ฉัวะ เฉ๋งงง ผัวะ ผัวะ อ๊ากกกกก กี๊ กี๊ กี๊ กรี๊ดดดดด
ณ หอคอยหรือก็คือดันเจี้ยนชั้นที่ 1 ในตอนนี้กำลังเต็มไปด้วยเสียงของการปะทะมากมายนับไม่ถ้วน และทั้ง 3 คน มาร์ อคโต และคอนเซนเทลก็สามารถมองเห็นได้ทุกอย่างแบบชัดเจนสุดๆ ภาพของเหล่ามอนสเตอร์ที่อคโตเรียกว่าแฮมสเตอร์กำลังพุ่งเข้าใส่นักพจญภัยมากมายจนหลายต่อลหายคนต้องบาดเจ็บ
“ ดูแล้วแผลไม่ได้ใหญ่…แต่เน้นเยอะสินะครับคุณมาร์ ”
“ ใช่แล้วล่ะ มอนสเตอร์ในชั้นนี้ ตามที่เราออก… ตามที่เราได้ข้อมูลมามันเน้นจำนวนกับหน้าตาเข้าว่าน่ะนะ ถ้าเผลอใจไปก็จะโดนรุมตอดแบบนั้นจนตายน่ะแหล่ะ ”
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก
“ นั้นไง นั้นไง พลาดท่าไปอีกคนแล้ว เห็นมะ? ”
ในระหว่างที่ทั้งสามกำลังเดินไปยังทางลงตามแผนที่ที่ละเอียดสุดๆนั้น ( แหงล่ะก็เจ้าหนุ่มนี้มันสร้างเองกับมือนี้!! ) คอนเซนเทลก็ได้พูดขึ้นมาพร้อมกับจับตาดูรอบตัวของเขา ภาพเหล่านักพจญภัยหน้าใหม่กำลังโดนรุมด้วยมอนสเตอร์ตัวเท่าอุ้งมือนับสิบตัว มาร์เองก็ได้พูดอธิบายไปด้วยท่าทางภูมิใจอะไรก็ไม่รู้ กระนั้นก็ดีเวลาก็ช่างเหมาะเจาะพอเขาพูดจบ นักพจญภัยคนหนึ่งก็ล้มลงแล้วก็ถูกพวกแฮมสเตอร์รุมกัดนอนดิ้นแล้วจมลงไปในกองเลือดของตน
“ อืมมม ช่างเป็นมอนสเตอร์ที่มีหน้าตาเป็นอาวุธสินะครับเนี่ย ฮึบบบ ผมเองก็ต้องระวังบ้างสินะ ”
ว่าแล้วตัวของคอนเซนเทลก็คว้าเอาดาบกับโล่ของตนออกมาพร้อมกับเดินนำหน้ามาร์ออกไป โดยที่สายตาของเขานั้นเห็นได้ชัดเลยว่าตอนนี้กำลังระมัดระวังตัวขนาดไหน เช่นกันมาร์เองก็ได้หันไปมองยังอคโตที่เดินตามมาอยู่ เธอที่เห็นก็รีบวิ่งตามไปยังด้านหลังของอัศวินหนุ่มในทันที
“ ก็นะ ยังไงฝากแนวหน้าด้วยล่ะ ”
“ ครับ!! ”
คอนเซนเทลขานรับในทันที ส่วนมาร์ก็เริ่มจะเดินช้าลงเพื่อให้อยู่ที่ด้านหลังของทั้งสอง ทว่าเขาเองก็รู้สึกอะไรบางอย่างได้จากการเดินช้าลงแบบนี้ ความรู้สึกที่ผิดปกติจากตัวของอคโต ราวกับว่าเธอที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้ไม่ใช่เธอตามปกติที่เป็นเลยสักนิด
[ เอาเถอะ ยังไงหอคอยนี้ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกมั้ง ก็นะ…มาตราฐานขั้นต่ำก็คือให้เดคกะจัดการได้นี้น่า อคโตที่เก่งกว่าก็คงสบายๆแหล่ะ ]
