เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย - ตอนที่ 18 รายได้สูง - รายจ่าย = ไม่มีรายได้
- Home
- เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย
- ตอนที่ 18 รายได้สูง - รายจ่าย = ไม่มีรายได้
「โย่ ลำบากซะแล้วนะ แค่มองดูก็หนาวแล้ว」
เมื่อคุยกับโอโน่เสร็จจึงไปยังที่นั่งของตัวเอง แล้วคนแรกที่เข้ามาพูดด้วยก็คือคู่หูตะวันออก-ตะวันตก
เมื่อนิชิดะพูดด้วยพร้อมกับเอามือมาแตะที่ไหล่ผม ฮิกาชิโนะก็「ได้เห็นนาริคินถูกสวนก็สดชื่นแล้ว」พร้อมกับหัวเราะ
「อะ อา…..คือว่านะ」
「แต่ไม่รู้มาก่อนเลยว่ามาโร่จะเป็นนักผจญภัย เดาว่างานพาร์ทไทม์ที่ทำมาทั้งหมดนั่นก็เพราะการนี้สินะ」
「แล้วได้เริ่มเป็นจริงๆตอนไหนล่ะ?」
กำลังจะพูดขอโทษเรื่องที่ปิดบังที่ได้เป็นนักผจญภัย แต่ก็ถูกกระแสของบทสนทนาพาไป
「อา ประมาณปลายเดือน 10 น่ะ」
「จริงดิ ไม่นานมานี้เองนี่หว่า」
「แถมยังเป็น 2 ดาวแล้วด้วย สุดยอดไปเลย ก็ไม่ค่อยเข้าใจดีนัก แต่การจะเปลี่ยนจาก 1 ดาวเป็น 2 ดาวได้เนี่ยมันยากน่าดูเลยใช่ป่ะ?」
「อะ อา มันมีเขาวงกตแรงค์ F ที่พิชิตได้ในวันเดียวอยู่หลายแห่ง แต่เขาวงกตแรงค์ E มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องค้างคืน แถมยังมีกับดักอีก」
「ฮ่า~ แบบนั้นก็ลำบากแย่เลย」
「กะแล้วว่ามันไม่มีหรอกงานที่ทั้งสนุกและได้เงินไปด้วยน่ะ」
「แล้ว มาโร่มีการ์ดแบบไหนอยู่บ้างเหรอ」
นิชิดะถามด้วยแววตาเป็นประกาย
ขณะที่ผมกำลังจะเอาการ์ดออกมา ฮิกาชิโนะก็ปรามนิชิดะไว้
「ช่างเถอะ เดี๋ยวตอนคริสต์มาสก็ได้ดูทางทีวีเองนั่นแหละ ตั้งหน้าตั้งตารอจนถึงตอนนั้นดีกว่า」
「อา นั่นมันก็จริง แต่เดี๋ยวน่ะ จะไม่เป็นอะไรเหรอ? ที่ลงเอยด้วยการเข้างานแข่งที่โอโน่ชี้นำเนี่ย」
「อา…..บอกตามตรงก็ลังเลอยู่นิดหน่อย แต่ก็คิดว่านี่เป็นโอกาศดีด้วย」
พูดพลางเกาแก้มไปด้วย ฮิกาชิโนะก็พยักหน้าเข้าใจ
「งั้นเหรอ…..ก็ตั้งเป้าจะเป็นโปรนี่นะ」
「พวกคนในชั้นคงทำแค่สนุกๆ แต่พวกเราเอาใจช่วยจริงๆอยู่นะ พยายามเข้าล่ะ」
「ขอบใจมาก…..」
หัวใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นเล็กน้อยด้วยการสนับสนุนจากใจจริงของเพื่อน
ถึงแม้ว่าจะปิดบังเรื่องที่ได้เป็นนักผจญภัยไว้ แต่ก็ยังปฏิบัติด้วยเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าจะเป็นพวกทื่อๆ แต่ก็เป็นคนดีกันไม่ผิดแน่
「จะว่าไปแล้ว เอาความจริงคิดว่าจะสามารถชนะได้ไหม?」
「4 คนสุดท้าย….น่าจะเป็นไปไม่ได้แน่ คิดว่าจะชนะได้ซัก 2 รอบไหม?」
「เจ้าบ้า! อย่าไปเพิ่มความกดดันสิ ถ้าเกิดแพ้ตั้งแต่รอบแรกก็ได้ดูน่าสงสารแย่เลยใช่ไหม?」
「อะ อา นั่นสินะ ‘โทษทีนะมาโร่」
「พวกเอ็ง…..」
แก้มของผมชักกระตุกขณะที่เหล่าเพื่อนเลวกำลังพูดเอาใจช่วย แต่ในความเป็นจริงกลับไม่ได้คาดหวังอะไรเลย
ผม-หึ-ฮึดจมูกแล้วหัวเราะอย่างไม่เกรงกลัว
「เอาเถอะ คอยดูไป จะแสดงพลังของชั้นให้เห็นเอง」
「ฮือออ! เร็นกะม่อน พวกคนในชั้นเรียนใจร้ายใส่อีกแล้วอะ~」
หลังเลิกเรียน ทันทีที่ผมมาถึงเขาวงกตก็ทำการเรียกเร็นกะออกมาแล้วพุ่งเข้ากอด เกาะตัว แล้วเอาหน้าซุกไปที่ท้องของเธอ
ดวงตาของเร็นกะเบิกกว้างด้วยความตกใจกะทันหัน แต่ดูท่าจะเข้าใจสถานการณ์ได้ในทันที…..
