[เอเลี่ยนเกยตื้น] สเปซทรัคเกอร์ รูดี้คุง - ตอนที่ 2 ดวงดาวแห่งมานา
บทที่2 ดวงดาวแห่งมานา
ยานไนกี้ เคลื่อนที่ไปปักหลักอยู่ในจุดแรงโน้มถ่วงสมมูลของดาวเคราะห์ดวงที่สี่มาแล้วสามวัน ในช่วงเวลานี้ ไนกี้ ได้ส่งดาวเทียมสำรวจภาคพื้นดินเข้าสู่วงโคจรของดาวเคราะห์เพื่อรวบรวมข้อมูล เมื่อ ฮาล วิเคราะห์ข้อมูลที่สังเกตได้และรายงานต่อ รูดี้ เผยให้เห็นถึงข้อมูลอันน่าตกใจ
“… เจอสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาอยู่ที่นี่เหรอ!”
[“ใข่ครับ มาสเตอร์. แม้พวกเขายังอยู่ในระดับตั้งต้น แต่ผู้อาศัยในดาวดวงนี้นี้มีความสามารถทางสติปัญญาสูงและได้เริ่มสร้างอารยะธรรมของพวกเขาเอง”]
“เอาภาพพวกเขาขึ้นจอให้ดูหน่อย”
บ”ครับ มาสเตอร์.”]
หน้าจอปรากฏขึ้นต่อหน้ารูดี้ แสดงภาพถ่ายภาคพื้นดินที่ถ่ายจากดาวเทียมสำรวจ
ภาพถ่ายแสดงให้เห็นถึงมนุษย์ที่มีรูปร่างไม่ตางจาก รูดี้ อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ พวกเขาอาศัยอยู่ในอาคารไม้และสวมเสื้อผ้าแบบยุคเก่าราวกับว่าหลุดมาจากภาพยนตร์แนวแฟนตาซี
“ดูเหมือนมนุษย์เลยนี่นา…”
[ “จากผลการสำรวจ ประมาณ 20% ของสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาที่ตรวจพบ มีรูปร่างคล้ายคลึงกับมาสเตอร์ ส่วนอีก 20%… โปรดดูตรงนี้”]
คราวนี้ มีหน้าจออีกอันปรากฏขึ้น แสดงสายพันธุ์ที่แตกต่างจากมนุษย์
“มีพวกหูยาวที่คล้ายคลึงกับชาว เอลดาร์ อยู่ด้วย ส่วนพวกที่พุงป่องออกมาออกมานั่นมันเหมือนชาว ดรากูน เลยนะ พวกที่หน้าเหมือนแมวนั่นก็ชาว เนคอต… เดิมทีพวกนั้นเป็นเผ่าที่กลายพันธุ์ได้แบบอิสระด้วยสิ ส่วนหมาพวกนั้น… มันคือเผ่าอะไรนะ?”
[`ในแง่ของรูปร่างหน้าตาเพียงอย่างเดียว พวกเขามีความคล้ายคลึงกับชาว วาลเดอร์ ซึ่งเป็นพวกกลายพันธุ์เหมือนกับชาวเนคอต แต่ ณ จุดนี้ เนื่องจากเรายังไม่ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับพันธุกรรมของพวกเขา จึงไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาเกี่ยวข้องกับเผ่าดังกล่าวหรือไม่”]
“เผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกันอาศัยอยู่บนดาวใบเดียวกันแบบนั้น… ได้สู้รบกันตลอดเวลาแหงๆ… “
[ “ข้อมูลไม่เพียงพอจึงไม่สามารถระบุได้ครับ”]
รูดี้ ยักไหล่และดื่มกาแฟของเขา
“แล้ว 60% ที่เหลือ นี่คือเป็นพวกแบบไหนล่ะ?”
