เด็กอัจฉริยะ แม่ลึกลับ - ตอนที่ 2 ลูกชายของฉันเป็นอัฉริยะ
“เส่าเฉิน นี่คือนาฬิกาบอกตำแหน่งรุ่นลิมิเต็ดที่เสี่ยวซีอยากได้ ช่วงนี้ดูเหมือนเขาไม่ค่อยมีความสุข ฉันไปตามหามาหลายที่มาก กว่าจะหาเจอ”เกาเหวินเดินผ่านเฉินเป้ยอีไปหยุดอยู่ตรงหน้าหนิงเส่าเฉิน ระหว่างที่พูดเธอก็คิ้วขมวด ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นห่วงหนิงเสี่ยวซีมาก
เมื่อเห็นแสดงอาการออกทางสายตา ก็ยิ่งทำให้เฉินเป้ยอีสับสน ผู้หญิงคนนี้ดีกับหนิงเสี่ยวซี แต่ในฐานะแม่เลี้ยง น่าจะต้องเกลียดไม่ใช่เหรอ•••
“คุณตามใจเขามากเกินไปแล้ว……..”ความเย็นชาของหนิงเส่าเฉินถูกแทนที่ด้วยความอ่อนโยน เขารับกล่องนาฬิกาจากมือเธอ แต่เมื่อหันไปมองเฉินเป้ยอีสีหน้าอ่อนโยนก็หายไปจนหมดทันที และพูดกับเธออย่างเย็นชาว่า“ เอาไปให้เขา”
หลังจากนั้นเขาก็หยิบเสื้อคลุมบนโซฟา มาวางบนแขนของเขาอย่างลวกๆ“คุณบอกว่าต้องการไปดูชุดหมั้นไม่ใช่เหรอ?”เขาจับมือเกาเหวิน เดินผ่านเฉินเป้ยอีไป
กลิ่นบุหรี่จางๆ ทำให้เฉินเป้ยอีต้องขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอไม่ชอบผู้ชายที่สูบบุหรี่
เกาเหวินแยกตัวจากหนิงเส่าเฉิน แล้วหันกลับมามองเฉินเป้ยอี"ความธรรมดา"ของเธอ ไม่ได้ทำให้เธอคิดมาก เธอยิ้มบางๆ และพยักหน้าไปทางเฉินเป้ยอีอย่างอ่อนโยนและใจกว่้าง
“คุณชายน้อยตื่นแล้ว คุณขึ้นมาเถอะ ”คนรับใช้ที่อยู่ชั้นบนเรียกเฉินเป้ยอี
ตอนที่เฉินเป้ยอีมาถึงบ้านตระกูลหนิง หนิงเสี่ยวซีก็นอนกลางวันอยู่ ตอนนี้ได้ยินคนรับใช้พูดแบบนั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะดีใจ
เธอก้มหน้า กัดริมฝีปากล่าง เพื่อปกปิดน้ำตาของตัวเอง
ลูกชาย…….เธอเฝ้าคิดถึงลูกชายมาตลอดห้าปี……การก้าวเดินของเธอเซไปโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
แม้ว่าตอนนั้นลูกจะเกิดมาอย่างกะทันหัน แม้ว่าเพื่อตัวเขา จะทำให้เธอไม่ได้เรียนมหาลัยที่เธอพยายามสอบเข้ามาทั้งชีวิต แม้ว่าเธอควรจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่เพราะเขา เธอจึงกลัวว่าชีวิตในอนาคตจะไม่ดีขึ้น
แต่ว่า การตั้งครรภ์ตลอดสิบเดือน ทุกการเคลื่อนไหวของเขา ความซนของเขา เธอได้ตราตรึงอยู่ในหัวใจของเธอแล้ว ดังนั้นไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร หลายปีมานี้ เธอก็ยังคิดถึงเขา คิดถึงเขาอย่างบ้าคลั่ง เพียงแต่ก่อนหน้านี้แม่ไม่คุยเรื่องนี้กับเธอ เธอจึงไม่รู้อะไรเลย และประวิงเวลามาตลอด
“คุณเข้าไปเถอะ” เฉินเป้ยอีที่เพิ่งมาถึงหน้าประตู คนรับใช้ก็ทักทาย และดูเหมือนจะโล่งใจ
เฉินเป้ยอีไม่ขยับ เธอยืนอยู่ที่ข้างประตู เธอมองไปที่เขา เขาห่มผ้านวมอยู่เหลือเพียงศีรษะที่โผล่ออกมาข้างนอก ผมหยิกเล็กน้อย ยุ่งนิด ๆ แต่น่ารัก
หลังจากให้กำเนิดเขา ก็ได้เห็นเขาเพียงแวบเดียว เขาก็ถูกพรากไปแล้ว เธอได้แต่จินตนาการถึงใบหน้าของเขานับครั้งไม่ถ้วน…………
แต่ไม่คิดว่าจะ“ละมุน”มากขนาดนี้ ใช่ ถ้าไม่มีลักษณะผู้ชายที่ชัดเจน เขาก็จะดูเหมือนเด็กผู้หญิงที่สวยมาก สวยเหมือนเธอเลยก็ว่าได้
