“ แฮก แฮก…ถึงสักที ”
“ อย่าพึ่งมาหอบตอนนี้สิคะคอนเซนเทล ข้างหน้าต่อจากนี้มันคือห้องบอสประจำชั้นที่ 81 เลยนะคะ ”
“ นั้นสินะ แปปเดียวก็มาถึง 81 ชั้นแล้วแหะ ”
หน้าประตูศิลาขนาดใหญ่ สมาชิกปาร์ตี้ Pathfinder ทั้ง 3 คนกำลังยืนมองประตูนั้นอยู่ ประตูที่ไม่มีใครมาถึงยกเว้นพวกเขาทำให้มันเต็มไปด้วยเถาวัลย์และมอสสีเขียวเกาะอยู่เต็มไปหมด อีกทั้งที่นี้ก็เป็นห้องบอสแรกนับตั้งแต่ที่พวกเขาเจอกับผู้เฝ้าชั้นเสียด้วย อย่างไรก็ตามในตอนนี้ตัวของคอนเซนเทลกำลังหอบจากการที่ตัวเองพึ่งตะลุยผ่านดงมอนสเตอร์มาเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว
ส่วนอีกสองคนนั้น…ก็ไม่ได้มีอาการเหนื่อยเหมือนกับเขา อคโตยืนนิ่งมองดูโดยเหมือนจะไม่แสดงความรู้สึกใดๆเลยทว่าสายตาที่ซ่อนอยู่ใต้อุปกรณ์บนหน้านั้นมันกำลังแสดงให้เห็นถึงความกังวลบางอย่าง ส่วนมาร์ผู้เป็นหัวหน้าปาร์ตี้ เขาก็ยืนกุมคางของตัวเองด้วยสีหน้าที่ให้ความรู้สึกได้สองอย่าง หนึ่งเขากำลังสนใจกับสิ่งที่อยู่หลังประตูนั้น หรือไม่…ก็สอง ตอนนี้เขากำลังเหม่ออยู่
ครืดดดดดดดดด
ประตูนั้นค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ เหมือนกับประตูห้องบอสก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาเพราะเมื่อประตูเปิดออกสิ่งที่เห็นอยู่ก็คือหมอกสีขาวขนาดใหญ่ที่บังไม่ให้เห็นว่าข้างในนั้นคืออะไร สิ่งเดียวที่จะทำให้เรารู้ได้ว่าสิ่งใดอยู่ด้านหลังนั้นก็คือการก้าวผ่านเข้าไปและแน่นอนมาร์นั้นไม่ได้เกรงกลัวเลย เมื่อเขาเห็นว่าประตูถูกเปิดออกจนสุดแล้ว เขาก็เดินเข้าไปในทันที
“ โอ… ป่าอีกแล้วแหะ แถมยัง อืม แฟลชแบ็คได้เลยนะเนี่ย ”
อย่างที่มาร์กำลังพูดออกมา ภาพตรงหน้าของเขาหลังจากผ่านหมอกมาได้ มันคือป่าที่เขาได้อยู่เป็นที่สุดท้ายก่อนจะตายลงในชาติที่แล้ว ป่าในประเทศประเทศหนึ่งทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ป่าที่อุดมไปด้วยต้นไม้และสภาพแวดล้อมที่ชื้น
แซก แซก แซก
“ มาต้อนรับไวดีแท้ เอาล่ะ ฝากด้วยนะครับทั้งสองคน ”
“ ค ค ครับ?!? ”
“ อึก…รับทราบค่ะ ”
คอนเซนเทลกับอคโตขานรับในสิ่งที่มาร์พูดทันที โดยอัศวินหนุ่มนั้นขานรับด้วยเสียงกับใบหน้าที่สับสนเพราะยังไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าอคโตนั้นเธอขานรับด้วยเสียงที่ดูอึดอัดจากอะไรบางอย่างเช่นกันใบหน้าของเธอก็กำลังมองไปยังสิ่งที่ทำให้เธออึดอัดอยู่ด้วย
