เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน - ตอนที่ 663 สถานการณ์พลิกผัน เสี่ยวเป่าปลุกพลังวิเศษใหม่อีกครั้ง
- Home
- เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน
- ตอนที่ 663 สถานการณ์พลิกผัน เสี่ยวเป่าปลุกพลังวิเศษใหม่อีกครั้ง
ตอนที่ 663 สถานการณ์พลิกผัน เสี่ยวเป่าปลุกพลังวิเศษใหม่อีกครั้ง
ไท่เฮ่าแห่งตระกูลฝูซี เป็นเทพรุ่นแรกที่กำเนิดก่อนเทียนตี้และเป็นนายพลที่ดุร้ายในมหาสงครามเทพและมาร น่าเสียดายที่เสียชีวิตในสังเวียนสุดท้าย มิเช่นนั้นตำแหน่งเทียนตี้คงไม่ใช่ตี้จวิ้นแล้ว
ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงพลังการต่อสู้ของไท่เฮ่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคุณูปการต่อสวรรค์เก้าชั้นฟ้าของเขา
แต่ว่า…
“นายท่าน เหตุใดไท่เฮ่าอยู่ที่นี่ ภาพลวงตาหรือ ที่นี่มีภาพมายาระดับสูงมากอยู่หรือ” ซีหวังหมู่ถามเยี่ยนอวี๋อย่างเป็นกังวล
เทพอัสนีก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นภาพลวงตา เพราะว่าตอนที่ไท่เฮ่าตายในสงคราม เขาต้องแลกกับการเผาวิญญาณของตนเองเพื่อขัดขวางการโจมตีของแอนนาให้นายท่านของพวกเขา ทำให้พวกเขาได้โอกาสช่วยนายท่านไปจึงทำให้มีเทวาอัสดงในภายหลัง ดังนั้น… การตายของไท่เฮ่าแห่งฝูซี เป็นการตายสูญสิ้นทั้งร่างกายและวิญญาณ เป็นจุดจบของสงครามที่ดุเดือดนั่น และเป็นเพราะการตายของไท่เฮ่า ทำให้นายท่านของพวกมันรู้แจ้งในเทวาอัสดงตอนที่บาดสาหัสเจียนตาย
ต่อจากนั้น นายท่านเป็นคนนำทัพพาพวกมันสังหารเผ่ามารอย่างบ้าคลั่ง
พูดได้ว่าหากไม่มีการช่วยเหลือด้วยการสละชีวิตของฝูซีก็ไม่มีเยี่ยนอวี๋ในยามนี้ และไม่มียุคแห่งความรุ่งโรจน์ของเผ่าเทพ
แต่บัดนี้… ไท่เฮ่าปรากฏตัวแล้ว ที่สำคัญคือกู้จื่อเฟิงยังพูดว่า “เหมือนกับว่าเป็นวิญญาณที่หลงเหลือจริงๆ”
“จริงหรือ?” ซีหวังหมู่แห่งมองเยี่ยนอวี๋ตาปริบๆ ทำท่าเหมือนกับว่ารอเยี่ยนตอบว่า ‘ใช่’ มันจะพุ่งเข้าไปหาเขาทันที
ทว่าเยี่ยนอวี๋ส่ายศีรษะ “ไม่มีทางเป็นวิญญาณหรือเจตจำนงที่หลงเหลือของไท่เฮ่าได้ หากมี ข้าคงเก็บกลับไปนานแล้ว”
“แต่เขาไม่ใช่เหล่าขุนเขาและท้องทะเลของท่าน บางทีอาจจะมีวิญญาณหลงเหลืออยู่ที่นี่จริงๆ ก็ได้ แต่ท่านหาไม่เจอ” กู้จื่อเฟิงรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า ไท่เฮ่า บรรพบุรุษแห่งตระกูลฝูซีที่อยู่ตรงหน้าคนนี้คือวิญญาณที่หลงเหลือจริงๆ