「ช่วยไม่ได้น้า มาโรตะคุง แล้วคราวนี้เป็นอะไรมาล่ะ?」
เร็นกะพูดขณะทำการลูบหัวของผม
「ก็แบบว่าก็แบบว่า」
ก็ หลังจากพูดแบบนั้น ผมก็เริ่มทำการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้
พอไปถึงโรงเรียนในตอนเช้า บรรยากาศในชั้นเรียนมันก็แปลกไป, ความจริงที่ผมเป็นนักผจญภัยถูกเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต, มีพวกเกเรเข้ามายุ่งด้วย ก็ยังดีที่สามารถสู้กลับไปได้, แต่สุดท้ายดันถูกโอโน่ที่อยู่ในกลุ่มคนดังของห้อง ชักจูงให้ร่วมงานแข่งมอนโคโล
พอเร็นกะได้ยืนเรื่องราวคร่าวๆ ก็พูดด้วยความประหลาดใจ
「อย่างงี้นี่เอง เพราะแบบนั้นก็เลยตัดสินใจเข้าร่วมงานแข่งมอนโคโลไปสินะ นายนี่มันงี่เง่าจริงๆเลยน้า หยั่งกับหมูถูกกล่อมให้ปีนต้นไม้เลย」
「อย่าพูดแบบนั้นสิ! ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป จะไม่มีที่ยืนในชั้นเรียนเอาได้นะ~」
「ช่วยไม่ได้น้า~ ถ้าในเวลาแบบนี้ก็ต้องนี่เลย!」
พอพูดจบ เร็นกะก็ควักเอาของบางอย่างออกมาจากแขนเสื้อ มันก็คือตุ๊กตาฟาง
…..เอ๋?
กลับมาเป็นปกติอย่างช่วยไม่ได้
「ตุ๊กตาฟางของซาชิกิวาราชิ~…..Om・Mahaashriye・Svaahaa」
ตอนแรกเร็นกะเลียนเสียงของโดรา〇ม่อน หลังจากนั้นจู่ๆก็เริ่มร่ายคาถาด้วยเสียงเบาๆ
แล้วก็ดูเหมือนตุ๊กตาฟางจะเปล่งแสงสีดำออกมาแว่บนึง
「ฟู่ เท่านี้เพื่อนร่วมชั้นที่ใจร้ายกับมาโรตะคุงก็ถูกร่ายคำสาปใส่แล้วล่ะ」
「เอ๋ แบบไหนเหรอ?」
「คำสาปที่ทำให้ขี้แตกบนรถไฟที่มีคนแน่น」
………………..น่ากลัว
เอ๋ นี่ไม่ได้สาปจริงๆสินะ สินะ? แค่มุข ใช่ไหม?
