เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 2017 บุกฐานบัญชาการปีศาจ
ตอนที่ 2,017 บุกฐานบัญชาการปีศาจ
เยว่เว่ยหยางชักกระบี่ยาวออกจากฝักและเข้าร่วมวงต่อสู้
อารมณ์ของเด็กสาวทั้งสองคนนี้แทบไม่แตกต่างกันเลย
เฉียนเหมยกำลังโกรธแค้นที่ตนเองปกป้องเฉียนเจินเอาไว้ไม่ได้ ส่วนเยว่เว่ยหยางนั้นอึดอัดที่ไม่ได้พบกับหลินเป่ยเฉินมานานแล้ว ดังนั้นพวกนางจึงใช้การต่อสู้ในครั้งนี้เป็นการระบายอารมณ์ความรู้สึกที่รบกวนอยู่ในหัวใจออกมา
หวังซินอวี่ คังซานเสว่ มี่หรู่หยาน และเด็กสาวคนอื่น ๆ เมื่อได้รับการแบ่งปันพลังจากโจวเทียนอวิ๋น พวกนางก็เข้าร่วมวงต่อสู้อย่างไม่ลังเลทันที
ฮันปู้ฟู่เบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
เพราะเขาเห็นอดีตเพื่อนร่วมสำนักศึกษากระบี่ที่สามแสดงฝีมือออกมาอย่างดุดันและเกรี้ยวกราด
นี่ทำให้ฮันปู้ฟู่ตระหนักชัดเจนว่าโจวเทียนอวิ๋นคงไม่ได้เป็นเพียงผู้ใช้สายเลือดผู้คงกระพันธรรมดาเท่านั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลานี้ โจวเทียนอวิ๋นกระจายพลังของตนเองให้แก่กลุ่มเด็กสาวของหลินเป่ยเฉิน แต่ทุกคนก็ยังมีพลังเทียบเท่าขั้นจอมเทพจักรา… เกรงว่าขั้นพลังที่แท้จริงของโจวเทียนอวิ๋นคงไม่ต่ำกว่าจอมเทพอนันต์แล้ว
และโจวเทียนอวิ๋นย่อมมีเบื้องหลังไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ทันใดนั้น ฮันปู้ฟู่ก็พบความผิดปกติอีกหนึ่งอย่าง
เหตุใดกลุ่มเด็กสาวเหล่านี้จึงสามารถรองรับพลังจากโจวเทียนอวิ๋นได้?
ต้องไม่ลืมว่าหากร่างกายไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ การรับพลังที่มากเกินไปนั้นอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เลยทีเดียว
ฮันปู้ฟู่ไม่ทราบแน่ชัดว่ากลุ่มเด็กสาวเหล่านี้มีขั้นพลังอยู่ในระดับใด แต่พวกนางกลับสามารถรองรับพลังในขั้นจอมเทพจักราได้เช่นนี้…
หรือว่าพวกนางจะเคยทำมาก่อน?
คำถามมากมายเกิดขึ้นในใจของฮันปู้ฟู่
แต่เมื่อคิดไปคิดมา เขาก็นึกออกว่าเด็กสาวทุกคนล้วนมีความเกี่ยวข้องกับหลินเป่ยเฉิน…
อ้อ งั้นก็ไม่เป็นไรหรอก
เมื่อขจัดกลุ่มอสูรที่ขวางทางได้สำเร็จ กลุ่มเด็กสาวก็กลับมายังเรือเหาะของตนเอง
เรือเหาะของพวกเขายังคงมุ่งหน้าไปสู่จุดหมายอย่างไม่รอช้า
“บริเวณนี้มีพลังปราณปีศาจเข้มข้นมาก”
เมื่อก้มมองลงไปจากดาดฟ้าเรือเหาะ ทุกคนก็พบว่าพื้นดินเบื้องล่างถูกปกคลุมไปด้วยม่านพลังสีม่วงเข้ม ส่งผลให้สภาพแวดล้อมยิ่งดูสลดหดหู่มากขึ้น
ฮันปู้ฟู่หลับตาลง ใช้ความคิดอะไรบางอย่างเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“ประตูเชื่อมแดนปีศาจถูกเปิดออกแล้ว”
เขากล่าวอย่างช้า ๆ “พวกเราต้องปิดมัน… มิฉะนั้นพลังปราณปีศาจจะลุกลามไปทั่วอาณาจักรเทียนอวี่ และจะต้องมีพวกปีศาจออกมาจากประตูบานนั้นไม่หยุดแน่ และนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่กองทัพปีศาจมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นก็เป็นได้”
ในฐานะแม่ทัพใหญ่ ฮันปู้ฟู่จึงสามารถตัดสินใจได้อย่างเร็วไว
เขาพูดประโยคนี้กับโจวเทียนอวิ๋น
“รับทราบขอรับ”
โจวเทียนอวิ๋นประสานมือรับคำสั่ง
เรือเหาะระเบิดคลื่นพลังออกมาเร็วมากขึ้น
ครืน!
