เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 478 ร้อนใจไปเอง
บทที่ 478 ร้อนใจไปเอง
อยากหยิกสักทีจริง ๆ
ขณะที่ลู่เอี้ยนคิดเช่นนั้น ทว่ามือกลับทำไปแล้ว
อย่างไรเสียก็มาจากตระกูลหมอเทวดา อีกทั้งยังอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นนางจึงให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ เย่จิ่งฝูจึงต้องนอนหลับให้เพียงพอ กินอาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกายทุกเช้าและยังแช่เท้าทุกวัน รวมถึงยังทำของเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อบำรุงความงามให้ตัวเองเป็นครั้งคราวอีกด้วย
ที่จินโจวเนื่องจากสภาพอากาศมีความแปรปรวนรุนแรง จึงทำให้ผิวของคนที่นี่ไม่ได้ขาวสักเท่าใดนัก เมื่อได้บีบเช่นนี้ลู่เอี้ยนก็รู้สึกชอบจนไม่อยากปล่อย
ท่านหมอเย่ที่แข็งแกร่งและปากแข็งผู้นี้ กลับมีผิวหน้าที่อ่อนนุ่มยิ่งนัก
เย่จิ่งฝูกระทืบเท้าเร่า ๆ “ท่าน ๆ ๆ เอามือออกเดี๋ยวนี้นะ!”
ลู่เอี้ยนจึงยอมปล่อยมือ “ท่านหมอเย่ มาหารือกันหน่อยดีกว่า”
เย่จิ่งฝูกุมหน้าของตัวเองเอาไว้ “หารืออะไร? คำขอที่มากเกินไป ข้าไม่มีทางตอบตกลงอย่างแน่นอน”
“ไม่เกินไปหรอก”
ลู่เอี้ยนขยับเข้ามาใกล้นางอีกหนึ่งก้าว “ท่านจะตามพวกเนี่ยเจิ้งอ๋องไปสนามรบอีกใช่หรือไม่?”
เย่จิ่งฝูพยักหน้ารับ
“ท่านบอกว่าผู้ชายเป็นอุปสรรคสำหรับท่านใช่หรือไม่?”
เย่จิ่งฝูพยักหน้ารับอีกครั้ง
“เช่นนั้นท่านไม่ได้เกลียดผู้ชายใช่หรือไม่?”
เมื่อเย่จิ่งฝูคิดไปคิดมา ก็ดูเหมือนจะมีแค่เซี่ยหยางกับเจียงเช่อเท่านั้นที่นางเกลียดมากเป็นพิเศษ
“ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น”
ลู่เอี้ยนสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง “เช่นนั้นหากข้าสามารถเป็นสามีที่มีคุณธรรมและช่วยเหลือท่านได้ ท่านจะรับข้าไว้พิจารณาหรือไม่ เช่นนั้นพวกเราก็เป็นคู่หมั้นกันต่อไปเถอะ”
เย่จิ่งฝูกะพริบตาเล็กน้อย “ฮะ?”
ลู่เอี้ยนไม่ได้พูดอะไรอีก ก่อนจะถอยหลังมาหนึ่งก้าวเพื่อรักษาระยะห่างเล็กน้อย แล้วเอ่ยขึ้นมา “ข้าอยู่ที่จินโจวคนเดียว แต่ที่บ้านยังมีน้องชายอีกสองคน และพวกเขาก็อยู่ที่เมืองหลวง พ่อแม่ข้าจึงมีคนคอยดูแลอยู่แล้ว ดังนั้นท่านก็ไม่ต้องปรนนิบัติพ่อแม่สามี ส่วนข้าก็รอท่านมาหลายปีแล้ว-”
“ช้าก่อน นี่ท่านรอข้าอยู่อย่างนั้นหรือ ก่อนหน้านี้ท่านไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าเป็นใคร”
เย่จิ่งฝูเอาแขนทั้งสองข้างกอดอก “ผู้ชายเจ้าเล่ห์เพทุบาย อย่าคิดว่าข้าดูไม่ออกว่าท่านกำลังเสแสร้งทำเป็นคนมีความรู้สึกลึกซึ้งนะ!”
