เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 462 ใช้แผนสกปรกกับนาง
บทที่ 462 ใช้แผนสกปรกกับนาง
หมูเหยี่ยวล่าเหยื่อเริ่มรู้สึกทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว จึงเหยียดกรงเล็บไปข้างหน้าอีกครั้ง ขอร้องล่ะ ยกไว้ตลอดมันเมื่อยนะ!
ลู่เอี้ยนจึงปลดจดหมายนั้นออก มีคนเอ่ยด้วยความกังวลขึ้นมา “ใต้เท้า ระวังมีอาวุธลับนะขอรับ”
ลู่เอี้ยนจึงหัวเราะเยาะขึ้นมา “ป่านนี้แล้ว จะมีอาวุธลับหรือไม่ จะตายหรือไม่ เราก็มีเวลาอีกไม่นานแล้วไม่ใช่หรือ?”
เขาพูดไปก็เปิดจดหมายไปด้วย
มีทหารชั้นผู้น้อยเข้ามาใกล้ “ตัวอักษรนี้เขียนได้น่าเกลียดจริง ๆ!”
ลู่เอี้ยนอ่านไป ใบหน้าก็เผยความยินดีออกมา “ทุกท่าน กองหนุนมาถึงแล้ว! พวกเรามีหวังแล้ว!”
“อะไรนะขอรับ เป็นจดหมายที่ใครส่งมานะขอรับ?”
“กองทัพทหารเกราะเหล็ก เป็นกองทัพทหารเกราะเหล็ก!”
ความหวังนี้ค่อย ๆ ขยายออกไป ทุกคนจึงมีพลังและพร้อมจะลุกขึ้นสู้อีกครั้ง!
ขอเพียงยังมีความหวังเหลืออยู่!!
“แต่คืนนี้บางทีประตูเมืองอาจจะพังลงก็เป็นได้”
ทุกคนจึงได้เงียบลงอีกครั้ง
ใช่แล้ว กองหนุนจะมาถึงเมื่อใดกันแน่
“คืนนี้ ต้องผ่านคืนนี้ไปให้ได้ก่อน!”
“อย่าพูดอะไรที่บั่นทอนกำลังใจ ทนมาได้ตั้งหลายวัน อีกแค่คืนเดียวคิดว่าจะล้มพวกเราได้แล้วอย่างนั้นหรือ!”
“ใช่ พวกเราอดทนกันอีกหน่อยเถอะ เช่นนี้ก็จะรักษาบ้านของเราเอาไว้ได้แล้ว!”
ลู่เอี้ยนถือจดหมายเอาไว้ แววตาไม่ได้ดูเลื่อนลอยอีกต่อไป “ตั้งน้ำมันให้ร้อน ต้านเอาไว้ให้ได้!”
หมูเหยี่ยวล่าเหยื่อจึงได้กระพือปีก บินออกนอกประตูเมืองไป
…
บนภูเขา กองไฟกำลังลุกโชน มีเสียงประกายไฟดังขึ้นมาเป็นระยะ
กองกำลังสือฟางกำลังดื่มเหล้ากันอยู่
“อย่าดื่มมากนัก อีกเดี๋ยวต้องไปโจมตีอีก”
“เฮอะ กลัวพวกมันหรือ หากไม่ใช่เพราะหัวหน้าบอกว่าอย่าทำของด้านในเสียหายล่ะก็ พวกเราคงบุกเข้าไปเข่นฆ่าพวกมันและกวาดของมาให้หมดตั้งนานแล้ว”
“ก็ใช่น่ะสิ แค่พวกคนขี้ขลาดมีประโยชน์อันใดกัน จางม่อผู้นั้นยังคู่ควรเรียกว่าแม่ทัพอีกหรือ ไม่ช้าก็เร็วต้องให้เขาตายอยู่ใต้คมดาบของข้าให้จงได้”
เอ่ยจบ คนทั้งกลุ่มก็หัวเราะเสียงดังลั่น
“ข้าว่าก็คงเหมือนตอนที่ตีเพี่ยวโจวนั่นแหละ ยังจำพวกผู้หญิงที่จวนแม่ทัพเพี่ยวโจวได้หรือไม่! เพิ่งอายุสิบกว่าเท่านั้น แต่ละคนรูปร่างอ้อนแอ้น พวกเราพี่น้องมาแบ่งกันดีจะตายไป”
“พูดถึงเรื่องนี้ สองวันมานี้ลู่เอี้ยนที่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองพวกเจ้าเห็นหรือไม่ อย่างเขาคิดจะปกป้องเมืองกับจางม่อ ใบหน้านั้นหากว่าเป็นผู้หญิงล่ะก็ จะงามหยดย้อยเพียงใดกัน”
“เป็นผู้ชายแค่ถอดกางเกงออกก็ใช้ได้แล้ว ข้าไม่ถือ!”
