เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา - ตอนที่ 39
The Demon Prince goes to the Academy
ตอนที่ 39
เมื่อฉันได้ยินคำอธิบายจากเคเยอร์ ฉันก็ตกตะลึงและระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้คือประเพณีที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นในคลาส A
พวกเขาเรียกสิ่งนี้ว่า ‘การละลายพฤติกรรม’ ดูเหมือนว่าเรื่องไร้สาระนี้เกิดขึ้นเพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาเท่าเทียมกัน
เป็นผลให้นักเรียนชั้นปีที่ 2 จะมาและสั่งนักเรียนชั้นปีที่ 1 หมอบและขณะเดียวกันก็จะย้ำเตือนให้พวกเราเอาชนะคลาส B ให้ได้และจะฆ่าพวกเราหากแพ้ พวกเขาลงมือทำในวันนี้ สุดสัปดาห์แรกหลังจากเปิดปีการศึกษา
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาหมอบลงโดยไม่คำนึงถึงสถานะของพวกเขา โดยพวกเขาบอกว่ามีเพียงรุ่นพี่เท่านั้นที่เหนือกว่าไม่ว่าใครจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม มันค่อนข้างไร้สาระที่ฉันจะทำตัวแบบนั้นกับเธอ
ฉันไม่รู้ว่าเรื่องที่ไร้สาระแบบนี้เป็นประเพณีในคลาส A สาเหตุหลักมาจากการที่ฉันมุ่งเน้นเนื้อเรื่องไปที่คลาส B การไม่ยอมแพ้ต่อคลาส B ของคลาส A นั้นเป็นถูกบังคับโดยพวกรุ่นพี่ น่าจะประมาณนั้น?
นักเรียนคลาส B คงจะสนุกสนาน ได้ทานอาหารดีๆ กับรุ่นพี่ที่น่ารัก…
นักเรียนจากคลาส A แน่นอนว่ามีบุคลิกที่หลากหลายไม่ว่าจะอยู่ระดับใดก็ตาม?
ฉันแน่ใจว่าเป็นคนที่มีบุคลิกโดดเด่นที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งหมด…
“แล้วรุ่นพี่สามัญชนจะมาสอนน้องคลาส A แบบนี้ทุกปีเหรอ”
“นั่นคือสิ่งที่ฉันได้ยิน….”
“แล้วเมื่อกี้ใครน่ะ”
“เธอเป็นนักเรียนปีที่สองและชื่อของเธอคือ… เธอชื่อ…อะไรนะ”
“เรดิน่า เธอยังไม่ได้บอกความสามารถของเธอให้เรารู้”
โคโน ลินต์ซึ่งอยู่ข้างๆ เขาบอกฉันแทน เดิมที นี่เป็นเหตุการณ์สำคัญที่สามัญชนจะมาบดขยี้อำนาจของราชวงศ์และขุนนาง ปีนี้เจ้าเปี๊ยกตัวน้อยเป็นผู้รับผิดชอบ
อย่างไรก็ตาม พวกเขาอาจรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระที่ทุกคนจะถูกปฏิบัติเช่นนั้น แต่เนื่องจากเป็นประเพณีที่ส่งต่อกันมา แม้ว่ามันจะทำร้ายความภาคภูมิใจของพวกเขาเล็กน้อย แต่มันคงเจ็บกว่าการต้องออกจากรอยัลคลาส
พวกเขาต้องคิดว่าขุนนางและราชวงศ์อื่น ๆ ของราชวงศ์ได้รับการปฏิบัติเช่นนั้น
อย่างไรก็ตามตอนนี้ ไม่ว่าจะราชวงศ์หรือเหล่าขุนนางก็กลับกลืนกินความภาคภูมิใจของพวกเขาเก็บไว้ และกำลังดำเนินการอย่างเงียบ ๆ เพื่อสืบค้นเรื่องของขอทาน
“……”
ทุกคนมุ่งความสนใจมาที่ฉันด้วยเหตุผลบางอย่าง ทุกคนเอาแต่อยู่ในโรงยิมโดยสงสัยว่าปล่อยไว้แบบนี้จะดีเหรอ
“นี่นาย”
เลขที่ 4, แฮเรียต เดอ แซงต์-โอวัน เรียกฉันด้วยความกังวล แฮเรียตคือคนที่มีพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์คนนั้นน่ะ
“มีอะไร?”
