เกิดใหม่เป็นไอหนุ่ม NTR ในเกมเอโรเกะ แต่ฉันไม่มีวันแย่งเธอมาเด็ดขาด - ตอนที่ 13.1 ไง
“อา ▆ ▆..…ฮะ?!”
เดี๋ยวก่อนนะ…ฉันตื่นขึ้นมาแล้วมองไปรอบๆ รู้สึกเหมือนกับว่าฉันตื่นขึ้นมาหลังจากพูดอะไรที่มันน่าอายไปเลย…ไร้สาระชะมัด แต่มันคงเป็นแค่จินตนาการของฉันเอง
“…ทำไมมึนหัวแปลกๆนะ”
ฉันรู้สึกเหมือนยังอยู่ในฝัน แต่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะฝันได้ชัดเจนขนาดนั้น ฉันมองไปรอบๆ และพบว่าตัวเองอยู่ในบ้านที่คุ้นเคย ฉันมองไปรอบๆ แล้วฉันก็เห็นบางอย่างบนโต๊ะที่ทำให้ฉันอ้าปากค้าง
“อะไร…!?”
ฉันลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว และหยิบเกม [ฉันถูกชิงไปทุกอย่าง] ขึ้นมาดู
เกมอีโรติกนี้เป็นเกมระดับตำนานในบรรดาเกมที่ฉันเคยเล่นมา ไม่ใช่แค่ฉันที่คิดเช่นนั้น ทุกคนที่เล่นก็ชื่นชมมันอย่างมาก เกมดังกล่าวถือเป็นเกมระดับตำนาน…อาจเป็นการพูดเกินจริงหากบอกว่า “ทุกคน” ชอบเกมนี้ แต่มันก็สร้างเสียงฮือฮาให้ผู้คนได้มากมาย และผู้คนต่างก็สนใจโครงเรื่องที่น่าสนใจของมัน
[โทวะคุง ชูคุง]
“!?”
จู่ๆฉันก็ได้ยินเสียงๆใครบางคน ฉันรีบหันกลับไปมองทันที แต่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลย มีเพียงแค่ความว่างเปล่าเท่านั้น
ฉันไม่ได้อยู่ในวัยที่จะมีอาการประสาทหลอนจากการได้ยิน แต่อืม…ฉันคิดว่าฉันคงจะไม่เป็นอะไรมั้ง?
ด้วยความไม่สบายใจเล็กน้อย ฉันจึงหันความสนใจมาที่แพ็กเกจเกม และต้องประหลาดใจเมื่อได้เห็น อายานะ นางเอกของเกม ปรากฏอยู่ตรงนั้น ซึ่งทำให้ฉันคิดว่า “ฉันจะชิงเธอมาจริงๆหรือ?”
“อายานะ…”
อืม…..ฉันนึกขึ้นได้ว่า เสียงที่ฉันได้ยินก่อนหน้านี้ มันฟังดูเหมือนเสียงของอายานะ ไม่ใช่เหรอ?
มันเป็นเสียงที่ทำให้ฉันสงบ เสียงที่ฉันอยากฟังตลอดไป มันเป็นเสียงที่ผสมผสานความอ่อนโยนและความเย้ายวนที่ขัดแย้งกันเข้าด้วยกัน
ถึงแม้จะเป็นเสียงของอายานะ แต่มันก็เป็นเสียงพากย์ของตัวละครที่ฉันชอบดังนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ฉันจะคิดแบบนั้น
“… แต่ทำไหมฉันรู้สึกแปลกๆน้า ความรู้สึกแบบนี้มันอะไรกัน?”
ฉันมองไปที่แพ็กเกจเกมอีกสักพัก แล้วก็สังเกตเห็นเกมอีกเกมหนึ่ง
“…อันนี้มัน?”