[ “เป็นพวกแบบนี้ครับ”]
ภาพบนหน้าจอเปลี่ยนไป และคราวนี้สัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างหน้าตาน่าเกลียดก็แสดงขึ้นมา
“มันแย่จนเกินทนเลยนะนั้น”
บนหน้าจอมีสิ่งมีชีวิตที่สูงพอๆกับเด็ก มีผิวสีเขียวและใบหน้าที่ดุร้าย
[” ถึงผมจะไม่สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับรูปลักษณ์ได้ จากการสำรวจปรากฏว่าเผ่าพันธุ์เหล่านี้เป็นศัตรูกับมนุษย์ที่กล่าวมาข้างต้น เท่าที่เราสามารถยืนยันได้ หลายหมู่บ้านได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ยังมีสายพันธุ์อื่นๆ ที่คล้ายกับสิ่งมีชีวิตนี้ และมนุษย์ที่กล่าวมาข้างต้นก็กำลังถูกคุกคามโดยพวกเขา”]
“เจ้าพวกนี้ก็ถูกจัดอยู่ในประเภทของสิ่งมีชีวิตทรงปัญญา?…พอคิดดูดีๆมันก็เหมือนจะจัดอยู่ในประเภทนั้นได้แหละ….แต่ไม่ว่าจะมองยังไง ไอ้พวกนี้มัน ก๊อบลิน นี่นา”
ก๊อบลิน ที่รูดี้กำลังพูดถึงนั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่บุกมาจากกาแล็กซีอื่นและเป็นศัตรูกับ กาแลคติด เอ็มไพร์ ที่เขาสังกัดอยู่ อย่างไรก็ตาม ก๊อบลิน ที่อาศัยอยู่บนดาวดวงนี้ดูราวกับว่ายังอยู่ในยุคหิน
“…แต่ก็เพราะเจ้าพวกนี้มันโจมตีพวกเขานี่แหละ ถึงทำให้พวกเขาสามารถร่วมมือกันได้แม้ว่าจะอยู่ต่างเผ่าพันธุ์ก็ตาม”
[ “จากการวิเคราะห์ข้อมูลปัจจุบัน มีความเป็นไปได้มากกว่า 70%”]
รูดี้พยักหน้าเล็กน้อย เสยผมสีเงินของเขา แล้วท้าวคาง
“ฉันรู้สึกเหมือนว่าดาวเคราะห์ดวงนี้เป็นสวนย่อขนาด ของอาณาเขตุใน กาแลคติด เอ็มไพร์ เลยนะ …”
[“โดยทั่วไปแล้ว การที่จะคิดแบบนั้น ก็ถูกครับ…”]
“การจะลงไปที่พื้นผิวของดาวดวงนี้คงจะน่าสนุกดีนะ”
รูดี้หัวเราะเบา ๆ ขณะที่นึกถึงดาวเคราะห์ที่ไม่รู้จักดวงนี้ อย่างไรก็ตาม ฮาล ปฏิเสธความคิดนั้น
[ “แต่เรามีปัญหาอย่างหนึ่งเกี่ยวกับการที่มาสเตอร์จะลงไปยังดาวเคราะห์ดวงนี้”]
“อะไรเหรอ?”
รูดี้มองขึ้นไปบนเพดานขณะที่เสียงของฮาลก็ดังก้องไปทั่วห้อง หน้าจอใหม่ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาโดยแสดงแผนภูมิวงกลม
[“โปรดดูแผนภูมิที่แสดงคุณสมบัติของชั้นบรรยากาศของดาวดวงนี้”]
แผนภูมิแสดงให้เห็นว่าบรรยากาศประกอบด้วยไนโตรเจน 77.9% ออกซิเจน 20.1% คาร์บอนไดออกไซด์ 0.037% และไอน้ำประมาณ 1%… โดย 1% ทำเครื่องหมายว่าไม่สามารถระบุได้ รูดี้ ขมวดคิ้วให้กับข้อมูลส่วนสุดท้าย
“ที่ว่า ‘ไม่สามารถระบุได้ นี่คือ?”
[“ตามการตรวจสอบของเรา มันเป็นธาตุที่ไม่รู้จักซึ่งไม่ได้ระบุไว้ในฐานข้อมูล นอกจากนี้ ยังมีร่องรอยที่ชาวดาวดวงนี้ใช้มันในการสร้างอารยะธรรมของพวกเขาอีกด้วย”]
“ช่วยอธิบายเพิ่มแบบละเอียดที”
[“ได้ครับ มาสเตอร์. นี่คือตัวอย่าง”]
ฮาล เปลี่ยนหน้าจอและเล่นวิดีโอที่ได้รับจากดาวเทียมสอดแนม ภาพดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ามนุษย์ปล่อยเปลวไฟออกมาจากมือเปล่าระหว่างต่อสู้กับก็อบลิน
“นี่มันดูเหมือนเวทมนตร์จากหนังแนวแฟนตาซีที่ฉันเคยดูเมื่อก่อนเลยนี่นา… ดาวดวงนี้มันไม่ใช่ดาวที่มีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์แล้วเบี่ยงเบนไปจากความเป็นจริงหรือยังไงเนี่ย?”
