“ ถึงนายท่านจะบอกว่าจะค่อยๆจัดการ แต่ดูจากภาพแล้วความเร็วตอนนี้…ลุยเดี่ยวเหมือนเดิมสินะเจ้าคะ ”
“ นั้นสิน้าา เล่นเคลียร์ทีละจุดในเวลาไม่ถึงชั่วโมงแบบนี้ อย่างกับวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าเลยเนอะ ”
ภายในห้องมืด ที่อยู่ลึกสุดในใจกลางเรือบรรทุกเครื่องบินสีขาว ห้องที่มีเพียงเหล่าบุคคลสำคัญเท่านั้นที่จะเข้ามาได้ และปัจจุบันนี้ ก็มีหญิงสาวอยู่สองคนนั่งอยู่ คนหนึ่งนั้นเป็นที่คุ้นเคยอย่างดีนั้นคือ ทิเรีย เมดผู้เป็นมันสมองของกลุ่มพี่น้องเมด และอีกคน พี่ใหญ่สุดผู้มากไปด้วยพลังทำลายล้าง เอนนา
“ ไม่หรอกเจ้าค่ะท่านพี่หญิงเอนนา นายท่านน่าจะวางแผนเอาไว้ตั้งแต่ที่เห็นแผนที่ใหญ่แล้วล่ะเจ้าค่ะ ”
“ สมกับเป็นนายท่านจริงๆ พวกเรานี้่…ไม่เคยตามความคิดของท่านได้เลยล่ะนะ ขนาดเคนโทรเองก็ยังไม่ทันเลย ”
ทั้งสองมองไปยังจอขนาดใหญ่ที่ฉายอยู่ตรงหน้า ภาพมุมสูงจากดาวเทียมที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า พื้นที่จากขอบของเขตกองทัพจอมมารไต่ขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ จะมีอยู่เส้นทางหนึ่งที่ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยความชิบหายมากมาย จากนอกสุดที่เต็มไปด้วยคนตาย ไต่ขึ้นไปก็ยิ่งมีแต่คนตายเต็มไปหมด
“ แต่จะว่าไปแล้ว นายท่านก็แอบเล่นแรงอยู่นะ ถึงขนาดเอาสารอันตรายออกไปใช้แบบนั้น ”
“ หมายถึง สารที่นายท่านเรียกว่า โพ โล อือ.. เนี่ยมเหรอเจ้าคะ? ”
“ อ่า นั้นแหล่ะ อันตรายขนาดที่ร่างกายของเอเนอายังเอาไม่อยู่เลยนะ ”
“ … ”
เอนนาที่ดูๆอยู่ ก็พูดขึ้นมาถึงของบางอย่าง ของที่พวกเธอไม่สามารถครอบครองได้ ถ้ามี ก็ต้องส่งมอบให้นายท่านในทันที ซึ่งทิเรียก็พอจะรู้ได้ว่ามันคืออะไร เพราะเธอได้อ่านมันมาแล้วในรายงานการวิจัย แต่พอเธอได้ยินจากปากของเอนนาว่าขนาด เมดที่ร่างกายทนทานที่สุดอย่างเอเนอายังเอาไม่อยู่ มันก็ทำให้เธอถึงกับเงียบไปเลย
