมาร์ เขาเองก็มีสกิลเดียวกับเพนเท ทางวิญญาณ แต่ว่ามันก็มีปัญหาที่ เขาใช้มันได้ไม่ชำนาญเท่าเพนเท เขาแค่เข้าไปแล้วเดินตรงไปข้างหน้าไปยังทิศทางของเป้าหมาย ทว่าหลายครั้งเขาก็มักจะเดินเลยไปบ้าง หรือออกมาก่อนที่จะถึงที่หมายทุกที นั้นทำให้การที่เขาจะใช้สกิลนี้ได้จึงต้องใช้เวลาคำนวณเส้นทางกับเวลาก่อนเสมอแถมบางที่คำนวณไปก็ใช้ไม่ได้อีก ผิดกับเพนเท…เธอเดินในนี้ได้แบบไม่ต้องใช้อะไรนำทาง อยากไปโผล่ที่ไหนก็ไปได้
ฟุบ ฟุบ
“ เรียบร้อยค๊า อ๊ะ… เสียงดังไม่ได้ เสียงดังไม่ได้ ”
“ อืม พาเข้ามาที่ไหนล่ะเนี่ย ”
“ อิย๊..!! อ อุ๊บบ อื้อออ ก ก ก็ ก็ถ้าตามเป้าหมายที่นายท่านชี้ไว้ให้เค้า วิญ… มานาของมันก็อยู่ใกล้ๆที่นี้แหล่ะนะ งืมๆ ใช่ๆ ”
“ นั้นสินะ อยู่แถวนี้จริงด้วย ”
มาร์ที่ออกมาได้ก็ดูจะงงๆ เล็กน้อยเพราะว่าสถานที่ที่ออกมานั้นดูจะเป็นห้องเก็บของที่เต็มไปด้วยกล่องไม้มากมาย ทำให้เขาต้องถามเพนเทไปด้วยการกระซิบเข้าที่ข้างๆหูของเธอ ทำเอาเพนเทถึงกับสะดุ้งแล้วเกือบจะหลุดปากออกมา แต่ว่าเธอก็มีสติพอที่จะปิดปากของตัวเองเอาไว้ แล้วตั้งสติก่อนจะตอบมาร์ด้วยใบหน้าที่เขินอายใต้หน้ากากหมอกของเธอ
[ 11 15 เมตร อืม… ]
ส่วนมาร์เขาไม่ได้จะสังเกตุว่าตอนนี้เพนเทหน้าแดงหรือเขินอายอยู่หรือเปล่า เขาเงียบลงพร้อมกับตั้งสมาธิและให้ร่างกายนปรับตัวเข้ากับรอบๆจนเพียงไม่กี่วินาที เขาก็จับได้ถึงมานาจำนวนมากที่เคลื่อนที่ไปมารอบๆตัวของเขาก่อนจะหันไปมองยังสถานที่แห่งหนึ่ง
“ เพนเท ต่อจากนี้ก็เอานี้ไปแบ่งเทลงน้ำ ลงอาหารล่ะ ที่ทิศตะวันตกล่ะ ส่วนผมจะไปทางตะวันออกนะ อ๋อ…แล้วก็ใช้ตามข้างขวดหล่ะ ส่วนเป้าหมายก็เฉพาะ ที่เป็นพวกระดับสูงเท่านั้นนะ ”
“ อ อ เอ๋?!? ม ม ไม่ได้ไปด้วยกันงั้นเหรอค๊า?!? ถ ถ ถ ถ้างั้นเค้าขออนุญาตใช้หน้ากากกันแก็สพิษนะคะ!! นะคะ!! แค่กลิ่นก็ทำขนลุกสู้แล้ว ถ้าเปิดฝานี้ อึก… ”
“ อื้ม ตามสบายเลย แต่อย่าลืมล่ะ ใช้เจ้านี้เฉพาะกับพวกระดับสูงนะ ”
เพนเทพอรู้ว่าตัวเองต้องเอาไอของที่เธอแขยงสุดไปทำภารกิจ มันก็ทำให้เธอถึงกับถอยห่างก่อนจะขออนุญาตนายท่านของตัวเองทันที ซี่งมาร์ก็ไม่ได้ห้ามอะไรแต่ก็กำชับอย่างชัดเจนถึงเป้าหมายอีกครั้ง เพนเทพอได้รับอนุญาตก็เปลี่ยนหน้ากากจากหมอกมาเป็นกันแก็สพิษ ก่อนจะเอื้อมมือรับตลับที่บรรจุหลอดของเหลวสีชมพู 4 หลอดด้วยมือที่สั่น