[“น่าเสียดายที่นี่คือความเป็นจริง ในฐานะ AI ผมไม่อาจทำความเข้าใจถึงความตกใจที่ไม่สามารถกลับไปได้ แต่หากคุณประสบกับความเครียดในระดับสูงเนื่องจากการที่ไม่สามารถยอมรับความเป็นจริงได้ ผมขอแนะนำให้ไปที่ห้องพยาบาลเพื่อรับยาระงับประสาท”]
“ไม่อ่ะ ไม่เป็นไร. ขอโทษที่ขัดจังหวะ” รูดี้ตอบอย่างติดตลก
รูดี้ยักไหล่ให้กับความล้มเหลวในการสร้างอารมณ์ขันของ ฮาล
[“มาต่อกันจากเมื่อสักครู่ ดูเหมือนว่ามนุษย์บนดาวดวงนี้ได้ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมของพวกเขาและได้รับพลังที่ไม่ได้ตามหลักวิทยาศาสตร์โดยการยอมรับองค์ประกอบที่ไม่รู้จักนี้เข้าไป… เรียกมันว่ามานาตามการใช้คำว่า ‘เวทมนตร์’ ของมาสเตอร์ คาดได้ว่าพวกเขาได้รับพลังเหล่านี้โดยการดูดซับมานา และหากมาสเตอร์ลงจอดบนพื้นผิวในสภาพปัจจุบัน มีความเป็นไปได้ที่มาสเตอร์จะตายเพราะพิษของมานาภายในหนึ่งปีจะมากกว่า 99%”]
“นั่นหมายความว่าตอนนี้เราสามารถสร้างวัคซีนสำหรับมันได้งั้นหรอ?” รูดี้ถาม
[“ใช่ครับ มาสเตอร์” ]AI ตอบรับ
[“หลังจากนี้กรุณาไปที่ห้องพยาบาล เราได้เตรียมยาปฏิชีวนะที่สามารถต้านทานมานาได้ เช่นเดียวกับวัคซีนเพื่อป้องกันเชื้อโรคในอากาศ สองวันหลังจากฉีดมันเข้าไป มันจะเป็นไปได้ที่มาสเตอร์จะใช้ชีวิตบนพื้นผิวของดาวดวงนี้ได้”]
“เข้าใจละ. นั่นหมายความว่าฉันสามารถใช้พลังเหมือนเวทย์มนตร์ได้ด้วยใช่ไหม?” รูดี้ถาม
[“น่าเสียดาย ที่มันเป็นไปไม่ได้”] ฮาล ตอบ
“ไหงงั้นล่ะ?” รูดี้ ถาม
[“มนุษย์บนดาวดวงนี้นี้สะสมมานาในร่างกายโดยการสูดดมมันจากอากาศตั้งแต่อายุยังน้อยแล้วปล่อยมันออกมาเมื่อพวกเขาใช้พลัง ดังนั้น แม้ว่าคุณจะไม่ตายจากพิษมานาหลังการฉีดวัคซีน คุณจะไม่สามารถใช้พลังใดๆ ได้ เนื่องจากคุณไม่ได้สะสมมานามาเอาไว้ตั้งแต่เด็ก พูดไปแล้วก็เหมือนกับแนวคิดของ MP สูงสุดในเกมครับ”]
“แย่ชะมัด” รูดี้ตอบอย่างผิดหวัง
[“อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้หมายความว่าคุณไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ตลอดไป หากคุณลงจอดบนดาวดวงนี้และทำการสำรวจ มันมีโอกาสถึง 50% ที่คุณจะสามารถใช้เวทย์มนตร์ได้”] ฮาล กล่าวเสริม
“50%? ก็ไม่เลวนี่นา ฉันจะฝากความหวังไว้กับนายนะ” รูดี้กล่าว
[“แม้ว่าผมจะไม่ได้นับถือ แต่ก็โปรดอธิษฐานต่อเทพเจ้าเอาละกัน”] AI ตอบ
รูดี้ลุกขึ้นยืนโดยไม่สนใจคำตอบของฮาล
“ถ้าอย่างนั้น ฉันจะปล่อยให้การตรวจสอบเป็นหน้าที่ของนายละกัน” รูดี้กล่าว
[“ครับ มาสเตอร์.”]
รูดี้ออกจากห้องนักบินและมุ่งหน้าไปที่ห้องพยาบาลเพื่อรับวัคซีน