เมียพรหมจรรย์ ชุด ภรรยาของมหาเศรษฐีซาตาน - ตอนที่ 32
จันทร์เจ้าขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมๆ กับฝันร้าย หล่อนกรีดร้องและดิ้นรนเพราะในฝันมีผู้ชายหลายคนกำลังรุมทำร้ายหล่อนอย่างป่าเถื่อน
“ไม่… อย่านะ ไม่…”
“ไม่เป็นไรแล้ว… ไม่มีอะไรแล้วเจ้าขา…”
เสียงปลอบประโลมและฝ่ามือที่ลูบไปทั่วใบหน้าอย่างอ่อนโยนทำให้หญิงสาวลืมตาขึ้น และสิ่งแรกที่หล่อนได้เห็นก็คือสายตาห่วงใยของผู้ชายตัวโตอย่างไทเลอร์ เขากำลังจ้องมองหล่อนอยู่ และยิ้มให้หล่อนอย่างปลอบประโลม
“เธอปลอดภัยแล้ว”
หญิงสาวยิ้มออกมาทั้งน้ำตา หล่อนยันกายลุกขึ้นนั่งและโผเข้าสวมกอดร่างหนาของไทเลอร์เอาไว้และร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว เนื้อตัวสั่นเทิ้มจนน่าเวทนา
“ฟิลิเซียกับพวกมาดักหน้าฉันเอาไว้… ก่อนจะเอาผ้าเย็นๆ มาปิดที่จมูกของฉัน จากนั้นฉันก็ไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลย”
“ฉันขอโทษนะที่ไม่สามารถปกป้องเธอเอาไว้ได้ แต่ฉันสัญญาว่าต่อจากนี้เป็นต้นไป เธอจะปลอดภัยจากคนพวกนั้น”
หญิงสาวช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างขอบคุณ
“อาจารย์ช่วยฉันอีกครั้งหนึ่งแล้ว… ฉันไม่รู้จะขอบคุณอาจารย์ยังไงดี ฉัน…”
ไทเลอร์ระบายยิ้มพลางก้มลงจูบแก้มนวลหนักหน่วง
“ถ้าเธอกังวลเรื่องขอบคุณน่ะ ไม่ต้องห่วงนะ เพราะฉันเอาคืนเกินคุ้มอยู่แล้ว และอีกอย่างเธอก็ขอบคุณฉันทุกคืนอยู่แล้วด้วย”
สายตาของเขาเต็มไปด้วยความหิวกระหายอีกแล้ว และนั่นก็ทำให้แก้มนวลแดงระเรื่อน่ามอง หล่อนก้มหน้าหลบตาแต่ก็ได้ประเดี๋ยวเดียว เมื่ออึดใจต่อมานิ้วแกร่งเลื่อนขึ้นมาตรึงปลายคางมนเอาไว้ จากนั้นก็บังคับให้หล่อนเงยหน้าสบประสานสายตา
“ฉันจะไม่มีทางชะล่าใจอย่างที่ผ่านมาอีกแล้ว ต่อไปเธอจะต้องมีคนคุ้มกันทุกฝีก้าว”
จันทร์เจ้าขาฟังแล้วก็รีบส่ายหน้า เพราะคิดว่ามันไม่จำเป็นอะไร
“อย่าลำบากเลยค่ะอาจารย์ ต่อไปฉันจะระวังตัวให้มากขึ้น คงไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้วล่ะค่ะ”
แต่ถึงแม้ว่าหล่อนจะคัดค้านยังไง พ่อคนตัวโตก็ยังยืนกรานคำเดิมอยู่ดี
“ฉันเคยคิดแบบเธอเหมือนกันตอนที่เธอเกือบถูกฟิลิเซียกรีดหน้า แต่ฉันกลับได้บทเรียนแสนแพงคืนกลับมา ดังนั้นฉันจะไม่ยอมเปิดโอกาสให้ใครได้ทำร้ายเธออีก… เธอเป็นผู้หญิงของฉันแล้วนะจันทร์เจ้าขา เธอจะต้องรักษาเนื้อรักษาตัวเพื่อฉัน เข้าใจไหม…”
น้ำเสียงของเขานุ่มนวล ซึ่งแตกต่างจากจุมพิตในลำดับถัดมาของเขาเป็นอย่างยิ่ง เพราะจูบของเขาไม่เคยไม่ป่าเถื่อนเลยสักครั้ง รุนแรง ดุดัน เหมือนจะกลืนกินหล่อนเข้าไปเสียทั้งตัว หญิงสาวครางเบาๆ และคล้อยตามเขาได้อย่างง่ายดาย
