เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 462 อลิซจะช่วยพวกหลัวเยี่ยน?
ฮิคาวะแพ้แล้ว เย่เทียนเฉินสามารถเอาชนะยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของรุ่นใหม่ในสำนักโฮคุชินอิตโตริวได้ ในความคิดของเย่เทียนเฉิน ฮิคาวะแพ้เพราะใจของตัวเอง เขาแข็งแกร่งมาก ไม่ด้อยไปกว่าตนเลย แต่สิ่งที่ขาดก็คือความกล้าหาญที่จะมุ่งหน้าไปสู่จิตใจอันไร้คู่ต่อกร นี่เป็นสาเหตุที่ฮิคาวะพ่ายแพ้อย่างแท้จริง
เย่เทียนเฉินไม่ใช่คนที่ทำอะไรบุ่มบ่าม เขามั่นใจในตัวเอง เชื่อในความสามารถของตัวเองและมีหัวใจที่ไร้คู่ต่อกร ก็เหมือนกับตอนที่สู้กับซาโต้ ซาโต้แข็งแกร่งกว่าเขามาก เพียงแต่ความคิดของเขา หัวใจที่ไร้คู่ต่อสู้ของเขาและสายตาทีไร้ศัตรูของเขาสามารถค้ำยันเขาไม่ให้ล้ม บางครั้งหัวใจที่ไร้คู่ต่อกรก็สำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น เนื่องจากมันทำให้ศักยภาพของผู้คนปะทุออกมาไม่หยุด ทำให้คู่ต่อสู้สัมผัสได้ถึงความสั่นสะท้าน
เชื่อมั่นในตัวเองแต่ไม่บุ่มบ่าม รู้จักความสามารถของตัวเองและศัตรูเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งขนาดไหนก็ไม่ยอมถอยแม้แต่ครึ่งก้าวเนื่องจากมีหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่เย่เทียนเฉินสามารถชนะในการต่อสู้เป็นตายหลายครั้งและรอดมาได้ ไม่ใช่ว่าคนเหล่านั้นไม่แข็งแกร่งมากพอหรือมีความสามารถสู้เย่เทียนเฉินไม่ได้ แต่พวกเขาขาดสิ่งที่ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งจำเป็นต้องเตรียมให้ดี รู้เพียงแต่แสวงหาความสามารถอันแข็งแกร่งแต่กลับขาดหัวใจของผู้บ่มเพาะ
สรุปแล้วนี่ก็เทียบได้กับนักเรียนที่ได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่งของห้องมาโดยตลอด ทุกครั้งที่สอบ คะแนนของเขาล้วนเป็นอันดับหนึ่ง อาจารย์ก็ยินดีมากและมีผู้หญิงแอบรักเขามาก เพียงแต่อยู่มาวันหนึ่งเขากลับสอบไม่ได้ที่หนึ่งของห้อง แต่ความจริงก็ไม่ได้แย่ เพียงแค่ได้อันดับสองของห้องเท่านั้น แต่ความภาคภูมิใจของเขาได้รับผลกระทบอย่างหนัก ยอมรับความน้อยเนื้อต่ำใจและความพ่ายแพ้ไม่ได้แม้แต่ครึ่งส่วน ตั้งแต่นั้นก็ล้มโดยไม่อาจลุกได้ นี่คือปัญหาเรื่องของจิตใจ
ตอนนี้เย่เทียนเฉินไม่ได้หันกลับไป พูดจบก็จากมาเลย ถึงแม้จะเหนื่อยและบาดเจ็บสาหัสแต่เขาไม่ได้หยุด เขาเป็นห่วงแม่ของตนและน้องสาว แล้วยังมีฉีหรูเสวี่ยและอลิซอีกด้วย ส่วนชายร่างกำยำที่พุ่งออกมาช่วยสกัดแมงมุมตัวใหญ่สีดำที่เกิดจากพลังชั่วร้ายเอาไว้ อีกทั้งยังมีความไม่พอใจและดูถูกตนคนนั้น เย่เทียนเฉินก็ไม่ได้ถามอะไรเขาให้มาก เนื่องจากเขาคาดเดาบางสิ่งบางอย่างได้จากคำพูดของชายคนนั้นแล้ว คงเป็นเพราะเขาไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากขุนพลระดับทัพฟ้าจึงทำให้คนจำนวนหนึ่งไม่พอใจและอยากให้ตนไปท้าทายด่านทดสอบของขุนพลระดับทัพฟ้า หรือพูดให้ชัดเจนก็คืออยากจะสั่งสอนเขาเย่เทียนเฉินนั่นเอง
ตามที่ชางหลางบอกเย่เทียนเฉิน กองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศจีนก็คือกองกำลังของขุนพลระดับทัพฟ้า ยิ่งไปกว่านั้นคือ หากคิดจะเป็นขุนพลระดับทัพฟ้ายังต้องฝ่าด่านทัพฟ้าอีกด้วย ด่านทัพฟ้านั้นอันตรายและเข้มงวดเป็นอย่างมาก ไม่ทราบว่ามียอดฝีมือตายไปในด่านมากน้อยเพียงใด ตอนที่ได้ยินดังนั้นเย่เทียนเฉินก็ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องไปฝ่าด่านขุนพลระดับทัพฟ้าสักหน่อย ดูสิว่าจะร้ายกาจขนาดไหนกันแน่ เขาเป็นคนที่ชอบเสี่ยงอันตรายคนหนึ่ง เพียงแต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเหล่านี้ทำให้เย่เทียนเฉินเสียเวลา มิฉะนั้นเขาคงไปลองนานแล้ว ดังนั้นเรื่องที่จะไปทดสอบก็เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น
ตู้มๆ!
