เกิดใหม่เป็นไอหนุ่ม NTR ในเกมเอโรเกะ แต่ฉันไม่มีวันแย่งเธอมาเด็ดขาด - ตอนที่ 15 จบเล่มที่2
- Home
- เกิดใหม่เป็นไอหนุ่ม NTR ในเกมเอโรเกะ แต่ฉันไม่มีวันแย่งเธอมาเด็ดขาด
- ตอนที่ 15 จบเล่มที่2
ขณะที่ท้องฟ้าเริ่มมืดลง อายานะและฉันเดินจับมือกันไปตามทางด้วยกัน
“โทวะคุง”
“หืม มีอะไรเหรอ”
“เปล่าไม่มีอะไรหรอก แค่อยากเรียกชื่อเธอเฉยๆนะ”
“….ฮ่าๆ อย่างงั้นเหรอ”
“จ้า”
เราคุยกันแบบนี้มาสักพักแล้ว ความน่ารักของอายานะนั้นช่างล้นเหลือจริงๆ แม้กระทั่งก่อนที่เราจะออกจากสวนสาธารณะ เธอก็กอดแขนฉันไว้ราวกับว่าเธอไม่มีความคิดที่จะปล่อยฉันไปไหน นั้นทำให้เธอน่ารักมากขึ้นไปอีก อกแสนนุ่มนิ่มของเธอที่แนบชิดกับแขนของฉัน ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองได้โบนัสเพิ่มเลย
หลังจากเราหัวเราะกันอยู่สักพัก ฉันก็ละสายตาจากเธอและเดินต่อไปอย่างเงียบๆ แต่ทุกครั้งที่ฉันเหลือบมองอายานะ ฉันก็พบว่าเธอกำลังมองมาที่ฉัน
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เราทั้งคู่ก็รู้สึกเขินและหันหน้าหนีกัน จากนั้นก็สบตากันอีกครั้ง นี่มันกี่โมงแล้วนะ
“ถึงแม้ว่าเราจะตัวติดกันอยู่ แต่เธอก็ควรจะมองไปข้างหน้านะ…”
“ไม่ ฉันจะมองแค่โทวะคุงเท่านั้น”
ถึงแม้ว่าฉันจะพยายามชี้ให้เห็นว่าเธอควรจะมองไปข้างหน้า แต่คำตอบที่น่ารักของเธอก็ทำให้ฉันยากที่จะยืนกราน อายานะไม่ละสายตาจากฉันและเดินต่อไปโดยยังคงกอดแขนฉันไว้
อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้นเอง มีคนปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเรา
“โอ้…”
อายานะและฉันหยุดชะงักเมื่อเห็นร่างหนึ่งอยู่ตรงหน้าเรา
“ชู”
“…”
ใช่ คนที่ปรากฏตัวตรงหน้าเราก็คือชู เขาวิ่งมาและดูเหมือนเขาจะหายใจไม่ทันด้วย มีเหงื่อไหลอาบหน้าอยู่พอสมควร ชูมองมาที่ฉันและอายานะด้วยสายตาที่ผสมผสานระหว่างความประหลาดใจและความไม่เชื่อ สายตาแบบนั้นเป็นสายตาที่ฉันไม่เคยสัมผัสจากชูมาก่อน
ในดวงตาคู่นั้นมีทั้งความตกใจ ความเศร้า และความโกรธที่จ้องมองมาที่ฉัน
เมื่อชูพยายามหายใจและอ้าปากจะพูด อายานะก็พูดตัดหน้าชูก่อน
“ตอนนี้ฉันกับโทวะคุงคบกันแล้ว”
“…..เอ๊ะ?”
