เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 2044 ยุคสมัยใหม่แห่งสายเลือดผู้แปรธาตุ
ด้วยความที่เป็ นคนไม่เคยปล่อยให้สิ่งใดไร ้ประโยชน์ หลินเป่ ย เฉินจึงรู ้สึกว่าตนเองจะทิ้งกองขี้เถ้ากองนี้เอาไว้เฉย ๆ ไม่ได้
อีกอย่างองค์จักรพรรดิหลิงจิวก็เป็ นผู้ที่ทรยศต่อสายเลือดของ ตนเอง เพราะฉะนั้นต้องมาพบเจอชะตากรรมเช่นนี้ก็สมควรแล้ว
เปลวไฟอมตะบนตัวของหลิงเฉินสลายไป
นางทิ้งตัวลงมายืนอยู่เบื้องหน้าหลินเป่ ยเฉิน คลื่นพลังที่แผ่ ออกมาจากร่างกายนั้นหนาแน่นและรุนแรง
การต่อสู้ครั้งนี้ทาให้หลิงเฉินแข็งแกร่งมากกว่าเดิมหลายเท่า
นางเป็ นผู้ควบคุมเปลวไฟอมตะและยังได้รับการหลอมรวมพลัง จากวิหารแห่งผู้แปรธาตุ อีกไม่นานก็คงเลื่อนขั้นสู่ขอบเขตจอมเทพ บรรพบุรุษได้สาเร็จ และเมื่อถึงเวลานั้น นางก็จะกลายเป็ นบรรพบุรุษ คนใหม่แห่งผู้ใช ้สายเลือดผู้แปรธาตุ
“ถวายบังคมฝ่ าบาท”
หลินเป่ยเฉินยิ้มแย้มด้วยความจริงใจและอดหยอกเย้าเป็ นเด็ก ๆ ไม่ได้
หลิงเฉินมองหน้าเขาและกล่าวว่า “ครั้งนี้ หากท่านไม่อยู่ที่นี่ ข้า ก็คงไม่กล้าเปิดประตูบานนี้หรอก ข้าไม่กล้าปล่อยให้องค์จักรพรรดิห
ลิงจิวเข้ามาอยู่ในวิหารเพียงล าพัง เพราะข้าเองก็ไม่แน่ใจในพลังของ วิหารแห่งนี้เช่นกัน…พี่หลิน นับว่าท่านช่วยพวกเราไว้แล้วจริง ๆ”
“ข้าไม่ได้ช่วยอะไรพวกเจ้าสักหน่อย”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทาท่าดันแว่นด้วยความเคยชิน “แต่เจ้ามี บางอย่างที่ช่วยข้าได้”
หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็จ้องมองหวังจงที่ยืนอยู่ข้างกายหลิงเฉิน
หวังจงอมยิ้มอย่างรู ้ความคิดของผู้เป็ นนายท่าน
วูบ!
หวังจงหายตัวไปทันที
“อ้าว? พ่อบ้านหวัง พาข้าไปด้วยสิ”
อสูรผลาญดาราต่วนซิงก็หูไวตาไวไม่แพ้กัน
เมื่อได้เห็นสายตาของหลินเป่ ยเฉินแล้ว มันจะกล้าอยู่เป็ นก้าง ขวางคอหนุ่มสาวคู่นี้อีกได้อย่างไร?
… ค วามเคลื่อนไหวที่ผิดปกติภายในวิหารแห่งผู้แปรธาตุนั้นดึงดูด ความสนใจจากผู้คนได้ทั้งเมือง
หลังจากนั้นก็มีข่าวประกาศออกไปว่าองค์จักรพรรดิหลิงจิวได้ น าตัวองค์หญิงไข่มุกขาวและราชบุตรเขยไปท าพิธีกราบไหว้บรรพ บุรุษที่วิหารแห่งผู้แปรธาตุ
ดังนั้นผู้คนจึงเข้าใจว่าความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในวิหารแห่งผู้ แปรธาตุนั้นน่าจะเกี่ยวข้องกับการเคารพบรรพบุรุษอย่างแน่นอน
แต่มันจะเป็ นลางดีหรือว่าเป็ นลางร ้าย?
