เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ - ตอนที่ 1152 เจ็บตรงไหนไหม
บทที่1152 เจ็บตรงไหนไหม
“บ้านคุณน้าของเสี่ยวหมี่โต้ว?”
หลัวหุ้ยเหม่ยยังคงคิด คุณน้าของเสี่ยวหมี่โต้วคือใคร……
เธอเป็นคนที่ข่าวสารเยอะมาก เธอรวบรวมข่าวคราวในช่วงนี้ แล้วก็น้ำเสียงอึดอัดของลูกสาว รู้สึกว่าตัวเองพอจะเดาอะไรออก
แต่ว่า ไม่กล้ามั่นใจ
ท้ายสุดหลัวหุ้ยเหม่ยพูดลอยๆว่า : “ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ลูก?”
“แม่คะ……แม่ไม่ต้องถามแล้วนะคะ ตอนนี้ใจหนูยุ่งมากค่ะ พรุ่งนี้กลับไปแล้วหนูจะเล่าให้ฟังนะคะ?”
ลูกสาวเป็นเหมือนดวงใจของเขา พอได้ยินน้ำเสียงปนทุกข์ที่คุยกับตัวเองแล้ว หลัวหุ้ยเหม่ยใจอ่อนขึ้นมาทันที เธอกำลังจะตอบตกลง แต่พ่อจางที่อยู่ข้างๆกลับเปล่งเสียงพูดก่อน
“เยียนเหยียน งั้นลูกพักผ่อนดีๆนะ มีเรื่องอะไรต้องบอกพ่อกับแม่รู้ไหม ไม่ต้องกลัวอะไรนะลูก รู้ไหม?”
“ค่ะ”
หลังจากที่วางสาย หลัวหุ้ยเหม่ยก็มองแรงใส่พ่อจาง
“ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงเลย คุณรีบอะไร? คุณรู้ไหมว่าคุณน้าของเสี่ยวหมี่โต้วคือใคร? ถึงแม้ว่าเสี่ยวหมี่โต้ว กับบ้านเราจะสนิทกัน แต่ใครจะไปรู้ว่าน้า ของเขาเป็นคนยังไง? คุณเชื่อใจเขาขนาดนั้นเลย?”
พ่อจางที่สีหน้าจริงจังตอบว่า “เชื่อใจได้แน่นอน ไอ้เด็กเสี่ยวหมี่โต้ว นั่นที่บ้านสอนมาดีขนาดนั้น ครอบครัวเด็กแบบนี้ยากที่จะมีคนนิสัยไม่ดี แต่ประเด็นสำคัญคือเยียนเหยียนเชื่อใจเขาหนิ คนที่เป็นพ่ออย่างผมก็เลยเชื่อใจไปตามธรรมชาติด้วย ”
จิ๊ ประโยคหลังถือว่าพูดได้ถูก เสี่ยวเหยียนออกไปกับหลี่ซือห้าน แรกเริ่มทั้งสองก็เป็นห่วงเสี่ยวเหยียนว่าตัวเองจะโดนรังแกหรือเปล่า ก็เลยส่งสัญญาณด้วยคำถามแปลกๆไปหลายคำถาม ใครจะไปรู้ว่าเสี่ยวเหยียนจะพูดอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา ด้วยน้ำเสียงที่ทำอะไรไม่ถูก
จากนั้นก็บอกว่าหลี่ซือห้านน่าจะนอนอยู่ในโรงพยาบาล ส่วนตัวเธอนั้นอยู่ในบ้านของคุณน้าของเสี่ยวหมี่โต้ว น้ำเสียงก็เปลี่ยนไปอย่างมากเช่นกัน
เธอยอมที่จะอยู่ที่นั่นเอง แล้วมีคุณน้าของเสี่ยวหมี่โต้วนั่นอีก ทั้งสองก็เลยไม่ได้ถามเซ้าซี้อะไรต่อ
*
หลังจากที่เสี่ยวเหยียนวางสาย ก็เห็นแจ้งเตือนแบตเตอรี่ต่ำ ช่วยไม่ได้ โทรศัพท์เธอใช้มาทั้งวันแล้ว แล้วก็สายเรียกเข้าจากหลัวหุ้ยเหม่ยไม่หยุดไม่หย่อน ทำให้แบตเตอรี่ของเธอต่ำจนแทบระเบิด
โชคดีที่ยังเหลืออีกนิดหน่อย
หลังจากที่ได้โทรรายงานความปลอดภัยเสร็จ เสี่ยวเหยียนกำโทรศัพท์ไว้ในมือ มองไปรอบๆที่ว่างเปล่า
ก่อนหน้านี้เธอรู้สึกกลัวอย่างมาก แต่เพราะเรื่องเหลวไหลเมื่อสักครู่เหนือความคาดหมายเกินไป จึงทำให้บดบังสิ่งต่างๆที่สามารถทำให้คนกลัวได้หมดไป