ชูอึ้งจนพูดไม่ออกกับคำพูดที่อายานะพูดออกไป ในที่สุด ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองจำเป็นต้องเข้าร่วมการสนทนานี้แล้วและจะเดินเข้าไปใกล้ชู แต่เป็นอายานะที่หยุดฉันไว้ก่อน
“ให้ฉันจัดการเรื่องนี้เองนะ”
อายานะพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและหันไปเผชิญหน้ากับชู
ฉันทำตามคำขอของอายานะและเฝ้าดูสถานการณ์โดยไม่พูดอะไร แต่ฉันสังเกตเห็นบางอย่าง
นั่นคือวิธีที่อายานะมองดูชู
ก่อนหน้านี้ ฉันรู้สึกว่าสายตาของอายานะที่มีต่อชูนั้นไร้อารมณ์อยู่บ้าง แต่ตอนนี้มันต่างออกไป มันเป็นสายตาที่มองชูในฐานะเพื่อนสมัยเด็ก ไม่ใช่สายตาที่พยายามแยกตัวออกห่างหรือไร้ชีวิตชีวา เธอมองเขาเหมือนกับว่าพวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน
“ฉันรักโทวะคุงมานานแล้ว ชูคุง ตั้งแต่เราเป็นเด็ก ตั้งแต่ที่เราเจอกัน ฉันก็รักเขามาโดยตลอด”
ทุกครั้งที่อายานะพูด สายตาของเธอก็เผยให้เห็นถึงความเศร้าซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นในดวงตาของชู เขาไม่อยากเชื่อหรือยอมรับมัน ความรู้สึกนั้นชัดเจนมากในแววตาของเขา
ดูเหมือนว่าการมีอยู่ของฉันจะถูกลืมไปแล้ว เมื่อชูจ้องไปที่อายานะอย่างไม่วางตา เธอก็เป็นคนเดียวในสายตาของเขา ณ ตอนนี้
เขาเปิดปากและพ่นคำพูดออกมาอย่างรุนแรง
“ทำไม…ทำไมถึงเป็นแบบนี้?! เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กแล้วนิ! เราอยู่ด้วยกันมานานกว่าเธอกับโทวะอีกนะ! เธอยู่กับฉันมาตลอด… เธอยิ้มให้ฉันมาตลอด!”
นี่คือคำพูดของเพื่อนสมัยเด็กที่ใช้ชีวิตอยู่กับอายานะมาตลอด
ชูไม่เคยสงสัยเลยว่าเขาได้รับความนับถือจากอายานะไหม และเขาก็เชื่อเสมอว่าเขาเป็นคนที่คู่ควรที่จะอยู่กับเธอ นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่สามารถยอมรับความสัมพันธ์ของเราได้
วันนี้ ฉันได้เห็นสีหน้าต่างๆของคนหลายๆคน และถึงแม้ว่าฉันจะคิดถึงเรื่องนั้นอยู่ แต่ฉันก็ไม่เคยละสายตาจากทั้งสองคนเลย
“จริงสิ เราอยู่ด้วยกันมานานแล้วสินะ”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น!”
“นั่นแหละคือเหตุผล!”
“…”
เสียงอันนุ่มนวลของอายานะยังคงดังกว่าการระเบิดอารมณ์ของชู และเธอก็พูดขัดจังหวะคำพูดของเขาอีกครั้ง
“หาผู้หญิงที่ดีกว่าฉันเถอะ ฉันเป็นคนเลวที่คอยโกหกและเอาเปรียบความรู้สึกของเธอมาตลอด ฉันแน่ใจว่ายังมีคนดีๆ รอเธออยู่นะ ชูคุง”
คำพูดของอายานะสื่อถึงความรู้สึกอำลาและขอโทษ แม้ว่าสีหน้าของเธอจะกำลังรอยยิ้มก็ตาม แต่จากมุมมองของชู เธอกำลังบอกความจริงอันโหดร้ายแก่เขา ฉันมีความคิดและความรู้สึกของตัวเองที่เกี่ยวกับชู และฉันไม่ได้ตั้งใจจะยืนยันว่าฉันทำถูก
วันเวลาที่ฉันใช้กับชูนั้นฝังอยู่ในความทรงจำของฉันอย่างแน่นอน และนั่นคือเหตุผลที่มันเจ็บปวดเล็กน้อยที่ได้เห็นสีหน้าเจ็บปวดบนใบหน้าของเขา
“โกหก…? เธอเป็นอะไรนะ…”
ชูพูดด้วยน้ำตาคลอเบ้าขณะที่เขาเอื้อมมือไปหาอายานะ อย่างไรก็ตาม อายานะไม่ตอบรับต่อมือที่ยื่นมาของเขา
เมื่อรู้ทุกอย่างจากท่าทางของอายานะ ชูจึงถอยมือกลับและหันสายตามาหาฉัน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเป็นศัตรู ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเป็นคนทรยศเลยแฮะ
“เพราะนาย—”
ชูก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว แต่อายานะก็ขัดจังหวะเขาไว้อีกครั้ง
“ชูคุง!”
