เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 2031 รอบชิงชนะเลิศ
ตอนที่ 2,031 รอบชิงชนะเลิศ
การประลองยังคงดำเนินต่อไป
หลินเป่ยเฉินยังคงแสดงฝีมือได้อย่างแข็งแกร่งไร้เทียมทาน
โดยส่วนมาก เขาจะพบกับคู่ต่อสู้ที่ไม่ต้องลากเข้าอาณาเขตสนธยา เพราะฉะนั้นชายหนุ่มจึงสามารถเก็บชัยชนะได้อย่างง่ายดาย
และนับตั้งแต่ที่หลินเป่ยเฉินสังหารราชันปริศนาไร้นาม ก็ไม่มีบรรดาคนใหญ่คนโตหรือหญิงสูงศักดิ์ผู้ใดต้องการตัวเขาอีกต่อไป
เพราะพวกนางต่างก็รู้ถึงสถานะของตนเอง
ยอดฝีมือที่สามารถสังหารราชันปริศนาไร้นามได้นั้น ย่อมไม่สนใจพวกนางอยู่แล้ว
และนั่นก็ทำให้องค์ชายหลิงหวงฉีเศร้าเสียใจยิ่งนัก
เพราะไม่มีผู้ใดนำของขวัญมาส่งให้ที่ตำหนักของเขาอีกต่อไปแล้ว
…
สิบวันต่อมา การประลองก็เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย
รอบชิงชนะเลิศ
ผู้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศย่อมต้องเป็นหลินเป่ยเฉินกับอสูรผลาญดาราต่วนซิง
ตัวแทนจากเผ่าอสูรสีครามผู้นี้สามารถเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้อย่างราบรื่น
วันสุดท้ายมาถึงแล้ว
วันของการประลองรอบชิงชนะเลิศ
วันนี้มีหิมะตกหนักตลอดทั้งวัน
หิมะโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าไม่ต่างจากขนนกสีขาวซึ่งเป็นภาพที่สวยงามยิ่งนัก
ทั่วทั้งตัวเมืองปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน
อุณหภูมิลดลงอย่างน่าตกใจ
ชาวเมืองต้องเปลี่ยนมาสวมเสื้อผ้าที่ไม่ต่างจากกำลังอยู่ในฤดูหนาว
แต่เมื่อลองสังเกตดูดี ๆ ก็จะพบว่านี่เป็นเพียงการนำเสื้อผ้าสำหรับฤดูหนาวออกมาใส่เล่นแก้เบื่อเท่านั้น
ก่อนการประลองจะเริ่มขึ้น องค์หญิงไข่มุกขาวได้มาปรากฏตัวเพื่อรับชมการประลองเป็นครั้งแรก
ในที่สุด ผู้คนจำนวนมากก็ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง
องค์หญิงไข่มุกขาวเป็นผู้ที่มีความงดงามมากที่สุดของอาณาจักรเกิงจิน ซึ่งเปรียบดั่งสมบัติล้ำค่าของพวกเขา หรืออาจเปรียบได้กับสมบัติล้ำค่าของโลกใบนี้
ต่อให้เป็นผู้แปรธาตุที่ตายด้านก็ยังต้องหลงใหลไปกับความงดงามอันสมบูรณ์แบบขององค์หญิงในตำนานผู้นี้
“นับเป็นสตรีที่สวยงามยิ่งนัก”
เมื่ออสูรผลาญดาราต่วนซิงเห็นโฉมหน้าของหลิงเฉิน ดวงตาของมันก็เป็นประกายแวววาวด้วยความประหลาดใจ
มันรู้สึกขึ้นมาทันทีว่าการได้ครอบครองสตรีที่งดงามเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องที่ช่วยเสริมสร้างบารมีให้แก่มันจริง ๆ
องค์ชายหลงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือเหาะ ขณะจ้องมองไปยังองค์หญิงที่ยืนอยู่บนหอคอยนักรบ ดวงตาของเขาร้อนผ่าวด้วยความหมกมุ่นอันบ้าคลั่ง
องค์หญิงผู้นี้คือผู้ที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ที่สุดในประวัติศาสตร์ของผู้แปรธาตุ
นับเป็นสตรีที่สมบูรณ์แบบ
มีผู้ใดบ้างไม่ชอบสตรีเช่นนี้?
