เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 339 นาทีสุดท้าย
ตอนที่ 339 นาทีสุดท้าย
……….
ปฏิกิริยาแรกของเหลียงฮั่นคือปลื้มปริ่มกับคำชม
เมื่อกี้เขายังโกรธพวกกู่เสี่ยวเป่าที่ปฏิบัติกับตนเช่นนั้น แต่ตอนนี้หายเป็นปลิดทิ้ง
“หะ ให้ฉันเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวเหรอ”
กู่เสี่ยวเป่ายิ้ม “ทำไม ไม่มั่นใจเหรอ”
“เปล่าๆๆ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” เหลียงฮั่นกล่าวพร้อมกำหมัดสองข้าง “หัวหน้า เหลียงฮั่นคนนี้พร้อมจะบุกน้ำลุยไฟครับ”
“ฮ่าๆๆ เยี่ยมมากๆ มีคนตัวใหญ่แบบนี้อยู่ข้างกาย คงมีประโยชน์มากแน่ๆ”
พอเห็นว่ากู่เสี่ยวเป่ายังดูเป็นเด็ก คนรอบข้างก็หัวเราะออกมา
แต่ต้องยอมรับเลยว่า กู่เสี่ยวเป่ามีวุฒิภาวะแตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป แต่ถึงกระนั้นก็ต้องยอมรับว่าเขาเป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่มีมุมน่ารักๆ เหมือนกัน
เหลียงฮั่นเองก็ยังพยักหน้าพร้อมกับยิ้มน้อยๆ อีกคน
เฉินล่างที่อยู่อีกด้าน “เหลียงฮั่น แม้แต่นายก็…”
เหลียงฮั่นมองเขา “เฉินล่าง กระดาษห่อไฟไม่ได้หรอกนะ เมื่อก่อนฉันฟังนายทุกอย่าง แต่วันนี้ฉันเพิ่งรู้ว่าฉันทำผิดพลาดอย่างมหันต์”
“แก…แกมันคนทรยศ!”
“ใช่ ฉันเคยเป็นคนทรยศร่วมกับนาย ทำเรื่องเลวร้ายต่อแก๊งขอทาน แต่ฉันไม่เหมือนกับคนอื่น
ฉันเคยเป็นสมาชิกแก๊งขอทาน เพราะแก๊งขอทานระส่ำระสายฉันถึงไปอยู่กับนาย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากู่เสี่ยวเป่าต่างหากที่เป็นหัวหน้าแก๊งอย่างชอบธรรม!”
เหลียงฮั่นพูดจบ คนอื่นๆ ต่างพยักหน้าไม่หยุด
ที่จริงคนพวกนี้ไม่ได้ติดตามเฉินล่างเพราะเคารพยกย่องในตัวเขาจริงๆ แต่เป็นเพราะชามเมฆคราม
เพราะชามเมฆครามเป็นมรดกของแก๊งขอทาน พวกเขาถึงได้ติดตามหัวหน้าแก๊งอย่างเฉินล่าง
แต่วันนี้ความจริงปรากฏแล้ว ทุกคนรู้แล้วว่าเฉินล่างหาเงินจากชื่อเสียงของกลุ่มเสื้อผ้าสะอาด และผลาญเงินเป็นเบี้ย
ดังนั้นจึงไม่มีใครอยากติดตามเขาอีก
กู่เสี่ยวเป่าเอ่ย “แบบนั้นดีที่สุดแล้ว ส่วนข่งอวี้เซิน…ฉันรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่านายสมคบคิดกับเฉินล่าง
นายรู้เรื่องราวเบื้องหลังการแย่งชิงอำนาจของเฉินล่างทั้งหมด แต่ก็ยังช่วยเหลือคนชั่ว แก๊งขอทานยกโทษให้นายไม่ได้!”
ข่งอวี้เซินยังคงงอตัวคุดคู้อยู่ ลูกเตะของฟางรุ่ยเมื่อครู่ไม่อาจบรรเทาลงง่ายๆ
“หึ ตามใจเถอะ ฉันก็แค่เดินตามคนผิดเท่านั้นล่ะ เฉินล่าง แกมันไม่มีคุณสมบัติความเป็นหัวหน้า!” ข่งอวี้เซินสบถด่า
“ข่งอวี้เซิน แกหยุดพูดจาแดกดันสักทีเถอะ คิดว่ามาพูดเอาป่านนี้แล้ว กู่เสี่ยวเป่าจะยังรับแกเข้าแก๊งเหรอ”
“ไม่สำคัญ ขอแค่ไม่ได้ทำงานกับแกก็พอ ไอ้โง่!”