“….!”
“อย่าปล่อยให้ตัวเองถูกครอบงำด้วยความโกรธเหมือนใครบางคนสิ อย่าปล่อยให้ตัวเองอาละวาดเมื่อสิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ ไม่งั้นนายจะติดอยู่กับมันตลอดไป”
“….ชิ แม่งเอ้ย!”
ขณะที่เขากำลังจะปล่อยให้ความโกรธครอบงำตัวเอง คำพูดของอายานะก็กระทบเขาเหมือนกับน้ำเย็น และชูรีบวิ่งหนีไป
เมื่อเห็นหลังของเขาเล็กลงเรื่อยๆ ในระยะไกล อายานะก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วกระโจนกลับเข้ามาในอ้อมแขนของฉันอีกครั้ง
“จริงๆแล้ว ฉันคิดว่ามันอาจจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองเหมือนบูมเมอแรงก็ได้ แต่…ฉันคิดว่าฉันก้าวไปข้างหน้าแล้วละ”
“ใช่ เธอทำได้ดีที่สุดแล้วละ…ที่จริงฉันก็วางแผนจะคุยกับเขาด้วยแหละ”
ฉันลูบหัวอายานะเบาๆในขณะที่เธออยู่ในอ้อมแขนของฉัน ฉันทำแบบนี้ต่อไปอีกสักพัก และเมื่อฉันหยุดมือ เธอก็มองมาที่ฉันอย่างไม่พอใจเล็กน้อย ดูเหมือนฉันจะประเมินเวลาในการหยุดมือผิดไปสินะ
“วันนี้ฉัน…ไม่อยากกลับบ้านเลย”
“…อ่า~”
ฉันขอชี้แจงว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอพูดว่าไม่อยากกลับบ้าน แต่ฉันไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธเธอ โดยเฉพาะตอนนี้ที่เราเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการแล้ว แต่เมื่อเธอพูดแบบนั้นในวันนี้ มันทำให้ฉันรู้สึกขนลุกและทำให้ฉันตระหนักว่าเราเป็นคู่รักกันจริงๆ ฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มอีกครั้ง วันนี้คงสายเกินไปแล้วสำหรับฉัน!
“โทวะคุง ทำไมเธอถึงตัวสั่นขนาดนี้เลยล่ะ?”
“เธอคิดว่าเป็นความผิดของใครล่ะ? เป็นความผิดของเธอที่ฉันหยุดสั่นไม่ได้ไง!”
“เอ๊ะ เอ๋!?”
