เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - ตอนที่ 441 ไม่สนใจ
ตระกูลหลิงเกิดเรื่องแล้ว เย่เทียนเฉินไม่สามารถมองดูอยู่เฉยๆ ได้ ไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลิงอวี่สวิ๋นเลย การที่สำนักโฮคุชินอิตโตริวมุ่งสังหารมาจนถึงเมืองหลวง จุดประสงค์หลักก็คือต้องการมาฆ่าเขาเย่เทียนเฉิน ทำให้เสียหายไปจนถึงคนอื่น เย่เทียนเฉินรู้สึกว่าเป็นความรับผิดชอบของตน
ถึงแม้เย่เทียนเฉินจะรู้ว่าหลิงเยว่ผู้เป็นพ่อของหลิงอวี่สวิ๋นไม่ชอบตน แน่นอนว่าตนก็ไม่จำเป็นต้องเห็นเขาอยู่ในสายตา และไม่ต้องเกรงอกเกรงใจหลิงเยว่ เขาไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับหลิงเยว่แม้แต่น้อย และไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องของตระกูลหลิงด้วย เพียงแต่เมื่อได้ยินว่าหลิงอวี่สวิ๋นได้รับบาดเจ็บ เย่เทียนเฉินก็ต้องการไปดูด้วยกันกับเฮยเมี่ยน
ผู้หญิงที่เติบโตมากับเขาตั้งแต่เด็ก เมื่อได้พบกันอีกครั้งก็นับว่าเป็นวาสนา ยิ่งไปกว่านั้นหลิงอวี่สวิ๋นยังช่วยเรื่องของเสี้ยวหยามากมาย ต่อให้เป็นการตอบแทนน้ำใจหรือจะทำเพื่อความสัมพันธ์ในวัยเด็กเย่เทียนเฉินก็สมควรไปดูแลหลิงอวี่สวิ๋น แน่นอนว่าเพียงแค่หลิงอวี่สวิ๋นเท่านั้น ส่วนหลิงเยว่ผู้เป็นพ่อของหลิงอวี่สวิ๋นเย่เทียนเฉินไม่คิดสนใจจริงๆ ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา
คนไม่ใช่ต้นไม้ใบหญ้าจะได้ไร้ความรู้สึก ถึงแม้เย่เทียนเฉินจะเป็นคนที่มีนิสัยประหนึ่งเทพสังหาร แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์มาก การที่เขาไปกับเฮยเมี่ยนในครั้งนี้ จุดประสงค์สำคัญเพราะอยากจะไปดูหลิงอวี่สวิ๋น จะอย่างไรก็เป็นเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ความรู้สึกอันบริสุทธิ์เช่นนั้นเป็นอะไรที่ทุกคนไม่สามารถลืมได้
หลังจากเย่เทียนเฉินเข้าไปในคฤหาสน์เพื่อไปดูเสี้ยวหยา พบว่าเธอหลับสบายดีจึงเดินออกมาจากคฤหาสน์ เฮยเมี่ยนขี่มอเตอร์ไซค์ทหารคันหนึ่งรออยู่ด้านนอก เย่เทียนเฉินเดินไปที่โรงรถของตัวเอง นำมอเตอร์ไซค์ของเขาออกมา เฮยเมี่ยนมองด้วยท่าทีหดหู่แล้วพูดว่า
“ไอ้หนูแกนี่รวยจริงๆ มอเตอร์ไซค์ของแกดีกว่าของฉันอีก!”
“คุณใช้เงินของประเทศ ผมใช้เงินของตัวเอง คุณหาเงินได้มากกว่าผมเยอะ!” เย่เทียนเฉินขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์แล้วเอ่ยปากพูด
“ฉันสร้างผลงานให้ประเทศชาติ แล้วแกทำอะไร?” เฮยเมี่ยนพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“นำทางเถอะ ผมยุ่ง!”
เฮยเมี่ยนสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ขับนำหน้าไป เย่เทียนเฉินก็สตาร์ทมอเตอร์ไซค์ของตนด้วย เขาค่อนข้างมีความชอบในเรื่องของรถมอเตอร์ไซต์ ถ้าให้เขาเลือกระหว่างรถสปอร์ตและรถมอเตอร์ไซต์ เย่เทียนเฉินจะเลือกรถมอเตอร์ไซต์โดยไม่ลังเล เพราะมันให้ความรู้สึกอิสระเสรี
เขาหันกลับมามองคฤหาสน์ ในร่างกายของมีประกายแสงปรากฏออกมา จากนั้นจึงขับมอเตอร์ไซค์ออกไป เฮยเมี่ยนและเย่เทียนเฉินล้วนขับมอเตอร์ไซค์ทั้งคู่ ไม่กล่าวไม่ได้ว่าทั้งสองมีความมุ่งมั่นมาก เพิ่งจะผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่มา ตอนนี้ก็ลอบเปรียบเทียบกันอีกแล้ว ความเร็วของมอเตอร์ไซค์สองคันทะยานไปถึงขีดสุดในเวลาเพียงไม่นาน คุณไล่ผมตาม กระทั่งไฟแดงไฟเขียวอะไรนั่น สำหรับพวกเขาทั้งสองก็นับว่าเปล่าประโยชน์โดยสิ้นเชิง
“ด้านหน้ามีทางแยกอยู่ทางหนึ่ง ใครถึงก่อนชนะ!”