“ งั้นไปล่ะนะ เสร็จแล้วก็ออกไปเจอกันที่ผาเดิมละกัน ”
“ ค ค ค๊าา!! ”
มาร์เดินออกจากห้องนี้ไปโดยไม่แม้แต่จะเปิดสกิล เขาลัดเลาะไปตามมุมอับต่างๆ เพื่อตรงไปยังเป้าหมายที่เขาเล็งเอาไว้ เช่นกันเพนเทเธอก็กลับเข้าไปในเส้นทางที่มืดมิดของเธอ แล้วตระเวนออกตามหาเป้าหมายในทันที ซึ่งก็ไม่นานหลังจากที่มาร์ออกจากห้องเก็บของไป เขาก็ได้มาถึงยังเป้าหมายแรกโดยที่ไม่มีใครสังเกตุเห็น
ซ่า ซ่า ซ่า
[ สมกับเป็นห้องของคนใหญ่คนโตเลยนะ ทั้งเตียง ทั้งห้องอาบน้ำส่วนตัว ]
ภายในเต็นท์ตรงหน้าของมาร์นั้น มันไม่เหมือนเต็นท์เลยสักนิด พื้นห้องที่ปูด้วยพรมหลายชั้น เตียงไม้อย่างดี โต๊ะทานข้าว โต๊ะทำงาน แสงสว่างจากแชนเดอร์เรียที่ตรงกลางห้อง และยังจะมีห้องอาบน้ำอยู่ด้านในสุดอีก ห้องอาบน้ำขนาดใหญ่ที่ตอนนี้กำลังมีไอร้อนลอยออกมา
[ น้ำ น้ำ น้ำ ไหนน้า อ่า… ]
มาร์เดินอยู่ในนั้นเพียงชั่วครู่ ก่อนจะเจอเหยือกน้ำที่ตั้งอยู่บนโต๊ะไม้ข้างๆเตียง เขาเดินไปที่นั้นแล้วก็เปิดฝาหลอดของเหลวสีชมพู ก่อนจะเทลงไป… เพียง 1 หยด เท่านั้น และเมื่อเขาเห็นว่าของเหลวนั้นจางหายไปในน้ำแล้ว มาร์ก็เดินออกจากเต็นท์ดังกล่าวก่อนจะมุ่งตรงไปยังเต็นท์ข้างๆ แล้วลงมือทำในแบบเดียวกัน
[ อ อี๊ ขนาดใส่หน้ากากแล้วก็ยัง อ อึก… งื้อออ เอเนอ๊าาา!! ผ ผ ผสมอะไรลงบ้างเนี่ยยยย?! อ๊า ข ข ขา อึกก ฮ่าห์ ฮ่าห์ ฮ่าห์ ]
ส่วนทางด้านของเพนเท เธอเองก็มาถึงเป้าหมายแล้วเช่นกัน และกำลังลงมือเปิดฝาเทยาลงไปบนถังน้ำดื่มอย่างช้าๆ และระมัดระวังสุดๆ ไม่ใช่เพราะศัตรูที่อยู่รอบๆ แต่เป็นเพราะของที่อยู่ในหลอดแก้วนั้น เธอระวังขนาดที่กว่ามันจะไลลงไปได้หยดนึงก็กิินเวลาเกือบๆ 2 นาทีเลยทีเดียว
แกรก
[ อึก…ร ร เรียบร้อย ท ท ทีนี้ก็ที่ถัดไป… จ จ จะไหวไหมเนี่ย เรา อึก อีก 3 หลอดกับอีก เห!!! 39 หยดงั้นอ๋อออ!! ]
เพนเท พอปิดฝาของของหลอดเรียบร้อยแล้วก็ มองไปยังที่หมายถัดไปก่อนจะหยิบเก็บเจ้าหลอดนั้นเข้าไปในตลับ แต่ว่าในตอนที่เธอจะเอามันใส่ลงไปนั้น ก็ได้เห็นที่ข้างขวดอีกฝั่งว่า 1 ขวด ใช้ได้ 40 หยด ดังนั้นตอนนี้ก็อย่างที่เธอเข้าใจ เพนเทเหลืออีก 159 เป้าหมายที่จะต้องไปจัดการต่อ
……
…
[ เพนเทถึงไหนแล้วน้า… ช้าจังเลยแหะ แต่วิธีของเพนเทนี้ เอา เข้าจริงก็น่ากลัวอยู่แหะ เดี๋ยวก็อยู่นี้ เดี๋ยวก็ไปนู้น ไปทั่วเลย เดาทางก็ไม่ได้อีก อืม อืม ถือว่าฝึกก็แล้วกันนะตัวเรา ]