ฉันกอดอายานะแน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อลงโทษเธอ หรือควรจะเรียกว่าเป็นรางวัลสำหรับเธอที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ดีล่ะ
หลังจากใช้ช่วงเวลาแห่งความรักบนถนนยามค่ำคืนที่มืดสลัว เราก็ถูกความจริงสะกิดกลับมาด้วยข้อความจากแม่ที่ถามว่าเราอยู่ไหน เราจึงตัดสินใจรีบกลับบ้านอย่างรวดเร็ว
“แม่ฉัน…เธอดูตื่นเต้นมากเลยนะ”
หลังจากกลับบ้านและบอกแม่ว่าวันนี้อายานะจะมาพักอีกคืน แม่ของฉันเธอก็ดูดีใจมาก และเธอก็ดูมีความสุขอย่างมาก ก็อย่างเคย ตอนนี้เธอดื่มจนเมานิดหนึ่งแล้ว
“ดูเหมือนว่าเธอจะรอช่วงเวลานี้มานานแล้วแฮะ”
เธอไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเราเลย แต่ฉันคิดว่าเธอกำลังรอการประกาศอย่างเป็นทางการอย่างใจจดใจจ่ออยู่แน่ ฉันเชื่อว่าฉันจะได้ให้ข่าวดีกับเธอในไม่ช้า หลังจากที่เธอเฝ้าดูพวกเรามาตลอดเวลา
“อา ช่วงนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายเลย”
เหตุการณ์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเหมือนกับเอาเหตุการณ์ของหลายๆเดือนมายัดให้จบไว้ๆเลย อย่างแรกฉันตื่นขึ้นมาในโลกนี้ในฐานะโทวะ ได้พบกับอายานะผู้เป็นที่รัก ฉันใช้ช่วงเวลาหวานๆกับเธอ และตระหนักถึงความไม่สอดคล้องกันของโลกนี้ จากนั้นฉันก็จำความจริงของโลกได้และไปพูดคุยกับอายานะ ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงสามารถขับไล่ความมืดในหัวใจของเธอได้ มันช่างเป็นช่วงเวลาที่บีบหัวใจจริงๆ
“ที่เหลือก็มีชูและโคโตเนะ…เซย์นะซังและฮัทสึเนะซังด้วยสินะ ยังมีอุปสรรคอีกมากมายรออยู่ข้างหน้า แต่ฉันคิดว่าเรื่องของอิโอริกับมาริน่าจะโอเคแล้ว ตราบใดที่ฉันหยุดอายานะได้ พวกเธอก็น่าจะโอเคมั้ง”
แน่นอนว่านั่นไม่ได้หมายความว่าฉันจะตีตัวออกห่างจากพวกเธอ สำหรับฉันพวกเธอเป็นเพียงรุ่นพี่และรุ่นน้องเท่านั้น แต่เนื่องจากช่วงนี้เราสนิทกันมากขึ้น ฉันก็สามารถคอยดูพวกเธอได้และทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเธอ
“…หืม?”
ขณะที่มองออกไปข้างนอก ฉันสังเกตเห็นเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก ภาพลักษณ์ที่คุ้นเคยของฉันในฐานะโทวะยังคงอยู่เหมือนเดิม และฉันก็ยิ้มให้กับภาพนั้น
“โทวะ มันได้ผลแล้วล่ะ ฉันทำเต็มที่เลยนะบอกให้…ฮะ!!!”
