กึง กึง ฉัวะ ฉึก กึง กึง กึง
“ ตั้งโล่ให้มันดีๆหน่อย!! คอนเซนเทล ชั้นไม่ได้เจี่ยเวลาดูแลคุณมาร์มาสอนให้นายทำตัวไม่ได้เรื่องนะ!! ”
“ ข ข ข เข้าใจแล้วครับอาจารย์!! ต ต แต่ไอมอนสเตอร์พวกนี้มัน ม ม มาไม่หยุด… อึก โธ่เว้ย!! ”
“ แล้วมันก็ดีไม่ใช่หรือยังไง? คู่ต่อสู้ที่ฆ่าเราได้น่ะ มันคืออาจารย์ที่ดีที่สุดเลยไม่ใช่เหรอคอนเซนเทล? อย่างตอนเจ้ากวางนั้นนายเองก็เรียนรู้ที่จะหลบแทนที่จะยืนรับดาเมจไม่ใช่หรอ หรือว่าจะเป็นตอน… ”
“ โธ่!! ท่านอาจารย์!! เข้าใจแล้วครับ!! เข้าใจแล้…!! อึก หยุดพุ่งเข้ามาสักทีเถอะ!! ”
เวลาล่วงเลยไปเกือบๆ 5 วันแล้วนับแต่ปาร์ตี้ Pathfinder เข้ามาในหอคอย พวกเขาทั้ง 3 ก็ได้ลุยผ่านอะไรหลายอย่างทั้งบอส ทั้งมอนสเตอร์ในรูปแบบทะลุทะลวงไม่สนใจว่ามันจะอันตรายแค่ไหน ซึ่งนั้นเองก็ทำให้ในระหว่างทาง หลายครั้งจะมีปาร์ตี้อื่นติดสอยห้อยตามมาด้วย
[ โอ้? เจ้ากวางนั้นเอง แหมๆ ตอนนั้นเราก็ไม่ได้ทำอะไรเยอะด้วยซิ ถ้าเทียบกับตอนเจ้างูนั้นถ้าเราไม่ช่วยคอนเซนเทลได้ตายแหงๆ อืมมม หรือว่าเราควรจะไม่ช่วยแล้วให้เขาได้เรียนรู้แบบที่อคโตว่าดีหว่า ]
อย่างที่มาร์กำลังคิดถึงอยู่ในตอนนี้ สถานที่ที่ทำให้ปาร์ตี้ปลิงพวกนั้นต้องแยกย้ายจากพวกเขา ใช่…ทุกครั้งที่ไปถึงยังห้องบอส เพราะบอสที่เจอในแต่ละหนนั้นเริ่มจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆต่างจากตัวแรกที่เป็นกระรอกยักษ์อย่างสิ้นเชิง เริ่มจากบอสตัวที่ 2 ซึ่งอาศัยอยู่ปลายชั้นที่ 24 นั้นมันเป็นบอสเป็นกวางขนาดใหญ่ราวๆ 8 เมตรอาศัยอยู่ในห้องที่เป็นทุ่งโล่งๆที่มีเสาหินอยู่เป็นจุดๆไป มันมีความสามารถที่จะโจมตีด้วยสายฟ้าที่ยิงออกมาจากเขาบนหัวได้ หรือบางทีมันก็พุ่งเข้ามาพร้อมกับทิ้งพื้นที่เต็มไปด้วยไฟฟ้าสถิต ยังไงก็ตามคนที่จัดการก็ไม่ใช่ใครนอกจากอคโตที่กระโดดแทงมันไปมาจนกลายเป็นรูปปั้นหินในที่สุด ส่วนคอนเซนเทลนั้นเขาตกอยู่ในสถานะ"อัมพาตชั่วคราว" จากกระแสไฟฟ้าจนเกือบจะโดนมันขวิดตายไปหลายหน และมาร์…เจ้าตัวไม่ได้ทำอะไรนอกจากยืนมองพร้อมกับจิบน้ำชาไปด้วย
ฉึก ฉัวะ กึง กึง กึง กึง กึง ผัวะ
“ อัค!! ”
“ อย่าเพียงแค่มองสิคอนเซนเทล หูของนาย จิตสัมผัสของนาย!! ใช้มันด้วย!! ”
“ ค ค ครับอาจารย์!! ”
