เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 54 นายหญิงคนใหม่ของบริษัทเอ็มไอกรุ้ป
บทที่ 54 นายหญิงคนใหม่ของบริษัทเอ็มไอกรุ้ป
คนในรูปดูแล้วอายุยังน้อยอยู่ก็ได้ตำแหน่งสูงแล้ว ชื่อไม่สำคัญ แต่ที่สำคัญคืออายุ
อันที่จริง เขาคือ “เทียนเทียน”
คนที่จี้จิ่งเชินตามหามาเป็นสิบปี ในที่สุดตอนนี้ได้ตามหาเธอเจอแล้ว
“คนนั้นอยู่ไหน?”
“อยู่ข้างนอก”
“ให้เธอเข้ามา” จี้จิ่งเชินดูเร่งรีบ
“รับทราบ”
พอจงหลีหันหลังเดินจากห้องทำงานไป ทันใดนั้นก็มีคนใส่ชุดพนักงานทำความสะอาดเดินเข้ามา
จี้จิ่งเชินลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปเขย่าแขนเธออย่างตื่นเต้น
“เทียนเทียน ในที่สุดผมก็ตามหาคุณเจอแล้ว!”
————
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับมาจากมหาวิทยาลัย พอเดินเข้าไปในห้องรับแขก ในจิตสำนึกก็สั่งให้มองเข้าไปข้างใน
ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์แล้ว ยังไม่เจอจี้จิ่งเชินเลย
ถึงแม้ว่าพ่อบ้านจะบอกว่าเขาพักอยู่ที่บริษัท แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยังไม่เข้าใจ
ว่าทำไมวันนั้นเขาถึงได้โกรธขนาดนี้?
เธอมองดูรอบๆ จี้จิ่งเชินยังไม่กลับมาจริงๆ แต่บนโซฟากลับมีคนนั่งอยู่คนหนึ่ง
ตั้งแต่ที่เธอมาอยู่ที่นี่ นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นคนนอกเข้ามา
เวินเที๋ยนเที๋ยนประหลาดใจจึงเดินเข้าไป
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณมาหาใครคะ?”
ผู้หญิงคนนั้นนั่งหันหลังอยู่บนโซฟา โดยนั่งแบบกินเนื้อที่โซฟาไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ใส่ชุดกระโปรงยาวผ่าขา หน้าอกเว้าสีแดง ทำให้เห็นหน้าอกและต้นขา มีผมยาวสลวยสีไวน์แดง
พอได้ยินเสียงเวินเที๋ยนเที๋ยน เธอก็วางแก้วน้ำลง
“ฉันไม่ได้มาหาใคร เพราะตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะมาเป็นนายหญิงของที่นี่……”
เธอหันหน้ามามองเวินเที๋ยนเที๋ยน ที่มีดวงตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นหน้าเธอก็ตกใจ
“เจียงหยู่เทียน?”
ถึงแม้ว่าคนตรงหน้าจะแต่งตัว แต่งหน้าหนัก
แต่ใบหน้าก็ยังมองออกว่าเป็นเจียงหยู่เทียนที่ออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเฉินซีเมื่อครึ่งปีก่อน
“ทำไมถึงเป็นคุณ?”
เจียงหยู่เทียนเปลี่ยนสีหน้า แล้วหัวเราะเยาะออกมา
“ประโยคนี้น่าจะเป็นฉันพูดกับคุณนะ? ว่าทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมอง “เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของคุณ คุณรีบออกไปจากที่นี่ซะ”
“ออกไปหรอ? ทำไมฉันต้องออกไปล่ะ?”
เจียงหยู่เทียนนั่งไขว่ห้างและกระดิกเท้าไปด้วย
“ตอนนี้ฉันเป็นนายหญิงของบริษัทเอ็มไอกรุ้ป ทำไมต้องออกไปล่ะ? คุณน่าจะต้องออกไปมากกว่า!”
เธอกอดอกและแบะปาก
“ไม่รู้จักสงบเสงี่ยมเจียมตัวเหมือนตอนเด็กจริงๆ ทั้งชีวิตนี้ก็แก้ไม่หายหรอก! ออกไปซะ! ระวังนะไม่งั้นฉันจะเรียก รปภ. มาจับตัวคุณออกไป”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้ว พอได้เห็นเจียงหยู่เทียนทำเหมือนที่นี่เป็นบ้านตัวเอง ในใจก็ยิ่งไม่เข้าใจ
“เมื่อกี้ที่คุณพูดหมายความว่ายังไง? ทำไมถึงเรียกตัวเองว่าเป็นนายหญิงของที่นี่?”