“ ตกใจล่ะสิ แต่ก็สมควรแล้วล่ะ ขนาดตอนแรกที่ชั้นได้ลองดูภาพบันทึกเอง ก็แอบช็อกเหมือนกันนะที่เอเนอาถึงกับต้องพึ่งการฟื้นฟูของนายท่านในการเอาชีวิตรอดแบบนั้น เจ้าสารนั้นแค่ 0.1 กรัม ก็ทำเอาอาการของเอเนอาทรุดลงอย่างรวดเร็วในเวลาแค่ 5 วัน 5ัวนเท่านั้น ไล่ตั้งแต่ผมร่วง อ้วก อวัยวะหยุดทำงาน ชักอยากรุนแรงจากระบบภูมิคุ้มกันหยุดลง เรียกได้ว่าถ้านายท่านไม่อยู่คุมการทดลองเราคงได้ข่าวร้ายไปแล้วล่ะ เห้อ…ลำบากเลยเนอะ เอ่อ… นิ่งแบบนี้แสดงว่าเอ็กซิไม่ได้เขียนรายงานส่งไปให้อ่านสินะ ไม่สิอย่าบอกนะว่าไม่รู้ว่ามีการทดลองกับเอเนอาน่ะ? ”
“ …เจ้าค่ะท่านพี่หญิง ไม่มีรายงานในส่วนนี้เลย มีแต่บอกว่าฤทธิ์ของมันเป็นอย่างไรเท่านั้นเจ้าค่ะ ”
“ อ อ…อะ เอาเป็นว่าหลังจากนี้ถ้าจะเรียกมาบ่น ก็อย่าบอกล่ะว่าชั้นเป็นคนพูดน่ะ ”
สีหน้าของทิเรียแม้จะนิ่งไร้อารมณ์อยู่แต่เอนนาที่อยู่ด้วยกันมานานก็สัมผัสได้ถึงความโกรธที่ซ่อนอยู่ใต้ความนิ่งนั้น เอนนารู้ดีว่าตัวเองน่ะเป็นคนหัวร้อนง่าย และเวลาโกรธก็จะรุนแรง แต่ทิเรียน่ะเธอเป็นคนที่เย็นที่สุดในหมู่เมดแล้วดังนั้นเวลาที่เธอโกรธเนี่ย อารมณ์ก็เหมือนๆนิวเคลียร์ลงเลยทีเดียว นั้นทำให้เธอเบือนหน้าหนีไปมองยังจอบนโต๊ะ ที่นั้นมีภาพฉายจากจุดต่างๆที่มาร์ได้ผ่านเข้าไป
[ ขอโทษน้า เอ็กซิ เดคกะ เอเนอา แต่งานนี้ทำตัวเองแท้ล่ะนะ … ส่วนนายท่านคงไม่โดนเรียกมาหรอกเนอะ ]
กริ๊กกๆๆๆ แอดๆๆ
เอนนาคิดเช่นนั้น ก่อนจะขยายภาพขึ้นให้เห็นได้ชัดขึ้น จนเห็นพื้นที่รอบๆปราการนั้นได้อย่างไม่ยาก ไม่สิ เห็นถึงขนาดภาพของผู้คนกำลังเดินแบกอะไรบางอย่างไปมา บางอย่างที่อยู่ในห่อผ้าสีขาวกับกองอะไรสักอย่างที่ทับถมกัน ภาพนั้นค่อยๆชัดขึ้นเรื่อยๆจากการปรับโฟกัสของกล้องบนดาวเทียม
“ โห่… นั้นสินะ ฤทธิ์ของ 4 กรัม หยึย!! ขนลุกชะมัด!! ”
ทันทีที่การปรับโฟกัสหยุดลง ภาพที่น่าสะอิดสะเอียน ไม่สิ ภาพที่น่าขยะแขยงก็ปรากฎให้เอนนาได้เห็น ศพนับร้อยที่กองอยู่อย่างกับกองขยะ โดยแต่ละศพก็เหมือนๆกันคือไร้เส้นผม คราบอ้วกและอุจจาระเต็มทั่วทั้งร่างกาย ประกอบด้วยใบหน้าที่ดูทรมานแม้ว่าจะไร้ซึ่งชีวิตไปแล้วก็ตาม
[ ทหารที่กองๆอยู่กันอยู่นั้นคงเกินครึ่งแน่ๆล่ะ…แบบนี้ก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้วสินะว่าจะโดนถล่มเมื่อไหร่ ]