“ถ้ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นายจะรับผิดชอบให้พวกเรารึเปล่า”
ราวกับว่าเธอกำลังถามฉันว่าทำไมฉันถึงไม่ละทิ้งความภาคภูมิใจที่บิดเบี้ยวแล้วยอมๆไป เธอมีใบหน้าที่สวยแต่ดูดุร้ายและดูค่อนข้างงี่เง่า
“แล้วอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าเกิดผิดพลาดขึ้นมาล่ะ”
“พวกรุ่นพี่ก็จะมองพวกเราไม่ดีน่ะสิ”
ฉันคิดว่าเธอกำลังพูดถึงภาพลักษณ์ของเราในสายตาของพวกรุ่นพี่
“แล้วไง ถ้าพวกเขามองเราในแง่ร้าย? แล้วไงต่อ”
“ฮะ?”
“จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ ถ้าพวกรุ่นพี่มองเราในแง่ร้าย”
“นั่นสินะ….”
“จะไปเรียนไม่ได้หรือจะนอนไม่ได้? ถ้าพวกเขาโจมตีเรา เราก็แค่รายงานให้ครูทราบ ทำไมเธอถึงยอมหมอบลงง่ายๆในเมื่อเรื่องมันก็มีแค่นั้น? พวกเธอไม่มีความกล้าซักนิดเลยเหรอ? เธอมีศักดิ์ศรีน้อยกว่าฉันที่มาจากข้างถนนได้ไงเนี่ย? เฮ้อ”
ถอนหายใจ เมื่อฉันมองทุกคนอย่างดูถูกเหยียดหยาม ทุกคนยกเว้นเอลเลนและคลิฟฟ์แมนต่างมีใบหน้าร้อนผ่าว
พวกเขาอาจคิดว่าถ้าไม่ฟังพวกเขาจะมีปัญหา ดังนั้นพวกเขาจึงกัดฟันอดทน คิดเกี่ยวกับเกียรติยศและการยอมรับทางสังคมที่พวกเขาจะได้รับหลังจากจบการศึกษาจากรอยัลคลาส
พวกเขารู้สึกแย่ แต่พวกเขาก็พยายามที่จะทนกับมัน แต่เมื่อฉันเข้ามาทุกอย่างก็กลับตาลปัตร
“ยังไงก็ตาม มันเป็นความรับผิดชอบของนาย! ฉันทำสิ่งที่ฉันบอกไปแล้ว! เพราะงั้นมันไม่เกี่ยวกับฉัน! ใช่มั้ยล่ะ?”
แฮเรียตตะโกนใส่ฉันโดยคิดว่าเธอเพิ่งสูญเสียความภาคภูมิใจของเธอไป
“ฉันจะฆ่านานแน่ ถ้าเรื่องนี้จะทำให้ชีวิตในวิหารของฉันต้องยุ่งเหยิง”
ดูเหมือนแฮเรียตจะคิดว่าฉันจะไม่ทำร้ายเธอเพราะฉันอยู่นิ่ง ๆ และไม่เคยแตะต้องเธอมาก่อน
ช่างเป็นเรื่องน่าตลกจริงๆ
“ฆ่าฉัน? เธอคิดว่าจะพูดอะไรที่คิดออกมาก็ได้งั้นเหรอ? เธอคิดว่าฉันเอาชนะเธอไม่ได้งั้นสิ?”
“ว่าไงนะ?”