เฮยเมี่ยนมองเย่เทียนเฉินแล้วพูดยั่วยุออกมา เนื่องจากเมื่อครู่นี้ตนเองสู้แพ้เย่เทียนเฉิน ในใจจึงรู้สึกไม่พอใจ
“ไม่มีปัญหา!” เย่เทียนเฉินพยักหน้าพูด
บรื้นๆ!
มอเตอร์ไซค์สองคันพุงทะยานไปเบื้องหน้าด้วยความเร็วสูงสุด เฮยเมี่ยนถึงคนแรก มุมปากเผยรอยยิ้มลำพองใจออกมา ในที่สุดก็หาจุดสมดุลได้แล้ว แต่ในตอนที่เขาหันกลับมาพบว่าเย่เทียนเฉินไม่ได้ตามเขามา แต่ขับมอเตอร์ไซค์ไปที่ทางแยกอีกทางหนึ่ง ทำให้เฮยเมี่ยนอดไม่ได้ที่จะชะงักไป ตะโกนเสียงดังว่า
“นี่ ทางนี้ แกไปผิดทางแล้ว!”
“ผมรู้ คุณรอผมอยู่ที่นี่ก่อน อีกครึ่งชั่วโมงผมจะกลับมา!” เย่เทียนเฉินพูดจบก็บิดมอเตอร์ไซค์หายไป
เฮยเมี่ยนรู้สึกหดหู่มาก รอยยิ้มลำพองใจกลายเป็นท่าทีขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไม่ทันไรก็รู้ตัว คิดว่าตั้งแต่ตอนแรกที่ไอ้หมอนี่รับปากยอมแข่งขันก็เพราะมีแผนการอยู่แล้ว ต้องการแวะไปทำเรื่องอื่นบริเวณทางแยกนี้ มิน่าล่ะเมื่อครู่นี้เฮยเมี่ยนก็ยังสงสัย หากพูดถึงลักษณะของมอเตอร์ไซค์สองคัน เพียงแค่มองก็ดูออกว่ามอเตอร์ไซค์ของเย่เทียนเฉินดีกว่าของเขา แล้วทำไมถึงตามรถเขาไม่ทัน? หรือน้ำมันหมด? ตอนนี้เมื่อดูแล้วไม่ใช่น้ำมันหมด แต่เพราะมีแผนการมาก่อนแล้ว
บริเวณปากทางแยก เฮยเมี่ยนรอเย่เทียนเฉินไปเกือบ 1 ชั่วโมง สูบบุหรี่หมดไปแล้วหนึ่งซองเย่เทียนเฉินถึงจะขับมอเตอร์ไซค์กลับมา ทำให้เฮยเมี่ยนโกรธจนถามกลับไปอย่างดุดันว่า
“ไอ้หนูตกลงแกไปทำบ้าอะไรมา ไม่ได้บอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะกลับมารึไง?”