ปราการนั้น สำหรับมาร์เขาไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร แต่สำหรับเอนนากับทิเรียทั้งคู่สำรวจมันผ่านดาวเทียมมาหลายหนแล้ว ทำให้รู้ได้ว่าที่นี้คือปราการสำหรับการป้องกันมอนสเตอร์ไม่ให้บุกเข้าไปในพืิ้นที่เกษตร มันจึงเป็นจุกพักทหารที่สำคัญ
“ ฮะ ฮะ … สมกับเป็นนายท่านจุดแรกก็เล่นส่วนเสบียงแบบนี้เลย แบบนี้ตอนพวกเราบุกขึ้นไปคงไม่ลำบากอะไรแน่ๆ ไม่สิ คงผ่านไปง่ายๆเลยล่ะมั้ง ”
ทว่าอย่างที่เห็น ตอนนี้พวกทหารของกองทัพจอมมารต่างล้มตายเป็นจำนวนมาก และพวกเขาก็คงเข้าใจว่ากำลังเจอกับโรคระบาดประหลาดที่ฆ่าทหารที่ประจำการจนเกือบหมด โรคที่แม้แต่หมอหรือนักวิจัยก็ไม่สามารถเข้าใจได้ อาการที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเป็นเหตุให้จุดป้องกันนี้หยุดชะงักลง แล้วก็จะเปิดช่องว่างให้มอนสเตอร์แห่กันเข้าไปถล่มไร่ได้แน่ๆ เอนนาที่ได้เห็นก็ได้แต่ประทับใจกับเป้าหมายที่นายท่านของเธอเลือกจะทำลาย เป้าหมายที่เป็นจุดสำคัญของกองทัพต่างๆ
“ ไหนดูสิจุดถัดไป… อึก ”
คลิ๊ก
เอนนากดเลื่อนไปยังจุดถัดไปที่มาร์เข้าไปทำการก่อวินาศกรรม มันเป็นจุดเหนือขึ้นไปอีกราวๆ 15 กิโลเมตร ที่นั้นเป็นเขตเหมืองที่ตอนนี้กลายเป็นเหมือนเหมืองร้างไปแล้วจากภาพที่ได้เห็น อุปกรณ์ขุดแร่มากมายพังพินาศย่อยยับอยู่ใต้กองหิน เครื่องทุนแรงที่ใช้ยกของก็พังพินาศหมด จนสภาพเหมืองกลายมาเป็นสภาพของผู้คนกำลังพยายามช่วยเหลือกันเพื่อเอาคนเจ็บออกมา แล้วก็ช่วยกันอพยพคนออกจากในถ้ำที่ใช้ขุดแร่
ปิ๊บ ปิ๊บ ปิ๊บ
“ เดี๋ยวนะ!! นี้ตัวส่งสัญญาณถัดไปมาแล้วงั้นเหรอ!! ”
คลิ๊ก
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่เธอกำลังจะเริ่มวิเคราะห์สถานการณ์ของเขตเหมือง ก็มีสัญญาณของเครื่องส่งสัญญาณดังเข้ามา ทำให้เธอรีบเปลี่ยนไปยังตัวส่งสัญญาณถัดไปทันที ภาพจึงเลื่อนขึ้นไปด้านบน ขึ้นเหนือไปอีกไม่กี่กิโลเมตร ที่นั้นเป็นหมู่บ้านขนาดเล็กที่ตอนนี้ท่วมไปด้วยทะเลสีแดง ทะเลเพลิงที่ร้อนระอุ โดยบนพื้นถนนก็เต็มไปด้วยของเหลวบางอย่างที่มีสีแดงสว่างที่รู้สึกได้ถึงความร้อนจากมัน
“ อึก…นาปาล์ม? ไม่ใช่…สีแดงสว่างแบบนั้น ล ล เหล็กร้อน!! นี้นายท่าน?!? ”