อย่างไรก็ตามมาร์ก็ไม่ได้จะกังวลอะไรมากนัก เพราะเขารู้ว่าตอนนี้กำลังเจอกับอะไร ผนวกกับดันเจี้ยนนี้ที่เขาเป็นคนสร้างอีก ต่อให้มีปัญหาจริงเขาก็จัดการได้ไม่ยากเย็น ทำให้ตอนนี้เจ้าตัวยังคงเดินตามต่อไปด้วยใบหน้าที่สดใสยิ้มแย้มตามปกติ ก่อนที่ทั้งสามจะเข้าสู่พื้นที่ปะทะ
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ แก็ง พลัค ฉัวะ
“ โอ๊ส โอ๊ส โอ๊ส!! ”
“ [ เสริมแกร่ง ] [ เพิ่มความเร็ว – กลาง ] [ เพิ่มต้านทาน – กลาง ] [ ตอบสนองไว ] [ หนาม ] [ เพิ่มพลังกาย ] ”
“ ขอบคุณครับผม!! ”
นั้นเองทำให้ระหว่างการเดินไปยังจุดลงไปชั้นถัดไปนั้นคอนเซนเทลได้จัดการสังหารมอนสเตอร์มากมายอย่างกับมดกับปลา ซึ่งตามปกติคงจะเป็นไปไม่ได้สำหรับนักพจญภัยระดับล่างแบบเขา แต่ตอนนี้นั้นมันไม่ใช่เวลาตามปกติทั่วไปเพราะ มาร์ เขาที่กำลังเดินตามมาด้านหลังนั้นคอยร่ายเวทย์มนต์ สกิล บัฟให้กับอัศวินหนุ่มที่อยู่ด้านหน้าอย่างต่อเนื่อง
“ เห้ยๆๆ ดูนั้นสิ!! พวกนั้นมันอะไรกัน?!? ”
“ สายรัดขาว!! พวกประชาชนของยูโทเปีย?!? ไม่ดิ แต่ไออัศวินนั้นสีเขียวนิ!! ”
“ เชี้ย!! แรงขนาดนั้นระดับ S หรือเปล่าวะ?!? ”
“ เขร้! หวดทีกลายเป็นผงไปเลย ได้ยังไงกัน!! ”
แต่ระหว่างที่พวกเขากำลังเดินไปยังจุดลงไปชั้นล่างนั้น ก็ใช่ว่าจะมีแค่พวกเขาเพียง 3 คนแต่อย่างใด รอบๆตัวนั้นมีเหล่านักพจญภัยระดับล่างนับไม่ถ้วนกำลังยืนสู้กับแฮมสเตอร์อยู่ด้วย และแน่นอนด้วยการเดินทะลวงฝ่าฟันเป็นเส้นตรงโดยไม่สนความอันตรายของแฮมสเตอร์เลยนั้นก็ทำให้พวกเขาทุกคนต้องหันมามองดู
และภาพที่ได้พบได้เจอนั้นก็เกินกว่าที่พวกเขาจะสามารถทำตามได้ ภาพของอัศวินที่ถือทั้งโล่หนักทั้งสวมเกราะกำลังตวัดดาบไปมาอย่างรวดเร็วจนแทบจะมองไม่เห็น ไหนแรงฟันของมันนั้นก็มากขนาดที่พวกแฮมสเตอร์ละลายกลายเป็นฝุ่นไปในทีเดียว นอกจากนี้หลายคนยังสังเกตุเห็นอีกด้วยว่าตัวไหนที่รอดเข้าไปโจมตีเขาได้ก็จะถูกหนามสีดำพุดขึ้นมาจากเกราะและแทงสวนตายกลายเป็นผงไปในทันที
[ อึก…สงสัยเราจะทำเกินไปแล้วแหะ บัฟตามความรู้ในหัวไปจนลืมนับจำนวนแบบนี้…แหะ แหะ แย่จัง ]