บนผาที่มาร์เคยใช้มองดูทุกอย่างในค่ายนั้น ตอนนี้เขาได้กลับมาที่นั้นอีกครั้ง พร้อมกับหยิบเอาขนมมานั่งกินอย่างสบายใจบนเก้าอี้พับที่ปรับให้เอนหลังลงได้ ทว่าด้วยเวลาที่ล่วงเลยไปได้ราวๆ 1 ชั่วโมงนับตั้งแต่ที่มาร์จัดการเทยาหยดสุดท้ายออกจากขวด เพนเทก็ยังไม่กลับมา เขาจึงได้แต่นั่งจับความรู้สึกของมานาของเธอแทน ทว่ามันก็จางแถมหายไปมาอยู่เรื่อยๆ มันก็เลยทำให้เขาไม่เบื่อสักเท่าไหร่ เพราะว่าเขาใช้การหายไปมานี้เป็นเหมือนเกม ถ้าเดาถูกก็ได้กินขนมถ้าผิดก็อดไป
“ โอ๊ะ… มาแล้วเหรอ?!? ”
“ ค ค ค๊าาา อ๊ะ อ๊าาา อ๊าาาาาห์ ”
“ อากาศหนักเลยแหะ ”
แต่แล้วจู่ๆ มาร์ก็หันกลับไปที่ดันหลังของตน ก่อนจะได้เห็นเพนเทที่อยู่ในสภาพเหงื่อท่วมตัว แถมยังเดินกระเผลกไร้เรี่ยวแรงออกมา ซึ่งทันทีที่ที่เขาถามออกไป เพนเทก็ตอบกลับด้วยเสียงที่สั่นระรัว แถมยังหน้าแดงกับร่างกายเองก็แดงไปหมด มาร์เลยลุกขึ้นก่อนจะเข้าไปพยุงร่างของเพนเทเอาไว้ ทว่า…
“ น น นายท่าน นายท่าน!! อ๊ะ อ๊าาาาา!! อื้อออ… ร ร รักนะคะ รักที่สุดเลยค่ะ ดังนั้น ดังนั้น!! ”
“ ใจเยนนน เพนเท ใจเย็นๆนะ ผมรู้แล้ว ”
เพนเทเงยหน้าขึ้นมามองมาร์ พร้อมกับพยายามจะยื่นหน้าเข้ามาจูบเขา ทว่าด้วยความที่ทั้งสองต่างใส่หน้ากากเอาไว้มันเลยเป็นไปไม่ได้เลยที่ริมฝีปากของเพนเทจะได้สัมผัสกับริมฝีปากของชายที่เธอรัก อย่างไรก็ตามมาร์ก็ยังคงประคองร่างของเธอเอาไว้ ก่อนจะเริ่มใช้สกิลรักษาเพื่อให้เธอได้สติกลับมา
“ อ๊ะ… สลบเฉย เห้ออ แบบนี้พวกนั้นจะเป็นยังไงกันน้า ตอน ยาสูตรพิเศษของเอเนอาออกฤทธิ์.. ”
แก็ง แก็ง เก๋ง
“ ไม่ทันขาดคำ ”
มาร์ที่กำลังบ่นอยู่นั้น ก็ต้องหันกลับไปมองยังค่ายแล้วก็ได้เห็นผลลัพธ์ของสิ่งที่เขาได้ทำลงไป ภาพที่เหมือนกับหนังสยองขวัญแนววิปริต เลยทีเดียว เหล่าทหาระดับสูงที่โดนฤทธิ์ยาเข้าไปพวกนั้น ต่างวิ่งออกมาแล้วทำในสิ่งที่ทำให้มาร์รู้สึกสะอิดสะเอียนเลย
“ ยานี้… ”
พวกมันล้วนแล้วแต่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้า ทั้งยังหายใจปล่อยกลิ่นอายสีชมพูออกมา ซึ่งรูปลักษณ์นั้นก็ส่วนหนึ่งแต่สิ่งหลักที่มันทำนั้น ก็คล้ายกับอาการหน้านี้ของเพนเท แต่คงเรียกได้ว่ารุนแรงกว่ามาก
“ ท ท ท่านจะทำอ อ๊ากกกกก!! ”