เอนนาพยายามมองหาต้นเหตุทันที ทว่าเปลวเพลิงที่กำลังท่วมไปทั้งบริเวณ มันก็ยากที่เธอจะสามารถมองเห็นจุดต้นเหตุได้ สิ่งที่เธอพอจะทำได้จึงเป็นการพยายามขยายภาพเข้าไปเพื่อตามหาสถานที่ที่พอจะมีเหล็กร้อนได้ แต่จะมองยังไงก็ไม่อาจจะหาเจอได้ในทันที
ปิ๊บ ปิ๊บ
“ ติดต่อเข้ามาถูกจังหวะกันจังเลยนะ ”
“ เดี๋ยว ดิชั้นรับสายเองเจ้าค่ะท่านพี่หญิง ”
แกรก
ในระหว่างที่เอนนากำลังตามหาคำตอบอยู่นี้เอง สัญญาณก็เตือนก็ดังอีกรอบ ทำให้เธอเงยหน้ามามองแล้วก็พบว่ามันเป็นการติดต่อเข้ามาของหมายเลข 4 เทเสล่า ซึ่งทิเรียที่ได้เห็นก็รับสายด้วยสีหน้าที่นิ่งแต่ดวงตากลับมาเป็นปกติแล้ว
“ ทิเรียเเองจ้าค่ะ มีอะไรจะรายงานหรือเปล่าเจ้าคะ? ”
“ ก็…ตอนนี้พวกเราโดดลงมาถึงที่หมายแล้ว จะให้ทำยังไงต่อล่ะ??? ”
“ เดี๋ยวนะเทเสล่า!! คนอื่นยังลงมาไม่ถึงเลยนะยะ!! ”
ทว่าในระหว่างที่เทเสล่ากำลังรายงานเพื่อขอรับภารกิจใหม่จากทิเรีย ก็มีเสียงแทรกเข้ามา เสียงของเพนเทที่ดูจะไม่พอใจกับการรายงานแบบนั้นของเทเสล่า ซึ่งนั้นก็จริงเพราะว่าตอนนี้ที่จุด LZ มีเพียงแค่เทเสล่ากับเพนเทเท่านั้น ส่วนลูกทีมคนอื่นๆยังร่อนลงมาอยู่เลย การจะขอเป้าหมายถัดไปแบบนี้มันผิดวิธีสุดๆ
“ เทเสล่าไว้หลังจากนี้ดิชั้นจะเรียกมาอบรมใหม่อีกทีนะเจ้าคะ ส่วนตอนนี้เป้าหมายถัดไปคือ…มุ่งหน้าไปที่เหมือง ห่างจากจุด LZ ไปราวๆ 5 กิโลเมตร พอไปถึงก็เริ่มเก็บกวาดได้เลยเจ้าค่ะ เสร็จแล้วก็ให้รีบมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้าน เหนือขึ้นไปจากเหมืองเพื่อเก็บงานแล้วตรวจสอบให้เรียบร้อยนะเจ้าคะ ”
“ รับทราบแล้ว จะดำเนินการในทันที… แต่เดี๋ยวนะ ทำไมถึงมี สองภารกิจในการรายงานครั้งเดียวล่ะ?? ”
เทเสล่าสงสัยในการออกคำสั่งชี้เป้าหมายของทิเรีย เพราะปกติ มันจะเป็นการส่งเป้าหมายทีละอย่าง ดังนั้นในส่วนที่จะให้ไปจัดการหมู่บ้านก็ควรจะมาหลังจากที่เทเสล่ารายงานผลการเก็บกวาดเหมือง ซึ่งเพนเทเองก็คิดเช่นกันเพราะปกติเวลาเธอทำงานลอบสังหาร มันก็จะไม่มาทีเดียวยาวแบบนี้เพราะมันจะทำให้เกิดปัญหาได้หาการดำเนินการไม่เป็นไปตามแผน