เยี่ยนอวี๋เองก็รับรู้ได้ กลิ่นอายไม่มีผิด แต่ครานั้นนางค้นหาในสวรรค์ชั้นเก้าเป็นเวลานาน ไม่เจอวิญญาณที่หรือเจตจำนงที่หลงเหลือเลย ดังนั้นนางมั่นใจว่าต้องมีไม่ชอบมาพากลแน่นอน
นี่คงจะเป็นปริศนาของหลุมศพ
เยี่ยนอวี๋จึงถามขึ้นว่า “สามี เจ้ามองอะไรออกบ้างหรือไม่”
ทว่า…
“แมลง”
เด็กน้อยที่ไม่รู้ว่าตื่นตั้งแต่เมื่อไรก็ตอบท่านแม่ของเขา
เยี่ยนอวี๋ชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปมอง กลับเห็นดวงตากลมโตของเด็กน้อยประกายแสงสีม่วงขุ่น
ต้าซือมิ่งเองก็กำลังมองเด็กน้อยและยังลูบศีรษะของเขาเบาๆ “ลูก ตื่นแล้วหรือ”
“หาววว…”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่หาวและขยี้ตาเบาก็อยู่ในสภาพเพิ่งตื่นจริงๆ แต่ร่างกายน้อยของเขากำลังแผ่ซ่านหมอกแสงสีม่วงจางๆ
ครั้นซีหวังหมู่กำลังจะถามว่า ‘แมลง’ หมายถึงอะไร ไท่เฮ่าที่จู่ๆ ก่อร่างขึ้นกลับเดินมาทางพวกเขาแล้ว
ดาบเล่มใหญ่ของเม่ยเอ๋อร์ส่งเสียงสะท้อนขึ้นในทันที
ซีหวังหมู่รีบเกลี้ยกล่อม “พี่สาว อย่าวู่วาม รอก่อน”
เทพอัสนีกลับเห็นจากมุมสูงว่ารอบกายของไท่เฮ่าที่กำลังเดินเข้ามาใกล้กำลังหลั่งเลือด เหมือนกับตอนที่วิญญาณเริ่มแผดเผา ก่อนที่ไท่เฮ่าจะสูญสลาย ทำให้มันหายใจลำบาก มันจึงลดระดับลงมาด้วยสัญชาติญาณถามว่า “ไท่เฮ่า เจ้าหรือ”
‘ไท่เฮ่า’ ที่เหมือนกับได้ยินเสียงของเทพอัสนี เขาก็หยุดลงจริงๆ และมองไปที่เทพผู้มาเยือนตามเสียง จากนั้น…
ดวงตาของ ‘ไท่เฮ่า’ ที่แต่เดิมว่างเปล่าค่อยๆ เปล่งประกาย
ไม่เพียงเท่านี้… ผ่านไปครู่หนึ่ง เขายังถามขึ้นอย่างแข็งทื่อว่า “เสี่ยว เหลย?”
เสียงนี้ฟังแล้วคือเสียงของฝูซีจริงๆ ซีหวังหมู่มั่นใจ เพียงแต่ว่าเหมือนกับว่าเขาไม่ได้พูดมานานเกินไป จึงเปล่งเสียงลำบาก
ซีหวังหมู่หันไปมองฝูซีไท่เฮ่าด้วยน้ำตา “เจ้าจริงๆ ด้วย? ข้าถามเจ้า มงกุฎบนศีรษะข้ามาจากไหน”
เยี่ยนอวี๋เองก็หรี่ตามองไท่เฮ่า อยากรู้คำตอบ เพราะว่าแม้แต่ซีซีก็ไม่เคยบอกนาง แต่ตอนนี้นางพอจะเดาได้แล้ว
ดวงตาเอ้อร์เหมาและอินหลิวเฟิงเป็นประกาย ท่าทีเหมือนกับคนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านในโลกมนุษย์
จากนั้นไท่เฮ่าก็พูดขึ้นว่า “เจ้า เก็บ ได้ เอง”
“(ˉ▽ ̄~) ปัดโธ่…” เอ้อร์เหมาพูดอย่างดูแคลน คิดว่าจะมีเรื่องราวเสียอีก
เยี่ยนอวี๋เองก็ชะงัก เพราะนางคิดว่าไท่เฮ่าเป็นคนให้นาง
สุดท้าย… ซีซีเก็บมาเอง?
