เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 170 ตามหา ฐานะเดิมไม่ธรรมดา (2)
สำหรับอวิ๋นอิ๋นแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยมีบุญคุณที่ให้ชีวิตใหม่แก่นาง นางอยู่ที่นี่ เป็นสาวใช้เสียที่ไหน มั่วเชียนเสวี่ยไม่อยู่ นางก็จะเป็นผู้จัดการร้าน ลูกค้าให้เกียรตินาง เสี่ยวเหลย จวี๋เหนียง อาซ้ออวิ๋นก็อยู่ในการปกครองของนางโดยตรง ย่อมจะถูกมองสูงส่งสักหน่อย
ไม่มีใครมองว่านางเป็นสาวใช้ แม้กระทั่งเหล่าผู้จัดการที่ท่าเรือก็สุภาพกับนางมากๆ
ซีซีในช่วงหกเดือนที่ผ่านมานี้ ก็อ้วนขึ้น ขาวขึ้นและดูสดใสมาก
นางพึงพอใจมากแล้ว เพียงหวังว่าร้านอาหารจะดีขึ้นเรื่อยๆ
ทุกคนได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันจนถึงยามบ่าย มั่วเชียนเสวี่ยเข้ามาในห้องครัวอีกครั้ง สอนจวี๋เหนียงทำอาหารเหล่านี้จากน้ำสายชู ผัดผักเปรี้ยวหวาน อธิบายวิธีใช้และปริมาณที่ใช้ให้เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งทีละขั้นตอน ทั้งยังทิ้งน้ำส้มสายชูสองไหนั่นไว้ให้ จากนั้นก็พาหมิงเย่ว์กับไฉ่สยาออกไป
เที่ยงวันของวันถัดไป มั่วเชียนเสวี่ยก็มาถึงตั้งแต่เช้าแล้ว วันที่จะได้เปิดตัวอาหารเมนูใหม่มาถึงแล้ว นางจะไม่มาได้อย่างไร ลำพังเพียงพวกเขาไม่กี่คนที่บอกว่าอร่อย มันก็ยังไม่พอ
คนที่มาที่ท่าเรือนี้ คือทั่วประเทศจีน เพียงแค่ทุกคนพูดว่าอร่อยแล้ว ล้วนสามารถรับรสเปรี้ยวจากน้ำส้มสายชูนี้ได้ นั่นถึงจะถือว่าประสบความสำเร็จครั้งใหญ่
องครักษ์สองคนที่เหมือนว่าจะมาเมื่อวานนี้ วันนี้ก็มาอีกครั้งแล้ว เสี่ยวเหลยเห็นว่าเมื่อวานนี้พวกเขาใจกว้างให้เงินหนักมาก ดังนั้นจึงรีบเข้าไปแนะนำอาหารเมนูใหม่อย่างกระตือรือร้น
สองคนนั้นไม่ได้สนใจอาหารใหม่เลย คนหนึ่งพูดว่าอะไรก็ได้ อีกคนพูดว่านำอาหารพิเศษในร้านมาก็พอแล้ว
พอเสี่ยวเหลยได้ยินดังนั้น ก็ได้ยกอาหารมาให้สี่จานและซุปหนึ่งชาม ทั้งสองคนไม่ได้ยิ้มแต่พยักหน้า เหมือนจะมีเรื่องหนักใจ
มั่วเชียนเสวี่ยยืนอยู่ด้านในของส่วนต้อนรับ มักจะรู้สึกว่าสองคนนี้เหลือบมองมาที่นางเป็นระยะๆ แต่ว่าพอนางเงยหน้าขึ้นมอง สองคนตรงนั้นกลับทานอาหารกันไปพลางพูดคุยกันไปพลาง ราวกับว่าไม่เคยมองมาที่นางมาก่อน
หลายครั้งหลายครา สถานการณ์คล้ายคลึงอย่างน่าประหลาดใจ มั่วเชียนเสวี่ยส่ายหัว เพียงแต่สงสัยว่าตัวเองคงจะระแวงมากเกินไป
เป็นหมิงเย่ว์กับไฉ่สยาที่มองออกว่ามีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล เมื่อเห็นว่าเถ้าแก่เนี้ยเหลือบมองไปที่สองคนนั้นบ่อยๆ ก็รู้สึกไม่ค่อยจะเข้าสักเท่าไหร่
หลังจากที่ทั้งสองคนต่างมองหน้ากัน ก็รู้สึกว่าท่านอาจารย์หนิงหล่อเหลากว่าสองคนนี้เป็นร้อยเท่า ดังนั้นจึงยิ่งไม่เข้าใจไปกันใหญ่
เหตุใดถึงได้รู้สึกว่าสองคนนั้นหน้าตาเจ้าเล่ห์กันนะ ดังนั้น จึงก้าวเดินออกไปโดยไม่รู้ตัว พวกนางชอบมาอยู่เบื้องหน้ามั่วเชียนเสวี่ย บังทิศทางที่สายตาที่มั่วเชียนเสวี่ยกำลังจ้องอยู่