“ อ่า…ขออภัยเจ้าค่ะ ดิชั้นต้องแจ้งให้ทราบก่อนว่าตอนนี้ ทีมเฉพาะกิจตามแผนของชาลี ตอนนี้ช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ กล่าวคือ นายท่านทำการแทรกซึมเข้าไปเร็วกว่าที่พวกเราคิด ทุกคนจึง …ช้า… กว่ากำหนดไป 1 ช่วงเจ้าค่ะ ”
“ หา!! นี้เราช้าไปขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!! เพนเทรีบๆไปกันเถอะ!! ”
“ เดี๋ยว!! อย่า…อ๊า! โธ่เอ้ย ”
“ พยายามเข้านะเจ้าคะ ”
แกรก
จากเสียงที่ดังเข้ามานั้น ทิเรียก็พอจะนึกภาพได้เลยว่า เทเสล่าที่รู้ว่าตัวเองช้าขนาดนี้ เธอคงรีบวิ่งออกไปโดยไม่รอใครแน่ๆ ซึ่งก็จริงเพราะทันทีที่เธอรู้ว่าตัวเองช้ากว่ากำหนด จิตวิญญาณแห่งความเร็วก็ไม่อาจยอมได้เธอวิ่งพุ่งออกไป ทิ้งให้เพนเทนั่งรอลูกทีมโดดลงมาถึงที่หมาย กระนั้นก็ดี…สิ่งหนึ่งที่ทิเรียไม่ได้คิดไว้คือ เมื่อเธอวางสายไปแล้ว เพนเทเธอกำลังยิ้มอยู่ ทั้งๆที่เธอควรจะโกรธอยู่แท้ๆ
“ เหนื่อยแย่เลยน้า ทิเรีย เทเสล่านี้ถ้าบอกว่าช้าไปก็เป็นแบบนั้นทุกทีเลยเนอะ ”
“ ได้ยินด้วยเหรอเจ้าคะ ฮ่าห์….จริงๆก็ไม่แย่หรอกเจ้าค่ะ เพราะตั้งแต่เทเสล่าจะไป ดิชั้นก็คิดไว้แล้วล่ะเจ้าค่ะว่ายังไงก็ต้องเกิดอะไรแบบนี้ขึ้น ”
“ เห… ”
เอนนาที่ฟังอยู่ก็เป็นอดเป็นห่วงทิเรียไม่ได้ เพราะถ้าอะไรไม่เป็นไปตามแผนแล้วไม่ได้เกิดขึ้นจากนายท่านของเธอ ทิเรียจะโมโหและหงุดหงิดเป็นอย่างมากและเมื่อตกดึกเมื่อไหร่ ทิเรียก็จะไปซ้อมยิงเป้าคนเดียวเพื่อระบายอารมณ์เสมอ ทว่าทิเรียก็เหนือกว่า เพราะเธอคิดเพื่อไว้แล้วกับสถานการณ์อะไรแบบนี้
กริ๊งงงงง
“ อ่า…แล้วอันนี้ได้คิดเพื่อไว้หรือเปล่าล่ะทิเรีย? ”
“ ก็ขึ้นอยู่ว่าจะรายงานว่าอะไรน่ะเจ้าค่ะ ถ้าเป็นเรื่องกองทัพจอมมารใช้กำลังทางน้ำมาสกัดกั้นเรา ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเจ้าค่ะ ”
เสียงกระดิ่งดังขึ้น นี้เป็นสัญญาณเตือนว่ามีคนภายในเรือต้องการติดต่อเข้ามาในห้อง ซึ่งนั้นก็ทำให้เอนนาหันไปมองทิเรียพร้อมกับพูดกวนๆเหมือนกับจะล้อเล่นๆกับทิเรีย ทว่าทิเรียน่ะก็ไม่ธรรมดาเธอหันมามองก่อนจะยิ้มแล้วพูดออกมาด้วยความไร้กังวลใดๆ เอนนาจึงกดปุ่มเพื่อรับสายจากคนด้่านนอก
“ ดิชั้นพลเรือเอกปิ ขออนุญาตรายงานสถานการณ์ค่ะ!! ”
“ เชิญเลยปิ ”