คนกลุ่มนี้พ่นสิ่งที่น่ารังเกียจออกมาประโยคแล้วประโยคเล่า
โดยไม่รู้ตัวเลยว่าอันตรายกำลังใกล้เข้ามา
“พวกเจ้าได้กลิ่นอะไรหรือไม่?” จู่ ๆ ก็มีคนถามขึ้น
“กลิ่นหรือ จะมีกลิ่นอะไรได้” คนพูดจึงหันหน้าไป ทว่ากลับเห็นไฟลุกไหม้ในป่าบนภูเขาที่อยู่ไม่ไกล
“บัดซบ! เหตุใดถึงเกิดไฟไหม้ได้!!”
เวลากลางคืนเมื่อเกิดไฟป่าขึ้น ลมพัดมาทีหนึ่งทุกคนก็จะถูกล้อมเอาไว้!
“ไฟไหม้!! รีบดับไฟเร็วเข้า!” มีคนส่งเสียงตะโกนขึ้นมา
เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้ จึงได้เห็นว่ามีธงของกองทัพทหารเกราะเหล็กปักอยู่ตรงจุดที่ไฟกำลังไหม้ และกำลังปลิวไสวไปตามสายลม
เมื่อมองลงไปยังด้านล่างก็พบว่ามีทหารม้านับหมื่นวิ่งกันอยู่ ประกอบกับควันหนาทึบ จึงดูน่ากลัวขึ้นมาทันที
ทันใดนั้น ทหารของสือฟางก็แข้งขาอ่อนแรงลง คนที่ประจำการอยู่ที่นี่ล้วนทำหน้าที่เฝ้าเสบียง ดังนั้นจึงถอยมาอยู่ด้านหลัง แต่กองทัพทหารเกราะเหล็กกลับทะลวงมาถึงจุดนี้แล้ว
เหตุใดถึงไม่มีข่าวจากแนวหน้าเลยเล่า!
“รีบไปรายงานสิ!!!”
“กองทัพทหารเกราะเหล็กบุกมาแล้ว!”
ทันใดนั้นบนยอดเขาก็ชุลมุนวุ่นวายไปหมด
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีไฟที่โหมกระหน่ำและควันหนาทึบลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าจากยอดเขาฝั่งตรงข้าม
เสียงฝีเท้าม้าและเสียงคำรามต่าง ๆ จากด้านล่างภูเขาดังก้องไปทั่ว
แต่พวกเขาไหนเลยจะรู้ว่า ที่ตีนเขาไม่ได้มีกองทัพขนาดใหญ่อะไรเลย มีเพียงจ้านอิ่งกับม้าศึกกลุ่มหนึ่งที่วิ่งไปวิ่งมา โดยมีกิ่งไม้ผูกไว้ที่ด้านหลังด้วย นี่คือสาเหตุที่ทำให้ทรายสีเหลืองฟุ้งตลบอบอวลขึ้นมา แม้จะมีม้าแค่หนึ่งพันตัว ก็ทำให้เหมือนมีกองทหารม้านับหมื่นได้แล้ว!
การใช้กลวิธีปั่นหัวคน ไม่ได้มีเพียงกองกำลังสือฟางของพวกเขาเท่านั้นที่ทำได้!
จ้านอิ่งพ่นเสียงออกมาทางจมูก ฮี้ มันไม่มีที่ให้ปลดปล่อยพลังจริง ๆ!
ม้าตัวหนึ่งวิ่งจนฝุ่นฟุ้งกระจาย แม้กองกำลังสือฟางจะถือกล้องส่องทางไกลมองจากบนยอดเขา ก็ยังมองเห็นไม่ชัดว่าสรุปแล้วมีกี่คนกันแน่!
“เร็วเข้า คุ้มกันเสบียง ขนไปก่อน” ขณะที่พวกเขามุดเข้าไปในถ้ำเพื่อจะขนเสบียงออกมา และหลบหนีออกจากหอเฝ้ายามนี้ ก็รู้สึกได้ว่ามีเงาขนาดใหญ่ปกคลุมพวกเขาเอาไว้ และบดบังแสงไฟจนหมด
พวกเขาจึงค่อย ๆ หันกลับมา ก็พบว่าปากถ้ำมีร่างอ้อนแอ้นร่างหนึ่งกำลังยืนบังอยู่ ผมหางม้าปลิวไปตามสายลม
“ผู้ใด!”
“เจ้ายังไม่คู่ควรที่จะรู้” เสียงผู้หญิงที่เย็นชาลอยเข้าหูของเขาทันที จากนั้นลำคอก็ถูกเหล็กที่เย็นเยียบกดเอาไว้ และมีเสียง ‘กร๊อบ’ ดังขึ้น ลำคอเจ็บปวดอย่างรุนแรง จากนั้นหัวของชายผู้นั้นก็หลุดลงมา
จี้จือฮวนมองกองทัพของสือฟางที่เหลืออยู่ พลางหรี่ตาลงแล้วพูดออกมา “ฆ่าทิ้งซะ! และเก็บเสบียงเอาไว้”
บนเนินเขา การสังหารกำลังขยายวงกว้างออกไป เปลวไฟโหมกระหน่ำ ทำให้คนแม้แต่หายใจก็ยังลำบาก ทว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ความหวาดกลัวต่อสิ่งที่ไม่รู้ต่างหากที่ทำให้คนกลัวที่สุด
พัดเหล็กของไป๋จิ่นเพิ่งตัดหัวคนมาได้สามหัว ขลุ่ยกระดูกของเยว่พั่วหลัวก็ฆ่าคนไปสามคนเช่นกัน ทั้งสองคนสบตากันเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าร่วมการต่อสู้ด้วยความกระเหี้ยนกระหือรือ
เพื่อข้าวกล่อง! เพื่อสำนักกู่/สำนักพิษ! ต่อให้ตายก็ไม่มีทางแพ้ให้เจ้าคนที่อยู่ที่ฝั่งตรงข้าม!
