เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2135 ตัดพ้อ / ตอนที่ 2136 ไล่ออกไป
ตอนที่ 2135 ตัดพ้อ
เฟิ่งจิ่วดันอาวุธของชายสี่คนนั้นไปตรงหน้าเขา จากนั้นก็ให้เหรียญทองเขา เพื่อสั่งให้เขาเก็บกวาดให้เรียบร้อยด้วย
ได้ยินอย่างนั้นเถ้าแก่ตะลึงเล็กน้อย มองอาวุธของสี่คนนั้น ก่อนถามอย่างไม่มั่นใจว่า “คุณชายจะบอกว่าให้ข้าหรือ?” อาวุธสี่ชิ้นนี้หากนำไปขาย จะขายได้เงินขนาดไหนกันนะ!
“อืม ให้เจ้า” เฟิ่งจิ่วยกถ้วยสุราขึ้นจิบ
“ขอบคุณคุณชายมากๆ” เถ้าแก่ยิ้มจนเรียวคิ้วยกโค้ง เก็บของ จากนั้นก็เรียกเสี่ยวเอ้อร์มาลากศพออกไปฝังข้างนอก จากนั้นก็จัดการเก็บกวาดชั้นหนึ่งให้เรียบร้อย สุดท้ายก็ยกสุราอุ่นไปให้เฟิ่งจิ่วอีกหนึ่งกา
“คุณชาย ท่านดื่มกินไปก่อน หากไม่พอยังมีอีก” เถ้าแก่เอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ยกของมาวางบนโต๊ะจากนั้นก็ถอยออกไป
หญิงอายุน้อยที่นั่งอุ้มลูกอยู่ตรงมุมร้านเห็นทุกอย่าง ลึกๆ ข้างในอดลังเลไม่ได้ คุณชายคนนี้ร้ายกาจขนาดนี้ หรือว่าเขาจะมีความสามารถจริงๆ? วิชาแพทย์ของเขายอดเยี่ยมจริงๆ งั้นหรือ?
นึกมาถึงตรงนี้ เธออดหวั่นไหวไม่ได้ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะอุ้มเด็กเดินไปหา “คุณชาย”
“หืม?” เฟิ่งจิ่วยักคิ้ว หันไปมองหญิงสาว
“คุณชาย ท่านได้โปรดช่วยดูลูกชายข้าหน่อยได้หรือไม่?” นางรวบรวมความกล้า คิดในใจว่าเมื่อครู่คุณชายคนนี้อาสารักษาให้ลูกชายนาง แต่นางกลับไม่ยอม ตอนนี้นางอุ้มเด็กมาขอให้เขาช่วยรักษา เขาคงไม่ปฏิเสธกระมัง?
แต่ทว่า นางสำคัญตัวเองมากไป และดูเบาคนอื่นมากไปเช่นกัน นั่นจึงทำให้พลาดโอกาสไป
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วอมยิ้ม ยกถ้วยสุราขึ้นจิบ เอ่ยว่า “เมื่อครู่ตอนข้าจะช่วยลูกของเจ้า เจ้าปฏิเสธเอง ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ก็ไปหาคนอื่นเถิด! ตอนนี้ข้าไม่มีอารมณ์แล้ว”
หญิงสาวได้ยินอย่างนั้นก็ชะงัก เอ่ยว่า “คุณชาย เมื่อครู่ข้าน้อยไม่รู้ว่าคุณชายมีความสามารถ แล้วข้าก็กลัวว่าลูกของข้า…”
“โอกาสมีเพียงครั้งเดียว ในเมื่อพลาดไปแล้ว ก็คือพลาดไปแล้ว ต่อไปจะเป็นเช่นไรก็เป็นเรื่องของพวกเจ้า ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าแล้ว”
“คุณชายรักษาลูกข้าได้จริงหรือ?” หญิงสาวได้ยินคำพูดของเขา ก็อดถามไม่ได้ เพราะเด็กหนุ่มหน้าตามั่นใจ น้ำเสียงราวกับโรคนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขาแม้แต่น้อย
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ คีบถั่วดินขึ้นมากิน ทำราวกับหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะเป็นอากาศธาตุ
“คุณชาย ช่วยคนหนึ่งชีวิตยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดยอด คุณชายได้โปรดช่วยลูกข้าด้วยเถิด!” นางอุ้มลูกคุกเข่าขอร้อง
มองดูหญิงสาวที่คุกเข่าอยู่บนพื้น เฟิ่งจิ่วควงถ้วยสุราในมือเล่น ถามว่า “เจ้ามีเงินไหม?”
