เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 2047 ก่อนวันแต่งงาน
อสูรร ้ายจากหุบเหวอเวจีที่ปรากฏตัวขึ้นมาอาศัยอยู่ในพื้นที่เขต สามเช่นเดียวกับในพื้นที่เขตสองนั้น บัดนี้ พวกมันอยู่ภายใต้การ ควบคุมของค่ายกลหยุดเวลา พวกมันจึงไม่สามารถท าอันตรายผู้ใด ได้ชั่วคราว
หลินเป่ ยเฉินเคยคิดที่จะส่งกองทหารมากวาดล้างอสูรเหล่านั้น ให้หมดไป เพื่อที่ว่ายามชิงเล่ยหยุดการทางานของวงแหวนอันธการ อสูรร ้ายเหล่านี้จะได้ไม่เป็ นอันตรายต่อผู้ใดอีก
แต่ฮันปู้ ฟู่ก็เตือนว่าการบุกรุกเขตที่อยู่ในการควบคุมของค่ายกล หยุดเวลานั้น มีตัวแปรที่สามารถทาให้สถานการณ์พลิกผันได้มาก เกินไป โดยเฉพาะการเข้าไปไล่ฆ่าสัตว์อสูรเหล่านี้ ไม่มีผู้ใดรู ้เลยว่า นั่นจะส่งผลกระทบใดต่อความสามารถในการควบคุมวงแหวน อันธการของชิงเล่ยบ้างหรือไม่
สุดท้าย หลินเป่ยเฉินก็ต้องล้มเลิกความคิดนี้ไป
“แต่เจ้าไม่ต้องเป็ นห่วงหรอกนะ ข้าจะรีบหาทางฟื้นฟูที่นี่กลับคืน มาและปลดปล่อยเจ้าให้เป็ นอิสระอีกครั้ง”
เขาจ้องมองชิงเล่ยและพูดด้วยน้าเสียงหนักแน่น
นั่นคือความปรารถนาของชายหนุ่มอย่างแท้จริง
แม้ว่าหลินเป่ ยเฉินจะดูเหมือนไปนั่นมานี่อยู่ทั้งวัน แต่ในความ เป็ นจริงนั้น โทรศัพท์มือถือของเขาก็ทางานอยู่ตลอดเวลา แม้การใช ้ งานแอปพลิเคชันเหล่านั้นจะทาให้ต้องสูญเสียพลังเป็ นจานวนมาก แต่หลินเป่ ยเฉินก็ไม่เคยคิดที่จะหยุดการทางานของโทรศัพท์มือถือ เลยแม้แต่ครั้งเดียว โดยเฉพาะกับบรรดาแอปพลิเคชันฝึกวรยุทธ ์ที่ ช่วยทาให้เขาแข็งแกร่งมากขึ้น
หลังจากใช ้เวลาอยู่กับชิงเล่ยประมาณครึ่งวัน หลินเป่ ยเฉินก็ เดินทางกลับ
เขาเปิดประตูมิติกลับสู่อาณาจักรเทียนอวี่ “นี่เป็ นของข้าหรือ?” เยว่เว่ยหยางถามด้วยความประหลาดใจที่ไม่อาจปิดบัง นางรู้ดีว่าหลินเป่ยเฉินมีเจตนาหลบหน้านางมานานแล้ว
นี่คือครั้งแรกที่นางได้รับของขวัญจากหลินเป่ ยเฉินนับตั้งแต่ที่ ได้รับการชุบชีวิตกลับคืนมา “เปิดดูเถอะ” หลินเป่ยเฉินยิ้มกว้าง “กลิ่นหอมจังเลย”
เยว่เว่ยหยางอุทานออกมาเมื่อเปิ ดกล่องอาหาร และยกกล่อง อาหารนั้นขึ้นสูดดมกลิ่นหอม “นี่เป็ นปาท่องโก๋จากร ้านหน้าทางขึ้น ภูเขาศักดิ์สิทธิ์นี่นา…”
เด็กสาวร ้องครางอย่างมีความสุข
นี่คือของขวัญที่วิเศษเลิศล้ามากกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง
เพราะนางทราบแล้วว่านอกจากหลินเป่ ยเฉินจะยังไม่หลงลืม ตนเอง เขายังถึงกับจดจารายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับตัวนาง ได้อีกด้วย…หัวใจของเยว่เว่ยหยางจึงกลับมาเต็มไปด้วยความรู ้สึก อบอุ่นอีกครั้ง
“มาเถอะ ข้าจะรับประทานเป็ นเพื่อนเจ้า”
หลินเป่ยเฉินกล่าว “บ่ายวันนี้ข้าจะอยู่กับเจ้าทั้งวัน”
เยว่เว่ยหยางพยักหน้าและนาปาท่องโก๋ชิ้นหนึ่งยัดใส่ปาก
หลินเป่ยเฉินพานางกลับไปที่เมืองหยุนเมิ่ง
วิหารใหญ่ที่เคยอยู่บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์นั้นถูกทาลายลงอย่างราบ คาบด้วยพิษภัยของสงคราม เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างได้รับการบูรณะ กลับคืนมา รูปปั้นของเทพีกระบี่ก็ถูกแทนที่ด้วยรูปปั้นของหลินเป่ ย เฉิน…เขาพาเยว่เว่ยหยางไปนั่งที่ริมหน้าผารับลมทะเลและชมพระ อาทิตย์ตกดินด้วยกัน
นี่คือบรรยากาศที่คุ้นเคย
รู ้ตัวอีกที ทั้งสองคนก็โอบกอดกันและกันอย่างแนบแน่น
จนกระทั่งดวงตะวันลาลับขอบฟ้ า
… เ มื่อรัตติกาลมาเยือน หลินเป่ยเฉินก็มีน้าตาคลอเต็มสองเบ้า
เขานึกเสียใจที่ไม่ได้พบกับนักพรตหญิงชิน เพราะว่านางกาลัง เก็บตัวฝึกวิชาจึงไม่ได้ออกมาพบเจอผู้ใดนานแล้ว
ดังนั้นหลินเป่ ยเฉินกับเยว่หงเซียงจึงไปรับประทานอาหารใน โรงเตี๊ยมที่ใหญ่โตที่สุดของสานักศึกษาฉิวจื่อ ชายหนุ่มนาบุหรี่และ ไวน์ที่ซื้อมาเป็ นของขวัญมอบให้นางไปเรียบร ้อยแล้ว เยว่หงเซียง ก าลังบอกเล่าถึงแผนการของนาง ปรากฏว่านางอยากจะไปศึกษา เรื่องการใช ้ค่ายกลระดับสูงในสานักศึกษาเฉพาะทางที่อยู่ห่างไกล
หลินเป่ ยเฉินสนับสนุนเต็มที่และพร ้อมที่จะช่วยเหลือในทุก ๆ ทางเท่าที่ทาได้
เมื่อเปิดจุกขวดไวน์แดงออก กลิ่นหอมของไวน์แดงก็ตลบอบอวล ไปทั่วห้องอาหาร
กว่าหลินเป่ยเฉินจะเดินทางกลับก็เป็ นเวลารุ่งเช้าแล้ว
อีกสองวันก็จะถึงกาหนดการเข้าพิธีอภิเษกสมรส ดังนั้นจึงมี ขั้นตอนอีกหลายอย่างที่ต้องจัดการให้เรียบร ้อย…
หลินเป่ยเฉินเหลือเวลาอีกไม่มากนัก
เขาไปพบกับมี่หรู่หยาน หวังซินอวี่ ฮันลั่วเซวี่ย และคนอื่น ๆ ทีละ คนจนครบ
ในที่สุดชายหนุ่มก็กลับไปเยี่ยมอาจารย์ติงและมอบรถเข็นไฟฟ้ า รุ่นใหม่ล่าสุดให้แก่เหยียนอิง เขาบอกกับนางว่านี่เป็ นเก้าอี้ล้อเลื่อน เล่นแร่แปรธาตุรุ่นใหม่ล่าสุด มันจะช่วยท าให้นางมีความคล่องตัวราว กับได้ขี่ปลาไหลไฟฟ้ าในทะเลเลยทีเดียว
เพียงพริบตาเดียว ช่วงเวลาสองวันแห่งความวุ่นวายก็ผ่านพ้น ไป
ในที่สุด หลินเป่ ยเฉินก็ได้มีเวลามานั่งกินเลี้ยงกับคนสนิทของ ตนเอง
“โอ๊ย! ปวดหลังชะมัด”
