เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 453 จิตใจโฉดชั่วเสมือนหมาป่า
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 453 จิตใจโฉดชั่วเสมือนหมาป่า
บทที่ 453 จิตใจโฉดชั่วเสมือนหมาป่า
เมื่อได้ยินเช่นนี้ คนรับใช้ก็เข้าใจแล้ว เมื่อพวกเขาคิดถึงซื่อจื่อของอ๋องเจิ้นเป่ยและองค์ชายสิบ คนหนึ่งคือตัวประกัน ไม่มีพ่อแม่อยู่ข้างกาย ส่วนอีกคนแม้ว่าจะถูกไท่ซ่างหวงเลี้ยงดูอยู่ข้างกาย ทว่าวัน ๆ เอาแต่วิ่งออกไปนอกวัง ทางด้านซูเฟยหากไม่ใช่เพราะมีลูกชายคนนี้อยู่ ก็คงถูกส่งไปเฝ้าสุสานหลวงนานแล้ว ส่วนเซี่ยเจินที่สละราชสมบัติแล้วก็ยังประทับอยู่ในตำหนักเย็นอีกด้วย
รอเซี่ยฉือได้ขึ้นครองบัลลังก์ ไหนเลยจะเห็นเจ้าอ้วนผู้นี้อยู่ในสายตาอีก ก็แค่แต่งตั้งตำแหน่งอ๋องให้แล้วไล่ออกไปก็เท่านั้น
มิน่าเล่าถึงได้มาที่จวนของพวกเขา คืนส่งท้ายปีเก่ายังมาหาคนเล่นซ่อนแอบด้วย
พวกเขาไม่ได้รู้สึกสงสัยแม้แต่น้อย ยิ่งไม่มีทางคิดว่ากระบองและตะกร้าที่พวกเขาถืออยู่ในมือ จะเอามาตีนายน้อยของพวกเขา
จึงพูดขึ้นมาตามตรง “คุณชายน้อยเมื่อครู่ยังเซ่นไหว้บรรพบุรุษอยู่ที่โถงบรรพชน ตอนนี้คงกลับไปที่ห้องตัวเองแล้ว ต้องการให้ผู้น้อยนำทางให้หรือไม่ขอรับ?”
รอยยิ้มของเซียวเซวียนจิ่นกว้างขึ้น “ดีเลย”
แต่เซี่ยห่วงกลับกังวลขึ้นมา “พวกเราจะไปเช่นนี้เลยหรือ?”
เซียวเซวียนจิ่นจึงเอ่ยขึ้นมา “เจ้าไม่ต้องกังวลเพียงนั้น ยังมีเนี่ยเจิ้งอ๋องกับไท่ซ่างหวงอยู่ ตีก็ตีจะกลัวอะไรกัน อีกอย่าง อันชินอ๋องจะวิ่งไปฟ้องไท่ซ่างหวงเพียงเพราะเด็กทะเลาะกันอย่างนั้นหรือ? ด้วยนิสัยของไท่ซ่างหวง ไม่แน่แม้แต่อันชินอ๋องก็อาจจะถูกตีด้วยก็ได้”
เซี่ยห่วงไตร่ตรองดูก็จริง ทันใดนั้นก็ไม่กลัวอีกต่อไปแล้ว!
เจ้าเชลยอ้วนจึงยืดหน้าท้องอ้วนกลมขึ้นมา
อาอินไม่แม้แต่จะสนใจเดินชมจวนอันชินอ๋อง และเมื่อคนรับใช้ผู้นั้นพาพวกเขาไปถึงในลานบ้าน ก็ได้ยินเสียงของเซี่ยจวิ้นกำลังทุบตีและดุด่าคนรับใช้อยู่ด้านใน
คนรับใช้เองก็รู้สึกกลัวราชาปีศาจด้านในนั่น เขาจึงโค้งกายแล้วพูดขึ้นมา “คุณชายน้อยอยู่ข้างในขอรับ ต้องการอะไรตะโกนเรียกผู้น้อยได้เลยนะขอรับ”
“ขอบใจมาก” เซียวเซวียนจิ่นพูดขอบคุณอย่างสุภาพ จากนั้นก็เข้าไปในเรือน หลังจากพวกอาอินเข้ามากันหมดแล้ว ก็ปิดประตูเรือนอย่างเงียบเชียบ
เซี่ยจวิ้นกำลังเฆี่ยนตีคนอยู่ในห้อง คนรับใช้ในเรือนต่างก็วิ่งหนีกันไปหมดแล้ว คาดว่าคงเหลือเพียงคนที่น่าสงสารอยู่ภายในเท่านั้น
“หลบอะไร! ข้าอยากจะตีเจ้าข้าก็จะตี เจ้ามีสิทธิ์หนีอย่างนั้นหรือ!?”