ทางด้านมาร์เองก็รู้สึกตัวได้ว่าตอนนี้คอนเซนเทลทรงพลังมากจากการบัฟของเขา ซึ่งการที่มารู้ตัวได้ก็เพราะเขาที่จับตามองดูเพื่อเล็งที่จะเรียนรู้สกิลใหม่ๆจากอัศวินหนุ่มนั้น ก็ไม่เห็นว่าเขาจะโจมตีด้วยวิธีอื่นเลยนอกจากการหวดดาบไปมาแบบธรรมดาสุดๆ ซึ่งปกติคงไม่มีทางแน่ที่จะทำแบบนั้นแล้วรอดในสถานการณ์มอนสเตอร์รุมใส่แบบนี้
[ คงอดดูดสกิลไปอีกสักพัก ไม่ดิ ถ้าตามปริมาณมานากับจำนวนที่ให้ไป อ่า…ชิบหายละ ]
ทว่าพอเจ้าตัวรู้สึกตัวก็เหมือนจะช้าไปสุดๆเสียแล้ว มาร์นึกถึงบัฟที่ใส่เข้าไปให้กับคอนเซนเทล คุณภาพของมันนั้นไม่ได้ดีเด่อะไรแต่ด้วยจำนวนกับประเภทที่มากมาย ทำให้กว่าบัฟจะสิ้นผลลงจนทำให้อัศวินหนุ่มต้องหันมาใช้สกิลของตนเองก็ตีเป็นเวลาไปอีกราวๆ 2 ถึง 3 ชั่วโมง หมายความว่าตอนนี้คอนเซนเทลไม่ใช่อัศวินธรรมดาแล้ว เขากลายมาเป็น ซุปเปอร์อัศวินS เรียบร้อย จนกว่าเวลาบัฟจะหมดลง
“ ทำไม…ต้องรุนแรงกับพวกมันแบบนั้นด้วย…ฮึก ”
ท่ามกลางการเดินลุยไปข้างหน้านั้น อคโตที่เดินตามหลังคอนเซนเทลอยู่เงียบๆมาโดยตลอดก็พูดพึมพำออกมาด้วยเสียงที่เบาแสนเบาจนไม่มีใครนอกจากเธอที่จะได้ยิน ทางด้านของมาร์นั้นก็ไม่ได้สังเกตุแต่อย่างใด เขาเอาแต่คิดว่าจะหาทางลดเวลาบัฟลงยังไงได้บ้างแต่ก็ดูจะไม่พบคำตอบอะไรเลย
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ
“ ย้ากกกกกกกกก!!! ”
“ อี๊!! ”
“ เอายังไงดีน้า… ลดเวลาลงหรือร่ายดีบัฟใส่ดีล่ะ? อืมมม จะลบหมดเลยเดี๋ยวผิดสังเกตุอีก งืมงืม ”
และก็เพราะแบบนี้เองต่างคนก็เลยต่างทำในสิ่งที่คิดว่าตนเองต้องทำ คอนเซนเทลเดินหน้าฆ่าฟัน อคโตเอาแต่หลบไม่มองดูสิ่งที่เกิดขึ้น สุดท้ายมาร์ก็มัวแต่หลงอยู่ในความคิดของตนเองว่าต้องทำยังไงต่อ จนมันทำให้เกิดสิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครในกลุ่มได้สังเกตุเลย
“ เอ้า ตามไปเร็วเข้า!! ตามไปเร็ว!! ”
“ ของข้าาาา ของ ของข้าาาาาาาา!! ”
“ โอ้ยยย!! เงินตกเว้ยยย เงินโต๊กกก!! ”
“ น น นั้นมันขนแฮมสเตอร์นิ!! เก็บอีกแค่ 99 อันก็เอาไปขายได้ตั้ง อึก… หมื่นเครดิต!! ”
