เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1073 ข้อห้ามที่ไม่รู้
บทที่ 1073 ข้อห้ามที่ไม่รู้
………………….
บทที่ 1073 ข้อห้ามที่ไม่รู้
ซูอันอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ทำไมต้องเป็นตอนกลางคืน? ข้าต้องอยู่นอกวังหลังพลบค่ำ”
หลังจากที่เขาและองค์หญิงรัชทายาทตกหลุมพรางเดียวกัน เขากังวลว่าสิ่งนี้อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดหรือเกิดปัญหาบางอย่างตามมา แม้ว่าเขาจะมีสถานะเป็นทูตยุทธ์เสื้อแพร แต่ก็ไม่สามารถบอกให้จักรพรรดินีรู้เรื่องนี้ได้
“แล้วเจ้าจะรู้เองว่ามันคืออะไร” จักรพรรดินีพูดอย่างเฉยเมย “สำหรับการเข้าออกวัง เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล” นางหยิบเครื่องแบบออกมาจากลิ้นชักแล้วพูดว่า “ออกจากวังตอนค่ำแล้วเปลี่ยนเป็นชุดนี้กลับมาจะไม่มีใครรู้ว่าเป็นเจ้า”
ซูอันมีสีหน้าแปลก ๆ เมื่อมองไปที่เครื่องแบบที่คุ้นเคยตรงหน้า มันคือเครื่องแบบทูตยุทธ์เสื้อแพร แต่มันเป็นชุดของทูตยุทธ์เสื้อแพรทองแดงซึ่งมีระดับต่ำที่สุด
แม้ว่าจะยังสับสนในตอนแรก เขาก็สงบลงอย่างรวดเร็ว ความสามารถในการหาทรัพยากรของจักรพรรดินีนั้นเหนือจินตนาการของเขาอย่างแน่นอน ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจที่นางมีชุดเครื่องแบบของทูตยุทธ์เสื้อแพร
แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยอิทธิพลทั้งหมดของนาง นางก็สามารถหาได้เพียงชุดเครื่องแบบทูตยุทธ์เสื้อแพรทองแดงเท่านั้น ดูเหมือนว่าทูตยุทธ์เสื้อแพรยังคงเป็นหน่วยงานที่แข็งแกร่งเจาะได้ยาก
“ตกลง ข้าจะกลับมาในตอนกลางคืน” ซูอันกล่าว ด้วยตัวตนของเขา การเข้ามาตอนกลางคืนจึงไม่ใช่เรื่องยากเลย เนื่องจากเขามีข้อแก้ตัวที่เหมาะสมในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาจะไม่ปฏิเสธแต่ยังคงสงสัยว่าจักรพรรดินีต้องการความช่วยเหลือจากเขาอย่างไร?
เมื่อซูอันจากไป ร่างของขันทีลู่ก็ปรากฏตัวขึ้นในห้อง เขาถามว่า “พระองค์ทรงตัดสินใจดีแล้วหรือพะย่ะค่ะ?”
จักรพรรดินีไม่แยแส “ข้ามีทางเลือกอื่นด้วยเหรอ? ถ้ารู้ว่ามันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรก ข้าจะไม่ทำอย่างนั้น แต่ข้ากลับทิ้งอันตรายที่ซ่อนอยู่ไว้เบื้องหลัง…”
ขันทีลู่ลังเล “มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่พระองค์คิดก็ได้พะย่ะค่ะ”
จักรพรรดินีส่ายศีรษะ “จะไม่มีอะไรหายไปถ้าข้าเดาผิด อย่างไรก็ตามถ้าข้าเดาถูก…” ดวงตาของนางเริ่มร้อนผ่าว
ดวงตาของขันทีลู่ก็วาววับด้วยแสงประหลาด “เช่นนั้นข้าขออวยพรให้พระองค์ประสบความสำเร็จ”
ดวงตาที่สวยงามของจักรพรรดินีจ้องมองอย่างว่างเปล่า “เจ้าคนรับใช้ ทำไมเจ้าดูตื่นเต้นกว่าข้าซะอีก?”