มีเสียงผู้หญิงร้องไห้ดังมาจากภายในห้อง ทันทีที่ฉู่จิ้นเดินเข้าไปก็เห็นสาวใช้คนหนึ่งสวมแค่ผ้ารัดหน้าอกกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ร่างกายกลับถูกเฆี่ยนตีจนเต็มไปด้วยรอยเลือด เซี่ยจวิ้นผู้นั้นยังเด็กอยู่แท้ ๆ แต่กลับมีจิตใจที่โหดเหี้ยมเพียงนี้ บนโต๊ะยังมีเครื่องมือทรมานแถวหนึ่งวางเอาไว้อีกด้วย
เขากำลังจะเข้าไปปิดตาของอาอิน แต่เซียวเซวียนจิ่นกลับเร็วกว่าหนึ่งก้าว
อาอิน “???”
ทั้งหมดยืนบังอยู่ที่ประตูจึงทำให้แสงไฟภายในห้องมืดลงเล็กน้อย เซี่ยจวิ้นจึงหันมามองทางประตูด้วยสายตาที่แข็งกร้าว ทว่าเขากลับไม่เห็นเซี่ยห่วง เซียวเซวียนจิ่น และอีกสองคนอยู่ในสายตา
“เป็นพวกเจ้าเองหรือ?” เซี่ยจวิ้นเตะสาวใช้ผู้นั้นออกไป
สาวน้อยผู้นั้นน่าสงสารยิ่งนัก นางถูกตีจนแทบจะหมดลมหายใจอยู่แล้ว ก่อนนางจะรีบคว้าเสื้อผ้าของตัวเองแล้วไปซุกตัวอยู่ที่มุมห้อง
เซียวเซวียนจิ่นปกติแล้วเกลียดเจ้าพวกสุนัขเช่นนี้เป็นที่สุด จึงมีสีหน้าเย็นชาขึ้นมาทันที “ออกมา”
เซี่ยจวิ้นถึงกับลมหายใจติดขัดขึ้นมาทันที “นี่เจ้าพูดกับใครกัน!”
เซี่ยห่วงเท้าเอวแล้วเอ่ยขึ้นมา “เจ้าอยู่บ้านก็ใช้อำนาจบาตรใหญ่! นี่ยังคิดจะฆ่าคนด้วยอย่างนั้นหรือ?”
“ถุย เซี่ยห่วง เจ้าคิดว่าตัวเองสำคัญจริง ๆ อย่างนั้นหรือ เจ้าอย่าลืมสิ ว่าตอนนี้เจ้ามีฐานะอะไร”
เซี่ยจวิ้นเอ่ยถึงตรงนี้ ก็มองไปทางเซียวเซวียนจิ่น “เจ้าก็อีกคน เป็นแค่ตัวประกันคนหนึ่ง นับเป็นตัวอะไรกัน”
อาอินที่ถูกปิดตาเอาไว้โมโหอย่างมาก จึงปัดมือของเซียวเซวียนจิ่นออกทันที แม้แต่กระสอบก็ไม่คิดจะเอามาคลุมหน้าเขาอีก พลางพุ่งตัวเข้าไปคว้าเซี่ยจวิ้นซึ่งสูงกว่าตัวเองหนึ่งช่วงหัว แล้วทุ่มด้วยหัวไหล่ เซี่ยจวิ้นที่หน้าคว่ำลงไปก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้เพียงว่ากระดูกสันหลังของเขาแทบจะหักอยู่แล้ว จากนั้นเด็กน้อยก็ถลกแขนเสื้อขึ้นมาด้วยความโมโห และเหวี่ยงหมัดลงไปอีก
“กล้าตีลูกน้องข้าอย่างนั้นหรือ!!”
เซี่ยจวิ้นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็คำรามเสียงดังขึ้นมา “เด็ก ๆ! เด็ก ๆ! มีคนจะฆ่าข้าแล้ว!”