“ ค่ะ!! ตอนนี้เรดาห์ของเรือลาดตระเวนได้แจ้งเข้ามาว่าห่างจากพวกเราไปราวๆ 18 กิโลเมตร ตรวจพบการก่อตัวขึ้นของฝูงสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่แล้ว พวกมันก็มีทิศทางมุ่งหน้ามาที่พวกเราด้วยค่ะ ”
“ เห… ”
การรายงานเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และมันก็ทำให้เอนนาหันไปมองทิเรียด้วยความรู้สึกประทับใจในทันที สิ่งที่ทิเรียคาดไว้ดูท่าจะเป็นจริงอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนทิเรียก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั่งฟังอย่างเงียบๆ ทำให้เอนนาต้องจัดการต่อเอง
“ แล้วมีแผนว่ายังไงบ้างล่ะปิ? ”
“ ค่ะ! ตอนนี้ดิชั้นได้ออกคำสั่งให้กองเรือลาดตระเวนเตรียมเข้าปะทะแล้วค่ะ ”
“ งั้นก็ดี ถ้ามีอะไรรายงานเพิ่มก็แจ้งเข้ามาได้ตลอดเลยนะ ”
“ ค่ะ!! เช่นนั้นขออนุญาตค่ะ!! ”
แกรก
เมื่อการรายงานสิ้นสุดลง ปิ ก็ได้วางสายไป ทำให้เอนนาหันมาเพื่อจะคุยกับทิเรียต่อถึงเรื่องแผนสำหรับการยกพลขึ้นบก ทว่าเมื่อหันมาแล้วสิ่งที่เธอเห็นก็คือ ทิเรียกำลังสวมหน้ากากประจำตัวของเธออยู่ แล้วบนหน้ากากนั้นก็ขึ้นสัญลักษณ์ว่าเธอกำลังติดต่อกับใครอยู่
[ ติดสายอยู่กับใครล่ะนั้น? ]
เอนนาที่เห็นก็ตั้งคำถามกับตัวเองแบบนั้น เพราะเธอนึกไม่ออกว่าในเวลานี้ทิเรียจะโทรติดต่อกับใคร อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่ได้จะพูดเสียงดังหรือถามตรงๆ เธอนั่งอยู่เช่นนั้นแล้วก็นั่งฟังอย่างเงียบๆ
“ ขออภัยที่โทรเข้าไปรบกวนในเวลานี้นะเจ้าคะ ท่านพี่หญิงดีย์โอะ…. เจ้าค่ะ คือว่ามีงานด่วนเจ้าค่ะ คือว่าทางพลเรือเอกปิ แจ้งว่าตรวจเจอฝูงมอนสเตอร์พุ่งตรงมาทางเรา ดิชั้นจึงอยากให้ท่านพี่หญิงนำกลุ่มโดรนรุ่นใหม่ออกไปทดลองแล้วจัดการพวกมันให้หน่อยจะได้หรือเปล่าเจ้าคะ? ”
[ ดีย์โอะงั้นเหรอ? ยัยนั้นคงบ่นแย่เลยล่ะมั้ง? ที่ต้องมาลงทะเลเย็นๆก่อนขึ้นเข้าเขตชายฝั่งแบบนี้ ]
ปลายทางที่ทิเรียกำลังพูดคุยอยู่ ก็คือดีย์โอะ บทสนทนานั้นทำให้เอนนาพอจะนึกหน้าของดีย์โอะ ในตอนที่กำลังคุยกับทิเรียอยู่ได้อย่างไม่ยาก ตอนนี้ดีย์โอะ เธอคงจะเหวี่ยงสุดๆ เพราะชุดที่พึ่งตัดมาไว้สำหรับลงภารกิจที่ยิ่งใหญ่อย่างการเป็นกลุ่มแรกในการขึ้นฝั่ง ทว่าตอนนี้ต้องมาใช้มันก่อนที่จะไปถึง