“เธอคิดว่า ไม่ว่าจะสถานะไหน หรือว่าจะเป็นชายเป็นหญิงถ้าอยู่ในวิหารทุกคนจะเท่าเทียมกันและตัดสินกันที่พรสวรรค์อย่างเดียวรึไง? ถ้าเธออยากทำตัวใหญ่โตที่นี่นักล่ะก็ ฉันคงจะต้องประทับรอยมือของฉันที่แก้มของเธอไว้ให้ซักสัปดาห์ละกัน เอามั้ยล่ะ”
ฉันค่อนข้างมีประสบการณ์เมื่อมันเกี่ยวกับเรื่องความตาย ก็ฉันตายไปแล้วครั้งหนึ่งอ่ะนะ
พวกเธอไม่เคยตายมาก่อนใช่มั้ยล่ะ? แต่ฉันเคย!
ขณะที่ฉันเข้าไปใกล้อีกก้าว แฮเรียตถอยกลับด้วยความตื่นตระหนก
“สิ่งเดียวที่แข็งแกร่งของเธอก็คงมีแค่ความหัวแข็งล่ะมั้ง แล้วเธอจะฆ่าฉันยังไงล่ะหื้ม”
“หะ…. หัว แข็ง?”
“ใช่แล้ว”
เมื่อฉันปฏิบัติต่อเจ้าหญิงแห่งราชรัฐแซงต์-โอวันในฐานะคนที่มีความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวคือความหัวแข็งของเธอ สีหน้าของทุกคนก็แปลกไป
“… ฮึ!”
แฮเรียตรู้สึกถูกดูถูกและขายหน้ามากขึ้น บวกกับเมื่อเธอต้องโดนสั่งหมอบ ใบหน้าของเธอจึงกลายเป็นสีแดงแอปเปิ้ลและเธอไม่สามารถเปล่งคำพูดออกมาได้แม้แต่คำเดียว
-ปัง!
“ออกมานี่เดี๋ยวนี้ ไอ้สารเลว!”
และ
คราวนี้มีกลุ่มคนบุกเข้าไปในโรงยิม
* * *
มีคนทั้งหมดห้าคนที่บุกเข้ามา พวกเขาน่าจะอยู่ปี2 ดังนั้นพวกเขาจึงอายุ 18 ปี แน่นอนว่าเด็กน้อยก่อนหน้านี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
“นั่นใช่เขาหรือเปล่า”
“ใช่!”
เด็กน้อยชื่อ เรดิน่าซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเพื่อนร่วมชั้นชายและชี้มาที่ฉัน อะไรกัน เธอทำตัวเป็นแค่เด็กน้อยน่ารักกับเพื่อนร่วมชั้นงั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าน้องสาวคนเล็กเรียกพี่ชายของเธอหลังจากมีเรื่องกัน ชายคนนั้นดูเหมือนกำลังจะตะโกนว่า “แกกล้าดียังไงมายุ่งกับลูกของเราด้วยท่าทีแบบนั้นห้าาา”
รุ่นพี่ที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มกำลังมองมาที่ฉันด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว ว้าว มันแปลกประหลาดมากที่เห็นนักเรียนมัธยมปลายทำแบบนี้ในชีวิตจริง
“นี่รุ่นน้อง นายชื่ออะไร?”
“ไรน์ฮาร์ด”
“นายอาจมาจากตระกูลขุนนางที่ยิ่งใหญ่และไม่รู้ว่ารอยัลคลาส ทำงานอย่างไร…”
“โทษทีนะ พอดีฉันไม่ใช่ขุนนาง?”
ดูเหมือนว่าฉันถูกเข้าใจผิดว่าเป็นขุนนางบางประเภท และแม้จะมีสถานการณ์เช่นนี้ เสียงหัวเราะก็ดังขึ้นท่ามกลางเพื่อนร่วมชั้นปีหนึ่งของฉัน
“หัวเราะทำไม? ตลกอะไรนักหนา”
บรรยากาศด้านหลังเริ่มเย็นลงอีกครั้งจากคำของรุ่นพี่คนนี้
“แล้วไง? นายเป็นราชวงศ์งั้นเหรอ”
“ก็ไม่ใช่เหมือนกัน?”