แซก แซก… กรรรรรร
“ ตัวใหญ่…เกินไปแล้วมั้ง?!? ”
“ ฮึก… ”
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขานั้นปรากฎตัวออกมาอย่างสง่างามจากพุ่มไม้ที่ห่างออกไปไม่มาก สิ่งที่มีอยู่ในโลกนี้และก็หายากยิ่งกว่าอะไรเพราะพวกมันจะปรากฎตัวอยู่เฉพาะในพื้นที่ทวีปทางทิศตะวันออก พวกมันดุร้ายและอันตรายมาก เพียงตัวเดียวก็เทียบเท่ามอนสเตอร์ระดับ SS แล้วซึ่งมันถูกเรียกโดยคนในยูโทเปียว่า เสือ
โดยตามที่คอนเซนเทลหลุดปากพูดออกมานั้นมันก็จริงเป็นอย่างยิ่ง เจ้าบอสตัวนี้นอกจากจะเป็นเสือแล้วขนาดของมันก็ยังใหญ่เกือบๆ 6 เมตร ไหนจะรูปลักษณ์ของมันที่ต่างกับเสือทั่วไปที่มีขนเป็นสีส้มลายสีดำ เจ้านี้มีขนสีดำลายสีขาว ดวงตาสีทองเปร่งประกายออร่าออกมาตลอดเวลาผนวกกับเขี้ยวสีเงินกรงเล็บสีทองยิ่งทำให้สัมผัสได้เลยว่ามันคู่ควรกับการเป็นบอสประจำชั้นจริงๆ
กรรร ฟุบ แคร็ง!!
“ อึก!!! บ บ บ้าไปแล้ว!! ตัดเหล็กได้ง่ายๆแบบนี้!! ”
“ ข ข ขอโทษ ”
ฉึก กรรร!!
การปะทะกันนั้นได้เริ่มขึ้นโดยที่เห็นได้ชัดเลยว่าคอนเซนเทลนั้นเสียเปรียบอย่างรุนแรง โล่ที่ใช้ป้องกันนั้นถูกตัดผ่านอย่างง่ายดายราวกับมีดร้อนตัดผ่านเนย ส่วนทางด้านของอคโตเองเธอก็เหมือนจะสวนกลับใส่มันทว่าการโจมตีนั้นมันไม่ได้แม่นยำเลยสักนิด มันเป็นการแทงไปโดนแบบเฉียดๆเสียเท่านั้น
และด้วยเหตุนี้การต่อสู้จึงยืดยาวออกไปนานกว่าที่ควรจะเป็น หนึ่งอาจจะบอกได้ว่าเป็นเพราะตอนนี้ปาร์ตี้ของมาร์นั้นสู้ได้ไม่เต็มสักเท่าไหร่ แต่ก็มีอีกอย่างนั้นก็คือเจ้าบอสนี้มันเคลื่อนที่ไปมาได้รวดเร็วผิดกับขนาดตัวของมัน ไหนการเคลื่อนที่ของมันก็แทบจะไร้เสียงอีกยิ่งยากต่อคอนเซนเทลที่มีหน้าที่ป้องกันขึ้นไปอีกหลายเท่า
ฟุบ เคร็ง เคร็ง
“ โล่ของเรา… ชิ!! ”
คอนเซนเทลนั้นเข้าตาจนอย่างเห็นได้ชัด เพราะในตอนนี้เขาเก็บโล่ ไม่สิ ซากโล่ของเขาเอาไว้ที่หลังแล้วหันมาอาศัยดาบที่อยู่ในมือเป็นตัวปัดป้องแทน ใช่…ตอนนี้โล่ของเขามันหมดสภาพไปแล้ว รอยข่วนขนาดใหญ่ที่ไม่เฉียดโดนไม่ได้ตัดผ่านก็ฝากร่องรอยไว้บนตัวโล่ ส่วนการโจมตีไหนที่สำเร็จก็ตัดแต่งให้โล่ที่ในตอนแรกควรจะใหญ่เท่าตัวของเขา กลายมาเป็นโล่ขนาดเท่ากับแขนเด็กแทน
ฟุบ ฉึก ฟุบ ฟุบ
“ อาจารย์!! ข้างหลัง!! ”