“ … จะดีจริงๆเหรอเจ้าคะ?? … ขอบคุณมากเจ้าค่ะ โชคดีนะเจ้าคะ ”
แกรก แกรก
“ ดีย์โอะยอมจะให้ชุดพิเศษนั้นเปียกก่อนถึงฝั่งเหรอเนี่ย?? ”
“ จะว่าเช่นนั้นก็…อือ… ”
เอนนาถามทิเรียด้วยความประหลาดใจในทันทีที่เธอถอดหน้ากากออก เพราะเอนนาไม่คิดว่า ดีย์โอะจะยอมให้ชุดว่ายน้ำกึ่งเมดแสนแพงของตัวเองมาเปื้อนแบบนี้ อย่างไรก็ตามทิเรียพอโดนถามเข้าไปเธอก็พยายามจะอธิบายแต่ว่ามันเหมือนจะติดอยู่ที่ริมฝีปากของเธอเอง
“ เอ่อ… จะว่าเช่นนั้น นี้หมายความว่ายังไงล่ะทิเรีย?? ”
“ ก ก็… ท่านพี่หญิงดีย์โอะ เธอบอกว่าเธอจะไปทั้งๆที่…ไม่สวมอะไรเลยน่ะเจ้าค่ะ ”
“ เดี๋ยววว!! ไม่ได้ ไม่ได้!! รีบเรียกยัยนั้นกลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!! เห็นว่าเป็นทะเลแล้วจะไม่มีใครมาเห็นหรือยังไง!! โธ่เอ้ยยย!! ไอเรื่องงานน่ะเลี่ยงเก่ง แต่พอถอดเสื้อผ้าล่ะไวเลยนะ!! ”
ทิเรียตอบกลับด้วยเสียงที่สั่นคลอนไม่ใช่เพราะกลัว แต่ไม่กล้าพูดออกมามันน่าอายเกินไป แต่เอนนา พอได้ยินก็รีบสวมหน้ากากของตนเองแล้วติดต่อไปหายังดีย์โอะในทันทีเพื่อจะเรียกให้เธอกลับมา
ติ๊ด ติ๊ด…
“ รับสักทีสิเห้ยยย!! ”
“ คงยากแล้วล่ะเจ้าค่ะท่านพี่หญิงเอนนา ท่านพี่หญิงลืมไปแล้วหรือเปล่าเจ้าคะ หน้ากากเอง…ก็เป็นของสั่งทำใหม่ด้วยน่ะเจ้าค่ะ ”
… …
ในขณะที่ฝั่งของฝ่ายยกพลขึ้นบกกำลังเดินทางและวุ่นวายกันอยู่นั้น หน่วยเฉพาะกิจเองก็พยายามตามติดมาร์ไปให้ทัน แต่ก็ดูท่าแล้วไม่น่าจะทันเขาได้ เพราะตอนนี้มาร์เพลินกับการทำลายข้าวของเป็นอย่างมากจนตอนที่เครื่องส่งสัญญาณแจ้งถึงเรื่องที่หมู่บ้านไฟไหม้ มันก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่มาร์จัดการระเบิดอีกหมู่บ้านไปแล้ว และตอนนี้เขาก็มาถึงยังค่ายทหารใหญ่ ที่ตอนนี้ดูเหมือนกำลังซ้อมรบอยู่
“ ถ่ายไว้จะได้ใช้ไหมหนอ… จริงๆส่งตำแหน่งไปน่าจะดีกว่ามั้ง จะได้ดูผ่านดาวเทียมเอา อ่า…แต่ถ้าส่งไปก็คงไม่ได้เห็นอะไรแหงๆ อืม…งั้น ช่างเถอะ ….! …. ”