[ นั้นสิน้าาาจะว่าไปแล้วไอบอสงูนั้นน่ารำคาญสุดๆไปเลยแหะ ถ้าเราไม่ดีบัฟใส่ก็คงลำบากแหล่ะ แก้ดีไหมน้าา? ]
และในระหว่างที่คอนเซนเทลกับอคโตกำลังสู้อยู่ มาร์ก็ยังคงอยู่กับตัวเองแล้วคิดถึงบอสตัวที่ 3 ซึ่งอยู่ในชั้นที่ 38 บอสเป็นงู ขนาดยาวเกือบๆ 30 เมตรที่เลื้อยไปมาอย่างรวดเร็ว แถมเกล็ดบนตัวของมันก็หนาจนดาบของคอนเซนเทลฟันแทงไม่เข้า หรือแม้แต่ดาบของอคโตเองถ้าไม่เล็งแทงดีๆก็ไม่เข้าเช่นกัน ไหนมันจะเร็วและอาศัยสภาพของห้องบอสที่เป็นถ้ำมากมายเลื้อยไปมาแล้วลอบโจมตีจากมุมบอดหลายหนจนคอนเซนเทลเกือบจะโดนมันกินเข้าไปหลายครั้ง อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ผ่านมาได้ดวยดีบัฟที่มาร์ร่ายใส่บอส ดีบัฟลดการป้องกันลงครึ่งหนึ่งทุกๆ 10 วินาทีไปเรื่อยๆเป็นเวลา 1 ชั่วโมง
กึง กึง กึง กึง กึง ฉัวะ ฉึก ฉัวะ
“ อาจารย์!!! ”
“ ทนต่อไปแบบนั้นแหล่ะดีแล้วคอนเซนเทล!! ”
“ เอ๋!! กึง กึง กึง อัค!! ”
[ นั้นสิน้า ยังไงต่อดีน้า… อืมมม ถ้าเย็นนี้กินขนมปังกลางคืนเราก็จะง่วง แต่ถ้าเรากินเนื้อก็จะหนักท้อง เลือกยากจังแหะ ]
ส่วนปัจจุบันอย่างที่ได้เห็นพวกเขากำลังเดินผ่านมายังชั้นที่ 62 โดยที่ไม่เจอห้องบอสเลย อย่างไรก็ตามสิ่งที่พวกเขากำลังเจออยู่ในตอนนี้ก็คือพื้นที่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้สูงและพื้นดินที่ปกคลุมไปด้วยมอสกับต้นไม้ที่สูงไม่มากสักเท่าไหร่ เรียกได้ว่าที่นี้คือป่าดงดิบดีๆได้เลย
กึง ตูม กึง ตูม ผัวะ
“ อุค!! ช ช ชักจะแร…!! อัค!! ”
“ คอนเซนเทล สมาธิ สมาธิ… ”
[ หรือว่าเราจะไม่กินข้าวแล้วดื่มชาแทนดีล่ะ แต่…มันก็ไม่อยู่ท้องเลยแหะ ]
ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันนั้นห่างไกลจากคำว่าปลอดภัยไปไกลสุดลูกลูกตาเพราะรอบๆนั้นมันยังคงมีมอนสเตอร์ปรากฎตัวตลอด แต่ก็เป็นมอนสเตอร์ที่ต่างกับมอนสเตอร์ก่อนหน้าทั้งหมดที่พวกมันแม้จะอันตรายไปบ้างแต่ส่วนมากก็รู้ว่าจะเข้ามาโจมตีหรือถอยหนีไปตอนไหน ไม่บางตัวก็ไม่เข้ามาโจมตีเดี่ยวๆเลย แต่ที่ชั้นนี้มอนสเตอร์เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดพวกมันพุ่งเข้าใส่แบบไม่สนอะไรทั้งนั้น โจมตี โจมตี โจมตี คือสิ่งเดียวที่พวกมันทำ
กึง กึง กึง คุ คูมมม
“ โอ้กกก!! ”