การ์ดนั้นไม่สามารถใช้ภายนอกเขาวงกตได้ และมันก็ไม่สามารถส่งผลใดๆไปยังนอกเขาวงกตได้ มีการทดลองพิสูจน์แล้วว่าแม้แต่สถานะผิดปกติที่ส่งผลต่อคุณภายในเขาวงกต เมื่อออกจากเขาวงกตผลของมันจะหายไปทันที
ไม่น่าจะ ไม่ได้เป็น【การ์ดต้องสาป】จากคำเล่าลือซะหน่อย…..คงไม่เป็นอะไร น่าจะแหละ
แต่ผมก็ไม่มีความกล้าที่จะถามความจริงไป
「อะแฮ่ม ก-ก็ล้อเล่นกันพอแค่นี้ ทีนี้ก็ต้องเข้าร่วมงานแข่ง ก็อยากจะทำให้ดีที่สุดแล้วก็ชนะถ้าเป็นไปได้」
「แบบนั้นมันก็ได้อยู่หรอก ไม่มีตัวเลือกที่จะไม่ไปเหรอ? ทำเมินพวกคนในชั้นเรียนไปก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนิ?」
「ก็นะ ถ้าต้องการจริงๆมันก็พอจะทำได้แหละ แต่พูดกันตามตรง ของรางวัลมันน่าดึงดูดน่ะสิ」
ผมโชว์กระดาษที่พิมพ์ข้อมูลเว็ปงานแข่งให้กับเร็นกะ
「ไหนไหน ถ้าหากไปได้ถึง 4 คนสุดท้าย จะสามารถเลือกรับการ์ดแรงค์ D ได้ 1 ใบจาก 16 ใบ ผู้ชนะจะได้รับถ้วยรางวัลและแวมไพร์ผู้หญิง…..อย่างงี้นี่เอง」
「ถ้าซื้อเอาปกติ แวมไพร์ผู้หญิงจะราคา 70 – 80 ล้านเยน ถ้าหากว่านี่เป็นแวมไพร์ผู้ชายหรือการ์ดแรงค์ C อื่นก็ไม่อยากฝืนหรอก」
「ถ้าหากชนะได้ ก็สามารถแรงค์อัพให้เอลิซ่าได้สินะ」
「อา พวกเราบีบบังคับให้เอลิซ่าต้องแบกรับภาระหนัก เพราะงั้นก็เลยอยากจะชดเชยให้ตอนนี้」
หลังจากฟังเรื่องของผม เร็นกะปัดผมหน้าม้าของเธอแล้วถอนหายใจเล็กน้อย
「พอเป็นเรื่องของเอลิซ่าแล้วชั้นมันก็ใจอ่อนซะด้วย OK จะช่วยเท่าที่จะช่วยได้ละกัน」
「โอ้ ขอบใจมาก」
「แล้ว? มีแผนอะไรเป็นชิ้นเป็นอันรึยัง?」
「อา ก่อนอื่นมาคุยเรื่องกติกาของงานแข่งกัน…..」
ผมเริ่มอธิบายให้เร็นกะฟัง
งานแข่งจะถูกจัดในรูปแบบทัวร์นาเมนต์แพ้คัดออก และใช้กติกาแบบ Standard
การต่อสู้ในมอนโคโลนั้นจะรวมไปด้วย Duel 1 ต่อ 1, Standard 3 ต่อ 3, กติกาแบบ Expert ที่อนุญาตให้สร้างเด็คจากการ์ดหลายใบ, และกติกาแบบ Standard ที่เป็นที่นิยมมากที่สุด
กติกาแบบ Standard นั้น เหล่าผู้เล่นจะต้องลงทะเบียนเด็คการ์ด 10 ใบเอาไว้ก่อนล่วงหน้า ในการแข่ง ผู้เล่นจะเลือกการ์ด 3 ใบจากเด็คออกมาแล้วทำการต่อสู้ แต่ล่ะรอบการต่อสู้มีเวลาให้เพียงพอ ตัดสินการแพ้เมื่อมาสเตอร์ถูกโจมตีโดยตรง หรือว่าสูญเสียการ์ดที่ใช้ทั้งหมด ถ้าหากหมดเวลาแล้วยังไม่สามารถตัดสินได้ ชัยชนะจะเป็นของฝ่ายที่มีการ์ดเหลือมากกว่า ถ้าหากว่ามีจำนวนเท่ากัน ผู้ชนะจะถูกตัดสินด้วยคะแนนเทคนิคโดยกรรมการ
อุปกรณ์สามารถนำมาได้เฉพาะอุปกรณ์เวท แต่จะสามารถใช้งานได้แค่ 5 ครั้งตลอดระยะเวลางานแข่ง และยังจำกัดให้ใช้แค่ในระหว่างการต่อสู้ พูดง่ายๆคือ ใช้โพชั่นได้ แต่ใช้สเปรย์พริกไทยไม่ได้
「ก็นะ ในทัวร์นาเมนต์แบบนี้ สิ่งสำคัญก็คือจะผ่านเข้ารอบโดยที่จำนวนการ์ดในเด็คไม่ลดลงยังไง แล้วเมื่อไหร่จะเอาตัวสมาชิกหลักออกมาอันนี้ก็สำคัญ」
