เพื่อคุณหนูนางร้าย พ่อบ้านคนนี้สู้ตาย!!! - ตอนที่ 4
ณ อีกมุมหนึ่งของเมืองซึ่งเป็นย่านร้านค้าที่มีการเปิดตลาดขายของตามปกติ แอนนาเบลล่าได้ลากเซนาสมายืนหลบมุมซอกตึก
เซนาสเริ่มสงสัยแล้วว่าคุณหนูนางนี้กำลังต้องการให้เขาทำอะไรกันแน่ ทำไมต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ ด้วย หรือแท้จริงแล้วเขาถูกจ้างมาเพื่อทำงานผิดกฎหมายจริงๆ เขาเริ่มรู้สึกตะหงิดๆ ใจแล้วว่าตนเองเผลอตบปากรับคำง่ายเกินไป เริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ขณะที่กำลังถอนหายในเฮือกใหญ่ แอนนาเบลล่าก็ชี้นิ้วไปยังที่ใดที่หนึ่ง เซนาสมองตามไป ปลายทางที่เธอชี้ไปนนั้นคือเด็กสาวคนหนึ่งที่อายุรุ่นราวใกล้เคียงกับตัวเขาและแอนนาเบลล่า เธอกำลังถือตระกร้าดอกไม้ขายช่อดอกไม้ให้แก่ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา
“ช่อดอกไม้ค่ะ สนใจรับช่อดอกไม้สักช่อมั้ยคะ”
เธอมีเส้นผมสีน้ำตาลเข้มสั้นประบ่า นัยน์ตาสีดำขลับ มีใบหน้าที่น่ารัก สวมชุดลำลองธรรมดาบวกกับผ้ากันเปื้อนสีขาว เธอมีสีหน้าที่ดูยิ้มแย้มร่าเริงตลอดเวลา เป็นเด็กสาวที่ให้ความรู้สึกดูน่ารักสดใสชวนให้ใจอยากจะปกป้อง
ทว่าสำหรับเซนาสแล้ว เมื่อเทียบกับความประทับใจ(ทั้งดีและไม่ดี)ต่อแอนนาเบลล่าก่อนหน้านี้แล้ว ก็นับว่าธรรมดาทั่วๆ ไป เป็นเพียงเด็กผู้หญิงน่ารักๆ คนหนึ่ง
“ฟังให้ดีนะเซนาส สิ่งที่นายต้องทำก็ง่ายๆ แค่ไปทำเรื่องชั่วๆ กับเด็กผู้หญิงที่กำลังยืนขายดอกไม้อยู่ตรงนั้นก็พอ เท่านี้แหละ”
“…เดี๋ยวก่อนนะครับ ช่วยพูดให้ฟังอีกรอบได้ไหมครับ?”
“ฉันบอกให้นายไปทำเรื่องชั่วๆ กับผู้หญิงคนนั้นไง จะชั่วแค่ไหนก็ได้ไม่ว่ากัน ขอแค่ไม่ต้องเลือดตกยากออกก็พอ เอาแบบข่มขู่คุกคามพอประมาณก็ได้”
“…นั่นแหละครับปัญหา ทำไมผมต้องไปคุกคามเด็กผู้หญิงด้วยละครับ”
“ไม่ใช่ว่านายคุ้นชินกับอะไรแบบนี้หรอกเหรอ…”
“ผมไม่ได้เป็นนักเลงนะครับ”
…ถึงจะมีเรื่องชกต่อยบ่อยก็เถอะ
“การโกหกเป็นเรื่องไม่ดีนะ เซนาส”
“นั่นสินะครับ…”
แก้ตัวไปก็เปลืองน้ำลายเพราะฉะนั้นช่างมันเถอะ
เซนาสกลืนน้ำลายเฮือก สายตาสอดส่องไปยังเด็กสาวที่กำลังยืนตากแดดตากลมขายช่อดอกไมม้อย่างขยันขันแข็ง ดูๆ ไปก็เป็นเด็กดี