ขันทีลู่หัวเราะ “ข้ารับใช้ผู้นี้หวังเพียงความสุขสำหรับองค์จักรพรรดินี ในที่สุดก็มีความหวังหลังจากที่พระองค์ทรงทนทุกข์มาหลายปี”
จักรพรรดินีเลิกคิ้ว ลมหายใจของนางไม่สม่ำเสมอซึ่งแสดงออกว่าภายในใจวุ่นวายไม่ใช่น้อย นางถามว่า “แล้วเรื่องอื่นเป็นยังไงบ้าง?”
ขันทีลู่กล่าวด้วยความเคารพว่า “ได้โปรดอย่ากังวล ทุกอย่างเรียบร้อยดีอยู่แล้ว”
จักรพรรดินีเปล่งเสียง ‘อืม’ ตอบรับ โบกมือเป็นสัญญาณให้เขาจากไป จากนั้นนางเดินไปที่กระจกสีทองแดงและจ้องไปที่เงาสะท้อน ลูบไล้แก้มของตัวเองแผ่วเบา นิ้วก้อยและนิ้วนางสวมแหวนซึ่งประดับไปด้วยอัญมณีล้ำค่าอยู่ด้วย ช่วยขับให้ผิวพรรณของนางดูเปล่งปลั่งและงดงามยิ่งขึ้นไปอีก
…
หลังจากที่ซูอันออกจากวังไร้พิพาทแล้วก็ได้เดินอ้อมไป เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครติดตามมาเขาจึงเปลี่ยนชุดเครื่องแบบทูตยุทธ์เสื้อแพรทองหมายเลขสิบเอ็ดและกลับไปที่ตำหนักถักแพร ซึ่งมีคนมาแจ้งผลการสอบสวนอย่างรวดเร็ว
น้องชายของซินรุ่ยชื่อฮัวเป่า เป็นคนไร้ค่าที่เกียจคร้านและชอบหมกตัวอยู่ในบ่อนการพนันเสมอ และมักจะเสียมากกว่าได้ จากนั้นจึงมาขอเงินจากมารดาที่ทำเงินได้ไม่มากจากการซ่อมเสื้อผ้า ดังนั้นเกือบทุกครั้งซินรุ่ยจะเป็นผู้ให้เงินเขาแทน
ดูเหมือนว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ฮูหยินฮัวจะหาภรรยาให้เขาได้แล้ว และนางก็เตรียมของขวัญไว้มากมาย ทุกคนที่รู้จักฮัวเป่าต่างก็อิจฉาที่เขามีพี่สาวที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ท้ายที่สุด คนที่ทำให้เรื่องทั้งหมดนี้เป็นไปได้คือพี่สาวของเขา
เพื่อนบ้านรู้ว่าฮูหยินฮัวรักลูกชายคนนี้มาก แต่กลับวิพากษ์วิจารณ์ลูกสาวตัวเองอย่างต่อเนื่อง เมื่อถึงจุดหนึ่ง ลูกสาวรับนิสัยผีพนันของน้องชายของตัวเองไม่ได้และบอกว่าไม่เต็มใจที่จะสนับสนุนเขาอีกต่อไป ฮูหยินฮัวร้องไห้อย่างไม่รู้จบในวันนั้น ด่าว่าลูกสาวว่าไม่กตัญญูและต้องการให้ตระกูลฮัวไม่มีผู้สืบทอด
เพื่อนบ้านต่างเห็นใจลูกสาวของฮูหยินฮัว พวกเขาเคยพบนางสองสามครั้งและรู้ว่านางงดงามและอ่อนโยน หลายคนถึงกับพยายามทำหน้าที่เป็นแม่สื่อให้กับนาง
แต่ต่อมาพบว่านางทำงานในวัง นอกจากนี้พวกเขาไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับน้องชายผีพนันของนาง เพื่อนบ้านเหล่านั้นจึงล้มเลิกความคิดไป
…
ซูอันถอนหายใจเมื่อได้ยินรายงานทั้งหมด จากนั้นเขาก็ถามว่า “อ้อ เจ้าได้รูปรถม้ามาไหม?”