กู่เสี่ยวเป่าฟังจบก็พูดขึ้นว่า “อวี่เหวินเซี่ยว”
“หัวหน้าแก๊ง” อวี่เหวินเซี่ยวกอบหมัด
“ช่วยพาสองคนนี้ไปที่อื่นที”
“ครับ!”
ได้ยินประโยคนี้ ทั้งเฉินล่าง ทั้งข่งอวี้เซินต่างตะลึงงัน
พวกเขาเป็นคนเก่าคนแก่ของแก๊งขอทาน ย่อมรู้โดยสัญชาตญาณว่าตามกฎของแก๊ง กู่เสี่ยวเป่าหมายถึงอะไร
ทั้งสองเบิกตาโพลง มองอวี่เหวินเซี่ยวที่ก้าวเดินเข้ามาช้าๆ พร้อมกับสั่นศีรษะไม่หยุด
“ไม่…ไม่ได้…นายไม่มีสิทธิ์…”
“อย่า หัวหน้าแก๊ง ผมเปลี่ยนไปแล้ว ผมผิดไปแล้ว…”
“อ๊าก…”
พวกเขาส่งเสียงกรีดร้องอันแสนเจ็บปวดดังออกมาแทบจะพร้อมกัน และล้มลงไปกองกับพื้นด้วยกัน
เห็นเพียงอวี่เหวินเซี่ยวยกมือขึ้นทำเป็นเหมือนมีด ฟันที่หลังคอของพวกเขา และหมดสติลงกับพื้น
จากนั้นอวี่เหวินเซี่ยวก็มัดพวกเขาทั้งสองแล้วจับโยนใส่ในกล่องขนาดใหญ่ และแบกลงไปชั้นล่างพร้อมกับโจวเหยียน
ซ่งจื่อเซวียนเอ่ยขึ้น “เสี่ยวเป่า พวกเขา…”
“หึๆ พี่รอง แก๊งขอทานมีกฎของแก๊ง คนที่ทรยศ…ต้องโดนไล่ออกจากแก๊ง และถูกตัดขาทั้งสองข้าง”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ซ่งจื่อเซวียนก็อดรู้สึกตกใจไม่ได้
กฎพวกนี้มันโหดร้ายเกินไปหรือเปล่า
แต่เมื่อคิดถึงการกระทำอันชั่วร้ายของทั้งสองคน บทลงโทษแค่นี้มันยังไม่สาสมเลยสักนิด
ประมาณห้านาทีให้หลัง อวี่เหวินเซี่ยวก็เดินกลับมา
กู่เสี่ยวเป่ามองเขาแวบหนึ่ง อวี่เหวินเซี่ยวพยักหน้าตอบ
ซ่งจื่อเซวียนเข้าใจได้ทันทีว่าเรื่องทั้งหมดถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว
แม้ว่าเขาจะไม่ได้เห็นด้วยตาของตนเอง แต่ซ่งจื่อเซวียนก็พอจะจินตนาการสภาพของเฉินล่างและข่งอวี้เซินได้
จะว่าไปก็น่าสงสารเหมือนกัน
แต่ต่อให้เป็นคนน่าสงสารอย่างไรก็ต้องมีมุมที่น่ารังเกียจ เรื่องนี้ซ่งจื่อเซวียนเข้าใจดี
“โอเค ตอนนี้ที่เหลืออยู่มีแต่คนของเราแล้ว พวกเรามาประชุมกันเถอะ” กู่เสี่ยวเป่ากล่าว
หลังพูดจบ ทุกคนรวมถึงพวกปู่กุ่ยสามคน อวี่เหวินเซี่ยว หลิวหยวนเฮิง และโจวเหยียนต่างก็มีท่าทีเคร่งขรึมขึ้นมา
ซ่งจื่อเซวียนพูดด้วยความกระอักกระอ่วน “เสี่ยวเป่า ถ้างั้น…ฉันไปก่อนนะ”
“ฮ่าๆ พี่รอง พี่เป็นพวกเดียวกับฉัน เราไม่มีแบ่งแยกกันหรอก พวกนายก็จำไว้ให้ดี ต่อไปถ้าเจอพี่รองก็เหมือนเจอฉัน ถ้าไม่ดูแลให้ดี พวกนายโดนไล่ออกจากแก๊งแน่!”