“ นายหญิง!! หยุดเถอะครับ!! อย่า อย่า!! ”
ฉัวะ!! กร้วม กรรร
ทหารระดับสูงพวกนั้น ทั้งชายและหญิง ต่างกระโจนใส่คนที่อยู่ใกล้สุด พวกมันทั้งฉีกกระชากร่าง กินเนื้อ และฆ่าเหยื่อ ไม่ก็ข่มขืนทหารที่ไม่ได้รับยาเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง ไม่สนว่าจะเป็นชายหญิง หรือสัตว์ก็ตาม สภาพน่าเวทนาของเหยื่อที่โดนพวกมันเล่นงานเองก็เกินจะทนมองดูได้
ชายที่โดนข่มขืนโดยชายร่างกายฉีกขาดจากทวารขึ้นไปถึงกลางหลัง หญิงเองก็เช่นกันหน้าท้องเปิดออกจนใส้ทะลักออกมา หรือแม้จะเป็นชายที่โดนหญิงข่มขืน อวัยวะเพศของเขาก็ถูกฉีกกระชากลากออกจากร่างกาย หรือหญิงด้วยการก็ถูกดึงจนร่างขาดเป็นสองส่วน เลือดและของเหลวต่างๆปะปนไปกับพื้นโคลนและสายฝนที่ตกลงมาจนสภาพรอบๆบริเวณนั้น ทั้งเต็นท์ ทั้งพื้นทางเดิน เริ่มจะชโลมไปด้วยสีแดงกับขาวและน้ำตาล
“ อ อัค ฮ่าห์ ฮ่าห์ ฮ่าๆๆๆ ”
“ อย่าไปด… อึก กรรร กรรรร ”
ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยกลิ่นอายและควันหมอกสีชมพูที่พวกมันปล่อยออกมาก็ทำให้คนที่สูดดมเข้าไป เริ่มมีอาการไม่ต่างกับที่พวกมันเป็น ทุกคนเริ่มเสียสติและหันกลับไปมองยังคนรอบที่ยังไม่ได้รับสารจากหมอนั้นเข้าไป
แปะ แปะ แปะ แปะ ซ่าๆๆๆๆๆ
ผนวกเข้ากับสายฝนที่ตกกระทบผ่านหมอกพวกนี้ มันก็กลายมาเป็นหยดสีชมพูเช่นเดียวกับสารที่เคยอยู่ในหลอดแก้ว แถมยังระเหยหมอกสีชมพูแบบเดียวกันขึ้นมาอีก และไม่ว่าน้ำจากฝนนั้นจะไหลไปทางไหนมันก็จะสร้างหมอกสีชมพูไปด้วยเสมอ
“ ถึงจะบอกว่าห้ามสร้างอาวุธชีวภาพแต่ไอสิ่งนี้นี้ ยากระตุ้นประสาทแบบรุนแรง…คงได้ไอเดียมาจาก Salt Bath สินะ หึ …เก็บไว้ใช้ฉุกเฉินก็คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้งดังนั้น แค่สั่งห้ามนำออกมาใช้เด็ดขาดก่อนก็แล้ว ”
ส่วนมาร์ที่ได้เห็นเขาก็เหมือนจะพอใจในผลลัพธ์ของมัน แต่ด้วยผลลัพธ์ที่เกินกว่าจะควบคุมได้แบบนี้ เขาก็ได้แต่ต้องควบคุมมันเป็นพิเศษ อย่างไรกับตามตอนนี้มาร์ก็ยังคงมองดูมันทั้งยังบันทึกทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อจะส่งมันไปให้กับเอเนอาได้ดู อย่างไรก็ตามตอนถ่ายไปนั้นมาร์มองดูพร้อมกับหลุดยิ้มและคำพูดที่เบาแสนเบาออกมา
“ …ถ้าเป็นคนอื่น จะยังยืนถ่ายแล้วไม่รู้สึกอะไรแบบเราได้หรือเปล่าน้า… ”
……..
MANGA DISCUSSION