เทพเซียนเจ้านครวิญญาณ - ตอนที่ 29 ผู้ให้กำเนิดผีร้ายเก้าชีวิต
บทที่ 29 ผู้ให้กำเนิดผีร้ายเก้าชีวิต
แสงแดดไม่เคยส่องมาถึงสุสานแห่งนี้ อุโมงค์ก่อตัวขึ้นด้วยพลังงานบางอย่างและสว่างไสวไปด้วยแสงสีแดงของแมลงศพ เป็นภาพที่น่าสะอิดสะเอียน
“แมลงวันโลหิต หรือแมลงวันเป็นปีศาจระดับสองที่มีพลังเทียบเคียงระดับแกนกลาง” ลู่เทียนจ้องมองอย่างไม่น่าเชื่อไปยังแมลงพวกนั้น “แต่แมลงพวกนี้คืออะไร? ข้าคนนี้ไม่เคยเห็นพวกมันเป็นเช่นนี้มาก่อน”
“แมลงศพเกิดมาจากผีดิบที่มีอายุมากกว่าพันปีเท่านั้น” ใบหน้าของลู่หยุนฟุ้งซ่าน แมลงศพที่เขาพบในสุสานของยู่อิงมีขนาดใหญ่เท่ากับนิ้วหัวแม่มือของเขา พวกมันฝังตัวอยู่ในผีดิบพันปี
หากแต่แมลงวันภายในที่แห่งนี้กลับมีพลังมากกว่ามาก พวกมันจะต้องถือกำเนิดขึ้นมาจากสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าผีดิบโบราณเป็นแน่
“ช้าก่อน!” สีหน้าของลู่เทียนตื่นตระหนก “มีสัมผัสติดตามอยู่ที่ตัวนายท่าน!”
“อะไรนะ?” ลู่หยุนเกร็ง ด้วยประสบการณ์ของยู่อิง ชายหนุ่มจึงรู้ว่าสัมผัสที่ว่านี้คือสิ่งที่นักล่าใช้ในการติดตามเหยื่อ “ ฉิงหงเฉิน!” เขาตระหนักได้โดยไม่ผิดพลาดในทันทีว่าเป็นฝีมือของใคร
มันจะต้องเป็นเจ้าฉิงนั่นแน่ ในฐานะของผู้ฝึกฝนระดับปราณรวมตัว มันยากมากที่เขาจะระบุสัมผัสได้
“ข้าคนนี้จะทำลายมันให้เองนายท่าน” ลู่เทียนเป็นเซียนแท้จริง การทำลายสัมผัสติดตามจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา
“ไม่จำเป็น” ลู่หยุนส่ายหัว “เอามันไปวางที่ก้อนหินก็พอ”
ลู่เทียนไม่รู้ว่าลู่หยุนกำลังวางแผนอะไรอยู่ แต่เขาก็ไม่คิดจะขัดคำสั่งอยู่แล้ว ข้ารับใช้จากปรภพจัดการดึงเอาสัมผัสติดตามที่อยู่บนชายเสื้อออกไปวางไว้บนก้อนหิน
ด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย ลู่หยุนโยนก้อนหินลงงไปยังหลุมเบื้องหน้า
“ไปกันเถอะ!” เขาเดินออกไปพร้อมกับลู่เทียน
“ช่างฉลาดแท้ แยบยลสุดๆ” ข้ารับใช้บ่นพึมพำเสียงแผ่วเบาในอากาศ “ถ้าข้าเก่งแบบเขา ข้าก็คงไม่มาอยู่ที่นี่… เอ๋? แต่ ข้าเป็นใครกัน?“
ภูมิประเทศที่อยู่ใต้เนินดินฝังศพเป็นเขาวงกตที่ซับซ้อน เนินดินได้รวมเข้ากับเมืองวารีแท้จริง
“โชคดีที่ข้ายังพอมีความรู้อยู่บ้าง ไม่งั้นก็น่าจะหลงติดอยู่ในเขาวงกตไปแล้ว” ลู่หยุนเดาะลิ้นของเขา รูปแบบฮวงจุ้ยที่นี่ซับซ้อนมากและทุกส่วนเชื่อมต่อกัน แม้แต่คนเซียนอย่างลู่เทียนก็ยังรู้สึกถึงความลึกล้ำของเขาวงกตแห่งนี้