“……อะไรนะ?”
จากนั้นสีหน้าของเขาก็แปลกไป ฉันไม่ใช่ขุนนางหรือราชวงศ์ ดังนั้นจึงมีข้อสรุปเพียงข้อเดียว
“นายกำลังพูดอะไร? คนเดียวจากตระกูลอิมพีเรียลที่นี่ควรจะเป็นเบอร์ทัส? แต่นายคือไรน์ฮาร์ดใช่มั้ย”
“ใครว่าฉันมาจากราชวงศ์อิมพีเรียลล่ะ?”
ฉันหัวเราะแล้วพูดว่า:
“ฉันไม่ใช่ขุนนาง ไม่ใช่ราชวงศ์ หรือเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์อิมพีเรียล แต่เป็นแค่ขอทานตามข้างถนน แล้วไงล่ะ”
ทุกคนตกตะลึงกับการประกาศอย่างกล้าหาญของฉัน
“…. ขอทาน? นายเป็นขอทาน?”
“ใช่ ขอทาน”
ทุกคนดูตกใจที่ฉันพูดแบบนั้นออกไป คนที่ดูเหมือนเป็นตัวแทนของพวกเขามองมาที่ฉันโดยกอดอกพูดไม่ออก
“ไม่ แล้วทำไมนายถึงทำตัวสูงส่งและยิ่งใหญ่เหมือนพวกขุนนางและราชวงศ์กันล่ะ”
“ถ้าคุณไม่อยากทำอะไร ก็แค่ไม่ทำ แล้วไง? ขอทานจะมีความภาคภูมิใจบ้างไม่ได้รึไง?”
“อ๋อ อย่างนั้นเหรอ”
เขากำหมัดแน่นและเริ่มเข้ามาหาฉัน
“งั้นฉันก็ต้องเอาชนะนายให้ได้ ให้ฉันสั่งสอนนายเอง”
– ป๊าบ!
ฉันรู้สึกได้ทันทีที่โดน
ผู้ชายคนนี้ของจริง
* * *
บรรยากาศหนาวเย็นยิ่งกว่าเดิม
“เอิ๊ก….”
มันเจ็บเหมือนตกนรก นั่นคือทั้งหมดที่ฉันคิดออก กำปั้นของเขากระแทกอย่างแรง มันไม่ใช่เรื่องตลก
“ไม่ใช่ว่านายดูเงียบๆไปงั้นเหรอ หื้ม?”
เมื่อฉันก้าวถอยหลังโดยกุมท้องไว้ เขาก็เริ่มเข้ามาหาฉันช้าๆ
ฉันทำเหมือนฉันเป็นบ้าจนถึงตอนนี้ และฉันไม่คิดว่าฉันจะได้มาเจอของจริงแบบนี้
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเรื่องไม่คาดฝัน ผู้ชายคนนี้เป็นรุ่นพี่ ไม่ใช่เพื่อนร่วมชั้นของฉัน เห็นได้ชัดว่าความสามารถทางกายภาพของเราเทียบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นั่นคือความแตกต่างในระยะห่าง1ปีระหว่างเรา
“ถ้านายเป็นส่วนหนึ่งของรอยัลคลาส”
– ป๊าว!
“อั๊ก!”
“ก็ทำตามประเพณีของรอยัลคลาสสิวะ”
– ป๊าว!
“ฮึ!”
“ถ้าฉันเอาจริง นายคงตายไปนานแล้ว เข้าใจมั้ย”
ฉันถูกเด็กอายุ 18 ปีทุบตีอย่างช่วยไม่ได้ในขณะที่เขากำลังพูดอย่างไม่เป็นทางการ ฉันทนไม่ได้ที่โดนตบแบบนั้น ฉันจึงวิ่งไปหาเขา
“ฮะ”
– ป๊าว!
