เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ - ตอนที่ 5 หัวของฉันอยู่ที่ไหน?
บทที่ 5 หัวของฉันอยู่ที่ไหน?
“อาวุธวิญญาณ!” สีหน้าของว่านเฟิงเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเธอเห็นดาบเล่มยาวนั่น เธอจึงตัดสินใจใช้พลังปกป้องเจ้านายของเธอที่ด้านหลัง
“หึหึหึ สาวน้อย หลังจากที่ข้าจัดการลู่หยุนแล้ว เจ้ากับข้าก็ต้องเดินทางไปด้วยกันทั่วโลก ลู่หยุนมันฆ่าหลานของข้า ดังนั้นเจ้าจะต้องอุ้มลูกเป็นร้อย… ไม่สิ เป็นพันให้กับข้า!” เก้อหลงร้องเสียงดังและกระโดดไปข้างหน้าด้วยดาบของเขาพุ่งตรงไปที่ลำคอของลู่หยุน
เขาเร็วมาก! ความเย็นจัดทำให้หัวใจของลู่หยุนราวกับถูกเงาแห่งความตายโอบล้อมเขาไว้ เขารู้สึกสงบผิดปกติเพราะเขาเคยประสบความตายมาก่อนแล้ว ดังนั้นเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์เดียวกันอีกครั้งเขาสามารถมองมันด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
เขาคิดที่จะถอยหลังกลับ แต่ก็พบความจริงที่น่าตะลึงว่า ร่างของเขานั้นอ่อนแอกว่าพวกมนุษย์ทั่วไปเสียอีก
สมองของลู่หยุนยังคงทำงานได้ดีเกี่ยวกับการสู้และหนี แต่ร่างของเขาไม่สามารถทำตามได้
“ฉันจะตายอีกครั้งเหรอเนี่ย?” เขาบ่นกับตัวเอง รอยเท้าแห่งความตายใกล้เข้ามาเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย
“ทางนี้!” ว่านเฟิงพูดด้วยความโกรธเคือง ลำแสงสีเขียวหยกยิงจากนิ้วมือของเธอไปยังจุดที่เธอชี้
เคร้ง!
ลำแสงนั่นปะทะกับดาบยาวทำให้มันเบี่ยงทิศทางไป
เก้อหลงสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่สัมผัสกับดาบของเขาจนต้องถอยกลับมา ว่านเฟิงเองก็ไม่ได้ดีไปกว่านั้นเลย สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปพร้อมกับดึงพลังกลับมา
“พลังต่อสู้! เจ้าอยู่ในระดับแกนกลางงั้นเหรอ!” ความหวาดกลัวส่องประกายไปทั่วใบหน้าของราชเลขา
“ว่านเฟิงฆ่าเขาซะ!” ลู่หยุนร้องบอกด้วยความหนักอกราวกับมีช่างตีเหล็กมาทุบตี เสียงของเขาแหบพร่าเล็กน้อย
“ข้า ข้า ข้า… ไม่กล้า” ว่านเฟิงตะลึงกับคำสั่ง ฆ่าใครสักคน?
เธอเคยฆ่าคนมาก่อนหรือเปล่า?
แม้ว่าเธอกับลู่หยุนจะโดนเหยียดหยามบนถนนแต่เธอก็ไม่เคยฆ่าใครมาก่อน
“โฮ่โฮ่ ถ้างั้นก็งานง่ายล่ะ!” ดวงตาของเก้อหลงเปล่งประกายและกระโดดเข้าหาว่านเฟิงอย่างรวดเร็ว
“อย่าเข้ามาใกล้นะ!” ว่านเฟิงชี้แล้วยิงลำแสงออกมาด้วยความตื่นตระหนก
เก้อหลงเห็นมันชัดเจนในครั้งนี้ มันเป็นพายุทอร์นาโดขนาดจิ๋ว
“พลังต่อสู้ต่ำแบบนี้ เจ้าพึ่งจะบรรลุได้ไม่นานสินะ? แม้ว่าจะอยู่ในระดับแก่นทองคำ แต่การด้อยประสบการณ์รบมันช่างขันสิ้นดี!” เก้อหลงหมิ่นการโจมตีของว่านเฟิงพร้อมเข้าไปจับที่หลังคอของเธอ
ดวงตาของหญิงสาวกลอกขึ้นและหมดสติไป
“นายท่าน นี่คือสิ่งที่ท่านคาดหวังงั้นหรือ? ถึงตาท่านแล้ว” เก้อหลงเดินไปหาเหยื่ออย่างไม่เป็นอันตราย “ตายซะ!”