การรับรู้นี้ทำให้เธอทั้งเศร้าและมีความสุข แม่ไม่มีโกหกเธอ เป็นลูกของเธอจริงๆ มันเป็นความจริง
เธอกำมือแน่ขึ้นเรื่อยๆ เพื่อข่มความคิดที่อยากจะกอดเขาเอาไว้
“ฉันชื่อเฉินเป้ยอีหนูชื่อหนิงเสี่ยวซีใช่ไหม”เธอทักทายเขาด้วยเสียงสั่นเครือ
หนิงเสี่ยวซีไม่ตอบคำถามของเธอ แต่หันไปด้านข้าง แล้วหยิบสิ่งที่คล้ายแท็บเล็ตออกมาจากใต้หมอน จากนั้นมือเล็ก ๆ ก็เขียนบางอย่างลงบนนั้นอย่างรวดเร็ว
“ใส่ชื่อของคุณ”หนิงเสี่ยวซีหันหน้าจอไปทางเฉินเป้ยอี
ในนั้นล้วนเป็นเป็นตัวเลขและตัวอักษรสีน้ำเงินซึ่งมีลักษณะคล้ายกับการเขียนโปรแกรม……
เฉินเป้ยอีอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย เด็กคนนี้อายุเพียง 5 ขวบไม่ใช่เหรอ
เมื่อกี้เธอคิดแค่ว่าเขากำลังดูการ์ตูนเสียอีก
นี่ … เรียกว่าโปรแกรมใช่ไหม
เธอไม่รู้ว่าเด็กคนนี้อยากจะทำอะไร แต่เธอยังคงพิมพ์อักษรพินอินลงไปให้เป็นคำว่าเฉินเป้ยอี
หนึ่งนาทีต่อมา หนิงเสี่ยงซีวางแท็บเล็ตไว้ข้างหนึ่ง แล้วคุกเข่าบนเตียงพร้อมกับเอามือกอดอก จ้องมองเฉินเป้ยอีด้วยใบหน้าจริงจัง“คุณป้า ข้อมูลก่อนอายุ18 ปีของคุณ เป็นของปลอม”
เขาพูดอย่างมั่นใจ เฉินเป้ยอีเหมือนกลายเป็นหินในทันที เรื่องในปีนั้น ได้ยินว่าแม่ของเธอจ่ายเงินในราคาสูง เพื่อที่จะช่วยจัดการปัญหาของเธอ และกลัวว่าจะเกิดความกังวลในอนาคต ก่อนหน้านี้ตอนสัมภาษณ์งานหลิวซูก็ไม่ได้พบปัญหาอะไร แต่เด็กคนนี้ …
“คุณป้า คุณเปลี่ยนโปรไฟล์เพื่อหลอกล่อพ่อของผมหรือเปล่า?”หนิงเสี่ยวซีเหมือนจะวิเคราะห์ต่อ แต่ตอนนี้ เขาลุกขึ้นสวมเสื้อ เสื้อคลุมและกางเกงอย่างชำนาญ แล้วลุกออกจากเตียง เขาถามพลางสวมรองเท้าแตะ
ความสามารถในการดูแลตัวเองที่เชี่ยวชาญนี้ ทำให้เธอประหลาดใจเช่นกัน แต่หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูดเธอก็โล่งใจอย่างเงียบ ๆ แต่เรียกว่าป้าเหรอ เธอขมวดคิ้ว
“เสี่ยวซี อย่าหยาบคาย”แม่นมหลิวถือถาดยืนอยู่ที่ประตู เธอเฝ้ามองปฏิสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนที่่อยู่ด้านใน ในแววตาฉายแววความรู้สึกที่ทำอะไรถูก เธอวางถาดไว้บนโต๊ะกลมตัวเล็กข้างๆที่ในนั้นมีทั้งชามขนาดเล็กและขนาดใหญ่
“แม่นมหลิว”เฉินเป้ยอียืนตัวตรง พยักหน้าให้แม่นมหลิวอย่างสุภาพ เธอเคยเจอแม่นมหลิวแล้วตอนอยู่ด้านนอก
แม่นมหลิวยิ้มให้เธออย่างสุภาพ แล้วช่วยหนิงเสี่ยวซีจัดคอปกเสื้อผ้าและบอกว่า“เสี่ยวซีมีไอคิว 190 ตอนเธออายุสองขวบเธออ่านและเขียนได้สามภาษา ปีนี้เธอเรียนจบหลักสูตรวิทยาลัยแล้ว เมื่อเร็ว ๆ นี้กำลังศึกษาโปรแกรมนี้อยู่ แต่ฉันก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ดังนั้นเลยทำให้คุณเฉินต้องตกใจ”
แม่หลิวหยุนกล่าวเนิบๆ แต่เฉินเป้ยอีกลับประหลาดใจเฉินเป้ยอีที่สุด
โอ้พระเจ้า เธอกับหนิงเส่าเฉิน ใช้วิธีนั้นทำให้มีเด็กที่เกิดมาเป็นอัจฉริยะ นี้…….ช่างเหลือเชื่อจริงๆ
“หนูดูสิพ่อหนูที่ดูดีขนาดนั้น เขาจะมามองผู้หญิงอย่างฉันไหม ข้อมูลนั้นได้รับการแก้ไขเพียงแค่เพื่อให้หางานได้ง่ายขึ้น! ”เฉินเป้ยอีพยายามสงบสติอารมณ์และพูดช้าๆ