เมื่อกี้ภาพสะท้อนของฉันยิ้มอยู่หรือเปล่า?…ฉันอาจจะเหนื่อยเกินไปหรือมันอาจจะเป็นจินตนาการของฉันก็ได้ แต่ฉันเลือกที่จะเชื่อว่ามันเป็นแบบนั้นละกันนะโทวะ
ขณะที่ฉันกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าจากอีกด้านของประตู และทันใดนั้นอายานะที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จก็เข้ามาในห้อง
“อ่างอาบน้ำวิเศษมากเลย! ขอโทษที่ทำให้เธอต้องรอนะ โทวะคุง”
“ยินดีต้อนรับกลับ อายานะ”
หลังจากเป่าผมให้แห้งแล้ว อายานะก็มายืนข้างๆฉัน ฉันเลยโอบเอวเธอจากด้านหลังอย่างเงียบๆ
“เธอรอฉันไม่ได้เลยเหรอ”
“ฉันคิดถึงเธอนิดหน่อย…อา ฉันคิดถึงเธอมากเลยล่ะ”
“ฟุ่ฟุ่ วันนี้เธอน่ารักมากเลยนะ โทวะคุง”
“เธอพูดอะไรนะ? เธอน่ารักกว่าฉันอีก”
ในฐานะผู้ชาย ฉันไม่แน่ใจว่าฉันควรจะรู้สึกดีหรือเปล่าที่ถูกบอกว่าน่ารัก ฉันว่าคำพูดพวกนั้นเหมาะกับผู้หญิงอย่างอายานะมากกว่า
“…ชู่”
“ฟุ่ฟุ่ เธอทำฉันจั๊กจี้นะ”
ฉันเอาหน้าซุกเข้าไปในผมของอายานะแล้วสูดกลิ่นของเธอ ฉันกอดเธอไว้แน่นๆเพื่อไม่ให้เธอดิ้นหนีได้ แม้ว่าเธอจะดูเหมือนไม่ได้พยายามหนีก็ตาม
“แค่กอดเธอแบบนี้ก็เพียงพอสำหรับฉันแล้ว กลิ่นหอมและความอบอุ่นที่เธอให้มาช่างผ่อนคลายอย่างน่าเหลือเชื่อเลย เราจะทำแบบนี้ไม่ได้ตอนช่วงฤดูร้อน เพราะงั้นฉันจะสนุกกับมันในขณะที่ยังทำได้ล่ะนะ”
“ฉันไม่รังเกียจหรอกนะ แม้ว่าโทวะคุงจะเหงื่อท่วมในช่วงฤดูร้อนก็ตาม”
“เหงื่ออาจจะเยอะสักหน่อยนะ…”
“ไม่มีปัญหาเลย!”
อายานะหัวเราะคิกคัก รอยยิ้มของเธอในตอนนี้มันเป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจจริงไม่ผิดแน่ ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างล้นหลามในขณะนั้น
ชั่วขณะหนึ่ง อายานะเบิกตากว้างดูเหมือนเธอจะตกใจอะไรบางอย่าง แต่เธอก็ยิ้มออกมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
“โทวะคุง ฉันรู้สึกเหมือนตอนนี้ตัวเองจะมีปีกงอกออกมาเลย”
“ฮะ…?”
“ปล่อยวาง…ฉันคิดว่านั่นคือคำที่เหมาะสมกับฉันในตอนนี้นะ มันรู้สึกสดชื่นราวกับว่าฉันได้ปลดพันธนาการที่กดทับฉันมาตลอดทิ้งเสียที”
“อา…ฉันเข้าใจเลยล่ะเรื่องนั้นนะ”
ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุขจริงๆกับสิ่งที่เธอเพิ่งพูดออกมา ฉันกอดอายานะแน่นขึ้นอีกนิด แล้วเธอก็วางมือของเธอไว้บนมือของฉัน
“ไม่ใช่ทุกอย่างจะราบรื่นไปหมดหรอกนะ ฉันแน่ใจว่ายังมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากมายรอเราอยู่ข้างหน้า…ฉันอาจจะต้องระงับด้านมืดของฉันที่พยายามจะโผล่ขึ้นมาตอนไหนก็ได้ แต่ไม่เป็นไร เพราะโทวะคุงอยู่กับฉันนี่นะ”
“ถูกต้องแล้ว และฉันก็เหมือนกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอะไร ฉันได้เอาชนะมันมาแล้ว ฉันไม่สนใจมันอีกแล้ว ตราบใดที่เธออยู่กับฉัน”
“จ้า!”
