เมียพรหมจรรย์ ชุด ภรรยาของมหาเศรษฐีซาตาน - ตอนที่ 20
หญิงสาวส่ายหน้าน้อยๆ ขณะซบหน้าร้องไห้กับแผ่นหลังกว้างของคนตัวโตอย่างหวาดกลัว เนื้อตัวสั่นเทาจนไทเลอร์รู้สึกได้และนั่นก็ทำให้เขาต้องบีบมือเย็นเยียบของหล่อนเอาไว้แน่นหนา เพื่อปลอบประโลม ขณะสายตาก็จับจ้องนักศึกษาจอมวายร้ายอย่างเอาเรื่อง
“ยังไม่ตอบอีก ฉันถามว่าพวกเธอกำลังจะทำบ้าอะไรกันห๊า?!”
“เอ่อ คือพวกเรา…”
พวกของฟิลิเซียคนหนึ่งพยายามจะแก้ตัวแต่ดูเหมือนจะคิดคำพูดไม่ออก เพราะหลักฐานมันชัดเจนเสียเหลือเกิน
“ทำไมอาจารย์จะต้องปกป้องนังอีตัวชั้นต่ำคนนี้ด้วยคะ มันสำส่อน ไร้ค่า ไม่คู่ควรจะเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งในรัสเซียแบบพวกเรา”
พวกของฟิลิเซียอีกคนหนึ่งพูดขึ้น และนั่นก็ทำให้ดวงตาของไทเลอร์ลุกเป็นไฟ เขาบีบมือของจันทร์เจ้าขาแน่นขึ้นด้วยความเวทนาจับหัวใจ
“เธอชื่ออะไร อยู่ปีไหน”
“ทำไมคะอาจารย์…”
เจ้าของคำพูดประโยคที่แล้วถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะหน้าถอดสีซีดเผือดเมื่อได้ยินคำประกาศิตของไทเลอร์
“นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เธอไม่ใช่นักศึกษาในมหาวิทยาลัยของฉันอีก ไสหัวออกไปซะ”
เสียงฮือฮาราวกับผึ้งแตกรังของพวกพ้องของฟิลิเซียดังลั่นขึ้น ในขณะที่ฟิลิเซียยังยืนนิ่งไม่พูดอะไรออกมา
“อาจารย์ครับ คือพวกเรา… พวกเราไม่รู้เรื่องครับ พวกเราแค่…”
“หุบปากซะ ฉันจะให้โอกาสพวกเธอเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าฉันเห็นพวกเธอทำร้ายจันทร์เจ้าขาอีกล่ะก็ ฉันจะไล่พวกเธอออก จำใส่กะโหลกเอาไว้ด้วย!”
“ครับ/ค่ะอาจารย์ไทเลอร์”
แล้วพวกพ้องของฟิลิเซียก็แตกฮือกันไปคนละทิศละทาง เจนี่กับฟิลิเซียจะอาศัยจังหวะนั้นหนีไปด้วยแต่เสียงกระด้างของไทเลอร์ก็ดังขึ้นเสียก่อน
“เธอสองคนอย่าพึ่งไป กลับมานี่ก่อน”
ฟิลิเซียค่อยๆ หมุนตัวและเดินกลับมาหยุดตรงหน้าของไทเลอร์ สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ซึ่งเจนี่เองก็เช่นกัน
“ฉันว่าเธอสองคนน่ะ น่าจะหยุดเรียนสักพักหนึ่งนะ”
“ไม่นะคะอาจารย์ ฉันไม่ยอม”
ฟิลิเซียร้องค้านขึ้น พลางจิกตามองจันทร์เจ้าขาที่ซ่อนอยู่ด้านหลังของไทเลอร์ด้วยความคับแค้นข้องใจเป็นที่สุด นังนี่มันมีอะไรดีทำไมไทเลอร์จะต้องไปปกป้องมันด้วย ต่ำแสนต่ำ เน่าแสนเน่า แต่ผู้ชายก็ยังวิ่งเข้าใส่มันมากยิ่งกว่าดาวมหาวิทยาลัยอย่างหล่อนเสียอีก
“เธอมีสิทธิ์หรือฟิลิเซีย”
“ฉันไม่มีสิทธิ์ฉันรู้ แต่อาจารย์ไม่มีความยุติธรรมเอาเสียเลย อาจารย์เข้าข้างนังอีตัวเน่าๆ คนนี้ได้ยังไงกัน มันทั้งสกปรกทั้งน่าขยะแขยง”
“หุบปาก!”
