เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - ตอนที่ 336 คุ้มค่าแล้ว!
บทที่ 336 คุ้มค่าแล้ว!
“การติดต่อญาติผู้ป่วยเป็นยังไงบ้างครับ” เฉินชางหันมาถาม
“มาแล้วค่ะ รออยู่ตรงประตู แล้วก็มีหัวหน้าของบริษัทขนส่งด้วยค่ะ” พยาบาลเสี่ยวเยี่ยนกล่าว
เฉินชางพยักหน้า “อืม ลำบากแล้วครับ”
หลังจากพูดจบเฉินชางก็ยังคงรู้สึกกังวล เขามองไปที่หลิวเจี้ยนแล้วพูดจากใจจริงว่า “อาจารย์หลิว รบกวนคุณแล้ว”
การผ่าตัดโรคเลื่อนบริเวณถุงเยื่อหุ้มหัวใจจะต้องมีวิสัญญีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาร่วมผ่าตัดด้วย หลิวเจี้ยนคือตัวเลือกที่ดีที่สุดในหมู่วิสัญญีแพทย์
หลังจากได้รับโทรศัพท์จากเฉินชาง หลิวเจี้ยนที่เพิ่งผ่าตัดเสร็จไปหนึ่งเคสก็รีบมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
อันที่จริงตัวหลิวเจี้ยนเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาจึงเชื่อมั่นในตัวเฉินชางถึงเพียงนี้!
กระทั่งตอนที่เฉินชางบอกว่าจะผ่าตัดในห้องฉุกเฉิน หลิวเจี้ยนก็รีบเตรียมตัวทันทีโดยไม่พูดอะไร หลังจากได้เป็นพยานในการผ่าตัดของเฉินชางอีกครั้ง หลิวเจี้ยนก็อดปาดเหงื่อไม่ได้ เรื่องร้อนเป็นเรื่องเล็ก แต่ที่มีมากกว่านั้นก็คือความกลัว
เขารู้ถึงความอันตรายของโรคเลื่อนบริเวณถุงเยื่อหุ้มหัวใจเป็นอย่างดี แต่เพราะเป็นเช่นนี้เขาจึงได้ทราบถึงความน่ากลัวของเฉินชาง
ตัวเขาประเมินความดีร้ายของการผ่าตัดครั้งนี้ไม่ได้เพราะเขาก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ แต่เขาเข้าใจเรื่องอื่นเป็นอย่างดี การตรวจพบโรคเลื่อนบริเวณถุงเยื่อหุ้มหัวใจอย่างรวดเร็วและการผ่าตัดในห้องฉุกเฉินอย่างทันท่วงทีนี้ การกระทำเหล่านี้ยากมาก เขารู้ดีว่างานตั้งแต่การวินิจฉัย การกู้ชีพ และการผ่าตัดจนสำเร็จนั้นยากเย็นเพียงใด
หลิวเจี้ยนเพิ่งเคยเห็นโรคเลื่อนบริเวณถุงเยื่อหุ้มหัวใจเป็นครั้งแรก แต่ว่า…คนที่ตรวจพบได้โดยเร็วและรักษาได้ทันเวลาจะมีแค่ไหนกันเชียว เรื่องนี้เขารู้อยู่แก่ใจ!
ตอนที่เขาเห็นหัวใจสีม่วง พลันรู้สึกได้ถึงความหวาดผวา หากดำเนินการไปตามปกติ เริ่มตั้งแต่ทำเรื่องแอดมิด ไปให้หัวหน้าเซ็นชื่อ จากนั้นก็รอให้ห้องผ่าตัดอนุมัติ สุดท้ายค่อยผ่าตัด…จะต้องรอนานแค่ไหนกัน
ตอนนั้นผู้ป่วยรอไม่ได้เลย!
เฉินชางหันไป จากนั้นก็เห็น ‘ชายฉกรรจ์’ ทั้งห้าคนที่อยู่ด้านหลัง ดวงตาของพวกเขากำลังจ้องตรงมาที่ตน
เฉินชางถอยหลังไปก้าวหนึ่งจนชนฉินเยว่อย่างไม่ตั้งใจ สุดท้ายจึงได้แต่ยิ้มกระอักกระอ่วน “หัวหน้า…พวกคุณมาได้ยังไงครับ”
หลี่เป่าซานในตอนนี้จะยังมีอารมณ์ขุ่นเคืองที่ไหนอีก เขาได้เห็นการผ่าตัดฉุกเฉินที่เร่งด่วนของเฉินชางจนกระทั่งสำเร็จเช่นนี้แล้ว ช่วยชีวิตไว้ได้หนึ่งชีวิตเช่นนี้ เขาจะเอาอะไรมาโกรธ!