“ใช่แล้ว ไปครึ่งชั่วโมง กลับครึ่งชั่วโมง!” เย่เทียนเฉินมองไปยังเฮยเมี่ยนแล้วพูดอย่างจริงจัง
“แก…แกไปทำอะไรมากันแน่?” เฮยเมี่ยนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
“ทำเรื่องที่จำเป็นต้องทำน่ะ ไปเถอะ ผมว่านะ คุณมาหาผมนานขนาดนี้แล้วยังไม่ได้กลับไป คุณลุงผู้นำคงไม่ลงโทษคุณใช่ไหม?” เย่เทียนเฉินแสร้งทำเป็นถามด้วยท่าทีจริงจัง
เฮยเมี่ยนมองไปยังเย่เทียนเฉินด้วยท่าทีอับจนคำ พูดไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีกขึ้น ขี่มอเตอร์ไซค์ของตนแล้วสตาร์ทรถบึ่งออกไป ตอนนี้ในใจของเขาเริ่มคิดแล้วว่าอย่าได้ไปยุ่งกับเย่เทียนเฉินคนนี้ให้มากนัก มิฉะนั้นจะช้าจะเร็วก็ต้องมีสักวันหนึ่งที่จะถูกไอ้หมอนี่ทำให้โกรธจนตาย
ประมาณ 1 ชั่วโมงต่อมาเย่เทียนเฉินและเฮยเมี่ยนก็ขี่รถด้วยความเร็วสูงสุด ไม่มีเสียเวลาอีกแม้แต่น้อย จนมาถึงที่ตั้งของตึกใหญ่แห่งหนึ่ง เย่เทียนเฉินไม่ได้มาที่นี่เป็นครั้งแรก นี่คือตึกสำนักงานของท่านผู้นำ ความจริงคนภายนอกต่างก็คิดว่าสถานที่ที่ผู้นำทำงานคงไม่แน่ชัด ต้องรู้ว่าผู้นำระดับสูงสุดของประเทศประเทศหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างของเขาไม่อาจปล่อยให้ผู้อื่นควบคุมและรับรู้ได้ มิฉะนั้นคงซวยแน่แล้ว
แน่นอนว่าเย่เทียนเฉินเข้าใจดีว่าการอารักขาภายในตึกแห่งนี้ต่างก็เป็นคนของกองกำลังลับแห่งประเทศจีน เกรงว่าต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งในระดับนักรบจอมราชันขั้นปลายก็ยังไม่แน่ว่าจะเข้าไปที่ตึกนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งแห่งโลกวรยุทธโบราณหรือผู้มีพลังพิเศษหรือจะเป็นอาวุธที่ทันสมัยที่สุดในยุคนี้ต่างก็คุ้มครองตึกนี้อยู่ตลอดเวลา หากต้องการจะก่อเรื่องด้านในคงเป็นไปไม่ได้
นี่ทำให้เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะคิดไปถึงทำเนียบขาวของประเทศ M ครั้งนั้นตนเองเกือบจะได้พบโฮบาม่าแล้ว นี่ไม่ได้จะบอกว่าการอารักขาในทำเนียบขาวของประเทศ M อ่อนแอ แต่นั่นเป็นประเทศที่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ คิดว่าประเทศของตนเองแข็งแกร่งที่สุดในโลก คิดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าบุกเข้าไปในทำเนียบขาวแบบนั้น ในประวัติศาสตร์ของพวกเขาและในประวัติศาสตร์ของโลกไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน
ดังนั้นเย่เทียนเฉินจึงมีโอกาสก่อเรื่องได้ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ การปรากฏตัวของโธมัสก็ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกรับมือได้ยาก ประเทศ M สามารถทำตัวยโสโอหังในโลกนี้ได้นับว่ามีเหตุผลอยู่บ้างจริงๆ ความสามารถในด้านต่างๆ และความสามารถในการระดมกำลังแข็งแกร่งมาก
หลังจากลงรถ เย่เทียนเฉินและเฮยเมี่ยนก็เข้าไปในตึกใหญ่โดยตรง ผ่านการตรวจสอบชั้นแล้วชั้นเล่าถึงจะเข้าไปถึงห้องทำงานของท่านผู้นำได้ ตอนนี้เป็นเวลาตีสามแล้ว ท่านผู้นำก็ยังไม่นอน ชายชราอายุ 60 กว่าปีคนนี้ทุ่มเทแรงใจเพื่อประเทศชาติและชาวประชามาโดยตลอด ทำให้เย่เทียนเฉินค่อนข้างซาบซึ้งและนับถือจริงๆ
“ท่านผู้นำ ผมพาตัวเย่เทียนเฉินมาแล้วครับ!” เฮยเมี่ยนทำวันทยาหัตถ์แล้วพูดอย่างนอบน้อม
“คุณลุง ไม่ได้เจอกันนาน คิดถึงผมแทบตายแล้วล่ะสิ!” เย่เทียนเฉินพูดแล้วหัวเราะฮี่ๆ
ท่านผู้นำกำลังจัดการเอกสาร เงยหน้าขึ้นมองเย่เทียนเฉินแล้วพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “นั่งเถอะ ครั้งนี้ไปถิ่นของพรรควรยุทธโบราณมา ได้อะไรกลับมาบ้าง?”