เผยเสี่ยวเตาเหวี่ยงดาบเล่มใหญ่และสังหารอย่างบ้าคลั่ง!
หลังจากที่หัวของกองกำลังสือฟางเหล่านั้นถูกตัด จี้จือฮวนก็สั่งให้คนขนเสบียงส่วนนี้ของพวกเขาไปจนหมด
“ถอดชุดทหารของพวกเขาออก”
จี้จือฮวนกระชากชุดทหารออกจากศพ รวมถึงชุดเกราะและอาวุธต่าง ๆ หลังจากถอดออกจนหมดแล้ว ก็โยนศพกลับเข้าไปในถ้ำแทน ให้พวกเขาเอาไปเป็นเสบียงทหารก็แล้วกัน พวกเขากินคงไม่ตายหรอก
ส่วนหมายเลขที่แขวนอยู่บนชุดทหารนั้น จี้จือฮวนให้คนฉีกออก ใช้แผนสกปรกกับนาง นางมีแต่จะเล่นสกปรกยิ่งกว่า
เผยเสี่ยวเตายังฆ่าไม่สะใจ ส่วนเยว่พั่วหลัวกำลังนับหัวคนอย่างมีความสุขอยู่
ท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิด เยว่พั่วหลัวอยู่ข้างกองไฟที่ลุกโชน พิจารณาอย่างละเอียด ปากก็พูดออกมาอย่างฉะฉาน “หนึ่ง สอง สาม…”
ดูแล้วน่ากลัวพิลึก
ส่วนจี้จื้อฮวนก็รวบผมขึ้น จากนั้นก็สวมชุดทหารของกองกำลังสือฟาง
เหล่ากองทัพทหารเกราะเหล็กต่างก็มองหน้ากัน “พระชายาต้องการจะปลอมตัวปะปนเข้าไปในกองทัพของสือฟางหรือขอรับ?”
จี้จื้อฮวนเอ่ยตอบ “เรียกว่าปะปนได้อย่างไร ข้าจะไปส่งเสบียงให้พวกมันต่างหาก”
“จะเอาไปส่งให้พวกเขาจริงหรือขอรับ?”
“กำลังนับเสบียงอยู่ไม่ใช่หรือ รีบไปหากระสอบมา”
ทุกคนจึงหันไปพร้อมคอที่แข็งค้าง เสบียงก็คือหัวของคนเหล่านี้อย่างนั้นหรือ!?
จี้จือฮวนเอ่ยเร่ง “เร็วเข้า รีบทำเวลา”
“ขอรับ!”
…
บนภูเขาอีกด้านหนึ่ง
“เป็นอย่างไร สถานการณ์เป็นเช่นไรบ้าง?”
เวลานี้สือเกาเฟย ผู้บัญชาการของพวกเขายังไม่ได้แจ้งข่าวมา ทุกคนจึงกำลังรอข่าวอยู่ที่เดิม
แต่ทันใดนั้นก็มีทหารชั้นผู้น้อยแถวหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยคราบเลือด แม้แต่ใบหน้าก็แยกแยะไม่ออกแล้ว ประกอบกับฟ้าที่มืดด้วย
“เป็นอย่างไรบ้าง!”
“มีกองทัพทหารเกราะเหล็กบุกมาขอรับ! และยึดที่ตรงนั้นของพวกเราได้แล้ว ไม่ใช่ง่าย ๆ กว่าพวกเราจะขนเสบียงออกมาได้ คาดว่าพวกเขาคงใกล้จะตามมาทันแล้ว รีบไปรายงานท่านแม่ทัพเถอะ”
“บัดซบ จะกลัวพวกมันทำไม สู้ตายกับพวกมันสิ”
“อย่าเลย พวกมันมีคนมากเกินไป ข้าคาดการณ์ดูแล้ว เป็นทัพใหญ่กว่าหนึ่งแสนคนเชียวล่ะ”
หนึ่งแสน! มิน่าเล่า สถานการณ์ถึงได้โกลาหลเพียงนี้ กองทัพทหารเกราะเหล็กมีชื่อเสียงอยู่แล้ว พวกเขาไม่กล้าสู้ตายด้วยจริง ๆ บุกเข้าไปไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรอกหรือ?
“เช่นนั้น…ไป!”
พวกจี้จือฮวนที่อยู่ด้านหลังสุด สบตากันด้วยรอยยิ้ม
.