“อาจารย์…”
เขาหัวเราะเบาๆ ชิดปากของหล่อน และถอนจุมพิต
“เรียกเสียงหวานแบบนี้ แสดงว่าหายตกใจกลัวแล้ว ถ้าอย่างนั้นเรา…”
หล่อนรู้ดีว่าเขากำลังหมายความว่าอะไร จึงรีบปฏิเสธด้วยความขัดเขิน แม้ว่าภายในอกจะต้องการมันเช่นกันเหมือนกับเขาก็ตาม
“อย่า… อย่าทำแบบนี้สิคะ ตอนบ่ายฉันมีเรียนนะ”
“แต่นี่ยังไม่บ่ายนี่ ยังเหลือเวลาอีกตั้งสองชั่วโมง น่าจะได้สักสองสามรอบ”
“อาจารย์ลามกจัง นี่ปล่อยก่อนค่ะ ลืมไปแล้วหรือไงคะว่าเรายังตกลงกันไม่ได้เลย”
คนตัวโตผลักร่างแน่งน้อยแต่อวบไปทั้งตัวให้นอนราบลงกับเตียงและเปลื้องผ้าออกอย่างแสนชำนาญ ทำได้อย่างคล่องแคล่วจนคนต่อต้านอ่อนอกอ่อนใจ
“ใครว่าฉันต้องการให้เธอตกลงด้วยล่ะ ฉันแค่บอกให้เธอรู้เท่านั้นว่าฉันกำลังจะทำอะไร”
“แต่… ฉันไม่เห็นด้วย… อื้อ…”
ครางด้วยความเสียดเสียวเมื่อปากร้อนผ่าวดูดกลืนปลายถันอย่างหิวกระหาย
“นั่นมันไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะต้องใส่ใจ ฉันบอกว่าต้องมีคนคอยดูแลเธอยี่สิบสี่ชั่วโมงก็ต้องเป็นไปตามที่ฉันพูด เพราะฉันจะไม่ยอมให้เธอถูกใครทำร้ายได้อีกแล้ว”
“คนเผด็จการ…”
“ที่ฉันทำทุกอย่าง ก็เพราะไม่ต้องการให้เธอจากฉันไปไหน เข้าใจเอาไว้นะทูนหัว”
คนฟังทั้งซึ้งใจทั้งเสียวกระสันไปพร้อมๆ กัน ก็พ่อเจ้าประคุณพูดไป ดูดไป แถมนิ้วมือก็ยังทำงานได้ประสานกับปากและลิ้นอีกต่างหาก ลูบไปทั่วทั้งตัว จากนั้นก็วกมาโจมตีกลีบอ่อนของความเป็นหญิง หล่อนร้องครวญคราง และหยัดสะโพกขึ้นหานิ้วมืออย่างสุดจะห้ามใจ
“อ๊า… อาจารย์… อย่าทำแบบนี้สิคะ อื้อ…”
“จะทำมากกว่านี้…”
ทำมากกว่านี้… หญิงสาวคิดอย่างปั่นป่วน ความร้อนฉ่านาบแนบอยู่กับแก่นกลางลำตัวอย่างมหาศาล หล่อนดิ้นพล่าน ส่ายระริก สะโพกงามบิดไปมาด้วยความกระสันเสียว ขณะที่บั้นท้ายก็ยกลอยวางไม่ติดที่นอนแม้แต่นิดเดียว
“อ๊า… อาจารย์ขา… อู๊ย…”
ไทเลอร์ไม่สนใจท่าทางเสียวซ่านปานจะขาดใจของสาวน้อยสักนิด เพราะเขายังคงเดินหน้ารุกรานด้วยปากนิ้วและลิ้นต่อไปอย่างดุดัน ปลุกเร้าให้เจ้าหล่อนร้อนเป็นไฟ และตอบสนองเขาอย่างทัดเทียมกัน ซึ่งก็ไม่นานเลย แค่ลิ้นของเขาตวัดเลียโรมรันกับยอดทรวงสีสวย แค่นั้นร่างแน่งน้อยก็ดิ้นเร่าๆ ด้วยความเสียวกระสันแล้ว
“เธอเป็นผู้หญิงของฉัน เจ้าขา… ของฉันคนเดียว”
ปากร้อนผ่าวคลายยอดอกชุ่มชื้นและพรมจูบต่ำลงมายังหน้าท้องแบนเรียบ ฝ่ามือหนาข้างหนึ่งขยำเต้างามบีบเคล้นทั้งก้อนเนื้ออวบสลับกับบี้ขยี้ปลายถันแข็งชัน ขณะที่อีกมือหนึ่งก็ถูไถกลีบสาวอ่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
“ฉันจะต้องเป็นผู้ชายคนเดียวในหัวของเธอ”