「ที่มีอยู่ตอนนี้ก็ชั้นกับยูคิแล้วก็เอลิซ่า 3 คน คิดว่าประเด็นคือจะตัดสินใจยังไงกับอีก 7 ใบที่เหลือล่ะนะ」
…..ไม่สิ คือว่านะเร็นกะซัง พวกเรายังมีตัวประจำอยู่อีก 1 นะครับ
「ก่อนงานแข่งยังมีเวลาเหลืออีก 20 วัน โดยส่วนตัวผมคิดว่าคงยากที่จะใช้การ์ดทั้ง 10 ใบเป็นกำลังต่อสู้ จะฝึกการ์ดตั้งต้นทั้ง 3 ใบให้ถึงขีดจำกัด, แรงค์อัพให้อิมป์เป็นแรงค์ D, เติมที่เหลือด้วยการ์ดแรงค์ E ที่มีความสามารถพิเศษ…..คิดว่าแนวประมาณนี้น่าจะเป็นไปได้ 」
「ฟุมุ…..」
เร็นกะคิดอยู่ครู่หนึ่งกับคำพูดของผม
「คือว่านะ ไม่ใช่ว่ายังมีหนทางที่จะขายอมฤตแล้วพัฒนาพลังต่อสู้ของพวกเราอยู่หรอกเหรอ?」
อา อย่างงี้นี่เอง แน่นอนว่าคำถามนี้จะต้องโผล่ออกมา
「ไม่ล่ะ อยากจะเก็บอมฤตเอาไว้เป็นหลักประกัน ในกรณีที่พวกเธอลอสไปแม้เพียงใบเดียว จะได้นำไปขายแล้วชุบชีวิตได้」
ถ้าหากมี 100ล้านล่ะก็ จะสามารถชุบชีวิตทุกคนรวมทั้งเร็นกะได้ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงเข้าร่วมงานแข่ง
แน่นอน ถ้าหากว่านี่มันคืออมฤตของแท้ล่ะนะ
ถ้าเอาไปประเมินมันก็รู้ผลแน่นอนแล้ว แต่รู้สึกว่ามันอาจจะทำให้สูญเสียสมาชิกไปเลยไม่คิดจะเอาไปประเมิน
「อย่างงี้นี่เอง…..ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่มีอะไรต้องพูดแล้วล่ะ」
หลังจากได้ยินคำอธิบายของผม เร็นกะก็ยอมถอยแต่โดยดี
「โย้ช ถ้าอย่างงั้นจากนี้ไปก็ต้องยุ่งกันหน่อยแล้ว เป้าหมายก็คือพิชิตเขาวงกตแรงค์ E ให้ได้อย่างน้อย 5 แห่ง!」
หลังจากวันนั้น วันเวลาในการพิชิตเขาวงกตของพวกเราก็ได้เริ่มขึ้น
ซื้อข้อมูลของเขาวงกตล่วงหน้าจากกิลล์ ในหมู่ของเขาวงกตแรงค์ E ก็เลือกอันที่ไม่ลึกมากและง่ายต่อการพิชิต
รางวัลจากการพิชิตเขาวงกตแรงค์ E คือ จำนวนชั้น x 20,000, ค่าข้อมูลรวมไปด้วยแผนที่ ชนิดกับดัก และมอนสเตอร์ที่ปรากฏ ราคาประมาณ 20,000 เยน ถึงแม้ว่าจะเป็นเขาวงกตที่ตื้นที่สุดที่ 11 ชั้น ก็ยังเป็นรายได้คงที่ที่ 200,000 เยนต่อ 1 แห่ง
ผมสำรวจเขาวงกตตื้นๆพวกนี้ที่ 11 – 13 ชั้น 1 แห่งในทุกวันหยุด ต้องใช้เวลา 2 – 3 วันในช่วงสุดสัปดาห์สำหรับการสำรวจจนหมด
ทำการขี่หลังยูคิขณะเคลื่อนที่เพื่อประหยัดเวลาและพลังงาน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะสำรวจเขาวงกตได้หมด แม้ว่าจะใช้เวทเรสเพื่อฟื้นฟูพลังกาย แต่ก็ยังรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าที่สะสมขึ้นมาในร่างกาย
ขณะเดียวกัน ข่าวที่ผมจะเข้าร่วมงานแข่งได้เริ่มแพร่กระจายไปทั่วโรงเรียน
เพียงแค่เดินไปตามโถงทางเดิน ก็รู้สึกได้ถึงสายตาจ้องมองมาและได้ยินใครบางคนกระซิบเกี่ยวกับผม แม้แต่พวกอาจารย์เองก็บอกว่าจะตั้งตารอดู
แทบทั้งหมดเป็นพวกที่อยากรู้อยากเห็นหรือสนับสนุน แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยเหมือนกันที่ดูค่อนข้างอันตราย