มันถูกวางไว้บนโต๊ะ เช่นเดียวกับเกมที่ฉันถืออยู่นี่ มันเป็นแฟนดิสก์ของ [ฉันถูกชิงไปทุกอย่าง] มันบอกเล่าเรื่องราวที่ไม่เคยถูกเล่าในเกมหลัก – เรื่องราวการแก้แค้นของอายานะ
“…”
ฉันเปิดคอมพิวเตอร์อย่างเงียบๆ แล้วหยิบแผ่นแฟนดิสก์ขึ้นมา ด้วยความร้อนรนที่ฉันอธิบายไม่ได้ ฉันจึงตัดสินใจที่จะเล่นแฟนดิสก์นี้อีกครั้ง
“การเล่นเกมอีโรติกอย่างใจจดใจจ่อแบบนี้เป็นอะไรที่……ช่างเถอะ”
ฉันหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น ตรงหน้าจอชื่อเกมเริ่มปรากฏขึ้นแล้ว ภายใต้ท้องฟ้าที่มืดมิด อายานะยืนอยู่กลางสายฝน เธอสวมฮูดสีดำที่ไม่เข้ากับบุคลิกตอนปกติของเธอ มันสร้างบรรยากาศที่น่าขนลุกพอตัวเลยละ
แต่มันดูเข้ากับเธอดีนะ รูปลักษณ์ที่แปลกใหม่ของเธอและบรรยากาศที่เข้ากันอย่างลงตัว มันช่วยสร้างบรรยากาศที่กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของผู้เล่นเกี่ยวกับความลับที่จะถูกเปิดเผยในแฟนดิสก์นี้ได้เป็นอย่างดี
“…”
จากนั้น ฉันก็เล่นแฟนดิสก์ไปเรื่อยๆ โดยไม่มีอะไรมาขัดจังหวะ นี่เป็นการเล่นครั้งที่สองของฉัน? เดี๋ยวก่อนนะ…มันเป็นครั้งที่สองจริงๆเหรอ? ฉันรู้สึกเหมือนฉันเคยเล่นมันมาหลายครั้งแล้ว แต่ความทรงจำของฉันกลับเลือนลางอย่างประหลาด ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังคงเล่นแฟนดิสก์ต่อไป
ฉันเล่นแฟนดิสก์ด้วยความตั้งใจ บันทึกทุกฉากไว้ในความทรงจำ ฉากความสนิทสนมระหว่างโทวะกับอายานะ ฉากที่อายานะแสดงความเกลียดชังที่มีต่อชูและครอบครัวของเขาซึ่งเธอเก็บงำมันไว้มาตลอด ฉากทั้งหมดนั้น…ฉันดูมันอย่างรอบคอบและตั้งใจ
“…”
พูดตามตรง การหมกมุ่นอยู่กับเกมแบบนี้มันค่อนข้างแปลก แต่เมื่อใกล้ฉากจบ ฉันก็เริ่มจำบางอย่างได้ทีละนิด–จำได้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับฉันและฉันอยู่ที่ไหนตลอดเวลาที่ผ่านมา
“อา…ใช่แล้ว ฉันคือ…โทวะ”
ฉันพึมพำกับตัวเอง และในขณะนั้นบรรยากาศหมอกมัวที่บดบังทัศนวิสัยของฉันนั้น ก็สลายไปหมดสิ้น เมื่อไม่กี่นาทีก่อนฉันนั่งเรียนที่ห้องเรียนตามปกติ แต่ร่างกายของฉันก็ทรุดลง อายานะเลยพาฉันมาที่ห้องพยาบาล และฉันก็หลับไปที่นั่น
“…งั้นนี่ก็เป็นความฝัน…สินะ ฮ่าฮ่า”
ขณะที่ฉันตระหนักว่าความฝันนี้มันช่างสมจริงเหลือเกิน หรือที่มันสมจริงขนาดนี้อาจเป็นเพราะฉันจำบางสิ่งที่ลืมไปนานแล้วได้ ตอนนั้นเสียงหัวเราะแห้งๆก็หลุดออกมาจากปากของฉัน เมื่อตื่นจากความฝันนี้แล้ว ฉันจะกลับไปหาอายานะได้ไหม?