เก้อหลงแกว่งดาบไปที่ลำคอของลู่หยุนตามเสียงคำราม
ฉันจะตายอีกครั้งงั้นเหรอ?
ในขณะนี้ ลู่หยุนรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างลอยออกมาจากร่างกายของเขา สติของเขาบังคับให้ฝ่ามือของเขาประกบเข้าหากัน
ฮื้ม
แสงสีดำเปลงแสงอยู่ระหว่างมือของเขา มังกรเก้าตัวแบกโลงศพสีดำสนิทปรากฏระหว่างมือของเขาและกระแทกอย่างดุเดือดที่หน้าอกของเก้อหลง
“ วิชาต่อสู้!” ราชเลขากรีดร้องอย่างน่ากลัวและเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
ลู่หยุนไม่สามารถฝึกฝนได้ใช่ไหม ทำไมเขาถึงสามารถใช้วิชาต่อสู้ได้? สิ่งที่เขาใช้นั้นแข็งแกร่งกว่าพายุทอร์นาโดของว่านเฟิงถึง 10 เท่าเสียอีก!
เสียงของกระดูกแตกดังขึ้นจากอกของเก้อหลง เขากระเด็นออกไปเป็นระยะทางหลายสิบเมตรและชนกับพื้นอย่างเจ็บหนัก ฟองเลือดไหลออกมาจากปากของเขาขณะที่ร่างของเขากระตุกและกระตุก เขาตายจากโลกนี้ไปแล้ว
“หา??” ลู่หยุนแข็งตัวในขณะที่เขาดูภาพที่วิ่งออกมาจากมือของเขา “โอ้ใช่! ฮวงจุ้ยที่ปรากฏเมื่อคืนนี้เข้าสู่ร่างกายของฉัน เก้อหลงเรียกมันว่าเป็นวิชาต่อสู้สินะ?”
ความพิศวงทำให้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยพลังทั้งหมดที่ระบายออกจากร่างของเขา ทำให้เขาอ่อนแอมากในตอนนี้
“ถ้างั้น… มังกรที่พุ่งออกมาก็คือสิ่งที่อยู่ในร่างของฉันสินะ? แต่ฉันไม่ใช่ผู้ฝึกฝนนี่ เกิดอะไรขึ้นที่นี่เนี่ย?” เขาสับสนมาก ๆ ในตอนนี้
“นายท่าน?” ว่านเฟิงค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมา เธอร้องดังลั่นเมื่อเห็นลู่หยุนนอนอยู่บนพื้น และเก้อหลงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
“นายท่าน ปลอดภัยหรือเปล่า?! เพราะว่านเฟิงไร้ประโยชน์ที่ไม่สามารถฆ่าคนได้เอง!” เธอช่วยลู่หยุนลุกขึ้นดวงตาสีแดงของเธอ
“เอาดาบนั้นแล้วตัดหัวของเก้อหลงออก” ลู่หยุนสูดลมหายใจนิด ๆ เพื่อฟื้นฟูพลังงาน
เขาเป็นโจรขุดสุสานไม่ใช่นักบุญ เพราะงั้นต้องจัดการคนที่เข้ามายุ่มย่ามให้เงียบสนิท เขาต้องฆ่าคนเพราะว่าคนตายน่ะพูดอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นทุกอย่างจึงต้องถูกจัดการให้ตรงตามรูปแบบของมัน ห่างพลาดเพียงนิดเดียว การโจมตีนั่นก็เข้าถึงจุดสำคัญแล้ว ถึงเขาจะนอนช็อคไปแบบนั้นแต่ก็เพื่อเป็นการรับประกันได้ว่าเขาจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก
“เอ๊ะ?” ว่านเฟิงไม่รู้ว่าต้องทำยังไง
“อ้อ เธอไปได้แล้ว” ลู่หยุนถอนหายใจเมื่อเห็นการแสดงออกของหญิงสาว