“ใช่” ซีหวังหมู่ตื่นเต้น “นายท่าน ตอนที่ข้าเก็บได้ มีแค่ไท่เฮ่าที่เห็น เรื่องนี้ข้ารู้สึกอับอายที่จะบอกคนอื่น ดังนั้นเรื่องนี้มีเพียงเขาที่รู้”
“หากไท่เฮ่าบอกคนอื่นเล่า” กู้จื่อเฟิงย้อนถาม
ซีหวังหมู่ชะงัก “ไม่หรอกนะ ไท่เฮ่าไม่ใช่คนปากโป้ง”
ไท่เฮ่าในครานี้เขายังตอบช้าๆ ว่า “ข้าไม่เคยบอกคนอื่นจริงๆ แต่ซีซีก็ไม่ควรประมาท ข้า…”
ไท่เฮ่าที่พูดไปครึ่งทางก็หยุดลง เดิมทีทุกคนคิดว่าเขาแค่พักหายใจค่อยพูดต่อ ทว่ามีแสงไฟไหลออกมาจากร่างกายของเขา ไฟดวงนั้นฉายแสงสีเขียวเข้ม เหมือนกับตอนที่เขากำลังจะตาย
ไท่เฮ่าในสภาพเช่นนี้… ทำให้เทพอัสนีทำท่าจะหายตัวไปหาเขาทันที ทว่า…
“อย่าจับ”
ต้าซือมิ่งเอ่ย
ในขณะเดียวกัน เยี่ยนอวี๋ก็ชูมือขึ้นจับคอของเทพอัสนีไว้ผ่านอากาศและกดเขากลับมาแล้ว
แทบจะในเวลาเดียวกัน ไท่เฮ่าที่ระเบิดดัง ตูม กลายเป็นควันหนาทึบและพุ่งใส่เทพอัสนีที่อยู่ใกล้กับเขามากที่สุด
แซ่ด แซ่ดๆ…
พลังป้องกันของซีหวังหมู่และเทพอีกสององค์ที่แข็งแกร่งถูกกัดกร่อนจนเกิดประกายไฟ
ทุกคนเพิ่งสังเกตเห็นว่า ควันหนาทึบเหล่านี้ใช่ควันเสียที่ไหน นี่มันแมลงตัวน้อยชัดๆ ตัวมันเล็กมาก เหมือนกับตัวมอด ที่ต่างกันคือปกติมอดจะมีสีขาว แต่เจ้าตัวนี้มีสีดำสนิท ดังนั้นเมื่อพวกมันรวมตัวกันจึงดูเหมือนกลุ่มควันหนาทึบ ความจริงแล้วคือแมลงนับไม่ถ้วนรวมตัวอยู่ด้วยกัน
ดังนั้น… อินหลิวเฟิงมุดไปข้างกายเจ้าตัวน้อยแล้ว “ท่านเสี่ยวเป่า ท่านพบตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้วหรือ”
“หาววว…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ยังสะลึมสะลือ เขาก็หาวอย่างเกียจคร้านอีกครั้ง
ท่าทางนั่นเหมือนกับลูกพี่ไม่มีผิด ทว่าท่านเสี่ยวเป่าเห็นเป็นแมลงตั้งแต่แรกจริงๆ “ใช่แล้ว…”
“แย่แล้ว แมลงพวกนี้จะชอนไชเข้ามาแล้ว เตรียมตัวให้พร้อม” เทพอัสนีกลับเตือนขึ้นอย่างหวาดวิตก รู้สึกโชคดีที่จวินโฮ่วเตือนได้ทันกาล นายท่านก็ลงมือว่องไว มิเช่นนี้มันคงจบเห่ไปแล้ว
แต่แล้วหรงจวินโฮ่วพูดขึ้นว่า “เสี่ยวเป่า ให้ดอกไม้เจ้าบานออกมา” เขาพอจะรู้ว่าเหตุใดลูกจึงมองออกตั้งแต่แรกว่าควันสีดำเหล่านั้นอันที่จริงคือแมลงสีดำแล้ว
หากเขาเดาไม่ผิด…