เสี่ยวเหยียนเดินออกด้านนอกอย่างลังเล สลิปเปอร์ที่ใส่ไซส์ก็ค่อนข้างใหญ่กว่าเท้าของเธอ ขณะเดินก็อยากที่จะควบคุม แล้วยังส่งเสียงดังอีก ในค่ำคืนที่เงียบสงบนี้ยิ่งดังเป็นพิเศษ
เธอรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เธอได้แต่งอเท้าให้ได้มากที่สุด เพื่อจะไม่ให้ส่งเสียงดังเวลาเดิน
เธอผลักเปิดประตู แสงไฟที่สว่างตรงระเบียง แต่กลับไม่มีคนอยู่
บ้านหลังใหญ่ ระเบียงก็ใหญ่ แต่เสี่ยวเหยียนที่มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นมีคนเลยสักคน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหานชิงไปไหนแล้ว เธอไม่อยากอยู่ตัวคนเดียว จึงทำได้แค่ใส่สลิปเปอร์แล้วเดินตรงหาเขา
ในขณะที่เธอกำลังเดินเลี้ยวตรงหัวมุม แมวสีขาวตัวหนึ่งที่หลบอยู่ในมุมก็ได้พุ่งตัวออกมา แล้วกระโดดมายังข้างเธอ เพราะแมวพุ่งตัวมาอย่างกะทันหัน แล้วพุ่งตรงมาทางเสี่ยวเหยียนด้วย เธอตกใจเป็นอย่างมาก ร่างกายเธอจึงสะดุ้งถอยหลัง
แต่เพราะสลิปเปอร์ไซส์ใหญ่เกินไป ถอยได้ไม่เท่าไหร่ เธอก็ล้มลงไปกองกับพื้นที่เย็นเฉียบ
ขนทั้งตัวลุกซู่ ในคืนที่เงียบสงบนี้ เสี่ยวเหยียนตกใจจนหัวใจเต้นแรง
และในขณะเดียวกัน มือใหญ่ข้างหนึ่งมาจับแขนเธอเอาไว้ เสี่ยวเหยียนสะดุ้งส่งเสียงตกใจ ในตอนที่เธออยากจะผลักออกนั้น เสียงของผู้ชายที่น้ำเสียงสบายและคุ้นหูก็ดังขึ้นด้านหลังของเธอ
“ฉันเอง”
นี่มัน……เสียงของหานชิง
เป็นเสียงที่ทำให้เธอใจเย็นลงได้
ใช้ความคิดอยู่สักครู่ เธอหันตัวไปแล้วโผล่เข้าในอ้อมกอดของหานชิง กอดเขาไว้อย่างแน่น ซุกหน้าไว้ในอ้อมกอดของเขาไม่ยอมผลักออก
ในตอนที่หญิงสาวโผล่เข้าหาเขานั้น หานชิงถึงกับนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะรู้สึกแก้มอันนุ่มของเธอที่เขามาทาบอกเขา หัวใจเหมือนโดนกระชากออกจากร่าง นุ่มจนไม่น่าเชื่อ
แต่ไม่นานมาก หานชิงก็รู้สึกตัวว่าหญิงสาวในอ้อมกอดเธอนั้นตัวสั่นเป็นอย่างมาก เหมือนเธอตกใจเป็นอย่างมาก สายตาของเขาเย็นชาลง ยื่นมือไปจับไหล่ของหญิงสาว จากนั้นจุดรวมสายตาของเขาก็มองไปยังผู้ร้ายที่ทำให้เธอหวาดกลัวเมื่อสักครู่นี้
“โคงโคง ดึกขนาดนี้ไม่นอนแล้ววิ่งออกมาทำคนอื่นตกใจทำไมหืม?”
โคงโคงคือแมวตัวหนึ่ง พันธุ์แร็กดอลล์ หลังจากที่มันนั่งอยู่ตรงนั้นแล้วโดนหานชิงว่า เหมือนจะฟังรู้เรื่อง เอียงหัวแล้วส่งเสียงร้องเหมียว
“เมี๊ยว~”
เป็นเสียงแมวที่นุ่มนวลและขี้อ้อน เหมือนกำลังพูดว่า หนูผิดไปแล้ว~
เสี่ยวเหยียนขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของหานชิง หลังจากได้ยินเสียงแมวร้องก็นิ่งไปครู่หนึ่ง มือที่กอดหานชิงไว้อย่างแน่นในทีแรกค่อยๆคลายออก จากนั้นเธอที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาแอบๆเงยหน้าขึ้นมองไปยังทางต้นเสียง
เงาสีขาวที่ผ่านเธอไป……เมื่อสักครู่ คือแมวงั้นหรอ?