“ อ อ อ่า… ข เข้าใจแล้ว ”
[ โห่ แย่แล้วนะนั้น ]
ส่วนอคโตเธอยิ่งแล้วใหญ่ มาร์นั้นสังเกตุเห็นได้เลยว่าเธอนั้นเหมือนจะเขวไม่ยอมฆ่ามันสักที ไม่สิ ไม่ยอมโจมตีจุดตายเลยด้วยซ้ำจนหลายหนการแทงดาบที่แม่นยำนั้นก็พลาดไม่โดนสิ่งใดเลย ซึ่งสาเหตุนั้นก็คงเป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในใจของเธอตอนนี้
[ สติ… ชั้นต้องทำ หน้าที่… ใช่… มันไม่ใช่เสือ… มันไม่ใช่สิ่งที่ชั้นเลือก… ใช่ มันก็แค่บอส… แค่… อึก ]
อคโตพยายามบอกกับตัวเองอยู่แบบนั้นเพราะสำหรับตัวเธอแล้วสิ่งมีชีวิตตรงหน้าไม่ใช่เพียงแค่บอสประจำชั้น แต่มันยังเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกับที่เธอเลี้ยงเอาไว้ การให้เธอมาฆ่าสัตว์ที่เหมือนกับสัตว์เลี้ยงของตนนั้นมันช่างเจ็บปวดเกินไป ส่วนมาร์ เขายังคงยืนดูสถานการณ์อยู่ห่างๆพร้อมกับคอยบัฟให้ทั้งคู่ไปเรื่อยๆ แต่ว่าจากสถานการณ์ปัจจุบันเจ้าตัวเองก็เริ่มคิดแล้วว่า…
[ ถ้าอีก 5 นาทียังไม่มีอะไรคืบหน้า ผมจะเล่นเองแล้วนา… โอ๊ะ? ]
ฉัวะ กรรรร!!
“ เอาก็เอา!! ในเมื่อโล่ดันใช้ไม่ได้แล้วนี่!! ”
ทว่าเวลานั้นคงไม่ได้จะถึง 5 นาที บางอย่างก็เปลี่ยนไป คอนเซนเทล อัศวินหนุ่มนั้นเริ่มจะเรียนรู้จากศัตรู เขาไม่ป้องกันอีกต่อไปแล้วพร้อมกับเริ่มที่จะหลบการโจมตีแบบที่อาจารย์ของเขาทำ พร้อมกันนั้นเจ้าตัวก็ได้ทิ้งโล่ที่อยู่บนหลังของเขา ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นการถือดาบคู่ซึ่งเป็นสิ่งที่พาลาดินไม่คิดที่จะทำ
ฟุบ ฉัวะ ฉัวะ กรรร!!
“ โห…มา Awaken ในหอคอยเฉย เอาเถอะ อย่างน้อยก็เป็นเรื่องดีกว่ามาตายล่ะนะ ”
มาร์แม้จะบ่นออกมาแบบนั้นเขาก็กำลังยิ้มอยู่ จากที่สังเกตุเห็นได้ว่าทักษะการโจมตีของคอนเซนเทลนั้นเปลี่ยนไปมากจากตอนแรกที่เจอกัน ถ้าให้อธิบายแบบง่ายๆก็คงเป็น ตอนนี้นั้นคอนเซนเทลมีประสบการณ์มากพอแล้ว เขารู้ว่าต้องทำอะไรมากกว่าจะยึดตามสิ่งที่ฝึกๆมา ยึดตามตำราและขนบธรรมเนียมของพาลาดิน แน่นอนว่าการเปลี่ยนไปนั้นเกิดขึ้นมานับตั้งแต่การเจอกับผู้เฝ้าชั้น คอนเซนเทลเริ่มจะลดการป้องกันแล้วหันมาหลบแต่สุดท้ายก็ยังป้องกันอยู่ดี ทว่านี้เป็นครั้งแรกที่เขากล้าจะสู้ในแบบที่ควรเป็น แบบที่…การโจมตีที่ดี คือการป้องกันที่ดี
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ กรรรรรรรร!!