ชาวเมืองได้แต่คิดแล้วก็สงสัย
หลังจากนั้นไม่นานก็ปรากฏลาแสงสีแดงพุ่งขึ้นไปจากยอดวิหาร แห่งผู้แปรธาตุ
ลาแสงสีแดงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ า
ม่านพลังที่คุ้มกันรอบวิหารสลายลงไป แล้วคลื่นพลังสีแดงก็แผ่ ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้ าเหนือตัวเมือง
“นี่มันเปลวไฟอมตะ”
“นี่คือเพลิงศักดิ์สิทธิ์!”
“วิหารแห่งผู้แปรธาตุกลับมามีชีวิตอีกครั้ง…”
“วิหารแห่งผู้แปรธาตุถูกเปิดออกแล้ว”
บรรดานักเล่นแร่แปรธาตุจ านวนมากต่างก็โห่ร้องออกมาด้วย ความดีใจ
นักเล่นแร่แปรธาตุอาวุโสผู้มีผมขาวหลายคนถึงกับคุกเข่าลงไป บนพื้นดินและน้าตาไหลด้วยความปลาบปลื้ม ในที่สุดวิหารแห่งผู้แปรธาตุก็เปิดออกแล้ว หลังจากถูกปิดตายมาอย่างยาวนานหลายพันปี! และเนื่องจากวิหารแห่งผู้แปรธาตุถูกปิดตาย จานวนของผู้แปร ธาตุก็ลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง หลายปีที่ผ่านมา บรรดาผู้ใช ้สายเลือด ผู้แปรธาตุจานวนไม่น้อยต้องมีชีวิตอยู่ด้วยความต่าต้อย ไม่ว่าจะเป็ นผู้แปรธาตุหนุ่มรุ่นใหม่ไปจนถึงนักเล่นแร่แปรธาตุรุ่น เก่า ทุกคนต่างก็มีความฝันเป็ นหนึ่งเดียวกันว่าวิหารแห่งผู้แปรธาตุจะ ถูกเปิดออกอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่ไม่เคยมีผู้ใดมีความสามารถมาก พอที่จะเปิดประตูบานนั้นได้เลย แต่วันนี้ปาฏิหาริย์ได้เกิดขึ้นแล้วจริง ๆ หรือว่าองค์จักรพรรดิหลิงจิวจะกลายเป็ นผู้สืบทอดสายเลือด บรรพบุรุษแห่งผู้แปรธาตุอย่างเป็ นทางการแล้ว? วิหารแห่งผู้แปรธาตุคงยอมรับในตัวของพระองค์แล้วสินะ? เสียงโห่ร ้องด้วยความตื่นเต้นดีใจดังกังวานไปทั่วเมือง เปลวไฟอมตะพุ่งขึ้นมาจากวิหารแห่งผู้แปรธาตุ คลื่นพลัง ศักดิ์สิทธิ์แผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งตัวเมือง
ภายในเมืองแห่งนี้มีอุปกรณ์เล่นแร่แปรธาตุมากมายที่หยุดการ ทางานไปหลายพันปี แต่เมื่อได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น อุปกรณ์ เล่นแร่แปรธาตุโบราณที่ถูกติดตั้งอยู่ทั่วทุกมุมของตัวเมืองก็กลับมา ทางานอีกครั้ง
พลังของเปลวไฟอมตะคือรากฐานแห่งการวิวัฒนาการของ นักเล่นแร่แปรธาตุ
การที่เปลวไฟถูกจุดขึ้นมาอีกครั้งก็หมายความว่ายุคสมัยใหม่ได้ เริ่มต้นขึ้นแล้ว!