ถ้าหากว่าผมแสดงออกมาได้ไม่ดีในงานแข่ง ความอาฆาตที่ล่องหนอยู่ของพวกเขาก็จะแยกเขี้ยวออกมา รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่กดลงมาบนบ่า
แม้แต่ที่โรงเรียนก็ไม่สามารถผ่อนคลายได้ แล้วในขณะที่ความเหนื่อยล้าค่อยๆสะสมมากขึ้น สีหน้าของผมก็ยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกวัน
พอเห็นผมเป็นแบบนั้น สายตาของเพื่อนร่วมชั้นก็เปลี่ยนไปทีละเล็กทีละน้อย
แรกเริ่ม ราวกับว่ากำลังมองดูหนูทดลองก่อนจะถูกทดลอง หรือไม่ก็ตัวตลกก่อนขึ้นเวทีแสดง แต่สายตานั้นก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นการคอยเฝ้ามองดู
กลุ่มแรกที่เข้ามาหาก็คือเหล่าสมาชิกของชมรมกีฬาที่ช่วยสอนเรื่องการออกกำลัง การนวด และผลไม้สำหรับช่วยผ่อนคลาย
ดูเหมือนว่าผมในตอนนี้จะไปคล้ายกับคนที่กำลังฝึกก่อนการแข่งขัน
คู่หูตะวันออก-ตะวันตกเองก็มาช่วย รวบรวมข้อมูลจากในเน็ตเกี่ยวกับผู้เล่นที่บอกว่าจะมาเข้าร่วมงานแข่ง รวบรวมทุกอย่างที่ทำได้
ข้อมูลเกี่ยวกับคู่แข่งที่เคยไม่ชัดเจน ช่วยให้เป้าหมายของผมชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะแรงบันดาลใจจากการ์ดของผู้เล่นที่ถูกพิจารณาให้เป็นตัวเต็งที่จะชนะ
หลังจากนั้น ก่อนที่จะเริ่มงานแข่ง ผมได้พิชิตเขาวงกตแรงค์ E ไปได้ทั้งหมด 9 แห่ง รวมจำนวนชั้นทั้งสิ้น 106 ชั้น รางวัลจากการพิชิต 2.12 ล้านเยน หลังจากหักค่าข้อมูลแล้วรวมเป็นเงิน 1.94 ล้านเยน
นอกเหนือจากนั้นยังได้ขายหินเวท, อุปกรณ์เวท, และการ์ดไม่จำเป็นระหว่างทาง ได้มา 1.46 ล้านเยน แล้วก็คาบังเคิลโกเมนขายไปได้ 2.3 ล้านเยน
รวมแล้ว 5.7 ล้านเยน ทำให้เงินเก็บของผมรวมเป็น 6.6 ล้านเยน
เกือบจะเท่ากับราคาขายของการ์ดที่ผมเล็งเอาไว้
การ์ดนั้นก็คือเอ็มพูซา(Empousa) เป็นปีศาจฝันจากตำนานของเทพเจ้ากรีก ว่ากันว่าเป็นหญิงสาวงดงาม มีขาเป็นทองเหลือง ปีกของค้างคาว และหางของลา
อยู่ในสายตระกูลเดียวกับซัคคิวบัส เป็นหนึ่งในการ์ดที่นิยมที่สุดในแรงค์ D เพราะแบบนั้นถึงแม้ว่ามันจะไม่มีสกิลอะไรโดดเด่นก็ยังมีราคาถึง 6.5 ล้านเยน
เหตุผลที่ผมพิชิตเขาวงกตด้วยความเร็วสูงขนาดนี้ก็เพราะต้องการการ์ดใบนี้มาก่อนงานแข่ง
เอ็มพูซาเป็นหนึ่งในการ์ดที่สามารถแรงค์อัพให้กับอิมป์ได้
เพื่อที่จะชนะเลิศงานแข่ง การมีแค่การ์ดหลัก 3 ใบถือว่าน้อยเกินไป ผมจึงต้องการเพิ่มการ์ดอีกซักใบ
ความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอคือมีความเข้ากันได้กับเร็นกะ…..
เมื่ออิมป์แรงค์อัพเป็นเอ็มพูซาแล้ว ผมจึงตัดสินใจมอบชื่อให้กับเธอ
ชื่อนั่นคือเมอา(メア)(maere) เป็นคำอังกฤษโบราณสำหรับปีศาจฝัน มีคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะวิวัฒนาการสำหรับอิมป์อยู่หลายแบบ แต่ที่เลือกเอ็มพูซาเพราะยืนยันกับเธอแล้วว่าต้องการจะเป็นซัคคิวบัส และจึงตัดสินใจเลือกชื่อตามนั้น
นี่คือสเตตัสเธอในปัจจุบัน
【เผ่า】เอ็มพูซา (เมอา)
【พลังต่อสู้】205 (65UP!)