หลี่เป่าซานมองเฉินชางอย่างสงบ “ลำบากแล้ว”
เฉินชางชะงักไป จากนั้นก็ยิ้มออกมา “หัวหน้า คุณก็ทำได้ใช่ไหมครับ”
ประโยคนี้ทำเอาหลี่เป่าซานรู้สึกลำบากใจจนหน้าแดง เพราะเขาถามใจตัวเองแล้วว่าจะวินิจฉัยและรักษาฉุกเฉินได้อย่างทันเวลาหรือไม่
คำตอบก็คือยากมาก
แต่เฉินชางก็กล่าวเช่นนี้ออกมาแล้ว…เขาคงทรยศความคาดหวังที่เฉินชางมีต่อตนไม่ได้สินะ
เมื่อคิดถึงตรงนี้หลี่เป่าซานก็ส่งเสียงอืมต่อไปคำเดียว
คำว่า ‘อืม’ อันราบเรียบกลับทำให้หวังเซี่ยงจวินที่มีฐานะเป็นหัวหน้าแผนกฉุกเฉินเช่นเดียวกันถึงกับมีสีหน้า…สงสัยและระแวง!
หลี่เป่าซานยอดเยี่ยมขนาดนั้นเลยหรือ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หวังเซี่ยงจวินก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้
ไอ้ถ่านหลี่อย่างคุณแอบไปศึกษาเพิ่มเติมตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หรือเป็นผมที่เกียจคร้านเกินไปหวังเซี่ยงจวินลอบตัดสินใจกับตัวเองแล้วว่าหลังจากกลับไป เขาจะสร้างสรรค์และส่งเสริมบุคคลผู้มีความสามารถในแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลตงต้าให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน…ก็จะพัฒนาตัวเองไปด้วย
คุณลองดูแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองในตอนนี้เถอะ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับโรคเลื่อนบริเวณถุงเยื่อหุ้มหัวใจก็จัดการรักษาได้ด้วยตัวคนเดียว ไม่ต้องติดต่อกับแผนกอื่นเลย
นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หวังเซี่ยงจวินก็รู้สึกว่าหลายปีมานี้ตัวเขาออกจะลำพองใจเกินไปบ้าง
ไอ้ถ่านหลี่สุดยอดจริงๆ!
เฉินชางพยักหน้าทักทายหมอระดับหัวหน้าทั้งหลาย ในขณะที่ทักทายไปถึงเถามี่ก็พูดยิ้มๆ ว่า “อาจารย์เถา สวัสดีครับ”
เถามี่แค่นเสียงเย็นออกมาครั้งหนึ่งราวกับเด็กน้อย แสดงความอัดอั้นตันใจและไม่พอใจออกมาทางสีหน้า “ผมยังมีธุระอีก ขอตัวก่อนนะครับ”
นี่ทำให้หมอระดับหัวหน้าทั้งหลายชะงักไป
กระทั่งหลี่เป่าซานก็ตกใจจนตาค้าง “เสี่ยวเฉิน คุณทำอะไรให้หัวหน้าเถาไม่พอใจน่ะ”
เฉินชางมีสีหน้ากระวนกระวาย “ผม…ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”
……
……
ในตอนที่ซุนเป่าหมินลืมตาขึ้นมาก็สูดหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่
เขารู้สึกเหมือนตัวเองหลับไปและฝันถึงอะไรบางอย่าง ฝันว่าถูกคนกดตัวเอาไว้ หัวใจถูกกำอยู่ในมือผู้อื่น รู้สึกว่าหัวใจของตนเองเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ และหายใจไม่ออก…
นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตัวเองใกล้จะตายแล้ว เป็นความรู้สึกว่าได้เข้าใกล้ความตายโดยไม่มีอะไรกั้นจริงๆ
สัมผัสได้ถึงความตาย!