“เรื่องของตงฟางเมิ่งผมจัดการเรียบร้อยแล้ว ทางด้านพรรควรยุทธโบราณ อีกไม่นานอาจจะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ อาจจะมีการนองเลือดเกิดขึ้น แต่นี่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผม!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างเรียบเฉย
“เรื่องนี้ฉันเองก็ได้รับข้อมูลมาเหมือนกัน เป้ยเหลิ่งสือแห่งพรรคซงซานเป็นคนที่ดูถูกไม่ได้เลย ใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต หลายปีมานี้เพื่อที่จะได้เป็นใหญ่ในยุทธภพก็ก่อเรื่องไปไม่น้อย เจ้าหนู เธอไม่มีความคิดที่จะเป็นผู้นำพันธมิตรแห่งยุทธภพบ้างเหรอ?” ท่านผู้นำเอ่ยถาม
“ผมไม่สนใจหรอก ไม่เกี่ยวอะไรกับผม ผมขอพูดตามตรง ผมอยากจะทำแค่เรื่องของตัวเองเท่านั้น ดังนั้นต่อจากนี้ก็อย่า…”
ไหนเลยจะรู้ว่าคำพูดของเย่เทียนเฉินยังไม่ทันจบก็ถูกผู้นำขัด ดูเหมือนว่าท่านผู้นำจะรู้ว่าเย่เทียนเฉินต้องการพูดอะไรแต่ไม่อยากให้เย่เทียนเฉินพูดออกมาจึงรีบกล่าวว่า
“ครั้งนี้เป็นเรื่องของตระกูลหลิง เฮยเมี่ยนบอกนายแล้วใช่ใหม ไม่มีภารกิจอื่นอีก เพียงแค่จะบอกเธอสักคำเท่านั้น จะมาหรือไม่มาก็เป็นเรื่องของเธอ จะช่วยหรือไม่ช่วยก็เป็นเรื่องของเธอ!”
เย่เทียนเฉินชะงักไปครู่หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าท่านผู้นำจะพูดแบบนี้ พลันนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะหดหู่ขึ้นมา ในใจคิดว่าขิงยิ่งแก่ก็ยิ่งเผ็ดจริงๆ ทั้งๆ ที่รู้ถึงความสัมพันธ์ของตนกับหลิงอวี่สวิ๋นแท้ๆ ต่อให้ตนไม่สนใจคนของตระกูลหลิงก็ไม่อาจไม่สนใจหลิงอวี่สวิ๋น ท่านผู้นำพูดแบบนี้ ดูผิวเผินเหมือนจะให้เขาเป็นคนตัดสินใจเอง แต่ความจริงกำลังกำจุดอ่อนของเขาเอาไว้ นี่ทำให้เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกนับถือเป็นอย่างยิ่ง
“คุณลุง ผมอยากจะถามสักหน่อย ตอนนี้คนของสำนักโฮคุชินอิตโตริวอยู่ที่ไหน?” เย่เทียนเฉินคิดครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถาม
“เธอฆ่าซาโต้ไปแล้ว พวกเขาพุ่งเป้ามาที่เธอ คนพวกนี้เข้ามาในประเทศได้เร็วขนาดนี้ แล้วยังมาถึงเมืองหลวงได้ด้วย จะต้องมีคนคอยช่วยอยู่ลับๆ แน่นอน ส่วนจะเป็นใครนั้นพวกเราก็ยังไม่ได้รับข้อมูลมา!” ท่านผู้นำเอ่ยปากพูด
“เป็นไปไม่ได้น่า แม้แต่คุณก็ไม่มีข้อมูลเหรอ?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะชะงักไป เขาคิดไม่ถึงว่ากระทั่งท่านผู้นำสูงสุดก็ไม่มีข้อมูล จะน่าเหลือเชื่อเกินไปหรือเปล่า? ต้องทราบว่านี่ประเทศที่กว้างใหญ่แห่งหนึ่ง หากกระทั่งทางการก็ไม่มีข้อมูล ย่อมเป็นเรื่องที่ดูถูกไม่ได้เลยจริงๆ
“ถ้าหากทุกเรื่องอยู่ในขอบเขตที่พวกเราควบคุมได้ ประเทศคงไม่เกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ ตาแก่อย่างพวกเราก็คงไม่ต้องลำบากขนาดนี้ พูดตามจริง ใครไม่อยากเสพสุขตอนแก่บ้าง ใครไม่อยากมีชีวิตเป็นอมตะไม่ตายบ้าง ผ่านไปอีกหลายปี ใครไม่อยากมีชีวิตว่างๆ บ้าง?” ท่านผู้นำพูดแล้วส่ายหน้า
นี่เป็นคำพูดที่เป็นความจริง ในความคิดของใครหลายคน ท่านผู้นำมีตำแหน่งสูงส่งอำนาจมากมาย คิดว่าต้องการกุมอำนาจไว้ในมือไม่ยอมปล่อย แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น คนที่สามารถมาถึงระดับของพวกเขาได้กุมอำนาจมากมายอยู่ในมือไปนานแล้ว ไม่มีความรู้สึกว่าต้องการแสวงหาชื่อเสียงและอำนาจอะไรอีก ถ้าไม่ใช่เพราะความรับผิดชอบ ถ้าไม่ใช่เพราะชาวประชาและประเทศชาติ ในตอนที่ไม่มีคนมารับช่วงต่อ ต่อให้อายุของพวกเขาจะมากขนาดไหนก็ยังต้องยืนหยัดต่อไป มิฉะนั้นความพยายามจนแทบจะกลายเป็นสายเลือดคงจะแหลกสลายเป็นผุยผง คนที่จะรับกรรมก็คือชาวบ้านธรรมดา
………………………….