“ เห้อ…ตัวขนาดนั้นยืนรับไม่ไหวหรอกนะคอนเซนเทล ”
โดยตอนนี้คอนเซนเทล อัศวินหนุ่มรับหน้าที่เป็นคนยืนป้องกันและปะทะกับมอนสเตอร์พวกนี้ ทว่าหลายครั้งที่พวกมันพุ่งเข้ามาเขาก็ต้องยืนรับแรงปะทะแบบที่แทบจะส่งให้เขาปลิวไปหลายต่อหลายหน นี้ถ้าไม่ได้บัฟของมาร์ก็น่าจะตายเพราะช้ำในไปแล้วแน่ๆ ส่วนอคโตเธอเองก็คอยสอนคอนเซนเทลและลงมือสังหารมอนสเตอร์พวกนั้นอยู่อย่างเรื่องๆด้วยการเปลี่ยนพวกมันเป็นหิน
[ เอ…แต่ว่าอยากกินสลัดจังแหะ อืมมม เอ่อ…สลัดหรือซุปหรือสเต็… ไม่ได้ ไม่ได้ ของหนักมันย่อยยาก แต่…เชี้ย สเต็กเนื้อบอสตอนนั้นมันก็เด็ดอยู่นา… ]
ทว่าจากที่เห็นมาโดยตลอดมาร์นั้นเดินตามแล้วก็เอาแต่คิดอะไรไร้สาระมาตั้งแต่ต้น นั้นก็เป็นเพราะ…นอกจากบัฟแล้ว ก็ไม่ทำอะไรเลย ทั้งป้องกัน ทั้งโจมตี เขาไม่ต้องทำมันเพราะมอนสเตอร์โจมตีเขาไม่ได้จากการที่ไม่รับรู้ด้วยซ้ำว่ามาร์อยู่ตรงนั้นทำให้สภาพของปาร์ตี้ตอนนี้คอนเซนเทลได้แต่รับดาเมจ และอคโตคอยเก็บกวาดทุกอย่าง
… …
ตึก แซกๆ แซกๆ ตึก
“ ฮ่าห์ ฮ่าห์ น น น ในที่สุดก ก ก็ได้พักสักที…อุ๊!! ”
“ ชู่…เงียบๆหน่อยสิครับ เห็นไหมนั้นน่ะ ”
“ แย่เลยนะคะหรือว่า…จะดีเลยล่ะคะ? ที่ได้มาเจอร่องรอยแบบนั้น ”
นรกแห่งการปะทะนั้นผ่านไปหลายสิบนาที ทว่าสถานการณ์ก็เริ่มจะสงบลงเมื่อพวกเขาเดินมาจนถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ที่ต่างออกไปจากก่อนหน้านี้มาก มากขนาดที่มาร์ถึงกับยกมือขึ้นมาปิดปากของคอนเซนเทลโดยที่เขาไม่ทันจะได้รู้ตัวเลย เพราะที่นี้นั้นมีแต่ร่องรอยคราบเลือดเต็มไปหมด แถมยังมีร่องรอยการต่อสู้ขนาดใหญ่อยู่อีกนับไม่ถ้วนด้วย
“ รอยถูกขีดข่วนด้วยของมีคม ร่างของนักพจญภัยที่ถูกกัดจนขาด ไหนจะ หวา…เละเทะเลยแหะ ไม่เหลือสภาพเดิมเลยด้วย ดูท่าเราจะ…โชคดีได้เจอกับผู้เฝ้าชั้นแล้วล่ะนะทุกคน อืมม ถ้าคิดไม่ผิดก็คงอยู่แถวๆนี้นี่แหล่ะ ”
มาร์ที่ได้เห็นสถานที่ตรงหน้าก็รีบสำรวจด้วยสายตาของเขาอย่างรวดเร็ว ร่องรอยมากมายปะปนกับซากศพของนักพจญภัยและมอนสเตอร์นับสิบเลยทำให้เขาเอ่ยปากพูดออกมาวพร้อมกับรอยยิ้มแสนสดชื่น ทำเอาอคโตที่มองมาเหม่อไปชั่วครู่ แต่กับอีกคนนั้นต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
“ ผ ผ ผู้เฝ้าชั้น!!! หมับ อุก!! ”