“ก็หมายถึงอย่างที่บอกไปนั้นแหละ”
เจียงหยู่เทียนดื่มชาจนหมด และหันไปอย่างรำคาญ
“ทำไมคุณถึงยังไม่ไปอีก? อ่อ คุณได้ยินมาว่าจี้จิ่งเชินกำลังสนใจฉันอยู่ใช่ไหม ก็เลยตั้งใจจะมาหาประโยชน์ด้วย?”
เธอลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ แล้วเดินไปหาเวินเที๋ยนเที๋ยน ด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มอันเยือกเย็นและดูถูกคนที่ต่ำกว่า
“จุ๊จุ๊จุ๊ คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะมีวันนี้ ถ้าคุณคุกเข่าขอร้องฉัน ฉันอาจจะช่วยให้เงินคุณสักหน่อยก็ได้”
เจียงหยู่เทียนยื่นมือออกไปจับข้อมือของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างรุนแรงและรวดเร็วด้วยใบหน้าที่โหดร้าย
“คุกเข่าสิ! ไม่ชินเลยกับการเห็นคุณแบบนี้ ที่นี่ไม่ใช่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่จะมีผู้อำนวยการมาปกป้องคุณ!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนต่อสู้ดิ้นรน ใช้แรงสะบัดเธอออกไป
“เจียงหยู่เทียน คุณเป็นบ้าอะไรเนี่ย!”
“คุณจะทำอะไร?”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังด้วยความโกรธดังออกมา!
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปเห็นจี้จิ่งเชินที่ไม่ได้เจอกันมาเป็นอาทิตย์ยืนอยู่หน้าประตู
สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความโกรธ และกำลังเดินมาทางนี้
พอเจียงหยู่เทียนเห็นเขาเดินมา ขาก็ทรุดและล้มลงไปบนโซฟา
เธอเงยหน้ามามองเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยความกลัว
“ทำไมคุณถึงต้องผลักฉัน? ถ้าคุณคิดว่าฉันไม่ควรอยู่ที่นี่ งั้นฉันไปน่าจะดีกว่า……”
เธอลุกขึ้นยืน แล้วร้องไห้ออกมาพร้อมกับหันหลังกำลังจะออกไป
จี้จิ่งเชินยื่นมือออกไปดึงเธอไว้
“คุณไม่จำเป็นต้องไป”
เจียงหยู่เทียนถือโอกาสพิงไหล่เขา ใบหน้าดูกังวลใจที่เวินเที๋ยนเที๋ยนมองมา
“แต่……”
“ผมบอกว่าคุณอยู่ที่นี่ได้ ก็อยู่ที่นี่ได้”
เจียงหยู่เทียนพยักหน้า แล้วไปยืนอยู่ข้างหลังจี้จิ่งเชิน
พอเงยหน้าขึ้นมาก็ไม่เห็นคราบน้ำตาสักนิด แล้วแอบส่งยิ้มไปให้เวินเที๋ยนเที๋ยน
จี้จิ่งเชินมองมาด้วยสายตาเย็นชา แววตาไร้ซึ่งความอบอุ่น ทำให้ใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนหยุดนิ่ง
“เจี่ยงเนี่ยนเหยา อย่าคิดว่าการที่คุณแต่งงาน จะทำให้คุณเป็นใหญ่ที่นี่ได้จริง คุณน่ะเป็นได้แค่สินค้าที่ผมจี้จิ่งเชินซื้อมาแค่นั้น แยกแยะฐานะตัวเองให้ออก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเม้มปาก ไม่มีแรงแม้แต่จะพูด
เจียงหยู่เทียนได้ยินจี้จิ่งเชินเรียกชื่อเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วมองไปที่พวกเขาทั้งสองคนอย่างประหลาดใจ แสงมืดสลัวแวบเข้ามาในดวงตา
เหมือนกับว่าจะเดาอะไรได้แบบเลือนรางแล้ว
เธอเอื้อมมือมาแตะบ่าของจี้จิ่งเชิน