【ทักษะติดตัว】
– ดูดวิญญาณ : สามารถดูดซับและกักเก็บพลังเวทและพลังชีวิตของเป้าหมายได้
– คำเชิญสู่ความฝัน : สามารถใช้เวทหลับอย่างรุนแรงได้
– จำแลงกาย 3 ประเภท : สามารถแปลงกายตนจากรูปลักษณ์ของหญิงสาวงดงามได้ 3 แบบคือ สุนัข, วัว, ลา
【ทักษะเรียนรู้】
– หัวใจปีศาจตัวน้อย
– หัวใจทุ่มเท
– มิตรภาพร่วมมือ
– จอมเวทฝึกหัดพื้นฐาน
–> จอมเวทพื้นฐาน : สามารถใช้เวทมนต์พื้นฐานได้ทุกชนิด
เหตุผลว่าทำไมพลังต่อสู้ถึงเพิ่มมา 65 ได้ทันทีก็เพราะได้สืบทอดพลังต่อสู้ที่พัฒนามาในช่วงเวลาที่เป็นอิมป์ ทั้งยังสามารถสืบทอดทักษะเรียนรู้มาได้ทั้งหมด ส่วนทักษะติดตัวอย่างจอมเวทฝึกหัดพื้นฐานก็ได้สืบทอดมา โดยที่เอ็มพูซาดั้งเดิมมีเวทโจมตีพื้นฐานอยู่ จึงทำการซึบซับและทำให้สกิลเติบโตขึ้น
ความจริงแล้วก่อนที่จะทำการแรงค์อัพให้เมอา ได้ลองพยายามสุ่มแรงค์อัพให้การ์ดแรงค์ F ไปเป็นการ์ดแรงค์ E ดู แต่ก็ไม่สามารถถ่ายโอนพลังต่อสู้หรือทักษะเรียนรู้ใดๆได้เลย
ได้ยินมาว่าการถ่ายโอนของแรงค์อัพนั้นขึ้นอยู่กับดวงและการใช้งานมันว่าดีแค่ไหน แต่ดูเหมือนการใช้งานจะมีความสำคัญมากกว่าที่คาด
คงต้องใช้มันเป็นตัวอ้างอิงสำหรับการแรงค์อัพให้การ์ดใบอื่นๆด้วย
อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นทั้งหมดที่ทำได้แล้ว
ที่เหลือก็แค่แสดงศักยภาพออกมาให้เต็มที่
และแล้ว วันแข่งขันก็มาถึง
—-มอนสเตอร์โคลอสเซียม
มันก็คือ กีฬาชนิดใหม่ที่เหล่านักผจญภัยเข้าต่อสู้กันด้วยการ์ด
ทั้งหมดเริ่มขึ้นเมื่อครั้งที่โตเกียวโดมได้กลายเป็นเขาวงกตในระหว่างแองโกลมัวร์ครั้งที่ 2
โตเกียวโดม เป็นเขาวงกตที่มีโครงสร้างค่อนข้างเฉพาะตัวด้วยการที่มีแค่จ้าว 1 ตัวปรากฏขึ้นในแต่ละวัน
ดังนั้น ตราบเท่าที่จัดการได้ จึงไม่มีปัญหาใดๆที่จะใช้จัดงานอีเวนต์ แต่ก็ตามคาดว่าอีเวนต์อย่างการแข่งเบสบอลคงจัดในเขาวงกตไม่ได้ จึงทำให้โตเกียวโดมกลายเป็นเสมือนกล่องใบใหญ่ๆ
และเมื่อมีการสร้างโดมแห่งใหม่สำหรับเบสบอล พวกเขาจึงมีความต้องการจะใช้โตเกียวโดมที่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของโตเกียวให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รัฐบาลในเวลานั้นคิดแล้วไปสังเกตุพบว่าโคลอสเซียมที่อิตาลีก็ได้กลายเป็นเขาวงกต ด้วยการทำงานร่วมกับกิลล์จึงเปลี่ยนโตเกียวโดมให้กลายเป็นมอนสเตอร์โคลอสเซียม
แม้จะมีคำวิพากษ์วิจารณ์ในช่วงแรก แต่มันก็ลงเอยด้วยความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
นั่นเพราะ ปรากฏการณ์ของเหล่ามอนสเตอร์ที่เมื่อไม่นานมานี้ยังคงเป็นแค่สิ่งที่อยู่ในจิตนาการ
ภาพของสิ่งมีชีวิตในตำนาน เช่น เอลฟ์ และมังกร เข้าต่อสู้ห่ำหั่นกัน ในบางครั้งด้วยความงดงาม ในบางครั้งด้วยเขี้ยวและกรงเล็บ มันทำให้ผู้คนตื่นเต้น