เราสองคนสามารถเอาชนะความท้าทายใดๆก็ตามได้แน่นอน นี่ไม่ใช่ความหวังลมๆแล้งๆ แต่เป็นความเชื่อที่ฉันยึดมั่นอย่างสุดใจ ท้ายที่สุดแล้ว เราก็มีกันและกัน
“ตอนนี้ ฉันสามารถยอมรับตัวเองในแบบที่ฉันเป็นได้แล้ว ถ้าฉันยังคงเป็นแบบที่ฉันเคยเป็น ฉันคงจะไม่สามารถอยู่เคียงข้างเธอแบบนี้ได้แน่”
“ฉันยอมรับเธอในแบบที่เธอเป็นนะ อายานะ”
“บางทีอาจจะใช่…แต่ฉันชอบแบบนี้มากกว่า”
ฉันปล่อยมือจากเอวของอายานะ แล้วเธอก็หันมาเผชิญหน้ากับฉัน เธอเงยหน้ามองฉัน ดูเหมือนเธอจะกำลังมองหาอะไรบางอย่าง และฉันคิดว่าอาจจะเป็นสิ่งนี้
“เอเฮะ เห็นไหมละโทวะคุงเข้าใจฉันแม้ว่าฉันจะไม่พูดอะไรเลย”
โอ้ ดูเหมือนว่าฉันจะเข้าใจถูกต้องแฮะ เยี่ยม!
ฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่ฉันรู้สึกสบายตัวมาตลอดทั้งวันเลย ฉันอยากอยู่ในอารมณ์แบบนี้ให้นานขึ้นอีกสักหน่อย โดยเฉพาะวันนี้
ขณะที่ฉันกำลังประหลาดใจ อายานะก็พูดบางอย่างเกี่ยวกับความรู้สึกของเธอ
“โทวะคุง ขอบคุณนะที่หาฉันเจอ ขอบคุณที่ช่วยเหลือฉัน และขอบคุณที่รักฉัน ฉันซาบซึ้งใจจริงๆ!”
ด้วยคำพูดเหล่านี้ รอยยิ้มของเธอชั่งสวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ มันเป็นรอยยิ้มที่ฉันจะไม่มีวันลืม มันจะฝังอยู่ในความทรงจำของฉันตลอดไป
แต่ว่านะอายานะ ฉันต่างหากที่ควรขอบคุณเธอ ขอบคุณที่ทำให้ฉันได้พบเธอ ขอบคุณที่ช่วยเหลือฉัน และขอบคุณที่รักฉัน ขอบคุณจริงๆ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าวันนี้เราได้ก้าวข้ามอุปสรรคไปอีกขั้นแล้ว เมื่อฉันตระหนักถึงสิ่งนี้ ฉันก็สาบานในใจว่าจะปกป้องหญิงสาวในอ้อมแขนของฉันให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราจะหาความสุขไปด้วยกัน ไม่ใช่ความสุขของคนใดคนหนึ่ง นั่นคือคำตอบที่อายานะและฉันได้ค้นพบ
จบเล่มที่2
————————————————————————————————————————-
คุยท้ายตอน
จบไปแล้วนะครับไม่คิดเลยว่าตัวเองจะแปลมาถึงเล่ม2ได้ ถ้าใครตามอ่านมาถึงตรงนี้ก็ขอขอบคุณจากใจจริงเลยครับ การที่พวกคุณมาคอมเมนต์หรือกดอ่านมันทำให้ผมดีใจจริงๆครับ แค่อยากจะบอกว่าพวกคุณก็เป็นส่วนที่ทำให้เรื่องนี้ถูกเข็นออกมาเหมือนกันนะครับ(เพราะงั้นถ้าผมโดนอะไร ความผิดหารๆกันนะครับ)
ถ้ามีโอกาสเราคงได้เจอกันอีกไม่ช้าก็……ช้ามาก ส่วนข่าวว่าจะแปลต่อไหม? หรือดรอป? หรือไปแปลเรื่องอื่น? อัพเดทความคืบหน้าที่หน้าเพจนะครับ
แหม เป็นตอนจบที่อิ่มดีนะครับ การได้เห็นรอยยิ้มของอายานะจริงๆนี้มันก็ดีเหมือนกันแฮะ ส่วนชูก็….สมการรอคอยแหละ