เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา - ตอนที่ 40
The Demon Prince goes to the Academy
ตอนที่ 40
ในตอนแรกนั้นชัดเจนว่าฉันไม่ต้องการที่จะโดดเด่น แต่นั่นกลายเป็นอดีตไปแล้ว ฉันก่อเรื่องมากมาย คงยากที่จะไม่เป็นที่สนใจ
สายตาของเพื่อนร่วมชั้นที่มองมาที่ฉันได้เปลี่ยนไปหลังจากที่ฉันต่อสู้กับรุ่นพี่ แต่แน่นอน มันไม่ใช่ในด้านที่ดี
ฉันหมายถึง ฉันยังคงเป็นสัตว์ป่าในสายตาพวกเขาเหมือนเดิม ฉันแค่บอกพวกนั้นว่าพวกเขาควรจะกลับมาเมื่อเจ้าชายอยู่ด้วย
ฉันคงอยู่ในตำแหน่งคนพาลที่ดีกว่าที่พวกเขาคาดไว้เล็กน้อย ล่ะมั้ง?
“…นายอ้างชื่อฉันงั้นเหรอ”
“ใช่”
ฉันบอกเบอร์ทัสซึ่งกลับมาที่หอพักในวันอาทิตย์ตามความจริง ฉันคิดว่ามันคงจะดีกว่าถ้าฉันบอกเขาด้วยปากของฉันเองแทนที่จะให้เขามารู้ด้วยวิธีอื่นในภายหลัง ฉันได้คุยกับเบอร์ทัสบนระเบียงเดียวกับครั้งที่แล้ว มีคนอยู่ไม่กี่คนดังนั้นมันจึงง่ายต่อการพูดคุย
เบอร์ทัสดูเหมือนพูดไม่ออกเมื่อเขาได้ยินว่าฉันอ้างชื่อของเขาและบังคับให้รุ่นพี่ของเราถอนตัว
“ฉันพอจะรู้มาบ้างว่ามีประเพณีแบบนี้ในรอยัลคลาส ฉันก็สงสัยอยู่ทำไมพวกเขาไม่มา พวกนั้นทำได้แค่มองมาที่ฉัน…”
เบอร์ทัสไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นเป็นมิตรหรือพูดจาไพเราะต่อหน้าฉัน
เบอร์ทัสรู้ว่ามีประเพณีเช่นนี้ แต่ดูเหมือนเขาจะสงสัยมากกว่าว่าทำไมพวกเขาถึงไม่มา
“แล้วถ้ารุ่นพี่มาวันจันทร์ล่ะ? จากที่นายบอกฉัน นายไม่ใช่เหรอที่บังคับให้ฉันหมอบลงแทนที่จะเป็นรุ่นพี่”
เบอร์ทัสยิ้มอย่างร้ายกาจ ถามฉันด้วยสายตาของเขาว่าฉันอยากตายไหม
“มีความเป็นไปได้สูงมากที่พวกนั้นจะไม่มา แต่ถึงพวกนั้นจะมา มันก็คงน่าจะดูตลกดี”
“ตลก?”
“ฉันหมายความว่า ไม่ว่านายจะทำตามหรือไม่ พวกเขาคงจะกระวนกระวายน่าดู”
คงจะตลกดีถ้าเขาลงเอยด้วยการทำมัน แต่มันจะสนุกกว่านั้นถ้าเขาไม่ทำ พวกเขาจะคิดว่า: “ตอนนี้เราสั่งสอนเจ้าชายยังไงดี” และแม้ว่าเขาจะหมอบลง คนที่สั่งก็อาจจะหัวใจวายตาย ไม่ว่าระบบของวิหารจะเรียบง่ายแค่ไหน ด้วยสถานะประเภทเดียวคือรุ่นพี่และรุ่นน้อง เจ้าชายและเจ้าหญิงของจักรพรรดิเป็นขุนนางชั้นสูงอันดับสองของโลกนี้
ความเป็นจริงแตกต่างจากกฎมาก
ลูกชายของขุนนางผู้ยิ่งใหญ่สามารถทำได้ แต่เจ้าชายอิมพีเรียลนั้นอยู่สูงเกินไปในชั้นเรียน
เบอร์ทัสยิ้มให้กับไอ้สารเลวที่กล้าอ้างชื่อของเขา
“ก็ได้ แต่ถึงกระนั้น การอ้างชื่อของเจ้าชายอิมพีเรียลถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรง นายไม่ได้หมายถึงเพื่อนร่วมชั้นของนาย เบอร์ทัส แต่หมายถึงเจ้าชาย เบอร์ทัส เดิน การ์เดียส เห็นได้ชัดว่านายไม่ได้อ้างฉันฐานะเพื่อนใช่มั้ย”
“ฉันคิดว่านั่นคือสิ่งที่ฉันทำ?”