“ มาสิ… มาเลย เจ้าเสือยักษ์!! ”
คอนเซนเทลไม่โจมตีแบบบ้าบิ่นและไร้ประโยชน์อีกต่อไป เขาใช้ทุกสัมผัสที่ตัวเองมีแล้วก็รอจังหวะที่ต้องหลบการโจมตีพร้อมกับคอยหาจังหวะที่สามารถจะสวนกลับได้ แม้จะช้าแต่เจ้าตัวก็ใจเย็นพอจะทำไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนร่างของเสือยักษ์นั้นเต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย และเปลี่ยนขนของมันให้ชุ่มชโลมไปด้วยเลือดสีแดง
“ ไม่นะ!! อย่า!! ”
“ อคโต ถ้าไม่ไหวก็ถอยออกมา… ”
“ ค ค ค่ะ…รับทราบค่ะนายท่าน… ”
อคโตที่เห็นว่าเจ้าเสือนั้นตกอยู่ในสภาพที่แทบจะไม่ไหวแล้ว ก็พยายามจะห้ามไม่ให้คอนเซนเทลทำร้ายมันต่อด้วยการตะโกนออกมา ทว่าเสียงนั้นไม่มีทางไปถึงอัศวินหนุ่มที่ในหัวตอนนี้มีแต่ความเป็นความตายของตนวนเวียนไปมา แต่มาร์นั้นไม่ใช่ เขาได้ยินและเพราะแบบนั้นเจ้าตัวก็รู้ได้ว่าข้ารับใช้ของตนไม่ไหวแล้วเป็นเหตุให้เขาสั่งออกไปแบบนั้น ก่อนที่อคโตจะก้มหัวขานรับและกระโดดมายืนอยู่ข้างๆ
กรรรร
“ แฮก แฮก ”
ทว่าต่างฝ่ายต่างห่ำหั่นกันอยู่อย่างนั้นนานหลายนาที และมันก็ทำให้ฝ่ายของคอนเซนเทลเริ่มหมดแรงแม้ว่าจะมีบัฟของมาร์ ส่วนฝ่ายของบอสประจำชั้นนั้นก็เริ่มจะเคลื่อนไหวช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ด้วยจังหวะนี้เองคอนเซนเทลก็ได้มองไปยังดวงตาของมันก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปเพื่อโจมตี
“ โห่… ใจร้อนไปนะ ใจร้อนไป ”
ปุก กรรรร!!
อย่างไรก็ดีการพุ่งเข้าไปหวังเผด็จศึกนั้นมันก็อันตราย เพราะแท้จริงแล้วเจ้าเสือนี้มันยังไม่ได้บาดเจ็บจนไม่ไหว มันแค่รอโอกาส แน่นอนพอคอนเซนเทลพุ่งเข้าไปมันก็พร้อมที่จะฆ่าเขาได้ในทันที ดีที่ว่ามาร์นั้นมองดูอยู่ตลอดเขาก็เลยตัดสินใจช่วยอัศวินหนุ่มด้วยการหยิบเอาปืนพกประจำตัวที่ติดท่อเก็บเสียงขึ้นมาเล็งยิงเข้าไปในในเงาสีดำที่อยู่ข้างๆ ก่อนที่เงานั้นจะไปปรากฎตัวบนหลังหัวของเสือยักษ์นี้ ทำให้มันร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
“ ตอนนี้ล่ะ!! ”
ฉึก กึก กึก ตุบ ฟู่…
และจังหวะที่มันกำลังเจ็บปวดจากการถูกยิงเข้าหัว มันก็เงยหน้าขึ้นเผยให้เห็นช่องว่างที่แท้จริงและทำให้คอนเซนเทลใช้ดาบสีแดงของเขาแทงทะลุเข้าไปที่ใต้คางของมันก่อนจะสวนออกไปยังอีกฝั่ง ทำให้ดวงตาของมันที่เป็นสีทองค่อยจางลงกลายเป็นสีขาวก่อนที่ไม่นานเลยร่างของมันจะค่อยสลายกลายเป็นผงสีฟ้าไป