สิ่งที่เย่เทียนเฉินไม่รู้ก็คือ หลังจากที่เขาจากมา ชายร่างกำยำคนนั้นก็ต่อยออกไปอีกสองหมัด กำจัดแมงมุมตัวใหญ่สีดำที่เกิดจากพลังชั่วร้ายนั้นจนสิ้นซาก ความจริงเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก มีความสามารถที่ร้ายกาจยิ่ง หากเย่เทียนเฉินอยู่ด้วยคงต้องตื่นตะลึงหนัก
“หึ แค่ของพรรคนี้ก็กำจัดไม่ได้ ยังคิดจะไปฝ่าด่านทัพฟ้าอีก รนหาที่ตายแท้ๆ หัวหน้าเองก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ถึงกับส่งฉันที่เป็นรองหัวหน้ามาลงมือด้วยตัวเอง จะให้ความสำคัญกับไอ้หนูเย่เทียนเฉินเกินไปหรือเปล่า? ไอ้หนูนี่คงทำให้เขาผิดหวังแล้ว มีความสามารถไม่เท่าไหร่!” หลังจากที่ใช้หมัดฆ่าแมงมุมตัวใหญ่สีดำไปแล้วชายร่างกำยำคนนั้นก็พูดขึ้นมาแล้วส่ายหน้า
ในขณะเดียวกันที่บ้านของเย่เทียนเฉินซึ่งเป็นสถานที่ที่หลัวเยี่ยน เย่เชี่ยนเหวิน ฉีหรูเสวี่ย และอลิซทั้งสี่คนอาศัยอยู่ ตอนนี้กำแพงถูกทำลายแล้ว ที่นี่เองก็ถูกโจมตีจากยอดฝีมือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวเช่นกัน สำหรับผู้หญิงสี่คนนี้แล้ว นอกจากอลิซที่มีฝีมือแข็งแกร่งและพอมีความสามารถอยู่บ้าง คนอื่นๆ อันได้แก่หลัวเยี่ยน เย่เชี่ยนเหวิน และฉีหรูเสวี่ยต่างไม่มีแรงแม้แต่จะฆ่าไก่
คราวนี้สำนักโฮคุชินอิตโตริวมีคนมาสามสิบคน แต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือชั้นสูงในสำนักโฮคุชินอิตโตริว นอกจากต้องการฆ่าเย่เทียนเฉินให้ได้แล้วยังมีภารกิจในการช่วยเหลือรัฐบาลประเทศ M ต่อต้านการย้ายกลับมาพัฒนาธุรกิจที่ประเทศตัวเองของตระกูลหลิงอีกด้วย การที่ครั้งนี้จักรพรรดิดาบส่งยอดฝีมือทั้งสามสิบคนนี้มา สาเหตุที่สำคัญก็คือต้องการฝึกฝนความสามารถของคนรุ่นใหม่ในสำนักโฮคุชินอิตโตริว การบุกรุกประเทศจีนเมื่อปีนั้นจักรพรรดิดาบยังไม่ได้เป็นเจ้าสำนักโฮคุชินอิตโตริว เขาก็เหมือนกันกับฮิคาวะ เป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่รุ่นใหม่ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวในตอนนั้น เขาเอาชนะยอดฝีมือไปเป็นจำนวนมาก เพียงแต่ในตอนที่ท้าทายวัดเส้าหลินเขาพบกับสามเณรรูปหนึ่ง การต่อสู้ของทั้งสองดำเนินไปหนึ่งวันหนึ่งคืนแต่ก็เสมอกัน ทำให้ผู้อาวุโสของสำนักโฮคุชินอิตโตริวและยอดฝีมืออาวุโสของพรรควรยุทธโบราณของจีนที่ได้เห็นต่างก็ตกตะลึงหาใดเปรียบ ชายหนุ่มสองคนนี้เรียกได้ว่าเป็นตัวแทนของพลังคนรุ่นใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุดของประเทศจีนและประเทศชิบะ ทั้งสองต่างก็แข็งแกร่งมาก ไม่ว่าใครคนใดคนหนึ่งตายในการประลองครั้งนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นการสูญเสียที่ไม่อาจชดเชยของทั้งสองประเทศ ดังนั้นสุดท้ายพวกเขาทั้งสองต่างได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกยอดฝีมือคนอื่นจับแยก