เซี่ยห่วงรีบวิ่งเข้าไปในห้อง คว้าอุปกรณ์ปิดปากที่เขาใช้ลงโทษคนมา แล้วยัดเข้าไปในปากของเซี่ยจวิ้นทันที
อาอินเอ่ยขึ้นมา “เจ้าทำเช่นนี้ใช้ได้ที่ใดกัน!”
นางจึงดึงอุปกรณ์ปิดปากนั่นออก จากนั้นก็หยิบพริกป่นห่อหนึ่งออกมาจากกระเป๋า แล้วโรยลงบนศีรษะและใบหน้าของเซี่ยจวิ้นแทน เมื่อเซี่ยจวิ้นสำลักพริกจนใบหน้าแดงก่ำแล้ว ก็ยัดอุปกรณ์ปิดปากใส่ปากเขาอีกครั้ง ทำให้เขาไม่สามารถอาเจียนออกมาได้! ทำให้เขาเกิดความรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก!
ทันใดนั้นเซี่ยห่วงก็รู้สึกเย็นวาบที่ก้นขึ้นมา พร้อมกับรู้สึกว่าตอนนั้นที่อยู่หมู่บ้านตระกูลเฉิน นับว่านางปรานีเขามากแล้ว
หากตอนนั้นนางใช้วิธีการนี้ล่ะก็ ชาติหน้าเกรงว่าเซี่ยห่วงก็ยังไม่กล้าเข้าหมู่บ้านตระกูลเฉินเป็นแน่!
“มัวยืนนิ่งอยู่ทำไม! ไปเอากระสอบป่านมาสิ” อาอินรู้สึกว่าตีเขาที่นี่เป็นการปรานีเขาเกินไป นางไม่เพียงจะตีเขาเท่านั้น แต่เมื่อตีเสร็จแล้วก็จะเอาไปโยนไว้บนพื้นหิมะเพื่อให้เขาสำนึกผิดอีกด้วย!
เซี่ยห่วงจึงรีบไปหยิบกระสอบป่านมา จากนั้นอาอินก็เอาตัวคนใส่ลงไปในกระสอบป่าน ก่อนจะแบกขึ้นบ่า
เนื่องจากส่วนสูงของอาอินไม่พอ ท้ายทอยของเซี่ยจวิ้นจึงชนเข้ากับธรณีประตู แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ถูกนางลากออกไปเช่นนั้น
เซียวเซวียนจิ่นกับฉู่จิ้นถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะได้ยินฉู่จิ้นเอ่ยขึ้นมาช้า ๆ “ต่อไปนางยังจะหาสามีและสร้างครอบครัวได้อย่างไรกัน”
เซียวเซวียนจิ่นปรายตามองเขาเล็กน้อย “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ครอบครัวสามีของนางดีมาก สามีก็ดีมากเช่นกัน”
ฉู่จิ้น “…”
เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน?
แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องนี้ อาอินแบกเซี่ยจวิ้นออกประตูไป เซียวเซวียนจิ่นจึงมองสาวใช้ที่ขดตัวอยู่ที่มุมห้องแล้วเอ่ยขึ้นมา “รู้หรือไม่ว่าอีกเดี๋ยวต้องพูดเช่นไร?”
สาวใช้พยักหน้าหงึก ๆ เซียวเซวียนจิ่นจึงหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมาแล้วโยนให้นาง “ไม่รู้ว่าเจ้าเป็นคนรับใช้ที่เกิดในเรือนนี้หรือว่าถูกซื้อตัวเข้ามา แต่เงินจำนวนนี้พอให้เจ้าไถ่ตัวเองได้ รีบไปจากที่นี่ซะ”
สาวใช้ผู้นั้นรับเงินมา จากนั้นก็รีบคุกเข่าคารวะให้กับพวกเขา หากนางยังไม่ไปอีก เกรงว่าคงต้องถูกตีจนตายเป็นแน่ ไม่ว่าเซี่ยจวิ้นจะมีจุดจบเช่นไร นางก็หนีไม่พ้น
อาอินแบกเซี่ยจวิ้นเดินตึงตังออกไป เมื่อใดก็ตามที่เขาขยับตัว เซี่ยห่วงก็จะเตะเขาหนึ่งที เตะจนคนสงบเสงี่ยมได้
แต่พวกเขากลับหลงทางเสียแล้ว
เวลานี้ที่ด้านหน้ากำลังเตรียมฉลองและแจกเงินกันแล้ว บรรดาคนรับใช้ต่างก็วิ่งไปที่ลานด้านหน้าเพื่อไปคารวะปีใหม่ ในสวนแห่งนี้จึงเงียบสงบอย่างมาก
“ไปทางไหน?”