“เอ๊ะ?” ว่านเฟิงทำหน้าสงสัยอีกครั้งและมองไปยังเจ้านายของเธอ
“ตัวตนเก่าของฉันทำร้ายคนมานักต่อนักแล้ว อนาคตต้องอันตรายมากแน่ ๆ ถ้าเธอไม่สามารถฆ่าคนหรือจัดการกับศพได้เธอก็ไม่ต้องอยู่กับฉันหรอก จะทำให้เธอตายเปล่าๆ” ลู่หยุนพูดช้าๆ
ว่านเฟิงทำตัวไม่ถูกเมื่อได้ยินคำสั่งแบบนั้น สติของเธอรับคำสั่งและหยิบดาบของเก้อหลงแล้วเดินไปที่ร่างของเขา
“การตัดหัวของเขาหมายความว่าข้าสามารถอยู่ข้าง ๆ นายท่านได้!” หญิงสาวกัดฟันและเฉือนที่คอของเก้อหลง
“แกรู้ได้ยังไงว่าข้าแกล้งตาย!” ทันใดนั้นศพของราชเลขาก็กระโจนขึ้นพร้อมกับรวบรวมพละกำลังของเขาพุ่งออกมาระเบิดที่หน้าอกของว่านเฟิง
“เจ้ายังไม่ตาย!” ว่านเฟิงกรีดร้องแล้วกัดฟันของเธอเพื่อปล่อยพลังผ่านดาบยาวเล่มนั้น
ชิ้ง
แสงดาบพุ่งผ่านหน้าผากของเก้อหลง
“อาวุธวิญญาณ…มีเพียงระดับแกนกลางเท่านั้นที่สามารถ…” เขาล้มลงกับพื้นตายอย่างแท้จริง
ว่านเฟิงดึงดาบกลับมาอีกครั้งแล้วก็ตัดหัวออก เธอหันกลับไปดูลู่หยุน
“เขาจะฆ่าฉัน แถมมันยังจะบังคับให้เธอมีลูกกับมันอีกด้วย เพราะฉะนั้นมันต้องตาย” ลู่หยุนอธิบายเบา ๆ “ถ้าเราอยากจะมีชีวิตรอดก็ต้องจัดการพวกที่อยากจะจัดการเรา นี่แหละคือกฎของโลกนี้”
“ชีวิตของคนอื่นหมายถึงความตายของเรา”
ความจริงถูกพ่นออกมาผ่านปากของลู่หยุนทะลุไปยังหัวใจของว่านเฟิงราวกับยาพิษ ถ้าพวกเขาอยากจะมีชีวิตอยู่ก็ต้องฆ่าคนที่ปองร้ายเรา
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” เธอพยักหน้าอย่างมั่นคง
“เอาละ ไปเยี่ยมสุสานกันหน่อย” ด้วยสภาพร่างกายปัจจุบันของลู่หยุน เขาไม่สามารถทำขุดค้นสุสานได้ด้วยตัวคนเดียว จึงได้ให้ว่านเฟิงมาด้วย
ตัวคนเดียวในโลกแห่งเซียนหลังจากฟื้นคืนชีพขึ้นมา คนที่เขาสามารถเชื่อใจได้นอกจากตัวเองก็คือหญิงสาวแสนใสซื่อคนนี้เท่านั้น
……
ร่างของลู่หยุนและว่านเฟิงจางหายไปในระยะไกล ผู้เกิดใหม่ได้จับจ้องพวกเขาผ่านแว่นตาสีกุหลาบและคิดว่ามันจะเป็นสรวงสวรรค์ ไม่งั้นแล้วเก้อหลงก็คงคิดผิด
นี่ก็เป็นโลกที่โหดร้ายเช่นกัน
“หัวฉันอยู่ที่ไหนนะ? โอ้ อยู่นี่เอง”
ทันใดนั้นร่างที่ไร้วิญญาณของเก้อหลงก็ลุกขึ้นนั่งแล้วมือของเขาก็คว้านหาไปรอบ ๆ จนพบหัวของตัวเองแล้ววางมันกลับเข้ามาที่เดิม
รูขนาดใหญ่ตรงกลางหน้าผากของเขา ทะลุตั้งแต่ด้านหน้าไปยังด้านหลังจนเผยให้เห็นวัตถุสีขาวด้านใน ดวงตาของเขาว่างเปล่า รอยยิ้มอันน่าขนลุกปรากฏขึ้น
เก้อหลงลุกขึ้นและเดินตามร่องรอยที่พวกลู่หยุนเดินทางไป