“ก็แค่ข่มขู่เองน่า ไม่เห็นจะเสียหายอะไรเลย แล้วฉันก็บอกไปก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่รึไงว่าให้ทำตามที่สั่งแบบไม่ต้องตั้งคำถามน่ะ นายบอกเองว่าจะทำงานให้แบบไม่รับค่าจ้างเองนะ อย่าผิดคำพูดสิ”
“เรื่องนั้นมันก็…”
[คติประจำใจบ้านเซเลสตี้ข้อที่ 32 จงอย่าผิดคำพูดของตนเองเมื่อได้ลั่นวาจาไว้แล้ว]
“…ให้ตายสิ เข้าใจแล้วครับ แค่ไปข่มขู่เด็กผู้หญิงคนนั้นก็พอใช่ไหมครับ เอาเป็นว่าผมจะทำให้เสร็จๆ โดยไม่ถามหาเหตุผลเพิ่มก็แล้วกัน”
“นั่นแหละดีแล้ว ทำแค่นั้นก็พอ …อ๊ะ! จริงสิ ถ้าเกิดว่ามีผู้ชายหล่อๆ หน้าตาดีผมยาวสีน้ำเงินรวบไว้ด้านหลังสวมเสื้อผ้ามีฐานะกับผ้าคลุมไหล่จอมเวทย์ เดินผ่านมาช่วยละก็ให้แกล้งแพ้แล้วถอนตัวทันทีเลยนะ”
“อะไรกันละครับนั่นน่ะ…”
“ฉันตั้งโค้ดเนมผู้ชายคนนั้นว่า [จอมเวทย์เสเพล] เป็นหนึ่งในหนุ่มหล่อตัวละครหลักน่ะ อืม… แต่พูดไปนายก็คงไม่เข้าใจ เอาเป็นว่าทำตามที่ฉันพูดพอ ให้ไปแกล้งผู้หญิงคนนั้นจนกว่าผู้ชายสุดหล่อผมสีน้ำเงินจะเข้ามาช่วย แล้วค่อยแกล้งยอมแพ้ไปแบบวายร้ายตัวประกอบ เท่านี้แหละ”
“เล่ามาได้เป็นฉากๆ เลยนะครับ ไม่เห็นจะเข้าใจเลยสักนิดเดียว”
“ถ้านายอยากให้ฉันอธิบายจริงๆ ก็พอได้อยู่นะ แต่บอกไว้ก่อนนะว่าเรื่องมันยาว ยาวแบบยาวสุดๆ ไปเลย เอามานั่งเล่าทั้งวันก็คงเล่าไม่จบ เพราะงั้นรีบๆ ไปได้แล้ว อย่ามัวโอ้เอ้เสียเวลา ขืนนายทำงานพลาดฉันเชือดนายแน่”
“ครับๆ …คุณแอนนาเบลล่า”
เซนาสพูดเอื่อยๆ ไร้อารมณ์ พลางเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะเดินออกจากซอกตึกเดินตรงเข้าไปหาเป้าหมายซึ่งก็คือเด็กสาวที่เขาไม่รู้จัก
…เอายังไงต่อดีละทีนี้
โดยพื้นฐานแล้วเซนาสไม่เคยข่มขู่หรือคุกคามใครมาก่อน ส่วนใหญ่จะเป็นการเปิดด้วยฝีปาก 2-3 ประโยคแล้วจึงค่อยคุยด้วยกำปั้นทีหลัง แต่คราวนี้อีกฝ่ายเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาๆ ที่กำลังตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง แล้วแบบนี้จะให้สุภาพบุรุษอย่างเซนาสเขาไปคุกคามเธองั้นเหรอ บอกได้เลยว่าสำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง
ขณะที่กำลังคิดไม่ตกเลยว่าจะทำยังไงดีถึงจะเรียกได้ว่า ‘คุกคาม’ ได้ เซนาสก็ได้มายืนอยู่ต่อหน้าเด็กสาวผู้กำลังยืนขายดอกมาเสียแล้ว
“อะ เอ่อ… สนใจดอกไม่เหรอคะ?”