ใช่… เหล่านักพจญภัยพันตัวเองมาเป็นปลิงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเขาหลายสิบคนรวมกลุ่มกันเป็นขบวนรถไฟตามติดด้านหลังของปาร์ตี้ Pathfinder โดยที่หลักๆก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่ากันไล่เก็บไอเทมที่ดรอปออกมาจากแฮมสเตอร์ ซึ่งตามปกติจะเก็บไม่ได้เพราะมันจะเป็นของของปาร์ตี้ที่ที่จัดการ เว้นแต่ปาร์ตี้นั้นจะไม่สนใจมันเลยนั้นแหล่ะทำให้ตอนนี้ทุกคนที่ตามมาดูดกินไอเทมกันอย่างเมามันส์ และก็เพียงไม่นานนักเลยที่ทุกคนจะมาถึงยังทางลงไปชั้นถัดไป
“ คอนเซนเทลนำหน้าเหมือนเดิมนะ ส่วนอคโต…อืม ย้ายมาคอยกันหลังให้ผมดีกว่า ”
“ รับทราบครับผม!! ”
“ ค ค ค่ะ…ขอบคุณมากเจ้าค่ะน น ท่านมาร์… ”
ทั้งสองตอบรับในทันที โดยคนนึงก็ทำเสียงมั่นใจเต็มที่ อีกคนก็สั่นไหวปนกันกับสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก อย่างไรก็ตามเมื่อกำหนดแนวทางของทีมได้แล้วการบุกตะลุยไปชั้นถัดๆไปก็ได้เริ่มขึ้นต่อในทันทีโดยไม่มีหยุดพัก อ่า…ไม่หยุดพัก เพราะมาร์นั้นคอยร่ายบัฟเสริมพลังร่างกายไว้รอบตัวเองเป็นระยะรัศมีเกือบๆ 50 เมตรทำให้ใครที่อยู่ในวงนั้นไม่มีทาง “เหนื่อย” เลยสักนิด
… … …
“ ข้างหน้าอีกไม่กี่ร้อยเมตรเราจะถึงห้องบอสแรกแล้วนะ!! ”
“ ครับผม!! ถึงผมจะไม่รู้ว่าไอร้อยเมตรที่ว่ามันคือเท่าไหร่แต่ยังไงผมจะนำไปให้ถึงให้ได้ครับ!! ”
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ไม่สิ ครึ่งวันเห็นจะได้ ปาร์ตี้ Pathfinder และขบวนปลิงนับร้อย ก็มาถึงยังปลายทางของชั้น 5 โดยตลอดการเดินทางนั้นก็ยังคงเป็นคอนเซนเทลที่จัดการกับมอนสเตอร์ทุกตัว ตั้งแต่ชั้น 1 ยัน 4 จวบจน 5 มอนสเตอร์ส่วนใหญ่ยังคงเป็นมอนสเตอร์ขนาดเล็กที่มีจุดเด่นในด้านหน้าตา อย่างเช่น ในชั้น 3 นอกจากแฮมสเตอร์แล้วยังมีมอนสเตอร์ที่อคโตเรียกมันว่า กระรอกอยู่อีกด้วย หรือแม้แต่ในชั้น 4 ที่เริ่มจะได้เห็นมอนสเตอร์โจมตีจากใต้ดินที่มันถูกเรียกว่าตุ่นและมอนสเตอร์ประเภทนกที่ถูกเรียกว่า นกกระจอก
แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกจะดูไม่ดุร้ายแต่สิ่งที่พวกมันทำนี้เรียกได้ว่าตรงกันข้ามเลย เพราะยิ่งลงลึกมาแต่ละชั้นคอนเซนเทลก็ยิ่งได้เห็นเหยื่อของพวกมันที่ต้องนอนหมดสภาพจมกองเลือดของตัวเองแล้วรอให้กิลล์มาช่วยขึ้นไป ยิ่งบางที บางจุดก็ดันไปหมดสภาพในบริเวณที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์อีก ทำให้กิลล์ไม่สามารถเข้าไปช่วยได้ตามปกติและต้องพึ่งนักพจญภัยระดับกลางให้เข้าไปจัดการแทน
