เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 2020 พลังปราณปีศาจแทรกซึม
ตอนที่ 2,020 พลังปราณปีศาจแทรกซึม
อวี้เหวินซิวเซียนไม่มีสิ่งใดค้างคาใจอีกต่อไป เขาจึงระเบิดพลังโจมตีอย่างเต็มที่
อวี้เหวินซิวเซียนตายแล้วฟื้นอยู่หลายรอบ ขั้นพลังจึงมีความแข็งแกร่งเกินขีดจำกัด
ความแข็งแกร่งของเขาเหนือกว่าฮันปู้ฟู่เรียบร้อยแล้ว
ปีศาจบรรพกาลอีกนับไม่ถ้วนก็กำลังพุ่งเข้าไปโจมตีใส่เรือเหาะของคณะผู้บุกรุก
อวี้เหวินซิวเซียนเองก็ระเบิดพลังโจมตีเต็มอัตราเช่นกัน
ฮันปู้ฟู่รู้สึกได้ถึงวิกฤตที่แท้จริง
เขาทราบแล้วว่าพวกตนไม่มีทางทำลายประตูเชื่อมแดนปีศาจได้อีกแล้ว
เหตุผลที่การพยากรณ์ในวิหารแห่งกาลเวลาผิดพลาดนั้น… เป็นเพราะว่าเรื่องนี้มียอดฝีมือที่เกินกว่าขั้นจอมเทพอนันต์ปรากฏตัวขึ้นมานั่นเอง
ตู้ม!
ม่านพลังที่คุ้มกันเรือเหาะสลายลงไป
บนตัวเรือเกิดรอยแตกร้าว
ฝูงปีศาจบรรพกาลพากันกระโดดขึ้นไปบนเรือเหาะ
“ฆ่าพวกมันให้หมด”
บรรดาขุนพลชั้นแนวหน้าของกองทัพเป่ยเฉินพุ่งออกไปรับมือ
“ทุกคนระวังตัวด้วย”
เฉียนเหมยร้องตะโกนและเหวี่ยงค้อนเหล็กในมือ
แต่เมื่อไม่ได้รับการแบ่งพลังจากโจวเทียนอวิ๋น พวกนางก็ไม่สามารถรับมือกับปีศาจบรรพกาลเหล่านี้ได้อีกแล้ว
เพียงพริบตาเดียว คนของกองทัพเป่ยเฉินก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสหลายสิบคน ปราณปีศาจแทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย
“ฟู่!”
หวังซินอวี่ล่าถอยมาด้านหลังพร้อมกับกระอักโลหิตคำใหญ่ พลังปราณปีศาจเข้มข้นไหลรินเข้าสู่ร่างกาย
ในลมหายใจต่อมา ปราณปีศาจก็แผ่ไปทั่วทั้งร่าง ผมสีดำขลับของนางกลายเป็นสีม่วง แม้แต่ดวงตาก็กลายเป็นสีม่วงเช่นกัน
นางกลายเป็นปีศาจแล้ว
“พี่หวัง…”
เฉียนเหมยอุทานด้วยความตกตะลึง พยายามจะเข้าไปดึงตัวหวังซินอวี่ แต่สิ่งที่นางได้รับก็คือกระบี่ที่แทงเข้าใส่ใบหน้า
แต่โชคดีที่เฉียนเหมยมีขั้นพลังแข็งแกร่งมากกว่าหวังซินอวี่
นางเหวี่ยงค้อนกวาดปีศาจบรรพกาลที่อยู่รอบกายกระเด็นออกไป ก่อนจะยกมือขึ้นมาใช้นิ้วคีบกระบี่ของหวังซินอวี่ และเมื่อสะบัดข้อมือเล็กน้อย กระบี่ในมือของหวังซินอวี่ก็หลุดกระเด็นออกไป
หลังจากนั้น เฉียนเหมยก็หมุนตัวใช้ข้อศอกกระแทกเข้าใส่ลิ้นปี่ของรุ่นพี่สาว เพื่อสะกดจุดไม่ให้หวังซินอวี่เคลื่อนไหวได้อีก จากนั้นจึงค่อยยกร่างนางขึ้นพาดบ่า และล่าถอยออกมาจากวงล้อมของฝูงปีศาจ
การลงมือของเฉียนเหมยไม่ต่างจากผู้ที่เต้นระบำอยู่บนปลายกระบี่ หากผิดพลาดเพียงนิดเดียวอาจถึงแก่ความตาย แต่นางก็ยังสามารถทำได้อย่างราบรื่นไร้ที่ติ
นับว่าบัดนี้เฉียนเหมยเติบโตขึ้นแล้วจริง ๆ
“ล่าถอย พวกเราถอยกันก่อน”
เฉียนเหมยร้องตะโกนออกคำสั่ง “รีบไปคุ้มกันท่านแม่ทัพใหญ่”
กลุ่มเด็กสาวรีบล่าถอยกลับมาหันหลังชนกันก่อตั้งเป็นค่ายกลวงกลมและเคลื่อนตัวเข้าไปหาฮันปู้ฟู่ด้วยความรวดเร็วยิ่ง