เพียงหวังว่าสองคนนั้นจะรีบกินรีบไปเสีย
ทว่า เรื่องราวกลับไม่ได้เป็นดังที่หวังเอาไว้ องครักษ์สองคนนั่นก็ยังทานต่อไป เพียงแค่อาหารบนโต๊ะนั้น ทานจนถึงร้านปิดถึงจะถือดาบเดินออกไป
ตอนที่จากไป ก็เหมือนกับเมื่อวานนี้ ที่ทิ้งเงินเอาไว้ บอกให้เสี่ยวเหลยไม่ต้องไปทอนแล้ว เงินทั้งหมดมอบให้แก่เขา
รอยยิ้มบนใบหน้าของหวังเสี่ยวเหลยนั้น เต็มไปด้วยความพึงพอใจมาก “เดินทางปลอดภัยนะขอรับ” ประโยคนี้พูดชัดเจนและดังเป็นพิเศษ
ร้านอาหารปิดแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยก็นั่งลงบนรถม้า เรื่องแรกที่ทำหลังจากกลับถึงโรงงานก็คือให้หมิงเย่ว์กับไฉ่สยาจัดทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นระเบียบ จากนั้นก็พาหนิงเซ่าชิงกลับไปที่เรือนหนิงที่อยู่ที่ในหมู่บ้านหวังจยาด้วยกัน
งานของที่นี่ก็ค่อนข้างยุ่ง ทักษะการทำน้ำส้มสายชูนี้ นางได้สอนคนไปแล้วสองสามคน ล้วนแล้วแต่เป็นทาสที่ทำสัญญาขายตัวเองเป็นทาสให้กับนาง ทักษะจะไม่มีทางรั่วไหล และหากทำการบ่มหมักอีกครั้ง ถึงนางจะไม่ได้ดูแลกำกับเป็นการส่วนตัว ก็ไม่น่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น นางเพียงแวะมาดูทุกวันก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องพักอยู่ที่นี่อีกต่อไป
แน่นอนว่าหนิงเซ่าชิงย่อมดีใจ แม้ว่าโรงงานนี้จะใหญ่โต ทว่าห้องนอนก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ทั้งยังอยู่ใต้จมูกของตระกูลถงอีก เขาไม่อยากพักอยู่ที่แต่แรกแล้ว
หากไม่ใช่เพราะกลัวตาเฒ่าถงมีแผนร้ายอะไร ก็คงไม่อยู่สังเกตุการณ์ที่นี่ทั้งวัน
ตอนที่กลับไป หนีจื่อก็ได้กลับบ้านแล้ว แต่ว่าทั่วทั้งบ้านกลับเป็นระเบียบเรียบร้อย เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กที่ขยันขันแข็ง
มั่วเชียนเสวี่ยที่มีหมิงเย่ว์คอยดูแลรับใช้ ก็อาบน้ำอย่างมีความสุข เข้าไปในห้องก็เห็นหนิงเซ่าชิงนอนอ่านตำราอยู่บนเตียง ภายใต้แสงไฟสลัวๆ
ผมที่ดำสนิทของเขายาวลงมาถึงคอ ปิดครึ่งหน้า ยิ่งทำให้ใบหน้าของเขาดูดึงดูดใจมากยิ่งขึ้น
นิ้วขาวเรียวยาวจับไปที่หน้าตำราแผ่นสีเหลือง ดูมีสง่าราศีอย่างบอกไม่ถูก ราวกับว่าตอนนี้เขาไม่อยู่ที่บ้านนอก เตียงที่นอนอยู่ก็ไม่ใช่เตียงธรรมดาทั่วไป ทว่าเป็นเตียงไม้หรูหราขนาดใหญ่และมีผ้าขนสัตว์ปูทับไว้ด้วย
มีใครคนหนึ่งที่กำลังรอตนเองอยู่ ความรู้สึกนี้อบอุ่นแสนหวานเพียงใดมันก็เท่านั้น ดังนั้นนางจึงทอดถอนหายใจ “ยังคงเป็นที่บ้านตัวเองเท่านั้น จึงจะอยู่แล้วสบายกายใจ”
เมื่อทอดสายตามองไปอีกครั้ง มั่วเชียนเสวี่ยเหมือนก้าวเท้าไม่ออก บุรุษเช่นนี้ ฉากแบบนี้ หากไม่ได้อยู่ต่อหน้าต่อตา จะคิดว่าทั้งหมดที่เห็นเป็นความจริงได้อย่างไร
หนิงเซ่าชิงได้ยินเสียงทอดถอนหายใจของนางจึงเงยหน้าขึ้นแล้วกล่าว “ยังไม่มานี่อีก”
มั่วเชียนเสวี่ยผุดรอยยิ้มสดใสขึ้นมาในทันที ถอดรองเท้าแล้วเข้าไปนั่งลงที่ข้างๆ พลางเอนตัวพิงลงที่ตรงอ้อมอกอันแสนอบอุ่นของเขา