หนิงเสี่ยวซีฟังแล้ว เงยหน้ามองเธอขึ้นลง นี่ไม่ใช่คำโกหก เพราะคนที่มาก่อนหน้านี้กว่า 20 คน ล้วนสวยและทันสมัยกว่าผู้หญิงคนนี้
เมื่อคิดแล้ว เขาก็นำชามกลับไปวางลงบนโต๊ะ
“ผู้หญิงล้วนปลอมตัวเก่ง”
แม่นมหลิวที่กำลังพับผ้าห่มอยู่ด้านข้างได้ยินก็เม้มริมฝีปาก และหัวเราะเบา ๆ แต่กลับส่ายหัว ดึงผ้าห่มขึ้นสุดกกำลัง จนขาอ่อนแรงเธอจึงทิ้งตัวลงบนเตียงทันที
“คุณย่า เป็นอะไรรึเปล่า ?”หนิงเสี่ยวซีวิ่งไปข้างๆแม่นมหลิว สองมือจับจับแขนเธอไว้อย่างประหม่า
เฉินเป้ยอีรีบเดินไปข้างหน้าและช่วยพยุงแม่นมหลิวขึ้นมา “แม่นมหลิวคะ เป็นยังไงบ้านคะ”หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็เห็นว่าใบหน้าของแม่นมหลิวซีดและมีเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ เต็มหน้าผาก เธอขมวดคิ้ว เหมือนกับจะ …
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร คนแก่แล้ว เริ่มทำงานไม่ได้แล้ว”แม่นมหลิวดันตัวเองลุกขึ้นจากเตียง เพื่อที่จะยืนอีกครั้ง
“คุณย่า คุณยังไม่แก่”หนิงเสี่ยวซีจับมือแม่นมหลิวของเขาไม่ยอมปล่อย ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาทั้งดูดื้อรั้นและเศร้า
ตามสถานการณ์ที่ได้เรียนรู้จากคนรับใช้คนอื่นในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง แม่นมหลิวคนนี้เป็นแม่นมของหนิงเส่าเฉินตั้งแต่เขายังเด็ก หลังจากหนิงเสี่ยวซีเกิด ก็มีเธอที่ดูแลเขา แม้ว่าจะเป็นแค่แม่บ้าน แต่ในบ้านตระกูลหนิงทุกคนเคารพเธอมาก ดังนั้นหนิงเสี่ยวซีจึงเรียกเธอว่าคุณย่า ซึ่งต่างกับที่เรียกคนอื่นๆ
เพียงแต่ตอนนี้อายุเธอก็มากแล้ว และไม่สามารถดูแลเขาได้ นี่คือเหตุผลที่ตระกูลหนิงประกาศหาพี่เลี้ยงเด็กคนใหม่ให้เขา แต่ว่ากันว่านายน้อยคนนี้ทำพี่เลี้ยงเด็กหนีไปหลายสิบคนแล้ว
“เสี่ยวซี ย่าแก่แล้ว ถ้าหนูยังไล่คนออกไปแบบนี้ ย่ากลัวว่าย่าจะต้องเหนื่อยจนหมดแรงแน่”แม่นมหลิวพูดพรางยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตา
น้ำตาของเธอทำให้หนิงเสี่ยวซีตกใจอย่างเห็นได้ชัด มือเล็ก ๆ ยังคงจับแม่นมหลิวไว้แน่น พร้อมกับก้มหน้าลง หลังจากนั้นไม่นาน ถึงได้พูดว่า“งั้นให้เธออยู่ก็ได้ครับ"
แม่นมหลิวเงยหน้าขึ้นและกระพริบตาให้เธอ โดยที่หนิงเสี่ยวซีมองไม่เห็น
อายุของเธอไม่สอดคล้องกับความ“ขี้เล่น”ของเธอเลย ซึ่งก็ทำให้เฉินเป้ยอีอึ้งไปชั่วขณะ และหลังจากนั้นก็พยักหน้าอย่างขอบคุณ …
“แม่นมหลิว เป็นยังไงบ้าง” บนอาคารสูงร้อยชั้น ชายร่างเพรียวยืนอยู่ที่หน้าต่าง ซึ่งมองได้จากระยะไกล นิ้วของเขาคีบก้นบุหรี่ที่ไหม้ไปแล้วครึ่งหนึ่งอยู่
“ดูท่าแล้ว น่าจะยอมรับแล้ว!”อีกด้านหนึ่งของปลายสายพูด แม่นมหลิวถอนหายใจด้วยความโล่งใจ มองขึ้นไปชั้นบน ที่มีเสียงหัวเราะเป็นระยะๆ และหัวใจของเธอรู้สึกอบอุ่นใจ เพราะนานแค่ไหนที่ไม่มีเสียงหัวเราะในห้องนี้ แต่แววตาของเธอกลับเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