“เอิ๊ก!”
“นายพยายามจะโจมตีรุ่นพี่ใช่มั้ย”
แม้ว่าเขาจะตกใจที่ฉันพยายามจะต่อยเขา แต่ผู้ชายคนนั้นก็หลบกำปั้นของฉันเพียงแค่ขยับศีรษะเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หัวเราะและจับผมของฉัน
“ไอ้เวรนี่เอาจริงเหรอ”
– ป๊าว!
เขาทุบหน้าอกของฉัน
“จริงๆงั้นเกรอ”
– ป๊าว!
“อั๊ว!”
เขาตีฉันที่หน้าท้อง
“นายอยากตายมากใช่มั้ย”
– ป๊าว!
“ฮึบ!”
ฉันโดนตบหน้า เพื่อนร่วมชั้นและรุ่นพี่ของฉันกำลังเฝ้าดูฉันถูกทุบตีอย่างว่างเปล่า
ที่แปลกใจคือ…
สีหน้าของพวกเขาดูไม่สดชื่นเลย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาดูหวาดกลัว
ฉันรู้ตัวเมื่อโดนตบเข้าที่หัว
ทั้งที่สู้ไม่ได้เลย
ฉันรู้สึกเหมือนได้รับชัยชนะ
“นายมันก็แค่-….”
“เฮ้”
-กั๊ก!
“อั๊ว!”
“ตานายแล้ว ไอ้สารเลวเอ้ย”
“คร๊าาาาาา!”
ฉันจับเป้าของชายคนนั้นด้วยแรงทั้งหมดของฉัน มันตบหน้าฉัน ฉันเลยคว้ามันไว้เหมือนมงกุฎแห่งชัยชนะ
โล่งอกที่มันมีขนาดตามค่าเฉลี่ยสำหรับนักเรียนมัธยมปลาย
“พูดว่า “ได้โปรดปล่อยฉันด้วยเถอะ” สิ”
“อ้ากกก! เฮ้ เฮ้ ออกไป ปล่อยนะเว้ย รีบปล่อยในขณะที่ฉันยัง ใจดีอยู่ววววว! ได้โปรด!””
ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นกำลังถูกทดสอบขีดจำกัดของเส้นเสียงและความสามารถของเขา
รุ่นพี่คนอื่น ๆ ที่เห็นเหตุการณ์ที่น่าอัศจรรย์นั้นเข้ามาใกล้เพื่อหยุดฉัน
“ฉันไม่หยุด!”
“อ๊ะ ไม่! แก ไอ้สารเลว!”
“อย่าเข้ามาใกล้นะ ไอ้สารเลว!”
“ย่าห์ก๊ากกก! อ๊ากกกกกกกกกกกก!”
“บิดไปอีก? มันบิดมากกว่านี้จะไม่ดีงั้นเหรอ? ฮะ? ถ้าเธอเข้ามาใกล้ฉันกว่านี้ ฉันจะบิดมันจนสุด! โอ้ ดูท่าเขาจะต้องอยู่เป็นแตงโมไร้เมล็ดไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ อา ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน แต่ถ้าเข้ามาใกล้กว่านี้ ผู้ชายคนนี้สามารถบอกลาลูกหลานของเขาได้เลย!”
เมื่อได้ยินคำขู่ของฉัน ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะรีบไปช่วยเขา ขณะที่ฉันพยายามจับให้แน่นกว่าเดิม
“ปะ! ปละ! ปล่อย น้าาาาาาา!”
“พูดสิว่า ได้โปรดปล่อยฉันไปด้วย”
นักเรียนชายทุกคนต่างสงบเสงี่ยมโดยไม่รู้ตัวในฉากสยองขวัญนั้น
“ปะ, ปล่อย! ปล่อยฉันไปเถอะนะ!”