บรรยากาศแห่งความเยือกเย็นแผ่ปกคลุมรอบบริเวณหอคอยนักรบ
การถ่ายทอดสดผ่านหน้าจอยักษ์จะช่วยถ่ายทอดบรรยากาศนี้ไปทั่วอาณาจักรเกิงจิน
สายตาของผู้คนนับไม่ถ้วนกำลังจับจ้องไปยังเด็กสาวที่อยู่ในชุดเกราะเล่นแร่แปรธาตุทองคำผู้ปรากฏตัวเหนือหอคอยนักรบ หลายคนถึงกับตกตะลึงในความงดงามของนางจนพูดคำใดไม่ออกอีกแล้ว
ช่างงดงามยิ่งนัก
ในแวดวงของผู้แปรธาตุ โดยเฉพาะภายในอาณาจักรเกิงจิน ทุกคนล้วนมีความหมายของคำว่าความงดงามแตกต่างกันไป
เพราะพวกเขาสามารถปรับเปลี่ยนรูปโฉมของตนเองได้ตามใจชอบ
แต่ไม่มีผู้ใดจะงดงามสมบูรณ์แบบเท่ากับองค์หญิงผู้นี้อีกแล้ว
นางมีความงดงามเพียงพอที่จะหลอมละลายหัวใจที่แข็งกระด้างที่สุดในโลก
หลิงเฉินยืนอยู่บนเรือเหาะเหนือยอดหอคอยนักรบในความเงียบ ราวกับว่าต้องการจะรวมความสนใจทั้งหมดของชาวเมืองมาที่นางแต่เพียงผู้เดียว
นางคือสมบัติล้ำค่าของอาณาจักรนี้
นางคือจุดศูนย์กลางของอาณาจักรนี้
จนกระทั่งเสียงระฆังเริ่มการประลองดังขึ้น ผู้คนจึงได้หลุดออกมาจากภวังค์
ภาพบนสังเวียนประลองถูกถ่ายทอดสดไปทั่วอาณาจักรเกิงจิน
อสูรผลาญดาราต่วนซิงปรากฏตัวขึ้นมาก่อน
มันมีร่างกายสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลา เส้นผมสีแดงเพลิงชี้ชัน ผิวขาวผ่อง แววตาดุร้าย
แต่เมื่อเทียบกับหลินเป่ยเฉิน ความหล่อเหลาก็ยังห่างไกลกันมากนัก
หลินเป่ยเฉินสวมใส่ชุดเสื้อคลุมสีขาวราวหิมะ เส้นผมยังคงเป็นสีขาว แววตามุ่งมั่น เมื่อปรากฏตัวขึ้นบนหน้าจอถ่ายทอดสด เขาจึงดูหล่อเหลาอย่างไม่มีที่ติ หลายคนถึงกับตกตะลึงในความหล่อเหลาของเขาจนแทบลืมหายใจไปเลยทีเดียว
ณ ขณะนี้ ทุกคนที่รับชมการประลองต่างก็รู้สึกเป็นเช่นเดียวกันว่าบุรุษผู้นี้มีความสง่างามไม่แพ้องค์หญิงไข่มุกขาว
ปรากฏว่าในโลกนี้มีบุคคลที่คู่ควรกับองค์หญิงไข่มุกขาวอยู่จริง ๆ
แกร๊ง! แกร๊ง! แกร๊ง!
เสียงระฆังดังขึ้น
ในที่สุด การประลองรอบชิงชนะเลิศก็เริ่มขึ้น
ผู้คนรีบตั้งสมาธิและจ้องมองไปที่สังเวียนประลองเป็นตาเดียวกัน
…
“หลินเป่ยเฉิน?”
อสูรผลาญดาราต่วนซิงมองบุรุษผมขาวที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม รอยยิ้มเหยียดหยามปรากฏขึ้นบนใบหน้า “ได้ข่าวว่าเจ้าเที่ยวไปแอบอ้างกับใครต่อใครว่าตนเองเป็นราชบุตรเขยแห่งอาณาจักรเกิงจินแล้วหรือ?”
หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปว่า “แอบอ้างอะไรกัน? ข้าเป็นมาตั้งแต่เกิดแล้วต่างหาก”
“ฮ่า ๆๆๆ”
อสูรผลาญดาราต่วนซิงระเบิดเสียงหัวเราะ เส้นผมสีแดงเพลิงปลิวไสว “บอกตามตรง ข้าอ่านประวัติของเจ้าแล้ว ข้ารู้ว่าเจ้ามีฝีมือดีทีเดียวและข้าก็ชื่นชมเจ้าไม่ใช่น้อย เพราะว่าเจ้ามีความบ้าคลั่งไม่ต่างไปจากข้า หากไม่ต้องมาพบกันบนสังเวียนแห่งนี้ ข้าอาจจะมอบโอกาสให้เจ้าได้มาเป็นทาสรับใช้ข้าด้วยซ้ำ”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะในลำคอตอบกลับไปว่า “แต่ข้าจะให้โอกาสเจ้าหุบปากเสียเดี๋ยวนี้ อย่าห่วงเลย ฝีมือของข้าแข็งแกร่งมากพอที่จะทำให้เจ้าอยากตายเลยล่ะ”
อสูรผลาญดาราต่วนซิงไม่ได้แสดงท่าทีโกรธแค้น
มันกล่าวว่า “ข้าสามารถดูดพลังจากเจ้าได้หมดตัวในกระบวนท่าเดียว ข้าจะไม่เปิดโอกาสให้เจ้ามีโอกาสโจมตีก็ได้ แต่ว่า… ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าเจ้าเอาชนะราชันปริศนาไร้นามได้อย่างไร ข้าอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในอาณาเขตเงาทมิฬ ดังนั้นข้าจะให้โอกาสเจ้า จงแสดงฝีมือออกมาเถอะว่าเจ้าสามารถทำอะไรได้บ้าง”
หืม?
เจ้าหมอนี่รนหาที่ตายเองเลยเหรอเนี่ย?
หลินเป่ยเฉินยิ้มกริ่ม
นี่ไม่เรียกว่าขับรถชนสุนัขตาย แต่เป็นสุนัขวิ่งเข้ามาให้รถชนเองต่างหาก
หลินเป่ยเฉินเปิดอาณาเขตสนธยาของตนเองโดยไม่ลังเล
วูบ!
แสงสว่างเป็นประกายระยับ
แล้วคนทั้งสองก็หายตัวไปจากสังเวียนประลองบนหอคอยนักรบ
จากนั้นพลันบังเกิดเสียงโห่ร้องออกมาจากผู้รับชมการประลองขึ้นมาทันที
ให้ตายเถอะ คืนเงินมาเลยดีกว่า!
เอาอีกแล้วไง
บนสังเวียนประลองมีแต่ความว่างเปล่า
ผู้ใดจะชนะและผู้ใดจะพ่ายแพ้?
องค์ชายหลงหรี่ตา รอยยิ้มค่อย ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
บัดนี้ ความวิตกกังวลในใจของเขาได้สลายหายไปหมดสิ้นแล้ว