“อ่า…”
เด็กสาวมองเซนาสตาแป๋วสายตาที่ดูซื่อๆ ไร้เดียงสาของอีกฝ่ายทำเอาเซนาสปวดใจ ทำใจกลั่นแกล้งไม่ลง
…ข่มขู่ผู้หญิงนี่มันต้องทำยังไงฟะ
“คะ คือว่า… ตะ ติดใจเรื่องอะไรอยู่รึเปล่าคะ…”
ขณะที่กำลังยืนคิดไม่ตก จู่ๆ เด็กสาวตรงหน้าก็ออกอาการหวาดผวาให้เห็น ทั้งๆ ที่เซนาสยังไม่ได้ลงมือทำอะไรใดๆ เลยทั้งสิ้น เขาแค่ยืนนิ่งๆ และมองหน้าอีกฝ่ายแต่เพียงเท่านั้น
“คะ…คะ…คือว่า…คือ…”
หยาดน้ำเอ่อล้นขอบตาของเด็กสาว ร่างกายสั่นกลัวงึกๆ ราวกับลูกกระต่ายป่าทำกำลังถูกนักล่าล้อมตรอก
เซนาสผงะสีหน้ากระตุกเกร็ง เขายังไม่ทันทำอะไรเลยแม้แต่น้อยอีกฝ่ายก็ยืนตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าเสียแล้ว
พอถึงจุดนั้นเซนาสก็นึกขึ้นได้ว่า…หน้าตาที่ความเป็นมิตรติดลบ 100 แต้มของเขา ทำให้แค่ยืนมองเฉยๆ ก็เป็นการข่มขู่อีกฝ่ายได้แล้ว
เซนาสเริ่มลุกลี้ลุกลน ไม่รู้ว่าจะควรจะทำอะไรต่อดี ควรจะไปต่อหรือพอแค่นี้ เขาหันหลังมองหาสิ่งที่พอจะช่วยเหลือเขาได้ นายจ้างสาวสวยที่กำลังยืนแอบอยู่ข้างตึกกำลังมองเขาด้วยสายตาเปล่งประกาย พ่นลมหายใจเข้าออกฮึดฮัด แถมยังชูกำปั้นเชียร์เขาแบบไม่มีเสียงอีกต่างหาก
“เจ๊งมาก! ทำต่อไปเรื่อยๆ เอาให้เธอกลัวหัวหดไปเลย!”
เหมือนเซนาสจะอ่านปากอีกฝ่ายได้แบบนั้น
…ทั้งๆ ที่เขายังไม่ทันทำอะไรเลยแท้ๆ
ยิ่งมองหน้าของเด็กสาวที่กำลังสั่นกลัวตัวเขาเป็นเจ้าเข้าเซนาสก็ยิ่งถูกสึกเหมือนโดนหมุดเสียอก รู้สึกแย่ที่ต้องทำเรื่องไม่ดีอย่างการคุกคามเด็กสาวไม่พอ ยังต้องมารู้สึกผิดที่ทำให้คนกลัวอีก
…อึดอัดชะมัดเลยว้อย!
ดูเหมือนการได้พบกับแอนนาเบลล่าจะทำให้เซนาสลืมไปสนิทเลยว่าเขาหน้าตาน่ากลัวแค่ไหน เพราะเธอดูจะไม่เกรงกลัวอะไรเขาเลย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วหน้าตาของเซนาสนั้นแค่ยืนมองหน้าเฉยๆ ก็เป็นการข่มขู่ระดับยมทูตมายืนยิ้มให้ตรงหน้า
เด็กสาวเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายกำลังยืนสั่นกลัว
เซนาสที่กำลังยืนแข็งทื่อไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อ
แอนนาเบลล่าที่กำลังโบกไม้โบกมือเชียร์แบบไม่มีเสียง
ผ่านไป 1 นาที , 5 นาที , 10 นาที! ทุกสิ่งทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ท่ามกลางสถานการณ์ที่แสนจะน่าอึกอัดนั่นเอง…ทันใดนั้น
เสียงของใครคนหนึ่งก็แทรกเข้ามา