[ อึก…ถ้าเราไม่ได้มากับท่านมาร์และท่านอคโต เราคงหลงในรูปลักษณ์ของมันแล้วประมาทจนชีวิตอาจจะจบแบบเจ้าพวกนั้นก็ได้สินะ… ]
คอนเซนเทลคิดเช่นนั้นและจะยิ่งจำความคิดนี้ลึกลงไปในหัวใจของเขาถึงตัวอย่างที่มีให้เห็นรอบตัว ตัวอย่างของคนที่ประมาทในรูปลักษณ์ของศัตรูจนประเมินพวกมันต่ำเกินไปและนำไปสู่ความชิบหายต่อตัวเองในที่สุด และเขายิ่งระมัดระวังตัวยิ่งขึ้นเพราะตรงหน้าที่เขาได้มายืนอยู่นั้นคือห้องบอส ประตูศิลาบานใหญ่ที่เรียบเนียน
“ พวกนักพขญภัยคิดยังไงกันน้าถึงเรียกที่นี้ว่า ที่เปิดซิงนักพจภัยน่ะ? เห้อออ…หัดคิดเรื่องอื่นนอกจากเรื่องใต้สะดือบ้างเถอะ ขอร้องล่ะ ”
มาร์เองที่เห็นก็บ่นๆออกมา ก็แหงล่ะ ที่นี้ถูกเรียกกันเล่นๆในเหล่านักพจญภัยว่า “ ที่เปิดซิงนักพจภัย ” และมันก็สมกับชื่อของมัน ที่นี้จะคัดกรองเอาคนที่คู่ควรให้สามารถลงไปพจญภัยต่อในดันเจี้ยนชั้นถัดๆไปได้ ดังนั้นสำหรับนักพจญภัยหน้าใหม่ที่ซ่า ไม่เจียมตัว ก็จะตายอยู่ในนั้นเพราะความประมาทของตนเอง ส่วนคนที่เก่งพอก็จะมีความเป็นผู้ใหญ่(แบบนักพจญภัย) และก้าวขึ้นไปแรงค์ถัดๆไปได้อย่างไม่ยากเย็น
“ โอ…ถึงแล้วแหะ ไหนๆ อัยย๊าาา!! เห็นว่ากิลล์อุตส่าห์มีการเตือนกันแล้วแท้ๆ จำนวนคนตายยังไม่ได้ลดลงเลยวุ้ย ”
“ จำนวนคนตายเหรอครับ? ”
“ นั้นไงคะ…บนนั้น ”
อคโตพูดออกมาด้วยเสียงเรียบๆ พร้อมกับชี้ไปยังด้านบนของประตูขนาดใหญ่ เหนือสุดของมันนั้นมีกระจกสีดำที่มีอักษรประหลาด อักษรที่คอนเซนเทลไม่อาจจะเข้าใจได้ แต่สำหรับมาร์กับอคโตนั้นมันไม่ยากเลยที่จะเข้าใจ พวกมันคือตัวเลข ตัวเลขอารบิก ที่มีเพียงคนในยูโทเปียเท่านั้นจะอ่านออก
“ มันคืออักษรโบราณที่เราชาวยูโทเปียใช้กันถ้าแปลออกมาก็ นั้นไง 10112 อ๊ะ… 10116 ละ ตายกันไปเยอะจริงๆแหะ ”
“ อึก ม ม …หมื่นชีวิตต้องมาตาย ”
ครึก ครืนนนนนนน
“ ท่าน… มาร์คะประตูเปิดแล้วค่ะ ”