“คุณต้องเพิ่มคำว่าได้โปรดด้วยสิ ระวังการใช้ภาษาของนายหน่อย! โปรด! พูดมันด้วย!”
– ขยี้!
“ได้โปรด ปล่อยฉันไปเถอะน้าาาาาา! เอิ๊ก!”
พี่ชาย คุณเริ่มที่จะดูเหมือนผู้หญิงแล้วนะ
“ปล่อยเดี๋ยวนี้? ”
– ขยี้!
“อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา! กร๊ากกก! แอร๊ยยย!”
เขาเพิ่งเปล่งเสียงแปลก ๆ ออกมา
ตอนนี้ฉันก็เริ่มขนลุกเหมือนกัน
“พาเพื่อนออกไปได้แล้ว”
ฉันพึมพำอย่างเคร่งขรึม
“นายจะมาทุบตีฉันเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้านายทำ ฉันจะพังของของนายที่นี่จนกว่าจะซ่อมไม่ได้อีกเลยดังนั้นเตรียมตัวไว้ได้เลย อ้อ แล้วครั้งหน้าฉันจะบิดมันให้สุดไปเลย”
ฉันปล่อยมือจากเขาแล้วมองลงไปที่ผู้ชายที่ตอนนี้ทรุดอยู่กับพื้น
– เตะ!
“อั๊ว!”
“เอาสิ่งนี้ออกไปได้แล้ว ไอ้พวกเวร”
เมื่อปล่อยเสร็จฉันก็เตะเข้าที่ใบหน้าของเขา
* * *
รุ่นพี่สองคนรีบเข้ามารับตัวเขาแล้วก็หายไป บางทีอาจเป็นเพราะการรักษาไอ้สารเลวนั้นเป็นเรื่องเร่งด่วนกว่า
“ไอ้โรคจิต นายมันโรคจิต!”
“จงสรรเสริญต่อไป”
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ชื่อเรดิน่าเดินตามหลังคนที่ถูกลากออกไปในขณะที่ร้องไห้ เธอดูตกใจอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างไรก็ตาม ยังมีรุ่นพี่หนึ่งคนที่เหลืออยู่ในโรงยิม แม้ว่าเธอจะดูเหมือนเพิ่งเห็นบางสิ่งที่ไร้สาระและน่ากลัว แต่เธอก็เป็นผู้หญิงที่มีท่าทีค่อนข้างสงบ
“ไม่ไปเหรอ?”
“นายรุ่นน้อง ช่วยอย่าทำให้สถานการณ์แย่ลงทีได้มั้ย”
“แล้วอยากจะตีฉันอีกเหรอ? คุณจะบิดของฉันด้วยเหมือนกันมั้ย”
“นายรุ่นน้อง ฉันแค่ต้องการคุยดีๆ ในเมื่อไม่มีใครอยู่ที่นี่ ทำไมเธอไม่แสดงความเคารพต่อฉันในฐานะรุ่นพี่ซักหน่อยล่ะ?”
ฉันรู้สึกถึงวิกฤตบางอย่างจากคำพูดนั้นในสถานการณ์แบบนี้
ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไร แต่เธอดูแปลกไป เธอดูเป็นผู้ใหญ่ และฉันคิดว่าเธอแค่บอกให้ฉันหยุดเรื่องนี้
ฉันจะพูดดีกับคนที่พูดดีกับฉัน และคนอื่นๆ ดูเหมือนจะเลิกคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว
“โอเค ได้ แล้วมีอะไรล่ะ?”
“ฉันชื่อเอเดรียน่า เป็นนักเรียนปีที่2 ของรอยัลคลาส, A-2 เธอบอกว่าเธอคือไรน์ฮาร์ดใช่มั้ย”
“อา ใช่”
เธอบอกชื่อของเธอ เธอแค่อยากจะคุยกับฉันจริงๆเหรอ?