คิดจะหลอกนางอย่างนั้นหรือ? ยังอ่อนเกินไป
เย่จิ่งฝูแสดงออกว่าไม่หลงกลเขา
ลู่เอี้ยนก็ไม่ได้ปฏิเสธ “อืม ก่อนหน้านี้คิดว่าไม่จำเป็น”
“เช่นนั้นเหตุใดตอนนี้ถึงพูดขึ้นมาอีก?”
ทันใดนั้นลู่เอี้ยนก็เอ่ยด้วยท่าทางจริงจัง “เพราะท่านหมอเย่มีคุณธรรมควรค่าแก่การนับถือ หากลู่เอี้ยนได้แต่งกับท่านหมอเย่ก็คงเป็นบุญของลู่เอี้ยนแล้ว”
เวลานี้ขาของเย่จิ่งฝูถึงกับชาไปหมดแล้ว “ท่าน ๆ ๆ ท่านไม่ต้องมาสวมหมวกสูง*ให้ข้า ข้าจะไปแจ้งทางการให้มาจับท่าน ข้อหาล้อเล่นกับผู้สูงส่งที่ละทางโลกแล้ว คอยดูเถอะ!”
* สวมหมวกสูง (戴高帽) หมายถึง เยินยอ
นัยน์ตาดอกท้อของลู่เอี้ยนหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มกว้างออกมา “ข้าก็เป็นเจ้าหน้าที่ของทางการเช่นกัน กฎหมายของต้าจิ้นไม่ได้บอกว่าการที่เลื่อมใสและชื่นชมแม่นางที่มีคุณธรรมสูงส่งเป็นความผิด ดังนั้นการที่ผู้น้อยขอแม่นางแต่งงานด้วยจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล เมื่อใดที่แม่นางพร้อมจะแต่งงานแล้ว ลู่เอี้ยนค่อยไปสู่ขอ”
“ท่าน…” เย่จิ่งฝูถึงกับพูดไม่ออก
นางพูดไม่ออกแล้วจริง ๆ!
เย่จิ่งฝูลูบใบหน้าหนึ่งที บัดซบ ชายผู้นี้อ่านหนังสือมามาก ลูกไม้จึงมากตามไปด้วยจริง ๆ!
“ท่านต้องการอิสระข้าก็จะให้ ท่านต้องการเรียนรู้ด้านการแพทย์ข้าก็จะสนับสนุน ข้าไม่กล้าพูดว่าทั้งต้าจิ้นไม่มีคนที่ดีกว่าข้าอีกแล้ว แต่อย่างน้อยสิ่งที่ท่านต้องการ ขอเพียงข้ามี ข้าจะมอบให้ท่านทั้งหมด”
ใบหน้าของเย่จิ่งฝูเวลานี้แทบจะแดงก่ำอยู่แล้ว
ลู่เอี้ยนเห็นนางเป็นเช่นนี้ก็เอ่ยถามด้วยความกังวลขึ้นมา “ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”
“อย่า…อย่าเข้ามา!” เย่จิ่งฝูรีบมุดออกมาจากแขนของเขา ผู้ชายเป็นหายนะที่ใหญ่หลวงจริง ๆ! น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ก่อนจะหายเข้าไปในร้านขายยาทันที
“อ้าว ศิษย์พี่ สรุปว่าท่านตกลงหรือไม่ขอรับ!”