มีการออกอากาศทาง TV แทบทุกวัน และในทุกวันศุกร์ตอน 3 ทุ่ม รายการ 『กลาดิเอเตอร์』 ที่เหล่านักผจญภัยมือโปรมาสู้กันจนกว่าการ์ดอีกฝ่ายจะลอส ได้กลายเป็นรายการยอดนิยมที่ครองเรตติ้งผู้รับชมอยู่ในตอนนี้
เหล่านักผจญภัยที่ใช้ชีวิตอยู่กับงานแข่งขันในโคลอสเซียมจะถูกเรียกว่ากลาดิเอเตอร์ ซึ่งนั่นก็เป็นที่มาของชื่อรายการ
นอกเหนือจากนั้นยังมี 『แคทไฟท์』ที่จำกัดเฉพาะมอนสเตอร์สาว, 『เหล่าไข่มือโปร』ที่จำกัดเฉพาะนักผจญภัย 3 ดาว และรายการอื่นๆจากหลากหลายแนวคิด ออกอากาศในแต่ละวันและเวลาเกือบจะทุกวัน
ที่ผมจะไปโผล่ในคราวนี้『มารวมกัน นักเรียนนักผจญภัย! ใครกันที่จะได้เป็นซุปเปอร์โนวา!』ก็เป็นรายการที่ถูกวางแผนโดย『เหล่าไข่มือโปร』เพื่อให้เป็นรายการพิเศษช่วงคริสต์มาส
ในด้านของเรตติ้งผู้รับชมนั้นถือว่าเป็นรองรายการ『กลาดิเอเตอร์』แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังดึงความสนใจได้มาก จากการที่เป็นแผนเชิงรุกค่อนข้างหนักที่ให้เหล่านักเรียนระดับไม่เกินมัธยมปลายมาห่ำหั่นกัน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการใช้การ์ดต่อสู้ก็ตาม
ในครั้งนี้ จำนวนของผู้เข้าร่วมในระดับมัธยมปลายหรือต่ำกว่ามีรวมทั้งสิ้น 68 คน จำนวนของผู้เข้าร่วมถูกจำกัดลงเหลือเท่านี้เนื่องด้วยผู้เข้าสมัครบางคนมีประกาศความตั้งใจว่าจะเข้าร่วม แต่พอถึงวันจริงกลับไม่โผล่มา หรือไม่ก็ยกเลิกการสมัครไปกลางทาง
แม้จะคำนึงถึงตัวนักผจญภัยที่มีอายุในระดับมัธยมปลายที่มันก็มีจำนวนน้อยอยู่แล้วตั้งแต่แรก แต่มันก็พอจะพูดได้ว่ามีคนมารวมตัวกันมากพอตัว
「…………………………」
ในวันแข่ง ตัวผมกำลังรอให้ถึงคิวตัวเองอยู่เงียบๆ ภายในห้องของโรงแรมโตเกียวโดม
ตามที่คาดหวังไว้กับรายการพิเศษช่วงคริสต์มาส ทางรายการจัดห้องรับรองสุดหรูให้กับผู้เข้าแข่งแต่ละคนที่โรงแรมโตเกียวโดม
ต้นเรื่องก็คงจะเพราะไม่ต้องการให้เกิดปัญหาระหว่างผู้เข้าแข่งหากต้องได้มาอยู่ในพื้นที่เดียวกัน
พวกเรามีสิทธิที่จะต้องสูญเสียการ์ดที่มีราคาแพง แต่ก็ยังมาเข้าร่วมทั้งๆที่ไม่ได้แม้แต่ค่าตัวใดๆ มันก็คงไม่น่าแปลกใจที่จะทำอะไรขึ้นมาก็ได้ถ้าเพื่อที่จะชนะแล้วให้ได้อย่างน้อย 4 คนสุดท้าย
เพื่อหลีกเลี่ยงความเป็นไปได้ที่จะเกิดการรบกวนกันระหว่างผู้เข้าแข่ง คุณจะไม่รู้ว่าคู่ต่อสู้ที่จะต้องเจอนั้นเป็นใครจนกว่าจะถึงก่อนหน้าการต่อสู้
ก็นะ ที่เป็นแบบนี้ก็คงเพราะไม่รู้ว่าผู้เข้าแข่งจะมาจริงๆรึเปล่าจนกระทั่งถึงวันแข่ง ทำให้ตัดสินใจล่วงหน้าไว้ไม่ได้
ในตอนนี้ AI ก็คงจะกำลังประมวลผลแล้วสร้างการจับคู่ที่น่าตื่นเต้นโดยอิงจากข้อมูลที่ถูกป้อนอยู่
ผมนำการ์ดที่จะใช้ในรอบที่ 1 ออกมา
ใบแรกก็คือเอลิซ่า
【เผ่า】กูล่า (เอลิซ่า)
【พลังต่อสู้】200 (60UP! MAX!)