แร็กดอลล์น้อยโคงโคงนั่งอยู่ตรงนั้น สบตาเข้ากับเสี่ยวเหยียน กระพริบตาสองสามที แล้วร้องเสียงอ้อนอีกรอบ
“เมี๊ยวเมี๊ยว~”
ราวกับว่ากำลังทักทายเสี่ยวเหยียนอยู่
เมื่อสักครู่ที่เสี่ยวเหยียนตกใจ และเธอก็กลัวจนไม่คิดอะไร เห็นแค่เงาสีขาวพุ่งมาทางเธอ เธอที่หวาดกลัวอยู่แล้วในเดิมทีถึงกับควบคุมตัวเองไม่อยู่เลยล้มลงไปนั่งกับพื้นอันเย็นเฉียบ
แต่สิ่งที่ทำให้เธอตกใจนั้น กลับเป็นแมวตัวหนึ่งเสียงั้น
หลังจากเรียกสติกลับคืนมาได้ เสี่ยวเหยียนรู้สึกขายหน้าเล็กน้อย เพราะยัยแร็กดอลล์ตัวเล็กตรงหน้านี้นั้นน่ารักมากๆ แล้วขนก็นุ่มสะอาดด้วย ท่าทางของมันดูเหมือนจะน่าแกล้ง
“ปกติมันเชื่องมาก คืนนี้คงรู้สึกว่ามีคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้าน ก็เลยออกมาดู เจ็บตรงไหนไหม?”
ว่าก็ว่าเถอะ ที่ล้มลงไปนั้น เจ็บไม่ใช่น้อยเลย
แต่ต่อหน้าหานชิง เสี่ยวเหยียนไม่กล้าพูดว่าเจ็บ ได้แต่ใช้แรงส่ายหัวไปมา แล้วมองไปทางแมวตัวนั้น
“โคงโคง?”
“เหมียว?” แร็กดอลล์น้อยเอียงหัวเล็กน้อย : คุณชื่ออะไรเหมียว?
ท่าทางที่น่ารักนี้ทำให้เสี่ยวเหยียนสบายใจขึ้น อารมณ์ก็ไม่ได้อึดอัดเท่าทีแรก เธอถามว่า “ฉันขอ ลูบมันหน่อยได้ไหม?”
“ได้สิ โคงโคงเชื่องมาก”
ทันใดนั้นเสี่ยวเหยียนก็ค่อยๆเดินไปยังข้างแร็กดอลล์น้อยโคงโคง เธอนั่งลงแล้วยื่นมือไปลูบหัวของมันเบาๆ เนื้อสัมผัสนุ่มมาก ราวกับว่ากำลังลูบสายไหม
เสี่ยวเหยียนอดไม่ไหว จึงลูบแบบนั้นอยู่สักครู่หนึ่ง
“เมี๊ยวเมี๊ยว~” โคงโคงรู้สึกสบาย จึงส่งเสียหาวออกมาเบาๆ
เสี่ยวเหยียนชอบแมวมาตลอด ตอนนั้นที่มู่จื่อและเสี่ยวหมี่โต้ว เก็บแมวจรจัดแถวหมู่บ้านมาเลี้ยง เป็นแมวพันธุ์แมวสีสม ตอนนั้นเสี่ยวเหยียนยังเอ็นดูพวกมันทั้งสี่ตัวเป็นอย่างมาก แต่หลังจากนั้นต้องไปเมืองนอกแล้วก็เรื่องหลายๆอย่าง เธอยังให้แมวน้อยพวกนั้นกับคนที่อยากรับเลี้ยงอีก
เหมาะเจาะกับพวกน้องๆที่บริษัทได้ยินว่าเธอจะให้แมว ก็เลยรับไปเลี้ยงทันที
เหลือก็แต่ตัวแมวสีส้มตัวใหญ่ที่เลี้ยงไว้ในบริษัท แมวสีส้มตัวใหญ่รู้งานมาก มันจะไม่วิ่งเล่นไปทั่วบริษัท หลังจากที่มู่จื่อกลับมาก็เลยเอากลับบ้านไปเลี้ยง
จากนั้น เสี่ยวเหยียนก็ไม่ได้เลี้ยงแมวอีกเลย
ไม่คาดคิดว่าหานชิงจะเลี้ยงแมวไว้ที่นี่ตัวหนึ่ง
เพราะดูจากภายนอกเขาแล้ว ไม่เหมือนคนที่เลี้ยงแมวเป็นเลยสักนิด
“เมี๊ยวเมี๊ยว!” แร็กดอลล์น้อยยื่นขาหน้าทั้งสองข้างมา ทำท่าขอกอดไปทางเสี่ยวเหยียน