ลู่เอี้ยนเดินตามเข้ามาจากประตูหลัง และทันได้ยินที่เย่จิ่งฝูปิดประตูอย่างแรงจนเสียงดังสนั่น
ลู่เอี้ยนส่ายหน้าและยิ้มอย่างระอา โดยพวกเผยยวนได้รินชารอเขาอยู่ก่อนแล้ว
“วันนี้พวกเจ้าล่วงเกินเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเหล่านั้น เกรงว่าหากไปขอยุทธปัจจัยจากพวกเขาล่ะก็ พวกเขาคงเล่นตัวเป็นแน่”
เผยยวนกับจี้จือฮวนไม่นำพา
เพราะของในมิติพิเศษของนางอยากจะออกมาเดินเล่นข้างนอกกันจะแย่อยู่แล้ว
“เรื่องนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลไปหรอก เพราะพวกเราไม่มีทางขาดเสบียงกับเงินแน่”
รวมถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ ก็ไม่จำเป็นต้องรอเมืองหลวงส่งมา เพราะที่ยึดมาได้จากกองกำลังสือฟางก็มีมากพอแล้ว
“เช่นนั้นพวกเจ้าจะไปโจมตีเมืองเพี่ยวโจวเมื่อใด ทางด้านจินโจวไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว และที่นี่ยังสามารถเป็นกองหนุนให้พวกเจ้าได้ด้วย”
“คนที่ข้าส่งไปสืบข่าวกลับมาแล้ว ตอนนี้สือฟางกำลังขุดเส้นทางลับอยู่จริง ๆ ที่เชิญเจ้ามาในวันนี้ เพราะยังมีเรื่องที่สำคัญอีกเรื่องที่ต้องการจะปรึกษา พวกเราต้องการแผนที่เกล็ดปลา**ในการบริหารจัดการแม่น้ำนอกเมืองจินโจว เพื่อให้น้ำไหลย้อนกลับไปเพี่ยวโจว”
** แผนที่เกล็ดปลา (鱼鳞图) หมายถึง แผนที่ทะเบียนที่ดินที่รวบรวมเพื่อจัดเก็บภาษีและปกป้องกรรมสิทธิ์ที่ดินของระบบศักดินา
ภูมิศาสตร์ของเพี่ยวโจวเป็นพื้นที่ราบลุ่ม อีกทั้งสือฟางยังมีการขุดเส้นทางลับไว้อีกด้วย ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้สือฟางหลบหนีระหว่างโจมตีเมือง เผยยวนจึงวางแผนที่จะปล่อยน้ำให้ท่วมทางเดินใต้ดินของสือฟาง ดูสิว่าเขาจะกล้ามุดเข้าไปในคูน้ำหรือไม่
เพราะด้านในนั่นไม่ได้มีอากาศมากนัก หากเขาลงไปก็มีเพียงความตายที่รอเขาอยู่เท่านั้น!
ส่วนชาวเมืองเพี่ยวโจว สือฟางไม่มีทางพาพวกเขาไปด้วยอย่างแน่นอน ขอเพียงอยู่บนพื้นดิน เช่นนั้นก็จะปลอดภัย
นอกจากนี้แม่น้ำของเพี่ยวโจวก็ไม่ได้ไหลเชี่ยวเหมือนหลูโจว ทั้งยังมีเขื่อน สามารถเปิดปิดได้ตลอดเวลา จึงสามารถควบคุมได้อย่างง่ายดาย
เมื่อตัดทางหนีทีไล่ของสือฟางได้ ก็จะสามารถพิชิตเพี่ยวโจวได้ในคราเดียว
“ได้ ข้าจะไปเอามาให้เดี๋ยวนี้ แต่หากสือฟางยอมส่งเซี่ยเซวียนให้เล่า?”
จี้จือฮวนหัวเราะเสียงเย็น “ส่งให้หรือไม่ จะสำคัญอะไรกัน อย่างไรเสียพวกเราก็จะเอาหัวพวกมันสองคนมาอยู่ดี”
หัวของพวกมันอย่างนั้นหรือ?
ใครบอกว่าพวกเขาจะยอมประนีประนอมกับพวกสือฟางกัน?