“ไม่ทราบว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่กันครับ ช่วยออกห่างจากเด็กผู้หญิงคนนั้นทีได้ไหม ทำเด็กผู้หญิงกลัวแบบนั้นน่ะมันไม่เท่เลยนะ”
เซนาสหันขวับในทันที อยากจะตะโกนว่าขอบคุณดังๆ ที่ช่วยให้เขาหลุดออกมาจากสถานการณ์ตรงหน้าได้
แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจเพราะผู้ที่เข้ามาขัดจังหวะเขาตรงหน้านั้นก็คือ หนุ่มหล่อที่โคตรหล่อแบบเวอร์วังอลังการ หล่อในระดับที่เซนาสยังต้องคิดว่า ‘คนหล่อแบบเอ็งมาเดินทำอะไรในย่านคนจนแบบนี้กันฟะ’ ด้วยความหมั่นไส้ เนื่องจากอีกฝ่ายแต่งตัวดีด้วยเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาดราคาแพ้ จะดูอย่างไร้ก็น่าจะเป็นขุนนางสักตระกูล
และที่สำคัญไปกว่านั้นสถานการณ์ตรงกับที่แอนนาเบลล่าเล่าไว้ก่อนหน้านี้ทุกประการ ‘ให้ไปแกล้งผู้หญิงคนนั้นจนกว่าผู้ชายสุดหล่อผมสีน้ำเงินจะเข้ามาช่วย’ เป็นไปตามสถานการณ์ที่ว่ามา
อีกทั้งโค้ดเนม [จอมเวทย์เสเพล] ที่แอนนาเบลล่าเรียกไว้ก่อนหน้านี้ก็เป็นการอธิบายภาพลักษณ์ของอีกฝ่ายได้ตรงเผงทีเดียว มองยังไงก็ดูจะเป็นหนุ่มหล่อนิสัยเสเพลที่แต่งตัวด้วยชุดนักเวทย์
เซนาสเริ่มจะพอเข้าใจภาพรวมที่นายจ้างของเขาต้องการบ้างแล้ว ที่เหลือก็แค่ทำเป็นว่า ‘แกล้งยอมแพ้ไปแบบวายร้ายตัวประกอบ’
…แบบนี้นี่เอง ถึงจะไม่เข้าว่าทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ แต่ถ้าแค่เล่นบท ‘นักเลง’ ตามน้ำต่อไปละก็ที่เหลือก็งานง่ายๆ
เซนาสนั้นเคยประหน้ากับนักเลงในเมืองมามากมายกะอีกแค่ทำตัวให้เหมือนกุ๊ยข้างถนนสำหรับเขาแล้วหาได้ยากเย็นเลยแม้แต่น้อย
ในเวลานี้เซนาสต้องตัดใจเรื่องคติประจำใจทั้งหมดออกไปซะ
[คติประจำใจบ้านเซเลสตี้ข้อที่ 51 ถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่มันช่วยไม่ได้ก็ช่างหัวคติประจำใจมันเถอะ]
“…อะไรของเอ็งวะ ไอ้เวร คิดว่าหล่อนิดหล่อหน่อยแล้วจะพูดอะไรก็ได้เหรอวะ รกหูรกตาว่ะ ไปไกลๆ อย่ามายุ่ง คนเขากำลังจะทำธุระ เดี๋ยวก็กระทืบแม่ง!”
“อื้ม สำเนียงส่อภาษากริยาส่อสกุลจริงๆ นะครับ เลดี้น่ะไม่ใช่สิ่งที่มีไว้ทำร้าย แต่มีไว้เพื่อปกป้องคุ้มครองต่างหาก การกระของคุณในฐานะสุภาพบุรุษแล้วเป็นเรื่องที่ยอมรับกันไม่ได้ คนถ่อยเนี่ยยังไงก็ยังเป็นคนถ่อยสินะครับ”
“หา!? หน้าตาก็ดีไหงพูดหมาๆ งี้วะ! เอ็งอยากวัดกับข้านักใช่ไหม ไอ้หน้าหล่อ!”