หญิงสาวควักเศษเงินออกมา “มีเพียงเท่านี้เจ้าค่ะ”
“อย่างนั้นเจ้ามียาทิพย์อายุห้าร้อยปีหรือไม่?” เฟิ่งจิ่วถามอีก น้ำเสียงไม่ยี่หระ เหมือนกำลังพูดคุยกับนาง
“ไม่มีเจ้าค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้า
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วกระตุกยิ้มมุมปาก “ในเมื่อไม่มีเงิน ไม่มียา เจ้าจะขอรับการรักษาได้อย่างไร? เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน! เจ้าคำนับข้าสักพันครั้ง บางทีข้าอาจอารมณ์ดี ช่วยเจ้ารักษาลูกเจ้าก็ได้”
ได้ยินอย่างนั้น สายตาของหญิงสาวฉายแววตัดพ้อ “คุณชาย ในเมื่อท่านรู้วิชาแพทย์ เหตุใดจึงไม่ยอมช่วยเหลือ? เมื่อครู่ท่านบอกว่าจะรักษาลูกให้ข้าไม่ใช่หรือ? ตอนนี้ข้ายอมให้ท่านรักษาแล้ว เหตุใดท่านต้องเล่นแง่เช่นนี้ด้วย? คนเป็นหมอห่วงคนไข้เหมือนพ่อแม่ห่วงลูก ท่านเห็นคนกำลังจะตายเหตุใดจึงไม่ยอมช่วยเหลือเล่า!”
เวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นแขกชั้นหนึ่งหรือแขกบนชั้นสองที่ยังไม่เข้าห้อง ครั้นได้ยินวาจาของหญิงสาวก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
………………………………….
ตอนที่ 2136 ไล่ออกไป
นี่มันตรรกะใดกัน? รู้วิชาแพทย์ก็ต้องรักษางั้นหรือ? หรือว่าคนมีเงินก็ต้องแบ่งเงินให้คนยากไร้ด้วย? ผู้หญิงคนนี้ลืมไปแล้วหรือ ก่อนหน้านี้ตนเองเป็นคนปฏิเสธความหวังดีของเด็กหนุ่มเอง ตอนนี้เด็กหนุ่มไม่อยากช่วยแล้ว นางกลับตำหนีเขาอีก?
ยิ่งไปกว่านั้น เด็กหนุ่มให้นางคำนับหนึ่งพันครั้งก็เพราะอยากให้นางแสดงความจริงใจ นางไม่มีทั้งเงินทั้งสิ่งของ ก็คิดจะขอให้คนอื่นช่วยเพียงคำพูดไม่กี่ประโยคงั้นหรือ? ใต้หล้านี้มีเรื่องง่ายๆ อย่างนี้เสียที่ไหน?
ไม่เพียงแขกชั้นหนึ่งและชั้นสองเท่านั้นที่ขมวดคิ้ว แม้แต่เถ้าแก่กับเสี่ยวเอ้อร์ที่ดูอยู่ก็รู้สึกว่าหญิงสาวทำไม่ถูก ก่อนหน้านี้พวกเขาเห็นว่านางน่าสงสารจึงให้เข้ามาพักหนึ่งคืน ใครจะรู้หญิงสาวกลับเป็นคนไม่รู้บุญคุณ
พวกเขาดูออก หากไม่ใช่คุณชายชุดเขียวฆ่าคนพวกนั้น เดาว่าหญิงสาวนางนี้อาจตกอยู่ในกำมือของสี่คนนั้นก็ได้ และเพราะพวกเขาดูออก ยามนี้จึงไม่พอใจต่อคำตัดพ้อของหญิงสาว
เหตุใดจึงได้คืบจะเอาศอก และไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเช่นนี้?