“ ชี่!! เบาๆหน่อยสิ เดี๋ยวมันก็ตามเสียงมาหรอก โธ่… ”
คอนเซนเทลนั้นหน้าซีดทันทีที่ได้ยินชื่อดังกล่าวมันทำให้เขาตะโกนออกมาด้วยความกลัวที่ซ่อนอยู่ในใจ ทว่ามาร์ก็ใช้มือนั้นรีบปิดปากของอัศวินหนุ่มเอาไว้ ใช่…คอนเซนเทลนั้นรู้จักสิ่งนี้ผ่านการรายงานของกิลล์นักพจญภัย มันคือผู้เฝ้าชั้นตามชื่อ มันนั้นไม่เหมือนบอส มันไม่มีเกณฑ์วัดแน่นอน เลเวล สเตตัสมันลึกลับไปหมด ไหนมันเองก็ไม่เคยจะอยู่นิ่งออกตะเวนไปทั่วชั้นที่ตนอยู่โดยมีเส้นทางไม่แน่นอน โดยตัวของเจ้าสิ่งนี้จะปรากฎอยู่ในชั้นบางชั้นที่อยู่ลึกลงไปมากๆเท่านั้นและจะไม่หายไปจนกว่าจะถูกกำจัด แน่นอนว่าการฆ่ามันได้ก็จะได้รางวัลที่มากเสียพอจะเลิกเป็นนักพจญภัยได้เป็นปีๆ แต่กลับกันมันก็เสี่ยงตายอย่างสุดๆ
“ โอะ…ความรู้สึกนี้ ”
“ คุณมาร์คะ…มานามัน… ”
เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะรอบๆตัวผู้เฝ้าชั้นนั้นจะมีมานาผิดปกติบางอย่างที่ทำให้การใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือไม่ทำงาน หมายความว่าการจะเทเลพอร์ตหนีจึงเป็นไปไม่ได้เลย และสิ่งเดียวที่อุปกรณ์ช่วยเหลือของกิลล์จะทำได้คือรายงานไปให้ทุกคนได้ทราบว่า…ผู้สวมใส่ถูกฆ่าโดยผู้เฝ้าชั้น
กรอดดดด
“ เห้อ… หูดีจริงๆนะแก ”
“ ย ย ย แย่… ”
“ ไม่หรอกค่ะ น่าจะเป็นจมูกดีเสียมากกว่านะคะ ”
และไม่นานนักเจ้าสิ่งที่ว่าก็ปรากฎตัวออกมาพร้อมกับเสียงหายใจฟืดฟาดราวกับกำลังดมอะไรบางอย่างอยู่ มันคือหมาป่าสีแดงตัวใหญ่เกือบๆ 3 เมตรครึ่งที่ใบหน้าของมันดุร้ายเกินยิ่งกว่าหมาป่าจะเทียบได้แม้แต่น้อย เขี้ยวของมันนั้นทั้งใหญ่และคมอย่างกับมีดที่งอกอยู่ให้เห็นบนหน้าของเสือเขี้ยวดาบ ไหนบนตัวของมันเองจะถูกหุ้มไว้ด้วยเกราะเหล็กกับขนสีแดงที่สง่างามราวกับผ้าคลุมหรูหรา และสุดท้ายกรงเล็บของมันก็ไม่ใช่กรงเล็บแบบที่หมาป่าจะมีกันได้ มันเป็นกรงเล็บที่ยาวคมและเงาเหมือนกับดาบแถมสีของมันก็แดงดุจดั่งเลือดอีกด้วย
กรรรรรรรรรร
“ อึก…กรอด… เอาก็เอา!! ”
“ อคโต!! ”
“ รับทราบค่ะ!! ”
หมับ
“ อัคคค!! ”