แล้วพ่อเจ้าประคุณก็แทนที่นิ้วมือด้วยปลายลิ้นชุ่มฉ่ำ เขาตวัดเลีย ปาดละเลง กลืนทุกหยาดหยดความหวานฉ่ำลงในลำคออย่างหิวกระหาย
“หวานเหลือทูนหัว…”
หญิงสาวกรีดร้อง แอ่นหยัดไปกับปลายนิ้วที่โจมตีอย่างไม่ลืมหูลืมตาซ้ำๆ กันหลายครั้ง ก่อนจะเกร็งกระตุกอย่างรุนแรงเมื่อคลื่นแห่งความสุขสมถล่มอาบไล้มาบนเรือนร่าง หล่อนสั่นระริกดึงทึ้งเส้นผมของเขาเอาไว้เต็มแรง
“อาจารย์ขา…”
เขาระบายยิ้มเมื่อถอนปากออกจากร่องสาวขึ้นมาจูบปิดปากของหล่อนแนบแน่น เต็มอารมณ์หวาน นิ้วมือก็ยังคงเขี่ยเกสรรักอย่างต่อเนื่อง
“อ๊า… อาจารย์…”
จันทร์เจ้าขาบิดเร่าๆ อีกครั้ง แต่เพราะอยากเห็นคนตัวโตมีความสุขบ้าง หล่อนจึงแข็งใจดันร่างของเขาให้ล้มลงนอนหงายบนเตียงแทน จากนั้นก็รีบตามขึ้นไปนั่งคร่อมเอาไว้ หล่อนขยับสะโพกถูไถความเป็นหญิงฉ่ำแฉะกับท่อนกายแข็งชันอย่างยั่วยวน แต่ก็ยังไม่ยอมเปิดโอกาสให้เขาได้สอดใส่
“ไม่ไหวแล้ว… เจ้าขา… ควบฉันเถอะ”
เจ้าของชื่อระบายยิ้มกว้าง พลางโน้มตัวต่ำลงไปหา ใช้เต้างามอวบอัดถูไถกับแผงอกกว้างที่เต็มไปด้วยไรขนอย่างจงใจ
“โอ้ว… พระเจ้า…”
ไทเลอร์ครางลั่น และจะจับหญิงสาวให้ไปนอนกับเตียงเพื่อที่เขาจะได้ควบคุมทุกอย่างเอาไว้ในมือเหมือนทุกครั้ง แต่เจ้าหล่อนไม่ยอม
“ให้ฉัน… ได้ทำแบบที่อาจารย์ทำกับ… ร่างกายของฉันเถอะนะคะ”
สายตาของหล่อนสะกดให้เขานอนนิ่งงัน จากนั้นหล่อนก็ประกบปากลงมาหา จูบดูดปากของเขาเลียนแบบลีลาเผ็ดร้อนของเขาได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นที่สุด ไทเลอร์ครางลั่น ดิ้นพล่านปานจะขาดใจ เขาตะโบมจูบตอบ ดูดกลืนกันจนสองปากแทบจะฉีกขาดแต่ก็เหมือนจะยังไม่พอ แต่จันทร์เจ้าขายุติมันเสียก่อน จากนั้นก็ก้มลงซุกไซ้ที่ลำคอแกร่ง
“โอ้ว… เจ้าขา… เธอจะฆ่าฉันหรือไง”
หญิงสาวไม่ตอบแต่พรมจูบไปเรื่อยๆ ลำคอ ใบหู บ่าบึกบน ก่อนจะมาหยุดที่หัวนมเม็ดเล็กๆ ของเขาที่ซ่อนอยู่ในกลุ่มขนสีเข้ม
“โอ้ว… เจ้าขา… อย่าเลีย”
เขาผลักหล่อนออก เพราะมั่นใจว่าตัวเองคงทนไม่ไหวแน่ แต่จันทร์เจ้าขาก็ยังดื้อดึงจะทำมันต่อไป หล่อนดูดเลียขบเม้มเหมือนกับที่เขาทำกับยอดทรวงของหล่อน ในขณะที่ฝ่ามือข้างหนึ่งถูไถหัวนมอีกข้างที่แข็งเป็นไตรออยู่
ไทเลอร์กำลังจะตาย เขารู้สึกแบบนั้น ทำไม… ร่างกายของเขาถึงได้ลอยสูงแบบนี้นะ ปาก ลิ้นและฝ่ามือนุ่มๆ ของจันทร์เจ้าขาเหมือนเครื่องทรมานไม่มีผิด ไม่ว่าหล่อนจะแตะจะแต้มลงไปบนส่วนไหนของผิวกาย ความร้อนผ่าวก็บังเกิดขึ้นทันที
“ได้โปรด… เจ้าขา ได้โปรดควบฉัน…”