เขาพูดถูก เพราะฉันไม่ได้เรียกเขาว่าเบอร์ทัสเพื่อนของฉัน แต่เรียกเจ้าชาย เขาโกรธงั้นเหรอ?
ฉันควรใช้แหวนเพื่อหนีเลยมั้ย?
“โดยปกติแล้ว การฆ่าทั้งครอบครัวเพราะความผิดนั้นย่อมสมเหตุสมผล แต่ฉันไม่ต้องการทำอย่างนั้น นายใช้ฉันครั้งนึง มันคงไม่เป็นไรใช่มั้ยล่ะ ถ้าฉันจะใช้นายกลับด้วย?”
“หืม?”
จะมีอะไรที่ฉันทำได้? อย่างไรก็ตามเบอร์ทัสเสนอข้อตกลงที่ค่อนข้างยุติธรรมแก่ฉัน การแอบอ้างชื่อของเจ้าชายเป็นไปได้อย่างแน่นอนภายในกำแพงของวิหาร แต่ถ้าเป็นข้างนอกนั่นคงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่น่าดู
“ฉันรู้ว่านายเรียนกับพี่สาวต่างมารดาของฉัน”
เขาน่าจะหมายถึงชาร์ลอตต์
“ฉันไม่ต้องการอะไรมากจากนาย เพียงแจ้งให้เราทราบหากนายสังเกตเห็นอะไรผิดปกติ”
ฉันควรจับตาดูชาร์ลอตต์และรายงานเขาหากพบสิ่งผิดปกติ เขาไม่อยากให้ฉันเป็นเพื่อนกับเขาหรือทำอะไรลับหลัง
แต่สุดท้ายแล้ว ฉันค่อยๆ กลายเป็นเบี้ยของเบอร์ทัสไม่ใช่รึไง?
มันรู้สึกน่ารำคาญชะมัด
“ก็ได้”
“ใช้ได้”
ไม่มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับมัน เราไม่ได้คุยกันมากในตอนแรก ในสถานะปัจจุบันของฉัน ฉันไม่มีอะไรมาต่อรองเลย
เขาดูไม่ค่อยสนใจฉันเท่าไหร่
“และก็ พยามยามเข้ากับคนอื่นๆ หน่อย”
เบอร์ทัสถอนหายใจแสร้งทำเป็นโกรธ
“ตามมาตรฐานของฉัน ฉันพยายามที่จะเข้ากันได้ดีกับที่นี่นะ? ฉันไม่ได้พึ่งช่วยพวกนั้นจากการถูกรังควานในวันนี้เหรอ?”
ด้วยคำพูดไร้สาระของฉัน เบอร์ทัสก็หัวเราะออกมา
“ฉันไม่คิดว่าการเรียกเจ้าหญิงแซงต์-โอวันว่างี่เง่านั้นคือเรื่องดีหรอกนะ?”
เธอฟ้องถึงนายเกี่ยวกับเรื่องนั้นงั้นเหรอ?
* * *
มันไม่ใช่ความลับจริงๆ ที่เบอร์ทัสกับฉันคุยกัน เป็นผลให้วิธีที่เพื่อนร่วมชั้นของฉันมองฉันค่อนข้างแปลกออกไป
ฉันไม่คิดว่าเราจะเข้ากันได้เลย แต่เราคุยกันได้สักพัก และจากระยะไกลดูเหมือนว่าเราค่อนข้างเป็นมิตรต่อกัน
เบอร์ทัสดูไม่โกรธฉันเป็นพิเศษที่กล้าอ้างชื่อของเขา
เพื่อนร่วมชั้นของฉันดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องนี้นัก
“บะ เบอร์ทัส!”
ดูเหมือนอีริชจะครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้ววิ่งไปหาเบอร์ทัสจากอีกฟากของระเบียง
“ว่าไง คุณมีอะไรจะพูดกับฉันงั้นเหรอ”
“ระ ระวังหมอนั่นนั้นด้วย….”
“อ่า ไรน์ฮาร์ท? ไม่ต้องกังวล เขาแค่ค่อนข้างซุ่มซ่ามนิดหน่อย”
“แต่….”
ไม่ว่าใครจะมองยังไง ฉันก็จะคิดว่าฉันไม่ใช่คนแบบนั้นแค่เพราะฉันซุ่มซ่ามนิดหน่อยหรอกนะ
ดูเหมือนว่าเขาจะมีความคิดไร้สาระว่าฉันอาจลงเอยด้วยการทำร้ายเจ้าชายเพราะฉันเป็นเพียงคนที่ต่ำต้อย ฉันไม่ได้ยินพวกเขาดีพอเพราะพวกเขาอยู่ห่างจากฉันมากขึ้น
ฉันคิดว่าฉันมีประโยชน์มากกว่าอีริชแน่นอน
อย่างน้อยก็ในขณะนี้
ภาพที่เจ้าชายดูเหมือนจะใกล้ชิดกับฉันมากกว่าเด็กคนอื่นๆ กระจายไปทั่ว ทำให้เด็กคนอื่นๆ
เกี่ยวกับงานของฉัน?
ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันจะทำอย่างไรกับมัน
เบอร์ทัสเป็นคนประเภทที่จะปฏิบัติต่อฉันเป็นอย่างดีหากฉันพิสูจน์ได้ว่าตัวเองมีประโยชน์
แม้ว่าฉันจะตัดสินใจออกไปหลังจากที่ฉันทำกำไรได้แล้ว แต่ก็คงเป็นการดีกว่าที่จะร่วมมือกับเบอร์ทัสในตอนนี้ เว้นแต่เขาจะขอให้ฉันทำอะไรไม่ดีกับชาร์ลอตต์
ขณะที่ฉันกำลังออกจากล็อบบี้และมุ่งหน้าไปยังหอพัก ฉันเห็นแฮเรียตนั่งอยู่ที่โต๊ะ ดื่มชาและอ่านหนังสือ
เมื่อเธอสบตากับฉันเธอก็ขมวดคิ้ว
“ฮึ่ม!”
เธอหันศีรษะอย่างรวดเร็วพร้อมกับ “ฮึ่ม!” ทันทีที่เธอเห็นฉัน เธอทำมันอย่างชัดเจน นี่มันไม่น่ารักไปหน่อยเหรอ?
นี่เธอเป็นอะไร? เด็กสาวม.ปลายผู้สูงศักดิ์?
ฮึ่ม! เธอพูดงั้น
“งี่เง่า”
“วะ ว่าไงนะ?!”
เธอหน้าแดงอีกครั้งในขณะที่ฉันแค่ยักไหล่
“ฉันแค่พูดคำสุ่มๆ อะไร เธอชื่องี่เง่า รึไง?
“เอ่อ เอ่อ…. อึก….”
นี่อะไร? เธอชินกับการถูกเรียกว่า “งี่เง่า” แล้วงั้นเหรอ? เธอจะหันศีรษะทุกครั้งที่มีคนพูดว่า “งี่เง่า” ด้วยรึเปล่า?
“เธอบอกว่าเธอฉลาดสินะ? มันไม่ดีแล้วนะรู้มั้ย”
“นี้!”