ดินแดนของต้าจิ้น นิ้วเดียวก็ห้ามขาด
สือฟางยึดครองเพี่ยวโจวใช้อำนาจบาตรใหญ่มาหลายปีเพียงนั้น ก็ควรให้เขาได้รับบทเรียนเสียบ้าง
เผยยวนจิบชาไปอึกหนึ่ง “อีกอย่างไม่แน่ ภายในของพวกมันอาจจะวุ่นวายแล้วก็ได้”
…
สิ่งที่เผยยวนคาดเดานั้นถูกต้อง เพราะในเมืองเพี่ยวโจวเวลานี้ยิ่งกว่าวุ่นวายเสียอีก พวกญาติ ๆ และลูกชายหญิงของเหลียงจงกับหวังป้าเทียนทั้งหมดต่างก็อยู่ในเมือง
ทันทีที่ได้ยินข่าวร้าย และรู้ว่าสือฟางไม่ได้โจมตีเมืองให้จบก่อนที่ทหารเกราะเหล็กจะมาถึง พวกเขาจึงโวยวายขึ้นมา และไปร้องห่มร้องไห้ที่ประตูจวนตระกูลสือ คร่ำครวญว่าตอนนั้นพวกเขายากลำบากเช่นไรบ้าง
สือฟางไร้มโนธรรมเช่นนี้ ทำให้พวกเขาเจ็บปวดอย่างมากที่ต้องสูญเสียคนที่รักไป
“ฆ่า ฆ่าชาวจินโจวให้หมด ต้องเอาหัวของเผยยวนมาเซ่นไหว้พี่น้องข้า!”
“สือฟาง ตอนนั้นพวกเจ้าสาบานเป็นพี่น้องกัน บอกว่าจะตายวันเดียวเดือนเดียวปีเดียวกัน ทว่าเจ้ากลับมาคนเดียวเช่นนี้ได้อย่างไร!”
เวลานี้ชาวเพี่ยวโจวต่างก็อกสั่นขวัญแขวน
โดยเฉพาะพวกชาวบ้านที่ต้องทนทุกข์มานาน เมื่อได้ยินว่าเผยยวนพาทหารมาและเข่นฆ่าพวกคนเถื่อนจนเหลือแค่สือฟางคนเดียว ก็เกิดความกล้าขึ้นมา
เมื่อมีทหารของกองกำลังสือฟางมากินข้าวและไม่จ่ายเงินเช่นทุกครั้ง ก็เริ่มมีคนขัดขืน รุมทุบตี ตีตายแล้วก็หนี ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังกล้าไปปล้นร้านทองของตระกูลเหลียงและตระกูลหวังอีกด้วย
ตอนนี้สือฟางเองก็กระวนกระวายใจอย่างมาก กลัวว่าเผยยวนจะบุกเข้ามา ไหนเลยจะมีเวลามาสนใจเรื่องเหล่านี้อีก
ส่วนจิ้งจอกเฒ่าหานเหล่ย ก็กำลังติดต่อกับคนอื่นอยู่
เขาคิดไม่ถึงว่าเผยยวนจะอาจหาญถึงเพียงนี้ ในอดีตตอนประจำการอยู่ที่ชายแดน ก็ไม่ใช่คนทำอะไรรวดเร็วเช่นนี้ อีกทั้งกองกำลังของสือฟางก็โหดร้าย เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าเผยยวนใช้วิธีการใดกันแน่ กลยุทธ์ทางการทหารถึงได้รวดเร็วเช่นนี้
เมื่อได้ยินคนที่กลับมาพูดถึงเรื่องกองปืนไฟอะไรนั่น หานเหล่ยก็รู้ว่าคงท่าไม่ดีแล้ว
สือฟางเป็นคนเลือดเย็น หากทำเพื่อเซี่ยเซวียนเขาคงไม่ยอมสละอะไรมากมายเพียงนี้
ดังนั้นจึงมีโอกาสสูงมากที่เขาจะนำตัวเซี่ยเซวียนไปแลกเปลี่ยน
ถึงเวลานั้นเขาจะไปซ่อนตัวที่ใดได้?
ขณะเดียวกัน เซี่ยเซวียนก็ได้รีบมาพบเขาทันที ร้อนใจจนเป็นร้อนในไปหมดแล้ว
“ท่านอัครมหาเสนาบดี ท่านคิดหาวิธีเร็วเข้า ครั้งนี้เกรงว่าเจ้าโจรเฒ่าสือฟางคงไม่ปล่อยข้าไปแน่”
.
.
.