มันคำรามใส่คอนเซนเทลด้วยเสียงที่ทำให้พื้นสะเทือนอย่างรุนแรงก่อนจะกระโจนใส่เขาทันทีด้วยความเร็วที่ตายังมองตามได้ยากนักนั้นทำให้อัศวินหนุ่มยกโล่ขึ้นเตรียมปะทะในทันที แต่มาร์…ต่างออกไปเขาขานชื่อของอคโตและนั้นก็ทำให้เธอที่รับใช้เขามาตลอดรับรู้ได้ว่าต้องทำอะไร ซึ่งก็ทันทีทันใดนั้นที่เธอรับรู้ได้มือของเธอก็คว้าคอเสื้อของอัศวินหนุ่มไว้ได้ทันก่อนจะดึงตัวเขาออกมาแล้วเริ่มกระโดดถอยออกมาอย่างรวดเร็ว
“ ท่านมาร์!! อึก… อาจารย์!! และท ท่านมาร์ล่ะครับ!!! จะทิ้งท่านไว้เป็นเหยื่อล่ออย่างงั้นเหรอครับ!! อุ๊!!! ”
“ ใจเย็นก่อน…ใครว่าจะทิ้งเขาไว้คนเดียวกันล่ะ ”
คอนเซนเทลพยายามเรียกมาร์ด้วยการตะโกนออกมาทว่าในสถานการณ์ในตอนนี้ที่ถูกดึงคออยู่ก็ทำให้เขาคิดขึ้นมาได้ว่า อคโตผู้เป็นอาจารย์อาจจะทิ้งซัพพอร์ตไว้เป็นเหยื่อล่อแล้วหนี นั้นทำให้เขาหันไปมองอคโตในทันทีแล้วตะคอกใส่เธอ ทว่าในตอนที่เขากำลังจะได้พูดต่อนี้เองอคโตก็ได้ใช้ผ้ายัดเข้าไปในปากของอัศวินหนุ่มทำให้เขาไม่อาจจะพูดอะไรต่อได้ ก่อนที่ตัวของเธอเองจะเอ่ยปากพูดอย่างช้าๆแล้วก็ชี้ไปทางที่มาร์กับเจ้าผู้เฝ้าชั้นนั้นอยู่
กรร …กึกกึก… ก…ร…ร ควับ ควับ แก็ง!!
“ หืมมม… เอ… อย่าดื้อนักสิเห้ย… ”
“ อ อ อะไรกัน…ป ป เป็นไปได้ยัง…น น นี้มันภาพห..ลอ..น?!? ”
“ ชั้นไม่ทิ้งเขาไว้หรอก กลับกัน…ชั้นแค่พานายออกมาดูจะได้เห็นชัดๆต่างหาก ”
ภาพคอนเซนเทลได้เห็นนั้นมันเกินกว่าสามัญสำนึกของเขาจะเข้าใจได้ ภาพในตอนแรกที่เขาคิดคือซัพพอร์ตยืนหลังอย่างมาร์จะต้องโดนผู้เฝ้าชั้นขย้ำปางตาย ทว่าตอนนี้มันกลับตาลปัตรเพราะมาร์ที่น่าจะอ่อนแอ เขากำลังยืนบีบคอของมันแล้วยกมอนสเตอร์ขนาดใหญ่กว่าตัวเองเกือบๆ 3 เท่าขึ้นด้วยแขนเดียว จนมันที่ตอนนี้กลายเป็นเหยื่อทำอะไรไม่ได้นอกจากพยายามจะโจมตีมาร์ด้วยกรงเล็บ ทว่าพอเล็บนั้นกระทบกับผิวหนังของมาร์ มันก็แตกกระเด็นออกอย่างกับว่าไอกรงเล็บที่แสนคมนั้นมันไม่ใช่ของจริง
กึก กึก กึก ก……ร……ร……ร
“ เห้อออ จริงๆก็ไม่ได้อยากจะทำหรอกน้าา เป็นไปได้ก็อยากจะปล่อยให้ไปสนุกกับปาร์ตี้อื่น แต่ว่าบังเอิญญญ บังเอิญแกโชคร้ายเองที่โผล่มาขวางทางไปต่อแบบนี้น่ะ แย่เลยเนอะ แล้วถ้าจะให้สมาชิกของผมสู้ก็จะเสียเวลาเกินไป แถมอาจจะตายได้อีกไม่คุ้มเลยจริงๆ ดังนั้นก็ บาย ”
กร็อบ … … ฟู่…