ฤดูใบไม้ผลิมาเยือน ก็นอนหลับสบาย
ในยามเช้าตรู่มั่วเชียนเสวี่ยอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว และต่อปากต่อคำกับหนิงเซ่าชิงอย่างอารมณ์ดีแล้ว จากนั้นก็ได้ให้อาอู่ขับรถมาพาไปส่งที่โรงงาน
นางสั่งการเรื่องเหล่านี้เสร็จ หลังจากตรวจสอบงานอีกครั้งแล้วก็สำรวจโรงงานอีกรอบหนึ่ง มองดูจากสีของท้องฟ้าก็รู้ว่าถึงเวลาเที่ยงตรง จึงได้สั่งให้อาอู่พานางไปส่งที่ร้านอาหาร เพื่อมาดูกระแสตอบรับต่ออาหารจานใหม่
นอกจากลูกค้าบางคนที่ทานเปรี้ยวไม่ไหว ร้อยละเก้าสิบของลูกค้าที่ทานอาหารจากน้ำส้มสายชูนั้น ล้วนแล้วแต่กล่าวชมไม่หยุดปาก
ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานกับปลาเปรี้ยวหวานก็ยิ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
แม้กระทั่งมีลูกค้าบางส่วน เมื่อทานหมดแล้วก็ยังสั่งเอากลับไปทานที่บ้านต่อ
สถานที่แห่งนี้ใกล้ท่าเรือ สะดวกในการขนส่งของเข้าออก ตอนที่มั่วเชียนเสวี่ยก่อตั้งร้านแห่งนี้ ก็เพื่อวางรากฐานให้โรงงานในอนาคต
การเปิดให้มีการจำกัดการเข้าถึงการขาย สามารถทำให้ประสบความสำเร็จในการนำพาสินค้าเข้าสู่ตลาดถึงร้อยละห้าสิบ
มั่วเชียนเสวี่ยสูดลมหายใจเข้าลึก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นางจะย้ายสนามรบจากโรงงานมาที่นี่
องค์รักษ์แปลกๆ สองคนนั่น สองสามวันมานี้พวกเขาล้วนมาทานอาหารที่ร้านอาหารนี้ อีกทั้งพอนั่งก็ก็จะนั่งถึงช่วงบ่ายเลย
เสี่ยวเหลยรับเงินพิเศษจนไม่หวาดไม่ไหว ยิ้มแย้มแจ่มใสทุกวี่ทุกวัน พอมั่วเชียนเสวี่ยเห็นสองคนนี้ ก็มักจะรู้สึกอึดอัดอยู่เสมอ
ด้วยเหตุนี้ พอเลยเที่ยงวันไป มั่วเชียนเสวี่ยจึงได้พาหมิงเย่ว์กับไฉ่สยาออกไปเดินเล่นสูดอากาศข้างนอก เดินไปเรื่อยๆ พลางมองไปยังแม่น้ำฝั่งตรงข้าม ดอกไม้ใบหญ้าช่างงดงาม ตอนที่เดินอยู่นางนึกขึ้นได้ว่าในป่าพอจะมีเห็ดน้อยน่ารักๆ อยู่บ้าง
เห็ดทั้งหมดนั่นล้วนเป็นเห็ดที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ มีมากมายหลายชนิด อุดมด้วยสารอาหาร เป็นวัตถุดิบของอาหารบำรุงสุขภาพที่มาจากธรรมชาติจริงๆ
พอคิดได้ดังนั้น มั่วเชียนเสวี่ยก็ได้พาหมิงเย่ว์กับไฉ่สยาออกจากร้านอาหารไป เพื่อเข้าป่าไปเก็บเห็ด
ใจนึงก็ไม่อยากอึดอัดเพราะสองคนนี้ อีกใจนึงก็อยากจะทำเมนูใหม่ๆ ให้หนิงเซ่าชิง ให้เขาดื่มน้ำแกงเห็ดเพื่อบำรุงร่างกาย
หลังจากที่มั่วเชียนเสวี่ยพาหมิงเย่ว์กับไฉ่สยาออกจากร้านไปได้ไม่นาน ก็มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามาในร้าน
คนผู้นั้นสวมใส่ชุดดำทั้งชุด แต่กลับไม่ได้รู้สึกหม่นหมองแต่อย่างไร ตรงกันข้ามกลับดูสูงส่งอาจหาญ
เมื่ออวิ๋นอิ๋นได้มองอย่างพินิจพิเคราะห์แล้ว ก็เพียงรู้สึกว่าวัสดุที่ใช้ทำชุดดำชุดนั้นคุณภาพสูงมาก ดูสวยงามกว่าผ้าไหมทั่วไป เขาเดินเอื่อยเฉื่อยเข้ามา ความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางก็มิอาจบดบังใบหน้าที่สดใสของเขาได้