นี่เขาจะตายแล้วหรือ
แต่ในตอนนี้เอง เขาก็รู้สึกเหมือนตนถูกผ่าเปิดหน้าอก จากนั้นก็…แม้เขาจะหมดสติแต่ความรู้สึกว่าถูกช่วยชีวิตไว้กลับสมจริงเป็นอย่างยิ่ง เหมือนกับคนจมน้ำที่ถูกช่วยขึ้นมาบนฝั่ง ระบายน้ำในท้องออก แล้วใส่เครื่องช่วยหายใจ…
ได้รับการช่วยเหลือแล้ว…
……
ในตอนที่ลืมตาขึ้น คนแรกที่ซุนเป่าหมินเห็นก็คือชายหนุ่มคนหนึ่ง คนคนนั้นยังอายุไม่มาก ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน กำลังมองมาที่ตน
ซุนเป่าหมินเงยหน้าขึ้น เขาอ้าปากคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับไม่มีเรี่ยวแรง ความเจ็บปวดบริเวณหน้าอกทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่
บนโลกใบนี้มีความเจ็บปวดอยู่สองประเภท ประเภทหนึ่งทำให้คนได้สติ อีกประเภทหนึ่งทำให้ผู้คนหวาดกลัว ตอนนี้ความเจ็บปวดบนร่างของซุนเป่าหมินก็คือความเจ็บปวดแบบที่ทำให้เขาได้สติแจ่มชัด
เฉินชางหันมามองหญิงวัยกลางคนอายุราวสี่สิบกว่าปีที่อยู่เบื้องหน้า จากนั้นก็กล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “การผ่าตัดประสบความสำเร็จมากครับ แต่อาการยังไม่เสถียรชั่วคราว จะต้องสังเกตการณ์ที่ห้อง ICU อีกหลายวัน”
ตอนนี้หญิงคนนั้นกำลังมองไปยังซุนเป่าหมินที่นอนอยู่บนเตียง น้ำตาไหลหยดออกมาเป็นสาย เธอคิดไปถึงตอนที่รออยู่ด้านนอก ตอนที่พูดคุยและแนะนำตัวกับผู้อื่น ในใจของเธอหวาดหวั่นแทบตายแล้ว
เธอไม่กล้าจินตนาการเลยว่าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับซุนเป่าหมิน ครอบครัวจะเปลี่ยนเป็นเช่นไร ไม่กล้าคิดเลยว่าหากสามีไม่อยู่แล้วเธอจะทำอย่างไร
ไร้ทางช่วยเหลือ!
เมื่อเห็นซุนเป่าหมินลืมตาขึ้น เมื่อเห็นสายตาอันคุ้นเคย เธอก็รู้ได้ทันทีว่าสามีของเธอไม่เป็นอะไรแล้ว
เธอรู้สึกเข่าอ่อนโดยไม่มีสาเหตุ คุกเข่าลงกับพื้นแล้วเริ่มร้องไห้ออกมา
“หมอคะ ขอบคุณมาก คุณเป็นผู้มีพระคุณของครอบครัวเรา…”
เมื่อซุนเป่าหมินเห็นท่าทางเช่นนี้ของภรรยา น้ำตาก็ไหลออกมาสองสาย สองข้างของหมอนเปียกชื้น
เฉินชางรีบพยุงเธอขึ้นมา “ไม่เป็นไรครับ คุณผู้หญิงลุกขึ้นก่อนเถอะ พวกเรายังต้องคุยกันอีก…”
ซุนเป่าหมินถูกพาไปที่ห้อง ICU เพื่อสังเกตอาการต่อไป อาจใช้เวลาสังเกตไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ การผ่าตัดในห้องฉุกเฉินมีอันตรายซ่อนเร้นมากมาย จึงต้องให้พยาบาลประจำห้อง ICU คอยเฝ้าดู ทั้งนี้เพื่อสะดวกกับการกู้ชีพซุนเป่าหมินด้วย
หัวหน้าบริษัทขนส่งมาแล้ว เรื่องของซุนเป่าหมินถูกเอาออกมาจากกล้องบันทึกภาพของรถโดยสารประจำทางเพื่อนำมาตรวจสอบ ตอนนี้เฉินชางจึงค่อยทราบสาเหตุของเรื่องที่เกิดกับซุนเป่าหมิน
ทุกคนดูซุนเป่าหมินเหงื่อออกท่วมหัว สีหน้าขาวซีด มือทั้งสองประคองพวงมาลัยรถพยายามขับรถมาถึงให้ที่ปลอดภัย เห็นได้ว่าเขาให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้โดยสารทั้งหมดเป็นอันดับแรก! จนกระทั่งขับมาถึงป้ายรถแถวโรงพยาบาลอันดับสองจึงค่อยจอด!
แต่ในตอนนั้นซุนเป่าหมินก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไป ถึงกับหมดสติไปบนที่นั่งประจำตัว
ตอนนี้ทุกคนเงียบลง พวกเขารู้สึกสะเทือนใจ!
ทันใดนั้นเฉินชางก็รู้สึกว่าความลำบากทั้งหมดทั้งมวลนี้ คุ้มค่าแล้ว!
MMM
รออ่านต่ออยู่ค่าา