ตุบ
“ ฮ่าห์ ฮ่าห์ ฮ่าห์ รอดแล้ว… เรา รอดแล้ว!! โอ๊ย!! ”
คอนเซนเทลที่สามารถชนะมันมาได้ ก็ล้มลงนอนหงายหน้าหมดเรี่ยวแรงในทันที เขามองขึ้นไปบนเพดานของชั้นนี้พร้อมกับชูมือขึ้นชี้ไปทางนั้นอย่างภาคภูมิใจ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มทว่ารอยยิ้มนั้นก็คงอยู่ได้ไม่นานสักเท่าไหร่เพราะผลกระทบจากการฝืนสู้เกินตัวก็ทำให้ร่างกายของเขาบาดเจ็บไปหลายจุดเลยทีเดียว
ตุบ ตุบ clap clap
“ เอาล่ะ เอาล่ะ ยินดีที่ชนะได้นะ ทีนี้นอนเฉยระหว่างที่ผมรักษาล่ะ ”
“ ค ค ครับ…ขอบคุณครับท่านมาร์ ”
มาร์เดินมาพร้อมกับปรบมือให้กับสิ่งที่เขาทำได้ก่อนจะค่อยๆรักษาอย่างช้าๆ โดยไม่ให้มานาเข้าไปปนกับตัวของคอนเซนเทลมากเหมือนปกติที่เขารักษาเมดของเขา อย่างไรก็ดีระหว่างที่รักษาไปนั้นคอนเซนเทลก็มองมายังมาร์ด้วยสายตาที่อ่อนล้า ทว่าสายตาก็ผิดกับสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่
[ บอสในชั้นนี้มัน…อันตรายก็จริง แต่จากการโจมตี จากความเร็ว ขนาดตัว ถ้าเทียบกับผู้เฝ้าชั้นนั้นแล้ว อึก… นี้ท่านมาร์จัดการมันได้ด้วยมือเปล่ากับเจ้านี้เองก็คง…ไม่ต่างกันสินะ ]
“ คุณมาร์คะ นี้ค่ะของที่เจ้าห… ที่บอสดรอปไว้ค่ะ ”
“ ? ”
และระหว่างที่รักษาอยู่นั้น บอสของชั้นก็ได้ดรอปไอเทมออกมา 2 ชิ้นโดยที่อคโตเป็นคนถือมันมาให้เขากับคอนเซนเทลได้เห็น ชิ้นแรกคือเกราะไหล่ขวาที่เป็นแผ่นเหล็กเรียงกันเป็นรูปตัว V ต่อๆกันไปเรื่อยจนถึงปลายมือโดยตัวเกราะนั้นถูกคลุมไปด้วยหนังของเจ้าเสือนั้น ส่วนอีกชิ้นก็คือเกราะเหล็กสีดำที่ไม่ไว้ใส่ป้องกันได้เพียงบริเวณช่วงอกของผู้ใส่ รูปลักษณ์ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
“ จะว่าไปแล้วนะ…ไหนๆ คอนเซนเทลก็เป็นคนจัดการมันได้ก็เอาไปใช้ซะสิ ”
“ ผ ผ ผม?!? จะดีจริงๆเหรอครับท่านมาร์!! ”
“ เดี๋ยวๆ เรียกคุณมาร์ก็พอ เห้ออ เอาไปเถอะจะได้เป็นการอัพเกรดแนวหน้าอย่างนายด้วยไง นี้ทั้งเกราะไหล่ เกราะอก มันใช่กับผมไม่ได้หรอก ส่วนของอคโตเองก็ดีกว่าดังนั้นนายเอาไปน่ะดีแล้ว เข้าใจนะ? ”
“ ค ค ครับขอบคุณครับท่านมาร์!! ”