“เดินทางหลักไม่ผิดอย่างแน่นอน”
“เจ้าโง่หรืออย่างไร หากไปทางหลักเช่นนั้นคนในจวนของพวกเขาจะไม่พบเข้าหรืออย่างไรกัน” อาอินสูดลมหายใจเข้าหนึ่งที “ไปทางนี้ก็แล้วกัน”
พวกเขาสามคนจึงเดินตามอาอินไป ประเด็นสำคัญก็คือ ใบหน้าของเซียวเซวียนจิ่นกับเซี่ยห่วงสร้างความสับสนได้มากจริง ๆ ใครก็คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะเข้ามาแบกคุณชายน้อยของตัวเองไป ส่วนกระสอบป่านที่เด็กผู้หญิงแบกเอาไว้ คิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงว่าเด็ก ๆ กลุ่มหนึ่งจะทำเรื่องเลวร้ายอะไรได้
สุดท้ายเซียวเซวียนจิ่นก็ทนดูต่อไปไม่ได้อีก จึงเป็นฝ่ายนำทางให้ คนทั้งกลุ่มจึงเดินเลาะไปตามกำแพงและคิดว่าจะปีนออกไปจากที่นี่
แต่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงคนพูดคุยกันอยู่ใกล้ ๆ เหมือนจะได้ยินว่าเนี่ยเจิ้งอ๋องอะไรสักอย่าง
พวกอาอินจึงชะงักฝีเท้าลง เซี่ยจวิ้นที่อยู่ในกระสอบก็ไม่รู้ว่าหมดสติไปแล้วหรือว่าอย่างไร เพราะตอนนี้เขาไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ อีก
ทั้งหมดสบตากันเล็กน้อย และเข้าไปใกล้ ๆ อย่างเงียบ ๆ ก่อนจะนั่งยอง ๆ ลงเพื่อแอบฟัง
“เตรียมพร้อมหรือยัง?”
“เตรียมพร้อมแล้วขอรับ พรุ่งนี้เป็นวันที่หนึ่ง ไท่ซ่างหวงจะพาหวงไท่ซุนไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่สุสานหลวง และเนี่ยเจิ้งอ๋องก็ยังไม่กลับมา เป็นโอกาสดีที่จะลงมือ ออกจากเมืองหลวงยังไม่พากองทัพทหารเกราะเหล็กไปด้วย ขอเพียงจัดการยอดฝีมือข้างกายเขาเหล่านั้นได้ ตาแก่อย่างเขาแค่คนเดียวจะหนีไปได้ไกลสักเท่าใดกัน”
“ดี เรื่องนี้ต้องทำให้สำเร็จเท่านั้น จะล้มเหลวไม่ได้เด็ดขาด!”
“ท่านอ๋องวางใจได้ขอรับ ในเมื่อนี่เป็นโอกาสที่สวรรค์ประทานมาให้ เราจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด”
“เซี่ยฉือนั่นได้ตำแหน่งมาอย่างไม่ชอบธรรม เซี่ยเจินก็ยังต้องออกราชโองการสำนึกผิด ทว่าข้าก็เป็นคนของตระกูลเซี่ยเช่นกัน เรื่องอะไรจะยอมให้ครอบครัวของพวกเขาได้เป็นฮ่องเต้ต่ออีก หรือข้าด้อยกว่าอย่างนั้นหรือ?”
ทั้งสี่คนสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง พวกเขาต่างก็คิดไม่ถึงว่าจะมาได้ยินเรื่องเช่นนี้เข้า เวลานี้จึงแทบอยากจะวิ่งออกไปบอกเผยยวนเสียเดี๋ยวนี้
แต่ใครจะคิดว่าเซี่ยห่วงจะสูดลมหายใจเข้ามากเกินไปหน่อย จนผายลมออกมา
“ใครอยู่ตรงนั้น!”