มาร์ค่อยๆบีบคอมันอย่างช้าๆก่อนที่ไม่นานจะเกิดเสียงบางอย่างที่แตกหักดั่งสนั่นไปทั่วบริเวณและเสียงนั้นก็ทำให้เจ้าหมาป่าแดงแน่นิ่งไปพร้อมกับคอที่พับลงราวกับหุ่นเชิดที่ถูกตัดสาย ซึ่งก็เพียงไม่กี่วินาทีหลังจากที่มันตายอยู่ในมือของมาร์ ร่างของมันก็ค่อยๆสลายกลายเป็นผงสีฟ้าปนสีแดงและดรอปไอเทมเอาไว้จำนวนหนึ่ง
“ เรียบร้อย เรียบร้อย โอ้! จริงด้วย คอนเซนเทลอยากจะได้อะไรก็เอาไปเลยนะ แต่ว่าแค่ชิ้นเดียวล่ะ ”
เมื่อมันตายลงไปแบบนั้น มาร์ก็หันมามองกับทั้งสองด้วยรอยยิ้มที่สดใสเช่นเดิม ก่อนจะค่อยๆเดินนำพวกเขาไปอย่างช้าพร้อมกับเริ่มเหม่อเหมือนกับกำลังคิดถึงอะไรบางอย่างอยู่ บางอย่างที่รู้ไปแล้วก็จะทำให้ทุกคนพูดออกมาในทำนองเดียวกันว่า…ไร้สาระชะมัด
“ ค ครับท่านมาร์ ”
“ ได้ยินแล้วใช่หรือเปล่าคอนเซนเทล รีบเลือกแล้วก็รีบไปต่อ… ”
“ ด ด เดี๋ยวนี้ล่ะครับอาจารย์!! ”
คอนเซนเทลขานรับคำพูดของมาร์ด้วยใบหน้าที่สับสนมิใช่น้อย อย่างไรก็ตามเขาก็ได้การเรียกสติกลับมาด้วยคำพูดของอคโตที่ยืนอยู่ด้านหลังพร้อมกับชี้ไปยังบริเวณที่ไอเทมตกลง ที่นั้นมีดาบสีแดงที่เหมือนกับขนและกงเล็บของผู้เฝ้าชั้นผสมกัน แผ่นเหล็กประหลาดที่น่าจะมีราคาไม่น้อยหากเอาไปขาย ขนของมันที่สีแดงและหนานุ่มสุดๆ หัวของมัน ใช่นี้เป็นครั้งแรกที่มอนสเตอร์ดรอปร่างกายของมันโดยเฉพาะส่วนหัวที่หากนำไปขายให้นักสะสมราคาก็พุ่งไปหลายแสนได้อย่างไม่ยาก
[ ข ของชิ้นเดียว… ไม่เห็นจะยากเลย… เงินน่ะมันเอามารักษาชีวิตตัวเองไม่ได้หรอก!! ]
ทว่าคอนเซนเทลเขาไม่คิดถึงเรื่องเงินเลยในตอนนี้ ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจไม่ยากที่จะคว้าเอาดาบสีแดงมาในทันที โดยการที่เขาทำแบบนั้นก็ทำให้อคโตพยักหน้าอย่างช้าๆแล้วก็เดินตามนายท่านของเธอไปโดยมีคอนเซนเทลวิ่งตามมาข้างหลังติดๆ ก่อนที่ไม่นานรูปแบบขบวนนั้นจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมคือ คอนเซนเทลนำ และ มาร์เดินเหม่อตามอยู่ด้านหลัง
ตึก ตึก ตึก
“ ค ค คือว่าท่านอาจารย์ครับผมขอถามอะไรได้หรือเปล่าครับ? ”
“ มีอะไรอย่างงั้นเหรอคะถึงได้ชวนคุยในสถานการณ์ที่ยังไม่ปลอดภัยแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เรื่องที่มีค่าพอ ดิชั้นคงต้องเพิ่มบทลงโทษในช่วงซ้อมตอนพักเพิ่มนะคะ ”