มาร์ตอนนี้เขาอยู่บนเนินเขาไม่ใกล้ไม่ไกลเกินไปจาก ค่ายทหารที่ว่านั้น โดยตัวของเขานั้นนั่งอยู่บนหินขนาดใหญ่ที่พอจะทำให้เขาสามารถมองเห็นทุกอย่างในค่ายได้แล้วก็สามารถบันทึกสิ่งที่เห็น ด้วยการอัดวีดีโอผ่านกล้องบนหน้ากากของตนเอง ทว่าในระหว่างที่บันทึกอยู่ มาร์ก็หยุดการบันทึกลงชั่วคราวก่อนจะหันกลับไปมองยังด้านหลัง
“ หยุดซ่อนตัวได้แล้วเพนเท ไม่เนียนเลยนะ”
“ แหะๆ โดนจับได้ตลอดเลยอ่าาา แย่จัง ”
ด้วยคำพูดนั้นของมาร์ ก็ทำให้หญิงสาวผมสีม่วงต้องเดินออกมา หญิงสาวผู้สวมหน้ากากที่ปล่อยหมอกออกมาตลอดเวลา หมอกสีขาวที่ปกปิดใบหน้าของเธอเอาไว้ เธอเดินออกมาด้วยความเขินอายพร้อมกับบ่นๆด้วยเสียงที่เบาแสนเบา ส่วนมาร์นั้นก็หันกลับไปแล้วเริ่มทำการบันทึกต่อในทันที
“ โดนจับได้ตลอดเลย? ก็ยากอยู่นา ถ้าไม่ชินกับมานาของเพนเทก็คงไม่รู้หรอก หรือไม่ก็ต้องใช้เวลามากกว่านี้แหล่ะ… ”
“ เห๊ะ!! นี้ได้ยินด้วยอ๋อคะ!! อ๊าา อายยจัง!! ”
“ เอาเถอะๆ มาก็ดีแล้ว มีงานให้ทำพอดีเลย ”
และเมื่อเขาพูดจบมาร์ก็กวักมือให้เพนเทมานั่งข้างๆ ซึ่งเธอพอเห็นก็ยิ้มแล้วเดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็วและน่ารัก และพอมาถึงก็นั่งลงเหมือนกับว่าเธอมาปิคนิกมากกว่ารบเสียอีก ซึ่งพอเธอนั่งลงแล้วมาร์ก็ชี้ไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ที่นั้นมีคนในชุดเกราะสีเงินกำลังขี่ม้าไปมาเหมือนกับกำลังตรวจดูอะไรบางอย่างอยู่
“ เห็นนั้นไหม เป้าหมายของเราในคืนนี้ล่ะนะ ตอนแรกก็คิดว่าจะเข้าไปเองแต่ไหนเพนเทก็มาพอดี คืนนี้รบกวนด้วยล่ะ ”
“ รับทราบค่า!! ”
เพนเทมองตามในทันที และหน้ากากของเธอก็ขยายภาพทำให้ได้เห็นสิ่งที่นายท่านของเธอเล็งเอาไว้อยู่ ทว่ามาร์ที่บอกเป้าหมายแล้วเขาก็ปิดการบันทึกภาพก่อนจะกลับมานั่งตามปกติแล้วหยิบเอาน้ำออกมาจากเงาของตนอย่างสบายใจ ทว่าที่ข้างๆกันนั้นก็มีหลอดใส่ของเหลวสีชมพูเรืองแสงเอาไว้อยู่ ของเหลวที่พอเพนเทได้กลิ่น เธอก็ถึงกับขนลุกสู้ขึ้นมาทันที
“ น น นายท่านค ค ค้า คิดจะใช้ไอนั้น จจ จริงๆเหรอคะ?!? ”
“ น่า…ของเอเนอาฝากมาทดลองยังไงก็ใช้ๆไปเถอะ ไม่เป็นไรหรอก ”
“ ต ต แต่ว่า…มันคือไอนั้นอัพเกรดสินะคะ แค่กลิ่นก็ขนลุกแล้วง่าาา ”
“ เหรอ? ไม่หรอกมั้ง ไม่…หรอกมั้ง ไม่อ่ะ ไม่ใช่หรอก ”
…….
MANGA DISCUSSION