อย่างไรก็ตามลู่หยุนก็สามารถคำนวณเส้นทางที่ถูกต้องและเดินตรงไปยังศูนย์กลางของเนินเขาได้อย่างต่อเนื่อง
“ทุกอย่างจะง่ายขึ้นถ้าข้าคนนี้มีเข็มทิศ” โจรขุดสุสานทุกคนจะเก็บรักษาเข็มทิศฮวงจุ้ยเอาไว้ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ ลั่วปัน อย่างไรก็ตามมันถูกทิ้งไว้บนโลกมนุษย์เมื่อเขากลับชาติมาเกิดที่นี่ “หืม? นั่นอะไร?” ลู่หยุนหยุดในเส้นทางของเขาทันที
มีร่างมนุษย์กำลังเดินส่ายไปมาหาเขา
“ผีดิบ!” ดวงตาของลู่หยุนเบิกกว้างด้วยความตกใจ “ผีดิบในเนินฝังศพเนี่ยนะ?!”
นี่มันช่างไม่สมเหตุสมผลเสียเหลือเกิน
มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่จะเจอผีดิบในสุสาน ในขณะที่เนินฝังศพมักจะมีผีสางวิญญาณร้ายซะมากกว่า โอกาสที่จะเจอผีตัวเป็น ๆ มีมากกว่าผีดิบเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่าที่นี่เขาดันมาเจอผีดิบก่อนซะงั้น
มันสะดุดและแกว่งไปแกว่งมา ขณะที่มันพาร่างกายอันเน่าเสียของมันเข้ามาใกล้เจ้าเมืองหนุ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ บ่งบอกได้เลยว่ามันเป็นผีดิบที่อ่อนแอมาก
“ฮึ่ม!” ด้วยการเย้ยหยัน ลู่เทียนจึงประหารผีดิบด้วยดาบพลังปราณจากมือของเขา ผีดิบเดินไปข้างหน้าอีกไม่กี่ก้าวก่อนที่มันจะล้มลงกับพื้น
“พลังงานหยินหนาแน่นมาก!” ลู่เทียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วตะโกนด้วยความตกใจ “มันเจ็บมาก นายท่านช่วยข้าด้วย!”
ครืน
ร่างของข้ารับใช้จากปรภพเริ่มแปรเปลี่ยน เซลล์ของเขาเริ่มย่อยสลาย เพียงชั่วพริบตาร่างของเขาก็กลายเป็นชิ้น ๆ เหมือนกับผีดิบตัวก่อนหน้า!
“ช่วยด้วย นายท่าน!” เสียงแปลก ๆ ดังออกมาจากปากเน่า ๆ ของเขา แก้มของเขาพังทลายและดวงตาของเขาก็ร่วงหล่น “ช่วยข้าด้วย!” ลู่เทียนเอื้อมมือไปหาลู่หยุน
“อะไรกันเนี่ย!” ลู่หยุนรีบหลบไปด้านข้าง
“ช่วยข้าด้วย นายท่าน ข้าเจ็บ” ลู่เทียนสะดุดล้มลง
“เขาตายแล้ว!” ท้องของลู่หยุนรู้สึกจุก
ลู่เทียนเป็นหนึ่งในทหารปรภพของลู่หยุน แต่ชื่อของเขาไม่ได้อยู่ในคัมภีร์เป็นตาย สำหรับพวกเขาแล้วคงไม่มีโอกาสที่จะได้เกิดใหม่อีกครั้ง
“เขาตายแล้ว วิญญาณของเขาได้กระจัดกระจายก่อนที่ร่างของเขากลายเป็นผีดิบเสียอีก ” ลู่หยุนโดนความกลัวถาโถมจนทำให้เขาตัดสินใจวิ่งหนี
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ! ท่านกล้าทิ้งข้ารับใช้คนนี้งั้นหรือ?” ลู่เทียนไล่ตามลู่หยุนพร้อมรอยยิ้มที่น่าขนลุก