คอนเซนเทลกล่าวขอบคุณพร้อมกับรับของนั้นมาทั้งที่ยังนอนหมดสภาพอยู่ อย่างไรก็ตามหลังจากรักษาได้ราวๆ 10 นาที ทั้ง 3 ก็ออกเดินเท้ากันต่อ เพื่อไปยังชั้นถัดไปโดยทางลงนั้นก็ยังหรูหราเหมือนเดิมหินอ่อนและบันไดวน และคราวนี้สถานที่ที่พวกเขามาเจอนั้นมันก็ผิดไปจากก่อนหน้าเพียงเล็กน้อยที่…
“ เข้าสู่พื้นที่ตอนปลายแล้วสินะ อืมมม อากาศร้อนได้เรื่องเลยแหะ ”
“ น น นั้นสินะครับ แต่ว่าก็ดูเงียบสงบดีนะครับเนี่ย ”
“ ร้อน…? ”
คราวนี้รอบๆตัวนั้นเป็นป่าร้อนชื้นขนานแท้ที่ไม่มีอะไรดูเป็นพิษเป็นภัยเลย กลับกันบรรยากาศที่นี้มันเหมาะแก่การมาสร้างบ้านต่างอากาศอยู่เลยทีเดียว ถ้าไม่ติดว่ามันร้อนและชื้นสมกับชื่อป่า แต่มาร์กับอคโตคงไม่มีปัญหาเท่าคอนเซนเทลที่สวมเกราะหนา มาร์นั้นเรียกได้ว่าชินกับทุกสภาพอากาศอยู่แล้วนั้นทำให้เขาไม่รู้สึกอะไรมาก ส่วนอคโต…เธอเป็นวอล์ดอล อุณหภูมิร้อนหนาวไม่มีผลกับเธอเลยสักนิด
ตึก ตึก แซก แซก ตึก
“ … ”
“ แปลกจังเลยนะครับมาตั้งขนาดนี้แต่ยังไม่เจออะไรเลย ”
“ อย่าทักแบบนั้นสิครับคอนเซนเทล เห้ออ… ”
ทั้ง 3 คนเดินมานานเกือบจะครึ่งชั่วโมงแล้วแต่ว่าก็ไม่เจอมอนสเตอร์เข้ามาโจมตีเลยสักหน จนทำให้เกิดความรู้สึกว่าชั้นนี้มันร้างหรือยังไง ซึ่งคอนเซนเทลที่คิดแบบนั้นก็หลุดปากพูดออกมาตามปกติของเขา มาร์เองก็ตอบกลับด้วยท่าทางสบายๆทำให้บรรยากาศแม้จะตึงเครียดแต่ก็จัดอยู่ในระดับที่ยังสบายใจได้อยู่
แซก แซก แซก กี้?
“ อ่า…ไม่น่าทักเลยจริงๆนะครับ ”
“ น น นั้นมันมนุษย์?!? ไม่สิ มันอะไรกัน?!? ”
ทว่าเพียงไม่ถึง 1 กิโลเมตรจากจุดที่คอนเซนเทลทัก พวกเขาก็ได้มาเจอกับสิ่งๆหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่บนหิน รูปลักษณ์ของมันนั้นคล้ายกับมนุษย์ทว่าแขนขากลับยาวกว่าทั้งบนตัวก็เต็มไปด้วยขนสีน้ำตาล ไหนใบหน้าที่ช่วงปากนั้นใหญ่กว่าส่วนบน มันจ้องมองมาด้วยดวงตาดวงเล็กๆสีเหลือง จ้องมายังพวกเขาพร้อมกับในมือที่กำลังปลอกแท่งบางอย่างสีเหลืองอยู่ ทันทีที่มันเห็นพวกเขาจากสีหน้าดูมีความสุขก็เปลี่ยนมาเป็นตกใจก่อนจะลุกขึ้นชี้มาด้วยแท่งสีเหลืองนั้น
“ อู๊ อู๊ อ๊าาาา!! อู๊ก๊าาา!! ”
อู๊ๆ อู๊กี้ๆๆ อู๊อ๊ากกก!!
“ ชิบหายละ…ร้องแบบนั้น มากันเป็นฝูงแหงๆ ”
……
MANGA DISCUSSION