ทุกคนเชื่อฟังคำสั่งของเฉียนเหมยเป็นอย่างดี
เพราะพวกนางทราบดีว่ามีแต่เฉียนเหมยเท่านั้นที่เคยผ่านประสบการณ์ต่อสู้ในสนามรบจริงมาก่อน นางย่อมรู้ดีที่สุดว่าในเวลาวิกฤตเช่นนี้ควรทำอย่างไร
แต่สถานการณ์ก็เริ่มย่ำแย่มากขึ้นเพราะปราณปีศาจในตัวหวังซินอวี่กำลังปะทุออกมาอย่างรุนแรงอีกครั้ง
“ท่านแม่ทัพใหญ่…”
เฉียนเหมยร้องตะโกน “รีบถอยทัพเถอะเจ้าค่ะ”
ฮันปู้ฟู่เห็นสถานการณ์ดำเนินมาถึงขั้นนี้ เขาก็รู้แล้วว่าแผนการของตนเองในวันนี้ล้มเหลวไม่เป็นท่า
เขาคิดไม่ถึงเลยว่ากองทัพปีศาจจะมีขุมกำลังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้… หากไม่มีปีศาจสาวปริศนาปรากฏตัวขึ้นมา การทำลายประตูมิติเชื่อมแดนปีศาจก็คงสำเร็จลุล่วงไปนานแล้ว
เฉียนเหมยตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง
พวกเขาต้องรีบหนี
พวกเขาไม่สามารถทำลายประตูมิติเชื่อมแดนปีศาจได้อีกแล้ว
หากยังรั้งรออยู่ที่นี่ต่อไป ทุกคนก็มีแต่จะได้รับอันตรายมากขึ้นเท่านั้น
“เปิดประตูกาลเวลา!”
ฮันปู้ฟู่คำรามเสียงแหบต่ำในลำคอ แล้วมวลอากาศรอบกายทุกคนก็เกิดการสั่นไหว ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นภาพพร่าเลือนไปชั่วขณะ ราวกับว่าเรือเหาะของพวกเขากำลังทะลุมิติไปสู่ที่อื่น
แต่ลมหายใจต่อมา มวลอากาศรอบกายก็กลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง
ปรากฏว่าเรือเหาะของพวกเขายังคงอยู่ที่เดิม
พวกเขายังไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายไปที่ใดทั้งสิ้น
สีหน้าของฮันปู้ฟู่แปรเปลี่ยนไปโดยทันที
อวี้เหวินซิวเซียนเห็นดังนี้ก็ต้องระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความสะใจ
“ฮ่า ๆๆ ไม่ทราบว่าจะหนีไปไหน? ฝันไปเถอะ เมื่อรู้ว่าพวกเจ้าจะมาและรู้ว่าแม่ทัพใหญ่อย่างเจ้าเป็นผู้สืบสายเลือดผู้ท่องกาลเวลา แล้วพวกข้าจะไม่เตรียมตัวรับมือได้อย่างไร? บนดาวเคราะห์ดวงนี้ พวกเราได้สร้างค่ายอาคมจำกัดกาลเวลา ก่อนหน้านี้พวกเราเจตนาปล่อยให้พวกเจ้าผ่านเข้ามาได้ แต่เมื่อพวกเจ้าเข้ามาแล้ว ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้กลับออกไปอีก ฮ่า ๆๆ วันนี้พวกเจ้าจะต้องถูกฝังอยู่ที่นี่กันทั้งหมด…”
แม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพเป่ยเฉินเป็นผู้ที่มีฝีมือแข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรเทียนอวี่ ไม่ต่างจากกระดูกสันหลังที่คอยแบกรับภาระทุกอย่าง หากแม่ทัพใหญ่ผู้นี้ตายไปสักคน อาณาจักรเทียนอวี่ก็จะต้องล่มสลายทันที จะไม่มีกองทัพเป่ยเฉินอีกต่อไปและเผ่าพันธุ์ปีศาจก็จะสามารถตั้งหลักได้อย่างมั่นคง
ฮันปู้ฟู่เย็นวาบไปทั่วร่างกาย
ขณะพยายามคิดหาทางออก
กองทัพปีศาจกลุ่มนี้มีความแข็งแกร่งมากกว่าที่เขาคิด
ด้วยเหตุนี้ พวกมันจึงเปิดประตูเชื่อมแดนเพื่อลงมือแก้แค้นเผ่าพันธุ์มนุษย์ใช่หรือไม่?