“ไล่มันออกไป!” ลู่หยุนโยนถั่วเหลืองไปข้างหลังเขา แสงสีทองแสดงถึงการปรากฏตัวของทหารเม็ดถั่วในชุดเกราะสีทอง
“ระวังตัวไว้เจ้าผีร้าย! ข้าคนนี้จะส่งเจ้ากลับไปยังที่ที่เจ้าควรอยู่!” นักรบเอ่ยคำรามและก้าวไปข้างหน้า ก่อนที่จะบิดหัวผีดิบด้วยมือเปล่าของเขา
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ! ผีร้ายช่างอ่อนแอ อ่อนแอเกินกว่าจะเหมาะมือข้า!” ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งกับตัวเขาเอง พลทหารถัวนายนั่นก็พลันหันหัวกลับมาพร้อมกับหัวเราะแม้ร่างกายของเขาจะเน่าเปื่อยไปด้วยความเร็วมหาศาลก่อนที่จะกลายเป็นผีดิบยักษ์ก็ตาม
“อ่อนแอ… เกินกว่า… จะได้รับ… ความสนใจ…” เขาหันไปมองลู่หยุนด้วยดวงตาที่เน่าเปื่อยและไม่กะพริบ
“หายไปซะ!” ลู่หยุนสั่งยุติวิชาของเขา ผีดิบยักษ์ตัวนั้นพลันกลายเป็นเม็ดถั่วแล้วร่วงหล่นสู่พื้น
เจ้าเมืองสนธยารู้สึกเหนื่อยอ่อน หลังของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นยะเยือก
“พวกผีดิบไม่ได้ทรงพลังมากนัก” เขาพึมพำ “ ต่อให้เป็นข้าก็สามารถหักคอมันได้ง่ายๆ”
ทหารถั่วที่ลู่หยุนเรียกออกมาเองก็มีพลังพอกันกับเขา ถ้าเกิดว่านักรบพวกนั้นหักคอมันได้ง่าย ๆ ถ้างั้นเขาก็ทำมันได้เช่นกัน
“แต่ถ้าข้าทำมันแล้วข้าจะต้องกลายเป็นผีดิบด้วยหรือเปล่า? นี่มันบ้าอะไรกัน!” ชายหนุ่มพยายามค้นหาในความทรงจำของเขา ก่อนที่จะไม่พบอะไรทั้งนั้น “มันต้องเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เฉพาะโลกเซียนแน่ๆ”
เขาอาจเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถมองผีดิบพวกนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะในโลกนี้
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ! สมบัติ! มันเยอะมาก! ข้ารวยแล้ว ข้ารวยแล้ว!” เสียงหัวเราะดังทะลุถึงหูของลู่หยุน หลี่ยูวไฉนั่นเอง!
“ไอ้โง่นั่นก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?” ท่าทีของเจ้าเมืองหนุ่มกลับมาหนักแน่น เขาเดินตามเสียงหัวเราะไปอย่างระมัดระวัง
ณ ห้องโถงหิน
โลงศพสีดำล้อมรอบไปด้วยโลงศพขนาดเล็กแปดหีบซึ่งอยู่ในใจกลางห้อง ร่างใหญ่ของหลี่ยูวไฉนั่งบนพื้นหัวเราะอย่างบ้าคลั่งขณะถือกะโหลกทั้งสองมือ
“ผู้ให้กำเนิดผีร้ายเก้าชีวิต” ลู่หยุนพึมพำขณะจ้องมองผ่านไหล่ของหลี่ยูวไฉ
มีร่างสีขาวจาง ๆ นั่งอยู่บนหลังของหลี่ยูวไฉ แขนเรียวยาวคลุมดวงตาของเขา เมื่อเห็นว่าลู่หยุนเข้ามา มันก็หันมาจ้องไปยังเขา