“ อ อึก…ครับ คือว่าผมสงสัยว่า ท่านมาร์เขาเก่งระดับไหนอย่างงั้นเหรอครับ…ถึงขนาดฆ่าผู้เฝ้าชั้นด้วยมือเปล่า มือเดียว แบบนั้นได้ ”
“ …นั้นสินะคะ เป็นคำถามที่ดีเลยนะคะคอนเซนเทล ”
แต่ในระหว่างเดินไปยังจุดหมายถัดไปนั้น คอนเซนเทลก็ได้ใช้ช่วงเวลาหนึ่งที่ยังไม่ออกจากเขตของผู้เฝ้าชั้น เพื่อหันมาถามกับอาจารย์ที่เดินตามมา ตอนแรกเธอนั้นเหมือนจะเตรียมตัวคิดแผนลงโทษเขาเอาไว้แล้วทว่าพอคำถามนั้นเกี่ยวกับมาร์ท่าทีของเธอก็ดูอ่อนโยนลงทันที
“ ถ้าบอกไปทั้งหมด…ก็คงจะไม่ได้ เอาเป็นว่าต่อให้มีชั้นเป็นล้านล้านล้านคนก็ไม่สามารถสร้างแผลบนร่างกายของเขาได้หรอกค่ะ ”
“ อึก…แล้วแบบนั้นก็แสดงว่าท่านมาร์คนเดียวก็ถล่มที่นี้… ”
“ จะถามต่อก็ได้นะคะ แต่ถ้าทำคืนนี้จะถูกสั่งให้ไปซ้อมจนกว่าพระอาทิตย์จะขึ้นเลยดีไหมล่ะคะ? ”
“ ค ค ครับ!! ”
อคโตก็พูดออกมาด้วยเสียงเรียบๆของเธอแต่มันก็แฝงไปด้วยความภูมิใจอะไรบางอย่างทำเอาคอนเซนเทลถึงกับอ้าปากค้างไปชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะถามต่อซึ่งยังไม่ทันจะได้พูดจบก็ถูกอคโตขัดขึ้นมาด้วยเสียงเรียบๆที่แฝงไปด้วยแรงกดดันมากเกินจะหยั่งถึงทำเอาอัศวินหนุ่มรีบหันหน้ากลับไปแล้วเดินต่ออย่าตั้งอกตั้งใจในทันที ส่วนมาร์ที่กลับมาเดินตามหลังก็…
[ อืมมม เย็นนี้กินสลัดเนื้อแล้วกัน!! อ่า…พูดถึงเนื้อแล้วก็…จะว่าไป ผู้เฝ้าชั้นตอนแรกออกแบบมาว่าจะให้เก่งแท้ๆ แต่ไหงตายง่ายงี้น้า? สงสัยต้องเพิ่มทักษะลงไปล่ะนะ อย่างเช่นควบคุมมอนสเตอร์ในชั้นที่อยู่ใกล้ๆได้ ไม่ก็รักษาตัวเองได้…ไม่อ่ะ ไม่น่าจะเวิร์คแหะไอรักษาตัวเองได้ เหอะๆ ทานากะถ้าได้มายินไอเดียนี้มีหวังกำหมัดต่อเราแน่ๆเลย เหอๆๆๆ ]
มาร์นั้นกำลังคิดเรื่อยเปื่อยอยู่ในใจของตน ทว่าพอมาถึงเรื่องผู้เฝ้าชั้นที่ควรจะเก่งกว่านี้หน่อยหนึ่งด้วยวิธีเพิ่มทักษะตอนแรกมันก็ปกติดี จนกระทั่งมาถึงในส่วนของการรักษาตัวเองได้ มันก็ทำให้ภาพในหัวตอนชีวิตที่แล้วเด้งขึ้นมา ภาพตอนที่สหายนามว่าทานากะกำลังเล่นเกมแล้วปาจอยทิ้งเพราะเล่นเกม RPG ที่บอสมีเวทย์รีเลือดตนเองกลับมาได้ ทำให้เขาตีไม่ตายซักทีแม้จะใช้เวลาไปนานกว่า 10 ชั่วโมงแล้วก็ตาม อย่างไรก็ดีในระหว่างที่เดินอยู่เขาก็บ่นพึมพำกับตัวเองด้วยว่า
“ แต่เอาจริงๆนะ… ไปๆมาๆอยากกินสเต็กกับซุปจังแหะ ”
……
MANGA DISCUSSION