คอนเซนเทลพอได้รู้ถึงจำนวนของคนที่ตายเพราะสิ่งที่อยู่ด้านหลังประตูนั้น เขาก็เกิดกังวลขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดผ่านสีหน้า ทว่าในระหว่างที่เจ้าตัวกำลังตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น ประตูบานใหญ่ตรงหน้าก็ถูกเลื่อนออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นหมอกหนาสีเทาที่ไม่ว่าจะส่องไฟหรือมองเท่าไหร่ก็ไม่อาจจะเห็นสิ่งที่อยู่ด้านหลังของมันได้ และเพราะแบบนั้นอคโตจึงได้เดินเข้าไปกระซิบกับมาร์ด้วยท่าทีที่เรียบร้อย
“ อืม เห็นแล้วแล้ว งั้นไปกันเถอะ!! ”
“ รับทราบค่ะ!! ”
“ อ อึก…ครับ ”
ทั้งสามเดินผ่านเข้าไปยังด้านในด้วยการใช้มือสัมผัสกับหมอกสีเทานั้น โดยคนแรกที่ทำก็คือมาร์ เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับรู้ว่าสิ่งที่อยู่ด้านหลังนั้นคืออะไร เช่นกันกับอคโตเธอยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วก็ตามเขาไปติดๆ สุดท้ายคอนเซนเทลก็ฝืนตัวเองจนเดินทะลุผ่านหมอกเข้าไปได้ ทิ้งไว้เพียงเหล่าปลิงที่อยู่ด้านนอกที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเข้าไปดีหรือไม่ เพราะประตูหมอกนี้จะปิดไม่ให้คนเข้าไปในอีก ไม่กี่นาทีนับแต่คนแรกก้าวเท้าเข้าไป
ครึก ครึก
อย่างไรเสียพอเข้ามาได้แล้วนั้น ภาพที่ทุกคนได้เห็นก็เปลี่ยนไปมาก จากตอนแรกในชั้นก่อนหน้านี้ ทุกที่ล้วนแล้วแต่เป็นทุ่งหญ้าสีเขียว กับต้นไม้ ก้อนหินและดอกไม้ที่มองยังไงก็น่ารื่นรมณ์มิใช่น้อย ทว่าบัดนี้ตรงหน้ากลายเป็นทุ่งหญ้าที่มีหินเป็นพื้นซะส่วนใหญ่ ทั้งต้นไม้เองก็มีมากมายนับไม่ถ้วน ทว่าเมื่อเข้ามาได้ไม่นาน คอนเซนเทลก็เห็นได้ชัดว่าที่ต้นไม้ต้นหนึ่งซึ่งห่างออกไปไกลสุดนั้นกำลังมีบางอย่าง บางอย่างขนาดใหญ่พอๆกับเขากำลังปีนป่ายอยู่ จากเงาลางๆที่เห็นมันมีเขี้ยวขนาดใหญ่และหางที่ยาวฟูเป็นสีดำกำลังถือกระโหลกของนักพจญภัยผู้เคราะห์ร้ายอยู่
“ น น นั้นมันอะไรกัน!! ”
ตัวของคอนเซนเทลที่ได้เห็นเงาลางๆก็ได้แต่หลุดปากพูดออกมาเสียงดังเช่นนั้น แน่นอนเขาไม่เคยเจออะไรแบบนี้ก็ไม่แปลกที่จะหลุดตะโกนออกมา แต่กับคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าอย่างมาร์นั้น เขามีดวงตาที่ดีที่สุดในบรรดาคนที่อยู่ที่นี้ เขานั้นเห็นทุกอย่างและรู้ว่ามันคืออะไร ทว่าเจ้าตัวก็…
“ นั้นสิน้า ก็ไม่รู้สิน้า… ”
……
MANGA DISCUSSION