ไทเลอร์ตวาดลั่น จ้องหน้าฟิลิเซียด้วยสายตาดุดัน
“ฉันไม่หยุด อาจารย์ทำให้นักศึกษาคนอื่นเห็นความลำเอียง หรือว่าอาจารย์เองก็อยากจะชิมนังกระหรี่คนนี้เหมือนกันคะ”
“ฉันบอกให้หุบปากไง ฟิลิเซีย!”
ไทเลอร์แผดเสียงดังก้องราวกับฟ้าผ่า และนั่นก็ทำให้ฟิลิเซียได้สติ แต่หล่อนก็ยังไม่คิดจะยอมแพ้ง่ายๆ
“หรือว่าเพราะอาจารย์กินนังนี่ไปแล้วคะ”
ไทเลอร์ขบกราม กัดฟันแน่น ให้ตายเถอะ ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์น่าสะอิดสะเอียนแบบนี้มาก่อนเลย แต่จันทร์เจ้าขากำลังทำให้เขาถูกต้อนจนเข้ามุมมืด คอยดูเถอะ เขาจะเอาคืนทันทีหลังจากทำสงครามกับแม่ฟิลิเซียปากร้ายนี่จบ
“นั่นมันไม่ใช่เรื่องที่เธอมีสิทธิ์ที่จะรับรู้ หน้าที่ของเธอคือออกไปจากห้องนี้ซะ ก่อนที่ฉันจะพักการเรียนของเธอแล้วก็เพื่อนของเธอ”
“ไม่นะคะ อาจารย์”
เจนี่ส่ายหน้าอย่างหวาดกลัว เพราะถ้าถูกพักการเรียนหล่อนถูกบิดาฆ่าตายแน่
“ฟิลิเซียเรารีบไปกันเถอะ ไปสิ”
เจนี่ออกแรงดึงแขนเพื่อน แต่ฟิลิเซียไม่ยอมขยับ
“ฉันจะฟ้องพ่อ จะให้พ่อฟ้องมหาวิทยาลัยของอาจารย์”
แทนที่ไทเลอร์จะสะทกสะท้านกลับไหวไหล่อย่างไม่แยแสซะงั้น
“เอาสิ แต่ถ้าไม่ชนะ ครอบครัวของเธอล้มละลายแน่ ซึ่งฉันไม่ได้ขู่ ไม่เชื่อไปถามพ่อของเธอดูสิ ว่ากล้าพอที่จะลองดีกับไทเลอร์ อิสไมนอฟ มาร์คิเดฟ หรือเปล่า”
ความโอหัง อวดดีของไทเลอร์ทอประกายรัศมีไปทั่วทั้งห้องเรียน และนั่นก็ทำให้ฟิลิเซียอึ้งจนพูดไม่ออก ยืนเงียบตัวสั่นด้วยความโกรธ
“ไปกันเถอะฟิลิเซีย ไปก่อนเถอะ”
เจนี่กระซิบข้างหูเพื่อน และออกแรงดึงอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ฟิลิเซียไม่ได้ขืนตัวเอาไว้แต่อย่างใด แต่ก่อนจากมาหญิงสาวก็อดฝากความอาฆาตแค้นเอาไว้กับศัตรูหัวใจอย่างจันทร์เจ้าขาไม่ได้
“แกกับฉันจะต้องตายกันไปข้าง นังอีตัวชั้นต่ำ!”