“ครับ!” ทุกคนรวมถึงสามผู้อาวุโสทั้งแปดต่างกอบหมัดคำนับ
ทันใดนั้น บรรยากาศในห้องส่วนตัวขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที
“ทุกคนเป็นผู้อาวุโสและยอดฝีมือของแก๊งขอทาน ฉันเป็นรุ่นน้อง ที่วันนี้ขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าแก๊งได้ ก็เป็นเพราะการสนับสนุนจากทุกคน”
พูดจบพวกปู่กุ่ยต่างพยักหน้ายิ้มๆ ส่วนพวกหลิวหยวนเฮิงต่างมีสีหน้ากระอักกระอ่วน
เพราะหลังจากที่หัวหน้าแก๊งขึ้นรับตำแหน่ง พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่สนับสนุน แต่ยังพยายามต่อต้าน พูดไปแล้วก็รู้สึกละอายใจ
หลิวหยวนเฮิงเป็นคนกอบหมัดเอ่ยคนแรก “หัวหน้าแก๊ง หยวนเฮิงไม่กล้าเรียกตัวเองว่ายอดฝีมือ แต่ด้วยมันสมองของผม จากนี้ไปผมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือคุณ”
คำพูดของหลิวหยวนเฮิงนั้นแท้จริงแล้วมีจุดประสงค์แอบแฝงอยู่ อยู่ต่อหน้าเจ้านายคนใหม่ ต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจให้เห็น
ต้องทำเช่นนี้ เขาถึงจะมีโอกาสได้เป็นมือขวาของกู่เสี่ยวเป่า คนมีความสามารถจะช่วยเหลือคนอื่นฟรีๆ ได้อย่างไร
คนอื่นๆ เมื่อได้ยินดังนั้นก็กอบหมัดพูด “พวกเราพร้อมจะบุกน้ำลุยไฟเพื่อท่านหัวหน้าแก๊ง”
กู่เสี่ยวเป่ายิ้มน้อยๆ “ทั้งหมดนี่เป็นเพราะนิสัยแย่ๆ ของเฉินล่าง ต่อไปไม่ต้องยึดติดกับมารยาทพวกนั้นอีกแล้วนะ
ปู่กุ่ย ปู่ตาบอด ปู่หลง ผู้อาวุโสทุกท่านที่เป็นผู้อาวุโสทั้งแปดของแก๊งขอทาน ต่อไปขอให้ไปอยู่ที่บริษัทบ่อยๆ นะครับ ชีวิตของพวกคุณ พวกเราแก๊งขอทานจะเป็นคนดูแลเอง
หลิวหยวนเฮิง โจวเหยียนและคนอื่นๆ พวกนายถือว่าเป็นสมาชิกใหม่ของแก๊งเท่านั้น ต้องเริ่มต้นจากการไปขอทาน คนในแก๊งขอทานของฉัน ต้องไม่อายที่จะขอทาน!”
“ครับ ท่านหัวหน้าแก๊ง!”
“ไปขอทานก่อนสักช่วงหนึ่ง ฉันจะกำหนดตำแหน่งให้ตามสถานการณ์ เป้าหมายของฉันมีเพียงอย่างเดียว คือไม่แบ่งแยกกลุ่มเสื้อผ้าสกปรกและกลุ่มเสื้อผ้าสะอาดอีกต่อไป!”
ได้ยินเช่นนี้ ก็มีหลายคนที่ตกใจ กลุ่มเสื้อผ้าสกปรกและกลุ่มเสื้อผ้าสะอาดอยู่มาหลายร้อยปี กู่เสี่ยวเป่าจะรวมสองกลุ่มเป็นหนึ่งเดียวจริงๆ หรือ
“เสื้อผ้าสกปรกหรือเสื้อผ้าที่สะอาดต่างก็เป็นขอทาน ทำไมต้องแบ่งแยกกันด้วย เพราะฉะนั้น ฉันจะส่งคนไปจัดการยุบกลุ่มเสื้อผ้าสะอาดที่เหออัน ส่วนคนที่เลือก…”
กู่เสี่ยวเป่าพูดไปด้วย มองพวกเขาไปด้วย “ไว้พวกนายขอทานเสร็จ ฉันจะตัดสินใจอีกที”
กู่เสี่ยวเป่าในตอนนี้ไม่มีท่าทีความเป็นเด็กเลยแม้แต่น้อย ต่อให้เป็นผู้ใหญ่นั่งอยู่ตรงนี้ ก็อาจจะไม่น่าเกรงขามขนาดนี้
พูดจบ กู่เสี่ยวเป่าก็หันไปทางเหลียงฮั่น “เหลียงฮั่น ฉันจะมอบหมายภารกิจให้กับนายอย่างหนึ่ง”
“ครับ หัวหน้าแก๊ง” เหลียงฮั่นก้าวไปข้างหน้า
“ไม่ต้อง ถอยไป นายตัวเหม็นโคตรๆ เลย!”