เรือเหาะของพวกเขาถูกกลืนกินเข้าไปในม่านหมอกสีม่วงเข้ม จนมองไม่เห็นอะไรอีกแล้ว
นี่คือวิธีการป้องกันการบุกรุกของพวกเผ่าพันธุ์ปีศาจ ซึ่งไม่ต่างจากการใช้ค่ายอาคม
ฮันปู้ฟู่ยกมือขึ้นดีดนิ้วแผ่วเบา
แล้วลำแสงสีเงินก็พุ่งออกไปข้างหน้าประมาณสิบวา
มวลอากาศปั่นป่วนราวกับกระแสน้ำไหลหลาก
เมื่อเรือเหาะพุ่งเข้าไปสู่ความปั่นป่วนของมวลอากาศนั้น เพียงลมหายใจต่อมา เรือเหาะก็หลุดออกมาจากม่านหมอกสีม่วงเข้มเหล่านั้นได้สำเร็จ
นี่คือความร้ายกาจของสายเลือดผู้ท่องกาลเวลา
ตราบใดที่สามารถควบคุมกาลเวลาได้ คนผู้นั้นก็จะสามารถหาช่องว่างในการป้องกันของศัตรูได้เสมอ
และด้วยขั้นพลังในปัจจุบันของฮันปู้ฟู่ มันจึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นที่เขาจะพาเรือเหาะลำหนึ่งออกมาจากค่ายกลอำพรางตาของศัตรูได้สำเร็จ
ฮันปู้ฟู่ถึงกับล่วงรู้ด้วยซ้ำว่าประตูเชื่อมแดนปีศาจอยู่ที่ใด
ในที่สุด เรือเหาะของพวกเขาก็ลอยอยู่เหนือเหมืองใต้ดินแห่งหนึ่ง
“พวกมันอยู่ข้างล่าง”
โจวเทียนอวิ๋นร้องตะโกน
เขากระโดดขึ้นไปกลางอากาศและกระแทกหมัดลงไปข้างล่าง
ตู้ม!
คลื่นพลังมหาศาลตรงเข้าไปทำลายเหมืองใต้ดินแห่งนั้นทันที
คลื่นพลังจากหมัดของโจวเทียนอวิ๋นทำให้พื้นดินเบื้องล่างสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
แล้วร่างของใครบางคนก็ลอยขึ้นมาอย่างช้า ๆ
มันย่อมเป็นอวี้เหวินซิวเซียน
“เจ้าพวกผู้บุกรุกผู้ต่ำช้า…”
ขณะนี้ อวี้เหวินซิวเซียนได้ปลดปล่อยพลังกดดันออกมาจากร่างกาย ดวงตากลายเป็นสีม่วงเข้มจ้องมองไปยังเรือเหาะที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าพลางกล่าวว่า “ข้ารอคอยพวกเจ้ามานานแล้ว”
เมื่ออวี้เหวินซิวเซียนปลดปล่อยปราณปีศาจออกมา เส้นผมและผิวหนังของเขาก็กลายเป็นสีม่วง ไอร้อนอุ่นพวยพุ่งออกมาจากรูขุมขนเช่นเดียวกับคลื่นพลังที่ไหลทะลักออกมาทางตาหูจมูกปาก
เมื่อทุกคนเห็นปีศาจหนุ่มผู้นี้ ฮันปู้ฟู่กับโจวเทียนอวิ๋นก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที พวกเขาเบิกตาโตและจ้องมองด้วยแววตาดุดัน
นับเป็นปราณปีศาจที่รุนแรงมาก
พลังของปีศาจหนุ่มผู้นี้เทียบเท่ากับขั้นจอมเทพอนันต์
และยังเป็นจอมเทพอนันต์ชั้นสูงอีกด้วย
ด้านหลังของปีศาจหนุ่มผู้นี้คือประตูมิติรูปทรงวงรี ประตูมิติบานนี้กำลังเปล่งแสงสว่างไสว
ฮันปู้ฟู่สัมผัสได้ถึงมวลพลังมหาศาลที่ไหลทะลักออกมาจากประตูบานนั้น
นี่คือครั้งแรกที่เขาได้เห็นประตูเชื่อมแดนปีศาจ
และฮันปู้ฟู่ก็จดจำได้ทันทีว่ามันคือประตูเดียวกับที่นำพาเขามาสู่เส้นทางดาราจักร
แม้ว่าประตูเชื่อมแดนปีศาจบานนี้จะยังมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ทำให้ลำเลียงปีศาจออกมาได้ครั้งละไม่มาก แต่ก็ยังถือเป็นช่องทางขนส่งของแดนปีศาจที่เป็นภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวงต่อเส้นทางดาราจักร
ปีศาจหนุ่มผู้นี้มีมวลพลังจากประตูมิติคอยส่งเสริม ดังนั้นการจะเอาชนะเขาได้จึงเป็นเรื่องยาก
เพราะปีศาจหนุ่มสามารถดูดซับพลังจากประตูเชื่อมแดนปีศาจได้ตลอดเวลา
หากประตูมิติยังอยู่ เขาก็ไม่ต้องกลัวว่าจะแพ้ผู้ใดอีกแล้ว
“เจ้าเป็นใคร?”
ฮันปู้ฟู่ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
นี่คือสัญญาณที่ฮันปู้ฟู่สั่งให้ทุกคนกระจายกำลังล้อมรอบประตูมิติเอาไว้
ไม่ได้เป็นเพียงคำถามที่ถ่วงเวลาอย่างโง่เขลา
นี่คือช่วงเวลาวิกฤต
ฮันปู้ฟู่และคณะผู้ติดตามไม่มีผู้ใดอยากรับฟังคำตอบด้วยซ้ำ
แต่เมื่อปีศาจหนุ่มผู้นี้เอ่ยชื่อของตนเองออกมา ทุกคนก็ต้องหยุดชะงักด้วยความตกตะลึง
เพราะอวี้เหวินซิวเซียนระเบิดเสียงหัวเราะและกล่าวว่า “ข้ามีนามว่าหลินเป่ยเฉิน เป็นบุรุษผู้หล่อเหลาที่สุดในเผ่าพันธุ์ปีศาจ… และข้าจะไม่เจรจาต่อรองกับผู้ใดทั้งสิ้น”