“เฮ้อ… พอพูดดีๆ ด้วยก็เอาแต่หาเรื่องใช้กำลัง คะ คนถ่อยมันก็แบบนี้ละนะ ช่วยไม่ได้นะครับ ผมคงต้องสั่งสอนคุณสักเล็กน้อยแล้วละ”
แม้จะมีหลายช่วงที่ [จอมเวทย์เสเพล] แสดงอาการวิตกกับใบหน้าข่มขู่อันหน้ากลัวของเซนาส แต่เพราะศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้ชายทำให้เขายืนต่อล้อต่อเถียงอยู่ได้แม้ว่าแผ่นหลังจะแอบหลั่งเหงื่อซกๆ
ในขณะเดียวกันเด็กสาวผมสีน้ำตาลผู้ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างชายหนุ่มสองคนกำลังสันสนว่าตนควรจะรีบหยุดพวกเขาไว้ดีไหม แม้ว่าเธอจะกลัวผู้ชายผมดำตัวสูงหน้าเหี้ยมคนนี้ แต่เขาก็ยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลยนอกจากยืนมองหน้าเฉยๆ ส่วนอีกคนเองที่ตั้งใจเข้ามาช่วยเพราะเห็นว่าเธอกำลังลำบากก็ต้องมามีเรื่องโดนหางเลขไปด้วย
และในช่วงเวลาเดียวกัน ณ อีกด้านหนึ่ง เด็กสาวที่กำลังยืนแอบมองสถานการณ์อย่างแอนนาเบลล่ากำลังลุ้นอย่างตื่นเต้น
“นั่นแหละ นั่นแหละ แบบนั้นแหละ!”
เธอรู้อยู่แล้วว่าวันนี้มันจะมาถึงในสักวัน เธอเฝ้ารอวันวันนี้มานานแสนนานแล้ว วันที่ตัวละครหลักจะได้เปิดตัวในส่วนของบทนำเรื่อง
…นับแต่นี้คือการสปอยล์ค่ะ! ในเหตุการณ์นี้ความจริงแล้ว จะเป็นการแนะนำปูมหลังของ [นางเอก] แต่เพียงเท่านั้น ว่าเธอนั้นเป็นเด็กสาวชาวบ้านทั่วไปที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ เธออยู่กับคุณยายเพียงแค่ 2 คน และในทุกๆ วันและจะทำช่อดอกไม้ใส่ตระกร้าออกมาเร่ขายตามท้องถนน แต่แล้ววันหนึ่งเธอกับได้พบกับ [จอมเวทย์เสเพล] ที่เดินผ่านมาเส้นทางนี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง
[จอมเวทย์เสเพล] จะเดินเข้าไปหยอกล้อ [นางเอก] ตามนิสัยหนุ่มหล่อเจ้าชู้ แต่ [นางเอก] นั้นไม่เล่นด้วย แถมยังไล่ตะเพิดเขาไปไกลๆ เพราะขัดขวางการทำมาหากิน สุดท้าย [จอมเวทย์เสเพล] ก็ต้องยอมรามือ กระนั้นภาพของเด็กสาวที่ปฏิเสธเขาอย่างแข็งกร้าวก็ยังคงตกค้างในจิตใจ จนกระทั่งเขาได้พบเธออีกครั้งในวันเปิดภาคเรียน และเริ่มสนใจในเด็กสาวธรรมดาๆ คนนี้ขึ้นมา
“ช่างเป็นเด็กสาวที่น่าสนใจเสียจริง”
ฉากเปิดเริ่มเรื่องธรรมดาๆ ก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาหลักในรั้วโรงเรียนเวทมนตร์เซนต์วาเลนเซีย จะเรียกว่าเป็นฉากธรรมดาที่โอเคสมกับการเปิดเรื่องอยู่
แต่ว่าทว่า ของแค่นั้นมันไม่สมใจอยากของแอนนาเบลล่าที่ ‘รู้อนาคต’ ทุกอย่างแต่ต้นอยู่แล้ว สิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่แค่เพียงฉากเปิดธรรมดาๆ แต่มันต้องมีอิมแพ็คมากกว่านั้น
และตัวแปรสำคัญก็คือ ‘นักเลงหน้าโฉดที่กำลังข่มขู่นางเอก’ นั่นเอง
ในสถานการณ์ที่นางเอกกำลังตกที่นั่งลำบากไม่มีทางเลยที่จอมเวทย์เสเพลซึ่งเป็นหนึ่งในพระเอกหลักจะไม่เข้ามาช่วย แม้เขาจะถูกออกแบบให้เป็นคนเจ้าชู้ แต่เขาก็เป็นคนดี เพราะเป็นตัวละครหลักยังไงละ
การที่เขาได้ไปช่วยนางเอกเอาไว้จากนักเลง จะทำให้เกิดเหตุการณ์ทั่วไปนี้น่าสนใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม กลายเป็นฉากปักธงชั้นดี!