หลายปีมานี้จักรพรรดิดาบต้องการแก้แค้นมาโดยตลอด สามเณรน้อยของวัดเส้าหลินรูปนั้นกลายเป็นปมในใจของเขาแล้ว ถ้าเอาชนะสามเณรน้อยรูปนั้นไม่ได้ ถ้าฆ่าเขาไม่ได้ จักรพรรดิดาบก็ไม่สามารถทำลายปมในใจของตนได้ ไม่สามารถทะลวงไปยังขอบเขตที่ลึกล้ำสูงส่งยิ่งขึ้น ดังนั้นหลายปีมานี้จักรพรรดิดาบล้วนฝึกฝนเพลงดาบของสำนักโฮคุชินอิตโตริวอย่างยากลำบากมาโดยตลอด หากพูดตามคำพูดของเขาก็คือ จะช้าจะเร็วก็ต้องมีสักวันหนึ่งที่เขาจะมาเยือนประเทศจีนอีกครั้งและทำลายวัดเส้าหลินให้ราบเป็นหน้ากลอง เอาชนะสามเณรน้อยในปีนั้นให้ได้ ตั้งแต่เรื่องในปีนั้นเป็นต้นมา จักรพรรดิดาบก็ให้ความสำคัญกับวรยุทธของจีนเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่ากว้างขวางลึกล้ำจริงๆ เขาเองก็คิดหาวิธีทำความเข้าใจและพัฒนาไปมากมาย ดังนั้นจึงให้คนของสำนักตัวเองมาฝึกฝนที่ประเทศจีน ให้สัมผัสและเรียนรู้ความสมบูรณ์แบบวรยุทธของประเทศจีน เพื่อที่ว่าในวันที่ต้องเผชิญหน้ากันอีกครั้งจะได้ช่วยเขากำจัดวัดเส้าหลินและล้างแค้นในปีนั้นได้
“กรี้ด…”
เสียงกรีดร้องดังขึ้น นั่นเป็นเสียงของฉีหรูเสวี่ย ทั่วทั้งคฤหาสน์ตระกูลเย่ถูกทำลายไปแล้ว หลัวเยี่ยน เย่เชี่ยนเหวิน ฉีหรูเสวี่ย และอลิซต่างก็กำลังหนี เพียงแต่พวกเธอสามคนเป็นผู้หญิงที่ไม่มีแรงแม้แต่จะฆ่าไก่ จะหนีพ้นได้อย่างไร เพียงไม่นานก็ถูกไล่ทัน สารเลวของสำนักโฮคุชินอิตโตริวฟาดฟันดาบไปยังฉีหรูเสวี่ย ฉีหรูเสวี่ยตกใจจนทรุดลงนั่งกับพื้น หลบไม่ได้โดยสิ้นเชิง ทำได้เพียงกรีดร้องออกมาโดยไม่รู้ตัว รอความตายมาเยือน
เคร้ง!
เสียงอาวุธกระทบกันดังขึ้น ฉีหรูเสวี่ยลืมตามอง ในดวงตาเต็มไปด้วยความแปลกใจ เธอคิดไม่ถึงว่าคนที่ขวางอยู่เบื้องหน้าเธอและช่วยชีวิตเธอจะถึงกับเป็นอลิซ
ระยะเวลาที่อลิซและฉีหรูเสวี่ยอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ของตระกูลเย่แห่งนี้ต่างก็ทะเลาะกันทั้งทางลับทางแจ้ง แสดงความรักความชื่นชมที่มีต่อเย่เทียนเฉินออกมาตรงๆ โดยไม่อ้อมค้อม ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าที่งดงาม การแต่งตัว รูปร่าง ส่วนโค้งส่วนเว้า หรือจะเป็นฝีมือการทำอาหาร การทำงานบ้านต่างๆ นาๆ ทั้งสองต่างก็ลอบเปรียบเทียบกันอย่างรุนแรง ทำให้หลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวินรู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ทำได้เพียงแสร้งทำเป็นไม่รู้ แน่นอนว่าพวกเธอก็ดีใจมาก เนื่องจากช่วงนี้พวกเธอไม่ต้องทำอาหารและทำงานบ้าง
อลิซคนนั้นถึงกับช่วยตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นฝีมือของเธอยังแข็งแกร่งขนาดนี้ด้วย เหมือนกับเป็นยอดฝีมือทางด้านศิลปะการต่อสู้คนหนึ่ง พริบตาเดียวก็สกัดมือสังหารของสำนักโฮคุชินอิตโตริวเอาไว้ได้ แล้วยังถีบอีกฝ่ายจนกระเด็นออกไป ก่อนหน้านี้พวกฉีหรูเสวี่ยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีความสามารถแบบนี้ อลิซเองก็เพิ่งจะเปิดเผยตอนนี้