เฟิ่งจิ่วได้ยินวาจาของหญิงสาว กลับไม่โกรธ เพียงยิ้มๆ หันไปดื่มสุราต่ออย่างไม่สนใจ ปล่อยให้หญิงสาวคุกเข่าอยู่ตรงนั้น ไม่บอกให้นางลุกขึ้นด้วย
หญิงสาวนางนั้นราวกับคำนวณไว้แล้ว นางคิดว่าหากตนเองคุกเข่าอยู่ตรงนี้ เด็กหนุ่มอายุยังน้อย สุดท้ายน่าจะทนสายตาของทุกคนไม่ไหว และยอมรักษาลูกให้นาง แต่น่าเสียดาย นางคิดผิดเสียแล้ว
เฟิ่งจิ่วดื่มสุรา คีบเนื้อกินอย่างสบายอารมณ์ ส่วนหญิงสาวนั่งคุกเข่าอยู่หน้าโต๊ะ ดมกลิ่นหอมของสุราและเนื้อ แต่กลับทำได้เพียงมองเฉยๆ นางอดกลืนน้ำลายไม่ได้ เห็นเด็กหนุ่มไม่สนใจนาง กอปรกับคุกเข่าจนปวดไปหมด สุดท้ายมือหนึ่งอุ้มลูก มือหนึ่งประคองเก้าอี้ลุกขึ้นยืน
นางไม่ได้จะไปไหน กลับดึงเก้าอี้ทำท่าจะนั่ง ทว่า เฟิ่งจิ่วที่เห็นอย่างนั้นกลับดีดนิ้วมือ กระแสพลังขุมหนึ่งพุ่งกระแทกเก้าอี้ตัวนั้นให้ปลิวออกไป หญิงสาวที่กำลังจะนั่ง ล้มลงไปบนพื้นอย่างหมดสภาพ
“โอ๊ย!”
นางกรีดร้อง อุ้มลูกไว้แน่น ความรู้สึกอัดอั้นตันใจ โกรธขึ้ง เคียดแค้น พรั่งพรูออกมาในคราวเดียว ชั่วขณะหนึ่ง ถึงกับไม่สนใจแล้วว่าคนตรงหน้าเป็นใคร
“เหตุใดเจ้าต้องผลักเก้าอี้ออกทำให้ข้าล้ม! เจ้ามันชั่วร้าย คิดจะฆ่าข้าหรือ?”
ก่อนหน้านี้คุกเข่าอ้อนวอนกลับไม่ได้ผล ยามนี้ยังล้มก้นจ้ำเบ้าอีก นึกถึงเรื่องที่ถูกสามีปลดไร้บ้านให้กลับ นึกถึงเด็กในอ้อมแขนที่ป่วยไร้หนทางรักษา ความอัดอั้นตันใจและโมโหในใจนางพลันระบายออกมาจนหมดในคราวเดียว
เฟิ่งจิ่วลุกขึ้น สาวเดินมาหยุดตรงหน้านาง เธอในตอนนี้เริ่มไม่พอใจขึ้นมาแล้ว ใบหน้าสะอาดสะอ้านไร้ซึ่งรอยยิ้ม ดวงตากระจ่างใสดูเยือกเย็น เอ่ยด้วยน้ำเสียงเสียดสีอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ข้าเชิญเจ้านั่งหรือ? เจ้าเป็นใคร? คู่ควรนั่งร่วมโต๊ะกับข้ารึ?”
หญิงสาวขวัญเสียเมื่อเห็นใบหน้าเย็นชาของเฟิ่งจิ่ว แต่ครั้นเห็นสายตาและสีหน้าดูแคลนของเด็กหนุ่ม ก็อดรู้สึกอับอายและเคืองแค้นไม่ได้ “เมื่อกี้เจ้ายังเชิญข้าดื่มสุราอยู่!”
“นั่นเป็นเพราะข้าอารมณ์ดี ข้าจึงให้เจ้านั่ง แต่ตอนนี้ ข้าไม่ได้ให้เจ้านั่ง” เธอยิ้มเย็น ยืนมองหญิงสาวที่เสียหลักนั่งอยู่บนพื้นด้วยหางตา “ไม่ดูฐานะตนเอง ยังกล้ามาอวดดีต่อหน้าข้าอีก?”
เวลานี้ เถ้าแก่ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด หันไปสั่งเสี่ยวเอ้อร์ เสี่ยวเอ้อร์พยักหน้าแล้วเข้าไปลากหญิงสาว “ลุกขึ้นๆ ออกไปๆ! พวกเราที่นี่ไม่ต้อนรับคนอย่างเจ้า!” เสี่ยวเอ้อร์กึ่งดึงกึ่งลากนางออกไปจากโรงเตี๊ยม
………………………………….