เธอลุกขึ้นและก้าวเข้ามาหาฉัน
“นายเอาแต่ยั่วยุฉันไปเรื่อย ๆ เพื่อที่ฉันจะได้เปิดเผยตัวตนของฉัน และเมื่อฉันทำอย่างนั้น นายก็จะวิ่งไปบอกครู เพื่อให้ฉันถูกลงโทษสินะ! ฮึ”
ดูเหมือนว่าเธอมีจินตนาการที่สดใสทีเดียว ดูเหมือนเธอจะคิดว่าฉันจะยั่วคนอื่นไปทั่วเพื่อให้พวกเขาพูดว่า “กล้าดียังไง ฉันเป็นลูกชายของ XXX” ในที่สุดก็ละเมิดกฎของโรงเรียน
เธออาจจะคิดว่าฉันทำอย่างนั้น เพราะฉันควรจะเป็นพวกบ้าบอ
“ไม่ ฉันไม่ได้คิดจะทำอย่างนั้นจริงๆ…”
“แล้วทำไมนายถึงมาทำกับฉันแบบนี้! ฉันไม่ใช่คนงี่เง่า! ฉันไม่ใช่? ทำแบบนี้ทำไม ไอ้สารเลว!”
“ไม่ล่ะ การแสดงออกนั้นยอดเยี่ยมเกินไป ทุกคำที่ฉันพูด ปฏิกิริยาตอบสนองที่หลากหลายออกมา มันก็แค่นั้นแหะ?”
“อะไร? แสดง…. แสดงอะไร”
ทุกๆ คำพูดที่ฉันบอกเธอ ปฏิกิริยาอันน่าทึ่งทุกอย่างก็ออกมา ดังนั้นฉันจึงทำสิ่งนี้เพราะมันสนุกจริงๆ ฉันเดินผ่านเธอที่กำลังทำท่าจะพูดอะไรด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“น่ารัก”
“อะไรนะ? นายว่าไงนะ…?”
“ก็เธอน่ารัก เป็นอัจฉริยะ แต่ก็โง่และเหมือนเด็ก มันเป็นไปตามรสนิยมของฉัน ฉันชอบที่เธอเป็นเด็กมาก แค่นั้นแหละ”
“อะไร…. นายหมายความว่าไงน่ะ?”
เธอดูสับสนว่าฉันชมหรือดูถูกเธอ
มันสนุกมากที่ได้แกล้งสาวสวยผู้สูงศักดิ์
‘หึ ฉันควรจะตอบสนองอย่างไรกับสิ่งนี้? นี่เป็นเรื่องจริงเหรอ? สิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้’
สีหน้าของเธอขณะที่เธอพยายามทำความเข้าใจกับสถานการณ์ แต่ไม่สามารถทำได้ มันตลกจริงๆ
ฉันหัวเราะคิกคักกับตัวเองขณะเดินกลับหอพัก
* * *
ชั้นเรียนทั่วไปในวันจันทร์ มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในวันจันทร์
อันดับแรก
“ไรน์ฮาร์ด”
รุ่นพี่ปีสองที่ฉันสร้างปัญหามากมายมาที่ห้องเรียน เขาไม่ได้มาคนเดียว เขามาถึงพร้อมกับรุ่นพี่คนอื่น ๆ ที่เขาอยู่ด้วยครั้งสุดท้าย คนสี่คนยกเว้นเอเดรียน่ารุ่นพี่ที่แสนสุขุม ก็ได้ปรากฏตัว
ไอ้สารเลวตัวนั้นจากคราวที่แล้วจ้องมาที่ฉันราวกับว่าเธอกำลังจะกินฉัน มันเป็นความจริงเช่นกันที่จู่ๆบรรยากาศในห้องเรียนก็กลายเป็นน้ำแข็งไปพร้อมกับการปรากฏตัวของรุ่นพี่
จู่ๆ เขาก็ขว้างอะไรบางอย่างใส่ฉันก่อนที่ฉันจะทันได้พูดอะไร
-ฟล็อป
มันตกลงบนโต๊ะของฉัน ไม่ใช่หน้าฉันหรือที่อื่น
ถุงมือ
ฉันรู้ว่านี่คืออะไร
“นายทำให้ฉันเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างร้ายแรง อาร์ท เดอ การ์ติส ทายาทของตระกูล การ์ติส”
เขาดูไม่หัวร้อนเหมือนเมื่อก่อน
“เพราะฉะนั้น ฉันขอท้าดวลกับนายเพื่อกอบกู้เกียรติยศที่เสียหายของฉันคืนมา”
“……การดวล?”