หลินเป่ ยเฉินตัดสะโพกของราชากิ้งก่าสยองขวัญมาย่างไฟบน เตาย่างเนื้อเพื่อจัดงานเลี้ยงก่อนวันแต่งงาน
“อร่อยมากขอรับ อร่อยสุด ๆ ไปเลย”
เซียวปิงก้มหน้าก้มตากินอย่างมูมมาม
แต่อสูรผลาญดาราต่วนซิงกลับทาหน้าเบื่อหน่าย “ขนาดน ามา ปรุงสุกและใส่เครื่องเทศแล้ว รสชาติของเจ้าหมอนี่ก็ยังจืดชืดยิ่งนัก”
ในเวลาเดียวกันนี้ มันก็จะแอบชาเลืองมองไปที่อากวงอยู่เป็ น ระยะ
แปลกประหลาด กลิ่นตัวของหนูอสูรผู้สูบบุหรี่และดื่มสุรานี้ช่างแปลกประหลาดยิ่ง นัก ต่วนซิงรู ้สึกเหมือนกับว่าพวกมันเคยเจอกันมาก่อน และทาให้มันรู ้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล เป็ นความหวาดกลัวจากสัญชาตญาณ มันไม่ใช่ความหวาดกลัวจากจิตใจ “หรือว่า…หนูอสูรตัวนี้จะมีสายเลือดผู้กลืนกิน?”
สัตว์อสูรที่มีสายเลือดผู้กลืนกินเคยได้รับการยกย่องให้เป็ นหนึ่ง ในสายพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเส้นทางดาราจักร
ความแข็งแกร่งของพวกมันไม่ใช่ได้มาจากการฝึกฝน
แต่สัตว์อสูรผู้มีสายเลือดผู้กลืนกินนั้นจะเกิดมามีความแข็งแกร่ง ซ่อนเร้นอยู่ในร่างกายอยู่แล้ว ขอเพียงมีวิธีปลดผลึกพลังเหล่านั้น ออกมาได้ พวกมันก็จะมีความแข็งแกร่งในชนิดที่ฆ่าไม่ตาย ตกน้าไม่ ไหล ตกไฟไม่ไหม้
นอกจากนี้ร่างกายของพวกมันยังมีพละกาลังมหาศาลอีกด้วย
อสูรที่มีสายเลือดผู้กลืนกินเปรียบเป็ นอสูรระดับสูงในหมู่อสูร ด้วยกัน
และทุกครั้งที่ได้พบกับอากวง ต่วนซิงก็มักจะรู ้สึกว่าตนเองต่า ต้อยขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล ทั้ง ๆ ที่ตัวมันเองก็จัดเป็ นหนึ่งในยอด อสูรผู้โด่งดังผู้หนึ่งของเส้นทางดาราจักร มีผู้คนยอมก้มหัวให้กับมัน มากมาย ความรู ้สึกต่าต้อยเช่นนี้จึงไม่สมควรเกิดขึ้นกับมันเลย
แต่การได้พบกับอสูรที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าตนเองนั้นก็ถือ เป็ นเรื่องดีเช่นกัน
นี่เป็ นโอกาสครั้งเดียวในชีวิต
จะปล่อยให้โอกาสอันดีงามเช่นนี้หลุดมือไปไม่ได้เป็ นอันขาด
พวกมันต่างก็เคยเป็ นสัตว์อสูรผู้ต่าต้อยที่ไต่เต้าขึ้นมาสู่ความ ยิ่งใหญ่ด้วยความสามารถของตนเองทั้งสิ้น
“หากข้าสามารถดูดกินพลังจากเจ้าหนูอสูรตัวนี้ได้…”
ดวงตาของอสูรผลาญดาราต่วนซิงเป็ นประกายระยิบระยับขึ้นมา ทันที
แต่หลังจากลองสังเกตพฤติกรรมของอากวง ต่วนซิงก็ต้อง ล้มเลิกความคิดนี้ไปทันที
เพราะมันพบว่าหนูอสูรตัวนี้ที่เอาแต่สูบบุหรี่และดื่มสุรานั้น ดูจะมี ความส าคัญต่อหลินเป่ยเฉินมากทีเดียว