เป็นครั้งแรกที่เขาหลุดคำพูดนี้ออกไป ‘ได้โปรด’นี่เขาพูดมันออกไปได้ยังไงกันนะ เขาไม่เคยรู้จักความหมายของคำๆ นี้เลยด้วยซ้ำตั้งแต่ลืมตัวขึ้นมาดูโลก แต่จันทร์เจ้าขาแม่ผู้หญิงที่กำลังเลียต่ำลงไปยังหน้าท้องแข็งปั๋งกลับทำให้เขาพูดมันออกมาได้
จันทร์เจ้าขาคือหายนะดีๆ นี่เอง
ไทเลอร์คิดอย่างอ่อนอกอ่อนใจแต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรตัวเองได้เลย ตอนนี้เขานอนแผ่หลาหมดสภาพอยู่บนเตียง ปล่อยให้แม่คนสวยแสนเร่าร้อนเลียได้ตามอำเภอใจ ให้ตายเถอะ เมื่อไหร่หล่อนจะหยุดสักทีนะ เมื่อไหร่กัน เขาจะขาดใจอยู่แล้ว
“เจ้าขา… ได้โปรด… ควบฉัน ให้ฉันอยู่ในตัวของเธอ เจ้าขา…”
หญิงสาวระบายยิ้มบางๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความเสน่หามากล้น
“ยังค่ะ ฉันยังไม่ได้… เลียอาจารย์ทั่วทั้งตัวเลยนะคะ”
โอ้ พระเจ้า แค่คำพูดของหล่อนเพียงเท่านั้น เขาก็แทบจะแตกระส่ำออกมาอยู่แล้ว ให้ตายเถอะ ทำไมเขาถึงอ่อนไหวง่ายดายแบบนี้ แค่… แค่…
แล้วสมองของไทเลอร์ก็ไม่สามารถคิดอะไรได้อีก เพราะมันหยุดชะงัก ตอนนี้มีแต่ความต้องการทางร่างกายเท่านั้นที่บงการทุกอย่างอยู่
“เจ้าขา… โอ้ว…”
เจ้าของชื่อไม่สนใจท่าทางร้อนเป็นไฟของคนตัวโต หล่อนพรมจูบลงมาพบเจอกับท่อนเนื้อที่แข็งราวกับท่อนเหล็ก หล่อนกอบกุมมันเอาไว้ด้วยสองมือ รูดขึ้นลงด้วยจังหวะนุ่มนวลและสม่ำเสมอ ซ้ำไปซ้ำมาแค่สี่ห้าครั้ง พ่อเจ้าประคุณก็คำรามลั่นคล้ายกับทนไม่ไหวอีก จากนั้นเขาก็ใช้ความแข็งแรงที่มีมากกว่าจับร่างของหล่อนให้ล้มลงไปนอน ก่อนที่เขาจะจับสองขาของหล่อนให้แยกออกจากกัน จากนั้นเขาก็…
“อ๊ะ… อ๊า… อาจารย์ขา…”
คนตัวโตกระแทกแล้วก็กระแทกเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง ไม่ลืมหูลืมตา เขาซัดเข้าใส่อย่างรุนแรง ทุกจังหวะเต็มไปด้วยความป่าเถื่อน ยิ่งแม่สาวคนสวยร้องลั่นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งซัดเข้าใส่แรงมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ไม่นานเลย แค่ไม่กี่ครั้งทั้งเขาและหล่อนก็กระตุกเกร็งอย่างรุนแรง ขึ้นสวรรค์ไปพร้อมๆ กัน
“เธอทำให้ฉันเกือบขายหน้า ดังนั้นบ่ายนี้งดเรียน…”
“ไม่ได้นะคะอาจารย์ ฉันจะเรียนไม่รู้เรื่อง… อู้ย…”
จันทร์เจ้าขาเผลอหลุดเสียงครางออกมา เมื่อพ่อเจ้าประคุณเคลื่อนท่อนเหล็กแข็งที่ยังคงอยู่ภายในกายของหล่อนเป็นวงกลม ก่อนจะย้ำลงไปหาอย่างหนักหน่วง
“ฉันจะติวให้เธอเอง รับรองว่าเธอจะได้เกียรตินิยมเลยแน่นอน โอ้ว… เจ้าขา ทำไมรัดแน่นเหลือเกินล่ะ ทำไมรัดแน่นแบบนี้…”
แล้วสองหนุ่มสาวต่างก็สาดซัดความเร่าร้อนเข้าใส่กันอย่างดุเดือดเลือดพล่าน พระอาทิตย์ตกดินไปแล้วนั่นแหละพวกเขาถึงได้นอนกอดก่ายกันหลับใหลไปอย่างหมดเรี่ยวแรง