“ช่างเถอะ จิ่งเชิน อย่าโกรธเลย ฉันคิดว่าเธอคงไม่ได้ตั้งใจหรอก”
จี้จิ่งเชินสงบจิตใจและพูดกลับเวินเที๋ยนเที๋ยนว่า : “คุณยังยืนทำอะไรอยู่ที่นี่?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอามือข้างหลัง ค่อยๆ กำมัดแน่น ให้ความรู้สึกในใจระบายออกไปยังมือ เป็นความรู้สึกเจ็บที่ชัดเจน
“เมื่อวาน แม่บอกว่า วันนี้ให้พวกเรากลับไปหาหน่อย ใกล้จะถึงวันครบรอบหกสิบปีของพ่อแล้ว”
“โอเค”
จี้จิ่งเชินพูดอย่างเยือกเย็นว่า “ยังมีธุระอะไรอีกไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้าและหันหลังจะขึ้นไปข้างบน
เดินไปได้ครึ่งทาง ก็ได้ยินเสียงหัวเราะของเจียงหยู่เทียนที่อยู่ห้องรับแขกดังเข้ามาในหู
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันหลังกลับไปเห็นเจียงหยู่เทียนอยู่ใกล้กับเขา ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรกัน
ใบหน้าของจี้จิ่งเชินเต็มไปด้วยรอยยิ้มแบบรักใคร่เอ็นดู แบบที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
พอมองไป เจียงหยู่เทียนก็เงยหน้าขึ้นมามองเธอ
ชั่วพริบตาเดียวใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เหมือนถูกบีบรัด
เธอกับเจียงหยู่เทียนโตมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอรู้ฐานะของตัวเองดี!
เจียงหยู่เทียนชอบรังแกเธอมาตั้งแต่เด็ก เธอจะเอาเรื่องนี้ไปบอกจี้จิ่งเชินไหม?
เวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นไปข้างบนอย่างกังวลใจ ในสมองเต็มไปด้วยความสับสน
ในห้องรับแขก เจียงหยู่เทียนพิงแขนจี้จิ่งเชิน พลิกนิตยสารในมือไปมา แล้วยื่นมาตรงหน้าเขา
“กระเป๋านี้สวยจังเลย เหมาะกับชุดกระโปรงที่ฉันซื้อมาเมื่อวานพอดีเลยใช่ไหม?”
จี้จิ่งเชินไม่ได้มองเลยสักนิด
“เดี๋ยวผมให้พวกเขาส่งมาเลยคืนนี้”
เจียงหยู่เทียนยิ้มอย่างพอใจ
ใครจะไปรู้ว่า สามวันก่อนหน้านี้เธอยังใส่ชุดทำงานสกปรกเป็นพนักงานทำความสะอาดอยู่เลย พอวันนี้กลับกลายเป็นคนที่ซื้อกระเป๋าหนังในราคาเจ็ดหลักได้อย่างง่ายดาย?
มาถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าทำไมจี้จิ่งเชินถึงได้ดูแลเธอดีแบบนี้
แต่นี้เป็นโอกาสหนึ่งที่เธอจะต้องคว้าเอาไว้!
เจียงหยู่เทียนดึงแขนของจี้จิ่งเชิน
“คุณดีจริงๆ เลย จิ่งเชิน”
พอได้ยินชื่อเรียกแบบนี้ จี้จิ่งเชินก็ขมวดคิ้ว
“คุณเรียกผมว่าอะไรนะ?”
“จิ่งเชิน มีอะไรไม่ถูกไหม?”
จี้จิ่งเชินหยุดขมวดคิ้วแล้วพูดว่า : “ผมจำได้แล้ว แต่ก่อนคุณเรียกผมว่าพี่จี้”
เจียงหยู่เทียนมองไปรอบๆ ทันใดนั้นก็ยิ้มออกมา
“โธ่ ตอนนั้นมันเป็นแต่ก่อนนิ ตอนนี้พวกเราโตกันแล้ว ต้องเรียกว่าจี้จิ่งเชินสิ”
เธอเขย่าแขนจี้จิ่งเชินไปมาแล้วพูดเบาๆ ว่า : “ถ้าคุณชอบ ต่อไปนี้ฉันจะเรียกคุณว่าพี่จี้นะ”
จี้จิ่งเชินแอบอมยิ้มออกมา
“ไม่เป็นไร คุณชอบเรียกอะไรก็ได้ทั้งนั้น”