เท่านี้ก็นางเอกก็จะสามารถสานสัมพันธ์กับหนุ่มหล่อได้อย่างง่ายดายแล้ว
ที่เหลือก็แค่รอให้เซนาสแกล้งยอมแพ้แบบตัวร้ายกระจอกๆ เท่านั้น!
แอนนาเบลล่าแอบมองสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นแบบตาไม่กระพริบ เธอกำลังรู้สึกตื่นเต้นและสนุกสนานแบบสุดๆ
และแล้วทันใดนั้น
—เปรี๊ยง!!!
กำปั้นเหล็กอัดก็อัดเข้าใจกลางใบหน้าจนกระเด็นไปชนกับข้าวของพังระเรระนาด
สมแล้วที่เป็น จอมเวทย์เสเพล ที่ได้ชื่อว่า ‘ตัวละครที่แข็งแกร่งที่สุดในเรื่อง’ เพราะนอกจากเขาจะเป็นอัจฉริยะทางด้านเวทมนตร์มาตั้งแต่เด็ก เขายังคงฝึกฝนศิลปะการต่อสู้และวิชาดาบเพื่อกลบจุดอ่อนของตนเองอีกด้วย ในตามเนื่องเรื่องแล้วเขานั้นคือตัวละครสุด OP ที่ไม่มีตัวละครหลักคนไหนสามารถเอาชนะเขาได้ เพราะเขานั้นเก่งทั้งบุ๋นและบู๊ เดิมทีเขานั้นแกล้งทำตัวกระล่อนเพื่อที่ไม่ให้ฝีมือที่แท้จริงของตัวเองนั้นออกมา เรียกได้ว่าเป็นเสือซ่อนเล็บอย่างแท้จริง!
เป็นการถูกต่อยกระเด็นที่สวยงาม สมแล้วที่เขาเป็นตัวละครหลัก!
“….”
เอ๋…
เอ๋…?
อ้าว….
ใบหน้าของสาวงามค่อยๆ ซีดเผือดลงอย่างช้าๆ
คนที่โดนต่อยปลิวนั้นไม่ใช่ วายร้ายตัวประกอบ อย่าง เซนาส เซเลสตี้ แต่กลับเป็นชายหนุ่มรูปงามเรือนผมสีน้ำเงินรวบไว้ด้านหลัง หรือโค้ดเนม [จอมเวทย์เสเพล] นั่นเอง
ซึ่งผู้ก่อเหตุในเวลานี้เขากำลังแสดงสีหน้าเหี้ยมโหดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
เด็กหนุ่มตะโกนลั่นใส่อีกฝ่ายที่ปลิวกระเด็นไปไกล
“บังอาจพูดว่า ‘แผลเป็นรอยบากหน้าตาทุเรศ’ จนได้นะ ไอ้เวรตะไล!!! เดี๋ยวพ่อจะจับเชือดให้เดี๋ยวนี้แหละ!!!”
เซนาสผู้ภูมิใจในแผลเป็นกำลังแยกเขี้ยวราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังคลุ้มคลั่งถึงขีดสุด
วิญญาณของแอนนาเบลล่าไหลออกจากร่างเป็นที่เรียบร้อย
ดูเหมือนเด็กสาวผู้ไร้ประสบการณ์ทางโลกจะคำนวณผิดพลาดเสียแล้ว อย่างไรเสียชีวิตจริงนั้นย่อมไม่เหมือนการ์ตูนหรือนิยายที่เธออ่านและจินตนาการอยู่แล้ว
“ไม่ใช่สิ! ไม่ใช่แบบนี้!! ที่คิดเอาไว้มันไม่ใช่แบบนี้สักหน่อย!!!”