ได้ยินดังนั้น ทุกคนก็หัวเราะลั่นออกมา ส่วนเหลียงฮั่นก็ได้แต่เขินอาย
พูดในใจว่าที่ฉันตัวเหม็นก็เพราะพวกนายรังแก แค่ตอนแรกที่เท้าเหม็นๆ ของซางเทียนซั่วเหยียบยอดหน้าของฉัน สามวันผ่านมาแล้วกลิ่นก็ยังไม่จางลงเลย
ไหนจะไปอยู่ในบ่อเหม็นๆ อีกตั้งสองวัน จะไม่ให้ตัวเหม็นได้ยังไง
“เหลียงฮั่น นายเพิ่งจะมา ยังไม่ต้องติดตามฉัน ไปทดลองงานกับพี่รองสักสองสามวันก่อนเถอะ”
“หืม? ทะ ทดลองงานเหรอ” เหลียงฮั่นมองไปทางซ่งจื่อเซวียนอย่างอดไม่ได้
ซ่งจื่อเซวียนเองก็เหวอไปเหมือนกัน
“ฮ่าๆ พี่รอง ฉันยังไม่กล้าใช้งานบอดี้การ์ดคนใหม่ รบกวนพี่ช่วยทดสอบความสามารถให้ทีนะ”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “โอ้โห นายกล้าใช้ฉันเป็นหนูทดลองให้นายงั้นเหรอ”
“ก็ใครใช้ให้พี่เป็นพี่ล่ะ ฮ่าๆ อีกอย่างทางพี่ต้องใช้คนนี่ เจ้าช้างบื้อนี่ถึงจะดูบื้อๆ แต่ฝีไม้ลายมือไม่เลวเลย พี่เอาไปใช้ก่อนเถอะ”
ซ่งจื่อเซวียนเข้าใจความหมายของกู่เสี่ยวเป่าโดยปริยาย ที่แท้ก็ให้ของขวัญนี่เอง
วงการนี้อันตราย มีบอดี้การ์ดแบบนี้อยู่ข้างตัว อย่างไรก็อุ่นใจ
ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางรุ่ย เก็บเขาไว้ข้างกายก็ไม่มีอันตรายอะไร
ซ่งจื่อเซวียนแค่พยักหน้ารับ
จากนั้น กู่เสี่ยวเป่าก็กำหนดกฎระเบียบให้กับทุกคนเล็กน้อย หรือก็คือการบอกกฎของกลุ่มเสื้อผ้าสกปรกให้พวกเขารับรู้อีกครั้ง
ทั้งยังบอกพื้นที่ขอทานของทุกคน การดูแลจัดการขอทานภายใต้กู่เสี่ยวเป่านั้นเข้มงวดมาก
เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ขอทานทุกคนจะมีพื้นที่ขอทานชัดเจน ห้ามขอทานข้ามเขตอย่างเด็ดขาด เว้นเสียแต่จะมีภารกิจพิเศษ
หลังจากประชุมเสร็จ กู่เสี่ยวเป่าก็คืนห้องส่วนตัวทันที
ตอนนี้เฉินล่างถูกจัดการไปเรียบร้อยแล้ว ยอดฝีมือทั้งหลายก็ยอมรับและปรับตัวได้แล้ว เขาก็สามารถกลับบริษัทได้โดยที่ไม่มีอะไรค้างคาอีก
ฟางรุ่ยกับซางเทียนซั่วที่ซ่งจื่อเซวียนพามาด้วยก็กลับไปแล้ว ส่วนเหลียงฮั่นนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็ไม่ยอมให้เขาอยู่ใกล้บ้านของตน
ด้วยกลัวว่าชายร่างใหญ่คนนี้จะทำให้หานหรงและซ่งอีหนานตกใจกลัว