“ใช่ การดวล”
นี่มันเรื่องบ้าแบบไหนกันนะ?
“เลือกเวลาและสถานที่มา ที่นั่นผู้สังเกตการณ์จะมองข้ามการต่อสู้ของเรา”
ทุกคนมีปฏิกิริยาไม่เชื่อเมื่อเขาสมัครดวลกับรุ่นน้องของเขาเอง
“งั้นฉันขอพูดตรงๆ นายกำลังสมัครดวลเพราะรุ่นน้องของนายที่คุณพยายามจะเอาชนะคว้าตรงนั้นของนายไว้และทำให้นายกรีดร้องจนทำให้รู้สึกอับอายว่างั้น?”
ด้วยคำพูดนั้น ทุกคนที่ได้เห็นฉากนี้พยายามกลั้นหัวเราะ รุ่นพี่มองไปรอบ ๆ และบอกทุกคนว่าอย่าหัวเราะ แต่ฉันเห็นมุมปากของพวกเขาสั่น
มันเป็นเรื่องตลกไม่ว่าจะยืนอยู่ข้างไหน
“มันแย่! แย่มาก! เจ้าทะลึ่ง!”
เรดิน่าตัวน้อยเอาแต่ชี้มาที่ฉันและตะโกน
“มันชุลมุนน่ะ ต้องใช้ทุกอย่างเท่าที่ทำได้รู้มั้ย? ฉันควรจะปล่อนให้ตัวเองถูกทุบตีอย่างเงียบ ๆ รึไง? ถ้าฉันหักหัวนายได้ ฉันก็จะหัก และถ้าฉันสามารถคว้าอะไรซักอย่างได้ ฉันแน่ใจว่าจะคว้ามันอย่างบ้าระห่ำ มันผิดเหรอ? ผู้อ่อนแอควรถูกทุบตีเท่านั้นรึไง?”
“จะยืดเยื้อไปถึงไหน หากนายตั้งใจที่จะปฏิเสธการดวลและยอมรับความอัปยศอดสูนั้น ก็จงทำซะ นั่นหมายความว่านายเป็นเพียงผู้ชายที่มีความสามารถแค่นั้น นั่นคือทั้งหมด ยอมรับว่านายจะสามารถชนะการต่อสู้ด้วยวิธีสกปรกเท่านั้น”
อาร์ท เดอ การ์ติส ดูเหมือนจะไม่ไหวติงกับคำพูดของฉัน ฉันรู้เพราะเขาทุบตีฉันเมื่อวันก่อน ถ้าฉันสู้กับผู้ชายคนนั้น ฉันคงแหลกสลายแน่ๆ ไม่ ไม่ใช่แค่ถูกบดขยี้ ฉันอาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัส
การดวล
ฉันได้รวมบางฉากการต่อสู้ การดวลกันภายในวัดสามารถเกิดขึ้นได้โดยที่นักเรียนไม่ได้ใช้ดาบจริง
คนหนึ่งอาจได้รับบาดเจ็บสาหัส
แต่อย่างไรก็ตามไม่มีใครตาย
“ได้ ฉันยอมรับ”
อาจเป็นเพราะพวกเขาไม่คาดคิดว่าฉันจะยอมรับ ไม่ใช่แค่คนที่สมัครดวลเท่านั้น รุ่นพี่คนอื่นๆ และเพื่อนร่วมชั้นของฉันก็ดูจะประหลาดใจไปด้วย
“จำไว้ ฉันจะไม่หลงกลอุบายสกปรกเหมือนครั้งที่แล้ว”
ฉันต้องการความกดดันทางจิตใจอย่างมาก
นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันยอมรับมันแม้ว่าฉันจะรู้ว่ามันมากเกินไปสำหรับฉัน
ไม่รู้ว่าการดวลนั้นจะช่วยได้รึเปล่า แต่ฉันต้องลองดู
ผู้แปล: สรรพนามอาจจะเปลี่ยนไปนะครับ เนื่องจากไม่ได้แปลมานานเพราะก่อนหน้านี้ติดงาน ถ้าหากติดขัดคำแปลตรงไหนเสนอแนะได้เลยนะครับ