ผู้รายงานตอบกลับ “ได้ แต่คนพวกนั้นไม่รู้อะไรมาก พวกเขาจึงสับสนทันทีเมื่อเห็นบางสิ่งที่แปลกแยกไปเล็กน้อย แม้ว่าจะเป็นเพียงรถม้าธรรมดาในเมืองหลวงก็ตาม”
ซูอันดูภาพ ดูเหมือนว่าไม่มีข้อมูลอันมีค่าใด ๆ ถึงอย่างนั้นก็สมเหตุสมผล ท้ายที่สุดแล้วทำไมอีกฝ่ายถึงจะใช้รถม้าที่จะเปิดเผยตัวตนของตัวเอง?
ทูตยุทธ์เสื้อแพรเงินที่ดูแลกิจการภายในของวังมารายงาน “ท่านสิบเอ็ด เราได้ตรวจสอบบ่อน้ำ ทะเลสาบ และสถานที่เร้นลับอื่น ๆ ของพระราชวังแล้ว เราพบโครงกระดูกสองสามร่าง แต่ทั้งหมดเป็นของคดีเก่า นอกจากนี้เราได้ยืนยันแล้วว่าไม่มีร่างของซินรุ่ย”
ซูอันตกตะลึงเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ไม่น่าแปลกใจที่มีข่าวลือเหนือธรรมชาติมากมายเกี่ยวกับพระราชวังในโลกก่อนหน้าของเขา ใครจะรู้ว่าสถานที่เหล่านี้มีคนการตายที่น่าสลดใจและเต็มไปด้วยวิญญาณพยาบาทมากแค่ไหน!?
“แต่มันไม่ควรเป็นอย่างนี้…” ซูอันเริ่มหงุดหงิด “ซินรุ่ยไม่ได้อยู่ในวัง แต่เราไม่พบบันทึกออกจากวังของนาง คนที่มีชีวิตอยู่จะหายตัวไปในอากาศได้ยังไง?”
ทูตยุทธ์เสื้อแพรเงินกล่าวว่า “ไม่มีบันทึกออกจากวังของนาง แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้านางถูกฆ่าตายแล้วพาศพออกไป?
ซูอันตกใจ เรื่องทั้งหมดสมเหตุสมผลในที่สุด ในโลกนี้มีอุปกรณ์เก็บของเชิงมิติ! แต่ถึงอย่างนั้น พื้นที่ภายในอุปกรณ์เก็บของของคนอื่นก็ไม่น่าจะใหญ่เท่าดวงแก้วผู้รอบรู้ของเขา เรื่องนี้ดูไม่น่าจะเป็นไปได้มากนัก
เขาสั่งทันทีว่า “พวกเจ้าทุกคนตรวจสอบบันทึกการเข้าออกประตูวัง คราวนี้ไม่ต้องสนใจซินรุย ให้ดูว่ามีใครครอบครองแหวนมิติ กระเป๋ามิติ หรือพวกอุปกรณ์เก็บของเชิงมิติไว้บ้าง”
ทูตยุทธ์เสื้อแพรเงินส่ายหน้า “ท่านสิบเอ็ด มีบางอย่างที่ท่านไม่รู้ ที่นี่ไม่อนุญาตให้นำอุปกรณ์เก็บของเข้าหรือออกจากวัง ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้บุคคลที่มีเจตนาแอบแฝงนำวัตถุอันตรายมาทำร้ายผู้อื่น มีเจ้าหน้าที่ผู้บ่มเพาะที่รับผิดชอบงานนี้อยู่ประจำทุกประตู”
ซูอันตกตะลึง เขาไม่คิดว่าการรักษาความปลอดภัยของวังจะเข้มงวดขนาดนี้! โชคดีที่เขาได้ปรับแต่งดวงแก้วผู้รอบรู้ให้เข้ากับร่างกายของเขาแล้ว ดังนั้นคนอื่นจึงไม่สามารถตรวจสอบได้
เดี๋ยวก่อน… ถ้าการรักษาความปลอดภัยของพระราชวังนั้นเข้มงวดมาก แล้วอวิ้นเจียนเยว่และคนอื่น ๆ เข้ามาได้อย่างไร? ซูอันคิด แม้ว่าคดีนั้นจะจบลงแล้ว แต่เขารู้ว่าเฉิงซยงเป็นเพียงแพะรับบาป ทางการยังหาผู้กระทำความผิดที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังคดีของอวิ้นเจียนเยว่ไม่พบ
………………….