อย่างไรก็ตาม กู่เสี่ยวเป่าช่วยจัดหาที่อยู่แบบชั่วคราวให้แล้ว ถึงวันรุ่งขึ้น เขาก็ค่อยไปรายงานตัวกับซ่งจื่อเซวียน
…
วันต่อมา เนื่องจากถังหย่าฉีกำลังเปิดเทอม บวกกับตอนนี้ซ่งจื่อเซวียนยังจากสวนสวินเฟิงไปไหนไม่ได้ เขาจึงมาตั้งแต่เช้า
เพราะตอนนี้หน้าที่ของเขาไม่เพียงแต่ปรุงน้ำแกงห้าสายเท่านั้น แต่ยังต้องดูแลกิจการของร้านอีก
เวลาประมาณเก้าโมงกว่าๆ เหลียงฮั่นก็มาถึงร้านแล้ว
เพียงแค่เห็นการแต่งตัวของเหลียงฮั่น ซ่งจื่อเซวียนก็ได้แต่มองตาค้าง เพราะเจ้าตัวสวมเสื้อผ้าที่ขาดเป็นรูไปทั้งตัว
“เหลียงฮั่น นี่มัน…หมายความว่ายังไง”
เหลียงฮั่นสีหน้าดูไม่ค่อยพอใจนัก “นายท่านรอง หัวหน้าแก๊งให้ผมใส่เสื้อแบบนี้ครับ บอกว่าตอนนี้เป็นขอทานแล้ว ถึงจะทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดให้กับนายท่านรอง ก็ห้ามทิ้งตัวตนของขอทาน”
ได้ยินดังนั้น ซ่งจื่อเซวียนและฟางรุ่ยก็อดหัวเราะไม่ได้
พวกเขาเข้าใจในทันทีว่าไอ้เด็กกู่เสี่ยวเป่าแกล้งเหลียงฮั่นเข้าแล้ว ตัวก็ใหญ่แถมใส่เสื้อผ้าเหมือนขอทานยืนอยู่ในร้านแบบนี้ คงไม่มีใครกล้าเดินเข้าร้านแน่ๆ
ซ่งจื่อเซวียนรีบสั่งให้ฟางรุ่ยไปซื้อเสื้อผ้าไซส์ใหญ่พิเศษจากร้านข้างหน้ามาให้เหลียงฮั่นเปลี่ยน
เนื่องจากเขาตัวใหญ่เกินไป ซ่งจื่อเซวียนไม่กล้าให้เขาไปยืนหน้าร้าน จึงไล่ให้ไปช่วยงานหลังร้าน ขนย้ายข้าวของและช่วยทำงานหนักๆ
ช่วงกลางวัน ขณะที่กำลังยุ่งๆ โทรศัพท์ของซ่งจื่อเซวียนก็ดังขึ้นมา
“ซ่งจื่อเซวียน ทำอะไรอยู่” เสียงของถังหย่าฉีลอยเข้ามา ทำเอาซ่งจื่อเซวียนรู้สึกอ่อนระทวยไปทั้งใจ
“หา? กำลังทำงานอยู่น่ะ ทำไม คิดถึงฉันเหรอ” ซ่งจื่อเซวียนพูดยิ้มๆ
“ตาบ้า ฉันจะไปคิดถึงนายทำไม ก็แค่ยังไม่ชินกับการเรียนวันแรกน่ะ เป็นห่วงที่ร้านด้วย”
ช่วงนี้ถังหย่าฉีคอยดูแลร้านสวนสวินเฟิงอยู่ตลอด เรียกได้ว่าเข้าสู่โหมดทำงานเต็มตัว พอกลับมาเรียนอีกครั้ง เธอจึงรู้สึกไม่ค่อยชินนัก
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ทางนี้ยังมีฉันอยู่ ตอนเย็นฉันจะไปรับ เดี๋ยวพาไปเลี้ยงข้าว ให้กำลังใจวันแรกที่ไปเรียน โอเคไหม”
“พูดแล้วนะ ซ่งจื่อเซวียนนายไม่รักษาสัญญาตลอดเลย วันนี้ต้องมารับฉันนะ”
“ได้ ยังไงก็อยู่ฝั่งตรงข้ามนี่เอง เดี๋ยวฉันเดินไป”
……………………………………………………