【ทักษะติดตัว】
– ศพมีชีวิต
– พลังบ้าคลั่ง ณ ชุมนุมเพลิง
– ผู้กินศพ
【ทักษะเรียนรู้】
– เชื่อฟังเด็ดขาด
– ทักษะทางเพศ
– ฟีโรโมน
– ลอบโจมตี
– หัวใจกลวง
– ปกป้อง
– เคลื่อนไหวแม่นยำ : ช่วยให้การเคลื่อนไหวมีความแม่นยำมากขึ้น
– การแสดง (NEW!) : มีความรู้และทักษะเกี่ยวกับเทคนิคการแสดงในระดับหนึ่ง ค่าบวกเมื่อกระทำการบางอย่าง
– ปลดกับดัก (NEW!) : มีความรู้และทักษะเกี่ยวกับการปลดกับดักในระดับหนึ่ง ค่าบวกเมื่อกระทำการบางอย่าง
พลังต่อสู้ได้ไปถึงขีดจำกัดการเติบโต และได้รับสกิลการแสดงและปลดกับดักมาด้วย ถึงแม้ว่าสกิลที่มีจะไม่ได้เป็นเสริมด้านพลังต่อสู้โดยตรง แต่ด้วยสกิลที่หลากหลายของเธอถือว่าช่วยได้มากกับการพิชิตดันเจี้ยนความเร็วสูงของผม
ด้วยในงานแข่งนี้ การโจมตีโดยตรงจะนำไปสู่การพ่ายแพ้ในทันที สกิลปกป้องที่เธอมีจึงทำให้ถูกเลือกเป็นตัวหลักตั้งต้น
ส่วนอีก 2 ใบที่เหลือ ได้เลือกการ์ดแรงค์ E ที่มีสกิลที่ดีที่สุดมา
【เผ่า】ไนท์แมร์
【พลังต่อสู้】60
【ทักษะติดตัว】
– ผู้รับใช้ปีศาจฝัน : ข้ารับใช้ของปีศาจฝัน สามารถดูดพลังชีวิตได้อย่างรุนแรงกับเป้าหมายที่หลับอยู่เท่านั้น
【ทักษะเรียนรู้】
– ปกปิดตัวตน
【เผ่า】มนุษย์ทราย
【พลังต่อสู้】70
【ทักษะติดตัว】
– ทรายนอนหลับ : ทรายที่ทำให้ผู้สัมผัสโดนต้องหลับไหล
【ทักษะเรียนรู้】
– เสริมแกร่งสถานะผิดปกติ : เสริมความรุนแรงแก่สถานะผิดปกติ
– ชิงโจมตีก่อน : ค่าบวกอย่างมากแก่การกระทำแรก
ในตอนที่พิชิตเขาวงกตแรงค์ E หนึ่งในศัตรูที่สร้างความประทับใจมากที่สุดก็คือการคอมโบกันระหว่างมนุษย์ทรายและไนท์แมร์
เจ้าพวกนี้มีทักษะเรียนรู้ที่ดีที่สุดในหมู่พวกมัน มนุษย์ทรายที่สามารถทำให้แมร์ที่เพิ่งจะกลายเป็นเอ็มพูซาติดหลับได้ ส่วนไนท์แมร์ที่ปกปิดตัวตนก็มีเพียงแค่ยูคิที่รู้สึกตัว
เป็นการจับคู่ที่ไม่สามารถใช้ได้บ่อยนัก แต่ผมเห็นว่าแค่สามารถใช้เป็นหน่วยสังหารครั้งแรกสุดได้ก็เพียงพอแล้ว
ทำการจำลองการต่อสู้ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัว
เพราะว่าไม่รู้ถึงระดับความสามารถของคู่ต่อสู้ จึงแทบเป็นการคิดเอาเองทั้งหมด แต่เป้าหมายของมันคือให้สามารถออกท่าทางได้อย่างลื่นไหลด้วยการจินตนาการรูปแบบที่ประสบผลสำเร็จมากที่สุดซ้ำไปซ้ำมา
ในตอนนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ที่ถูกต่อสายไว้ในห้องก็ดังขึ้น
「ครับ」
「ท่านคิทากาว่า การจับคู่ของคุณใกล้ถึงแล้ว โปรดเตรียมตัวให้พร้อมด้วยค่ะ และโปรดมองไปที่โทรทัศน์ที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ ในนั้นจะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับคู่ต่อสู้ของคุณและสถานที่ค่ะ」
「เข้าใจแล้วครับ」
วางโทรศัพท์ ทำการเปิด TV
หัวใจเต้นตึกตัก คู่ต่อสู้ของผมจะเป็นแบบไหนกันนะ?
「——หา!?」
เมื่อ่ได้เห็นก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
ไม่อยากจะเชื่อสายตา ทำการตรวจสอบข้อมูลซ้ำแล้วซ้ำอีก
ทว่าไม่ว่าจะตรวจสอบไปมากแค่ไหน ความจริงก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
ที่ถูกแสดงบนหน้าจอก็คือ—-มินามิยาม่านั่นเอง
【Tips】แรงค์อัพการ์ด
การ์ดนั้น สามารถแรงค์อัพได้โดยการจัดเตรียมการ์ดที่มีแรงค์สูงกว่า การแรงค์อัพมีข้อดีอยู่คือ สามารถสืบทอดรูปลักษณ์, ความทรงจำ, ลักษณะนิสัย ของการ์ดดั้งเดิมได้ อีกทั้งขึ้นอยู่กับการใช้งาน สามารถสืบทอดพลังต่อสู้และสกิลได้ด้วย แต่นี่เองก็ขึ้นอยู่กับดวงด้วย เพื่อที่จะแรงค์อัพ ที่ถูกนำมาใช้ต้องเป็นสายพันธุ์เดียวกันที่ยังไม่ถูกใช้(เป็นค่าเริ่มต้น) และมีเพศเดียวกัน
ตัวอย่าง กูล่า –> แวมไพร์, คูซี่ –> การ์ม(Garmr) เป็นต้น