ด้วยเหตุนี้ กลุ่มชาวเมืองจึงร ้องตะโกนอย่างมีความสุข
แต่หลังจากนั้นทุกคนก็ได้รับทราบข่าวที่น่าตกตะลึง
องค์จักรพรรดิหลิงจิวเสด็จสวรรคต
องค์จักรพรรดิหลิงจิวปกครองอาณาจักรเกิงจินมาอย่างยาวนาน ผู้คนต่างก็ทราบถึงความแข็งแกร่งของพระองค์ท่าน พระองค์ทรง ทุ่มเทพละก าลังเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่ในร่างกายเปิดประตูวิหารแห่ง ผู้แปรธาตุได้สาเร็จ มิหนาซ้า องค์จักรพรรดิหลิงจิวยังใช ้ร่างกายของ ตนเองเป็ นเชื้อไฟในการจุดคบเพลิงศักดิ์สิทธิ์ภายในวิหารอีกด้วย…
บัดนี้ องค์จักรพรรดิหลิงจิวจึงกลายเป็ นเถ้าถ่านไปแล้ว
ในเวลาเดียวกันนี้ ผู้ที่ได้ขึ้นครองราชบัลลังก ์คนใหม่ก็ปรากฏตัว
องค์หญิงไข่มุกขาวได้รับการยอมรับจากวิหารแห่งผู้แปรธาตุ นางจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็ นผู้สืบทอดราชบัลลังก ์โดยทันที
อีกสามวันหลังจากนี้ พิธีอภิเษกสมรสก็จะถูกจัดขึ้น
เมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไป ผู้คนในอาณาจักรเกิงจินต่างก็มี ความรู ้สึกที่หลากหลายปะปนกัน
บางคนกราบไหว้บูชาและนับถือในการเสียสละขององค์ จักรพรรดิหลิงจิว
บางคนก็คาดหวังในการขึ้นครองราชย์ขององค์หญิงไข่มุกขาว โดยเฉพาะเมื่อนางได้รับการรับรองจากวิหารแห่งผู้แปรธาตุ ทุกคนก็ อยากรู ้ว่าเด็กสาวผู้นี้จะสามารถนาพาอาณาจักรของพวกเขา กลับคืนสู่ความรุ่งเรืองได้หรือไม่…
ในขณะที่อีกหลายคนก็เกิดความสงสัยในใจว่า เหตุใดทางราช ส านักจึงไม่จัดงานพระบรมศพให้แก่องค์จักรพรรดิหลิงจิวก่อน?
จากนั้นก็บังเกิดข่าวลือมากมายแพร่สะพัดไปทั่วทุกมุมเมือง
…
ณ แดนปีศาจ
ดินแดนแห่งความว่างเปล่าและความหวาดกลัว
ที่นี่ไม่มีท้องฟ้ า ไม่มีพื้นดิน ไม่มีดวงตะวัน ไม่มีดวงจันทร ์ไม่มี ดวงดาว
ที่นี่เป็ นดินแดนไร ้กาลเวลา
มีเพียงกลุ่มเมฆหนาสีม่วงลอยละล่องอยู่กลางอากาศ
บางครั้งก็จะได้ยินเสียงคารามออกมาจากด้านหลังกลุ่มเมฆ เช่นเดียวกับร่างของสัตว์ประหลาดจานวนมากที่ปรากฏออกมา
“คิก ๆ…”
แต่ในดินแดนที่แปลกประหลาดและน่าขนลุกแห่งนี้กลับมีเสียง หัวเราะคิกคักอันสดใสดังขึ้น
ทันใดนั้น เด็กหญิงตัวน้อยผู้หนึ่งก็กระโดดออกมาจากกลุ่มก้อน เมฆสีม่วง
ดวงตากลมโตของนางเป็ นประกายระยิบระยับอย่างชาญฉลาด และเจ้าเล่ห์ ผมยาวหยักศกของนางเป็ นสีม่วงปลิวไสวไปทางด้านหลัง ยามที่นางกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข…
เด็กหญิงตัวน้อยผู้นี้สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วยิ่งนัก
ในมือของนางกาลังถือชายเสื้อคลุมสีม่วงขณะกระโดดโลดเต้น ไปมา
ขณะนี้ ในดินแดนแห่งความว่างเปล่าพลันเต็มไปด้วยเสียง หัวเราะอย่างมีความสุข
“วิ่งช ้า ๆ หน่อยสิ รั่วซู ระวังจะหกล้มเอานะ”
หญิงสาวผู้หนึ่งวิ่งตามมาด้วยความเหนื่อยใจ แม้ว่านางจะเร่ง ฝีเท้าให้เร็วที่สุดแล้ว แต่ก็ยังไล่ตามเด็กหญิงจอมซนไม่ทันอยู่ดี