“จริงๆเราไม่ต้องการทำแบบนี้เช่นกัน ทำมาหลายชั่วอายุคน รุ่นพี่ก็กดดันเราเหมือนกัน เราจึงต้องทำ”
มันเป็นระบบแบบคลาสสิก ช่างไร้สาระชะมัด
พวกเขาบังคับให้ทำแม้ว่าพวกเขาจะไม่ต้องการทำก็ตาม
“เรดิน่าเป็นผู้หญิงที่จิตใจอ่อนแอ เธอไม่สามารถทำร้ายใครได้ เธอยอมทำร้ายตัวเองดีกว่าต้องมาพูดจารุนแรงกับพวกคุณ รุ่นพี่ของเธอเสนอชื่อเธอและบังคับให้เธอทำ”
“ถ้าไม่สามารถทำได้ ทำไมต้องทำด้วยล่ะ?”
“เพราะทำแบบนี้มานานแล้ว ฉันรู้ว่ามันฟังดูแปลกๆ แต่ถ้าใครอยากจะหยุดประเพณีที่ดำเนินมาอย่างยาวนานโดยไม่มีเหตุผลที่ดี สิ่งต่างๆ จะกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก”
เอเดรียน่าดูเหมือนจะไม่สนุกกับการทำแบบนี้ อย่างไรก็ตาม ด้วยแรงกดดันที่มาจากผลการเรียนที่สูงขึ้น ในที่สุดเรดินาตัวเล็กก็ตัดสินใจทำ และแม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนประเภทนั้นด้วยซ้ำ
“ถ้าเราบอกว่าเราทำไม่ได้ บางทีพวกปี3 อาจจะมาเองก็ได้” ถึงตอนนั้น…. เธอจะจัดการได้มั้ย”
เธอถามฉันว่าฉันจะไล่นักเรียนชั้นปีที่ 3 ออกโดยทำเรื่องน่าอายและไร้ยางอายเหมือนเมื่อกี้นี้อีกได้มั้ย
“ยิ่งชั้นสูง ก็ยิ่งยากสำหรับพวกเขาที่จะอดกลั้น เธออาจได้รับบาดเจ็บจริงๆ”
ใช่ ยิ่งใช้เวลาอยู่ที่วิหารมากเท่าไหร่ คนก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ฉันถูกปี2 ทุบตีเหมือนหมา แต่ฉันใช้ประโยชน์จากความเลินเล่อของเขาและจับจุดอ่อนของเขาได้ คงไม่มีโอกาสเช่นนี้ถ้าชั้นปีที่สูงกว่าเริ่มเข้ามา
“ครูแค่ดูสิ่งนี้เฉยๆงั้นเหรอ”
“พวกเขายอมรับมัน”
คงจะสบายสำหรับครูจริงๆ ถ้าไอ้พวกตัวแสบโดนสั่งสอนแบบนี้ พวกเขาสามารถใช้รุ่นพี่เพื่อฝึกฝนคนที่ผิดแนวและฟื้นฟูพวกเขา
“มาทำสิ่งต่างๆ ในปริมาณที่พอเหมาะกันเถอะนายรุ่นน้อง ถ้าเรื่องมันลุกลามใหญ่โต เราคงโดนรุ่นพี่ดุ แต่พวกนายจะยิ่งเดือดร้อน”
สรุปว่า “ทำตามแบบปกติไม่ได้เหรอ?” เธอดูเหมือนจะเป็นคนที่พูดคุยด้วยได้อย่างแน่นอนเพราะเธอพยายามแนะนำฉันอย่างอ่อนโยน ถึงกระนั้น ดูเหมือนเธอจะไม่อยากยุ่งวุ่นวายเพื่อทำลายวงจรแห่งความไร้เหตุผลนี้
อย่าสร้างเรื่องและเป็นเด็กดีซะ
คุณอดทนสักหน่อยแล้วแสร้งทำเป็นไม่ได้หรือ
นั่นคือสิ่งที่เธอแนะนำและร้องขอ
นั่นเป็นไปได้ ฉันเห็นว่าเธอเป็นคนที่พูดรู้เรื่องจริงๆ
“ไปบอกพวกปี3ที่จะมาถึง พวกเขาไม่ใช่คนที่ทำให้รุ่นพี่ทำแบบนี้เหรอ? ถ้าไอ้สารเลวพวกนั้นอยากให้ทำ ก็ให้พวกเขาก็มาทำเอง”
“…….ว่าไงนะ?”