เมื่อความคิดดำเนินมาถึงตรงนี้ ฮันปู้ฟู่ก็พยายามเปิดประตูแห่งกาลเวลาอีกครั้ง
และทันใดนั้นเอง…
ตู้ม!
โจวเทียนอวิ๋นผู้ถูกห่อหุ้มอยู่ภายใต้ฝูงหนวดหมึกก็สามารถทะลวงออกมาได้อีกครั้ง ร่างกายของเขามีเปลวไฟลุกโชน ในขณะที่เศษหนวดหมึกโปรยปรายลงมาจากกลางอากาศราวกับสายฝน
“ท่านแม่ทัพฮัน รีบพาทุกคนหลบหนีไป”
โจวเทียนอวิ๋นร้องคำราม
เขาขยายร่างเป็นยักษ์ใหญ่ เพียงพริบตาเดียว โจวเทียนอวิ๋นก็มีความสูงเท่ากับตึกหลายร้อยชั้น
เมื่อโจวเทียนอวิ๋นระเบิดคลื่นพลังสีทองออกมาจากร่าง คลื่นพลังปราณปีศาจสีม่วงเข้มก็จางหายไป
โจวเทียนอวิ๋นกำลังแบ่งพลังของตนเองออกมาอีกครั้ง
เฉียนเหมยและกลุ่มเด็กสาวรู้สึกได้ถึงมวลพลังที่เพิ่มขึ้นในร่างกาย
ปราณปีศาจที่แทรกซึมอยู่ในร่างของหวังซินอวี่และคนอื่น ๆ พลันสลายไปสิ้น
“นี่มัน…”
นางกลับมาได้สติอีกครั้ง
ตู้ม!
คลื่นพลังมหาศาลแผ่กระจายในวงกว้าง
โจวเทียนอวิ๋นผู้ไม่ต่างกับรูปปั้นที่มีขนาดมโหฬารกระทืบเท้าอย่างรุนแรงและกระแทกหมัดออกไปข้างหน้า บรรดาฝูงปีศาจบรรพกาลนับไม่ถ้วนต้องร่างระเบิดกระจายตกตายไปในพริบตา
ค่ายอาคมจำกัดกาลเวลาสั่นไหวอีกครั้ง รอยร้าวปรากฏขึ้นให้เห็นในสายตา แต่ช่องว่างในอากาศกำลังสมานตัวอย่างรวดเร็ว
ฮันปู้ฟู่รีบเปิดประตูกาลเวลาโดยไม่ลังเล
มวลอากาศรอบกายบิดเบี้ยวและพร่าเลือน
เรือเหาะของพวกเขากำลังสั่นสะเทือน
การเดินทางผ่านประตูเวลากำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
“แม่ทัพโจว…”
ฮันปู้ฟู่ตะโกนเรียก
เพราะอยากให้หลบหนีไปด้วยกัน
แต่โจวเทียนอวิ๋นกลับหันหน้ามายิ้มเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มในชนิดที่ไม่เคยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขามาก่อน “แม่ทัพฮัน ท่านไปก่อนเถอะ แล้วพวกเราจะได้พบกันอีก”