แล้วสองคนก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งหายออกไปจากห้อง
ไทเลอร์แกะมือบางที่กอดเอวของตัวเองอยู่ออกจากตัว ก่อนจะก้าวยาวๆ ไปล็อคประตูห้องเรียน จากนั้นก็หันมามองหน้าหญิงสาวที่ยังยืนตัวสั่นเทิ้มอยู่ด้วยสายตาต่างไปจากเดิม
“เธอสร้างปัญหาให้ฉันไม่เว้นวันเลยนะจันทร์เจ้าขา”
“ฉัน…”
หญิงสาวพูดไม่ออกเพราะยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่หาย มันไม่ใช่ครั้งแรกแล้วที่หล่อนถูกทำร้ายแต่มันหลายครั้งหลายคราจนบางครั้งหล่อนก็อดกลัวไม่ได้ว่าตัวเองอาจจะตายก่อนที่จะได้กลับไปเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ที่เมืองไทย
“ฉันจะไม่ถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เพราะฉันคิดว่าฉันรู้”
จันทร์เจ้าขารีบขยับตัวออกห่าง เมื่อคนตัวโตเดินมาหยุดตรงหน้า กลิ่นกายที่ทั้งเซ็กซี่ทั้งอำมหิตของเขาขับไล่ความรู้สึกตื่นตกใจให้หายไปอย่างเฉียบพลัน เหลือไว้แค่ความรู้สึก… ร้อน… ร้อนราวกับไฟที่ช่องท้องและหน้าขา
“ขะ ขอบคุณ… ที่ช่วยฉันอีกครั้ง”
หล่อนเบี่ยงตัวหนีออกไปด้านข้าง เพื่อจะหนีออกไปจากห้องที่ถูกปิดตายนี้ แต่ข้อมือบางก็ถูกรวบเอาไว้เสียก่อน ด้วยฝ่ามือที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าคีมเหล็ก
“จะรีบไปไหนล่ะ”
“ฉัน… จะรีบไปเรียน”
“วิชาต่อไปของเธออีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้าไม่ใช่หรือ”
ดวงตาของเขาทั้งเจ้าเล่ห์และอัดแน่นไปด้วยความหิวกระหายจนหล่อนสะเทิ้นสะท้านไปทั้งเรือนกาย เขาทำให้หล่อนร้อนเป็นไฟได้เพียงแค่สบตา ผู้ชายอะไรมีเสน่ห์เหลือร้ายจริงๆ เสน่ห์ที่ทำให้ผู้หญิงทั้งโลกคลั่งไคล้เขาจนโงหัวไม่ขึ้น
“ใช่ แต่ฉัน… จะรีบไป”
“อย่าพึ่งเลย… อยู่ให้ฉันคิดบัญชีกับเธอก่อนดีกว่า”
หัวใจสาวสะท้านไปทั้งดวง
“คิด… คิดบัญชีอะไรคะ ฉัน… ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย หรือว่าคุณอยากได้ยินคำว่าขอบคุณอีก ก็ได้ ฉันขอบคุณอย่างสุดซึ้งที่คุณช่วยเหลือฉันจากพวกฟิลิเซียอีกครั้ง ฉันจะไม่ลืมพระคุณท่วมหัวของคุณในครั้งนี้เลย…”
“ฉันไม่ได้ต้องการคำขอบคุณ”
เขาตอบหน้าตาย ดวงตาที่จ้องมายังหล่อนนั้นก็ยังเต็มไปด้วยความหิวกระหายไม่เปลี่ยนแปลง บ้าชะมัดทำไมหล่อนจะต้องรู้สึกอ่อนระทวยไปทั้งตัวเพียงแค่ถูกเขามองเรือนร่างแบบนี้ด้วย ทำไมจะต้องอ่อนไหว หญิงสาวถามตัวเองแต่ก็หาคำตอบไม่ได้
“แล้ว… คุณ… เอ่อ อาจารย์ต้องการอะไรจากฉันกันล่ะคะ”
หล่อนถามออกไปอย่างหมดความอดทน ขณะพยายามซ่อนความรู้สึกกระหายอยากเอาไว้สุดกำลัง
พ่อสุดหล่อระบายยิ้ม มองไปทั่วใบหน้าของหล่อน จากนั้นก็มาหยุดอิ่งอ้อยที่กลีบปากชอกช้ำอยู่นานหลายอึดใจ ก่อนจะลดต่ำลงมาจ้องมองอกอวบคู่งามที่พุ่งดันเสื้อออกมาจนเป็นรูปเป็นรอยชวนน้ำลายสอ
“ลงโทษเธอยังไงล่ะ”
“ลงโทษฉันเหรอคะ?”