เอเดรียน่าแสดงความประหลาดใจเพราะเธอไม่คิดว่าฉันจะไปตอบไปแบบนั้น
ปี2 ปี3!
แค่มาที่ฉัน!
“แต่พวกเขาไม่ควรมาวันนี้หรือพรุ่งนี้”
ฉันหัวเราะเบา ๆ
“บอกให้มาในวันจันทร์ ในคืนวันจันทร์”
ฉันรู้ว่าทำไมพวกเขาถึงเลือกวันหยุดสุดสัปดาห์ เอเดรียนากัดริมฝีปากของเธอขณะที่เธอเข้าใจสิ่งที่ฉันพูดในทันที
“มาดูกันว่าปีที่สามนั้นจะสามารถบอกให้เจ้าชาย เบอร์ทัส เดอ การ์เดียส หมอบลงได้รึเปล่า จะดีกว่ามั้ยหากให้พวกเราทุกคนมาพร้อมกัน ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมคุณต้องทำในเวลานี้ เราควรทำร่วมกัน ฉันสัญญาว่าจะยอมรับเรื่องนี้ถ้าพวกเขามาในวันจันทร์”
ฉันเข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงทำเช่นนี้ในช่วงสุดสัปดาห์
พวกเขาต้องยืนยันว่าเจ้าชายกลับไปที่ราชสำนักในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ไม่ว่าเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ พวกเขาไม่ต้องการแตะต้องเจ้าชาย พวกเขาสามารถทำสิ่งเหล่านี้กับขุนนางหรือราชวงศ์อื่น ๆ ได้ แต่ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะกล้าแตะต้องเจ้าชายอิมพีเรียล
“ถ้าไม่มีปี3ในวันจันทร์ ฉันเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก”
“……”
ทุกคนแปลกใจที่ฉันกล้าเอ่ยถึงเจ้าชาย เอเดรียน่าถอนหายใจสั้น ๆ ขณะที่หลับตา
“เธอเป็นเด็กที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”
รุ่นพี่ที่มีท่าทางสงบออกจากโรงยิมด้วยคำพูดเหล่านี้
เธอไม่คิดว่าฉันบ้าพอที่จะพูดถึงเจ้าชาย
ฉันหันไปคุยกับแฮร์เรียต เดอ แซงต์-โอวัน
“ฉันรับผิดชอบแล้ว โอเคมั้ย ยัยซื่อบื้อ”
“.……นี่ อย่ามาเรียกฉันว่ายัยซื่อบื้อนะ! ฉัน ฉันฉลาดกว่านายนะ!”
“โอ้ใช่ ยัยซื่อบื้อคุณภาพสูง”
“นี่ นี่! นาย!”
เธอตะโกนด้วยใบหน้าที่แดง แต่ดูเหมือนเธอโล่งใจที่สถานการณ์นี้ได้รับการแก้ไขแล้ว
ภาพลักษณ์ที่พวกเขามอบให้ฉันดูแตกต่างจากเมื่อก่อนเล็กน้อย ขณะที่พวกเขาค่อยๆ แยกย้ายกันไปทีละคน
พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาเพิ่งได้เห็นการใช้งานความบ้าคลั่งที่แปลกประหลาดสำหรับคนโรคจิตคนนี้ เป็นสัตว์ร้ายที่ควรหลีกเลี่ยง