“ยังตะลึงอะไรอยู่ ยังไม่ไปอีก?” อลิซมองไปยังฉีหรูเสวี่ยอย่างไม่พอใจแล้วพูดขึ้น
ตอนนี้หลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวินสองแม่ลูกย้อนกลับมาแล้ว ประคองฉีหรูเสวี่ยขึ้นมา ทุกคนมองไปยังอลิซด้วยความแปลกใจ เนื่องจากอลิซในตอนนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นสาวงามผมทองคนหนึ่ง แต่ยังมีมีดทหารอยู่ในมือทั้งสองอีกด้วย ดูแล้วไม่ได้อ่อนแอเลย ดูชำนาญเป็นอย่างมาก ให้ความรู้สึกเหมือนฮีโร่สาว
“ถ้าพวกคุณยังไม่ไปอีกจะต้องตายกันหมดที่นี่แน่!” อลิซพูดเสียงต่ำ
ฉัวะๆๆ มือสังหารของสำนักโฮคุชินอิตโตริวทั้งสามคนยืนอยู่เบื้องหน้าอลิซ ในมือต่างมีดาบทหารสไตล์ชิบะอยู่ พากันเสือกแทงดาบไปยังอลิซ ในดวงตาเต็มไปด้วยไอสังหารและเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ครั้งนี้พวกเขามาลอบโจมตีคฤหาสน์ตระกูลเย่ด้วยกันทั้งหมดหกคน แต่ละคนล้วนเป็นคนที่แข็งแกร่ง เดิมทีคิดว่าหากจะฆ่าผู้หญิงสี่คนนี้เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายมาก ไหนเลยจะรู้ว่าในตอนที่พวกเขาหกคนลงมือ กลับมีประกายกระบี่สายหนึ่งส่องสว่างฆ่ายอดฝีมือของพวกเขาไปหนึ่งคนโดยไม่ทันได้กรีดร้องด้วยซ้ำ ส่วนยอดฝีมืออีกสองคนที่เหลือก็ถูกสังหารด้วยกระบี่อันไร้คู่ต่อกรนั้นอย่างสิ้นหวัง สุดท้ายพวกเขาสามคนจึงรวมพลังกันทำลายคฤหาสน์และไล่สังหารผู้หญิงสี่คนนี้ นี่มันจะขายหน้าเกินไปแล้ว เสียหายมากจริงๆ คนที่มาทำภารกิจที่ประเทศจีนในครั้งนี้ต่างก็เป็นยอดฝีมือชั้นสูงรุ่นเยาว์ของสำนักโฮคุชินอิตโตริว การที่จะฝึกยอดฝีมือรุ่นใหม่ออกมานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ ตอนนี้ตายไปสามคนแล้วทำให้พวกเขาโกรธมาก
“ใครก็ไปไม่ได้ทั้งนั้น อย่ามาตำหนิพวกเราเลย ถ้าคิดจะโทษก็โทษความสัมพันธ์ระหว่างพวกแกกับเย่เทียนเฉินเถอะ ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเย่เทียนเฉินต้องตายทั้งหมด!” หนึ่งในนั้นพูดอย่างเย็นชา
“หากจะฆ่าพวกเธอก็ต้องดูก่อนว่าพวกแกผ่านด่านฉันไปได้หรือเปล่า!” อลิซพูดเสียงเย็น
มือสังหารคนหนึ่งมองอลิซอย่างดุดัน ในดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย พวกเขาเป็นสุนัขรับใช้ของรัฐบาลประเทศ M นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนต่างรู้ดี และก่อนมาเขาก็รู้ว่าอลิซซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของประเทศ M มาตรวจสอบและลอบสังหารเย่เทียนเฉินที่ประเทศจีน ทำไมตอนนี้อลิซไม่ช่วยพวกเขาฆ่าแม่และน้องสาวของเย่เทียนเฉินแต่กลับหันดาบมาหาพวกเขาได้?
“ถ้าพวกแกไม่ลงมืองั้นก็ให้ฉันฆ่าพวกแกซะเถอะ!”
อลิซเห็นมือสังหารทั้งสามคนสงสัยก็ขมวดคิ้ว กำมีดทหารในมือแน่น พุ่งเข้าไปหามือสังหารของสำนักโฮคุชินอิตโตริวทั้งสามคนด้วยความรวดเร็ว…