ด้วยการที่ฉันจำทุกอย่างได้แบบนี้ ฉันอาจจะถูกโลกมองว่าไม่จำเป็นและถูกลบออก ฉันอาจกลายเป็นเหยื่อของการแก้ไขความผิดปกติหรือเปล่า? ความคิดน่ากลัวเช่นนั้น ทำให้ร่างกายของฉันสั่นเทา
“จริงด้วย…ฉันเคยเห็นอายานะสวมฮูทสีดำในเมืองกับที่บ้าน หรือเคยได้ยินเสียงที่ฟังดูเหมือนเสียงของเธอ บางทีทั้งหมดนั้นมันอาจกำลังบอกเป็นนัยกับฉันว่า ฉันมีความทรงจำที่จำเป็นต้องนึกออก เธออาจจะถามฉันแบบนั้นมาตลอดก็ได้”
เมื่อคิดแบบนั้น ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะเข้ากันอย่างลงตัว แม้ในขณะที่ฉันคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันก็หยุดเล่นเกมไม่ได้
แม้ฉันจะจำได้ทุกอย่างแล้ว แต่เรื่องราวของเกมก็ดำเนินไปจนถึงตอนจบ และ Easter Egg ก็ปรากฏขึ้นมาตามเงื่อนไขถ้าเราเล่นเกมนี้รอบที่สองจบ
ร่างของอายานะค่อยๆหายไปและเหลือเพียงโทวะ จากนั้นร่างของโทวะก็ค่อยๆหายไปด้วย แล้วจากนั้นคําบรรยายก็ปรากฏบนหน้าจอ
[บางทีฉันอาจจะเป็นคน…ที่พรากเธอมาจากฉันเอง]
ในแง่นั้น…..มันก็จริง ฉันพยักหน้า มันไม่ใช่ความผิดของโทวะ แต่เป็นเพราะอิทธิพลของคนที่รังแกเขา ซึ่งนำไปสู่การที่อายานะสะสมอารมณ์เชิงลบ
ในแผนการแก้แค้นของเธอ อายานะค่อยๆพังทลายลง และโทวะก็ไม่ทันสังเกตเห็นจนถึงวินาทีสุดท้าย นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่สามารถให้อภัยคนที่ทำให้เธอเจ็บปวดได้ และนั่นก็คือเสียงร้องภายในใจของเขา
“อายานะ…รักโทวะจริงๆ เธอรักเขามากจนไม่รู้จะหาคำไหนมาอธิบาย เธอทำร้ายคนที่รังแกโทวะเพราะเธอรักเขาจากก้นบึ้งของหัวใจและทนไม่ได้ที่จะเห็นเขาเจ็บปวด”
ฉันเอนหลังพิงพนักเก้าอี้และถอนหายใจ เมื่อฉันหลับตาและจดจ่ออยู่กับความคิด ภาพของหญิงสาวที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าฉัน – รอยยิ้มของอายานะ – ก็แวบเข้ามาต่อหน้าต่อตาฉัน
“เธอคงแบกอะไรไว้เยอะแยะเลยสินะ อายานะ”
ฉันรู้ว่าอายานะมีอะไรอยู่ในใจ แต่ความคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันจำอะไรไม่ได้เลยนั้นช่างน่ากลัวยิ่ง ถึงแม้จะไม่มีการรับประกันว่าเกมกับความจริงนั้นเหมือนกัน แต่พิจารณาจากประสบการณ์ในอดีตของฉัน มันก็มีความเป็นไปได้สูง
“ออ ฉันเข้าใจแล้ว เธอดูสนุกเวลาอยู่กับอิโอริและมาริ…ดังนั้น พฤติกรรมของเธอก็เลยดูแปลกไปเมื่อฉันพูดถึงมัน”
อิโอริและมาริ ไม่ใช่เป้าหมายโดยตรงในการแก้แค้นของอายานะ พวกเธอเป็นเพียงเครื่องสังเวยที่เตรียมไว้เพื่อผลักดันชูเข้าสู่ความสิ้นหวังมากขึ้นเท่านั้น อายานะไม่ควรจะมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งกับพวกเธอเลย แต่ความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น – อายานะทำตัวเหมือนเด็กผู้หญิงทั่วไป มีความสุขในการพูดคุยและเล่นกับพวกเธอ
เมื่อฉันบอกเรื่องนี้กับเธอ อายานะก็ได้ค้นพบความรู้สึกของตัวเอง และเธอก็แสดงออกในลักษณะเช่นนั้นเพราะเธอคิดว่ามันไม่เป็นความจริง
“อายานะ…โอโตนาชิ อายานะ….หืม?”
ถ้าฉันเป็นแค่ผู้เล่นทั่วไปและไม่ได้มีประสบการณ์ในการกลับชาติมาเกิดจริงๆ ฉันคงไม่คิดถึงเธอมากขนาดนี้มันก็สมเหตุสมผลแล้ว ท้ายที่สุดแล้วเธออยู่ตรงหน้าฉัน และฉันก็มีปฏิสัมพันธ์กับเธอในความเป็นจริง
“โทวะคุง”
“โทวะคุง!”
“โทวะคุง…”
“โทวะคุง♪”
ภาพต่างๆของเธอกำลังแล่นผ่านเข้ามาในความคิดของฉัน โอ้! ฉันอยากเจอเธอเหลือเกิน และเหนือสิ่งอื่นใด คือการได้คุยกับเธอ
“ฉันควรดูฉากนั้นอีกครั้งดีไหม?”
ขณะที่ฉันกลับไปที่หน้าเมนู ฉันก็เปิดเกมอีกครั้ง ฉันเข้าไปที่แกลเลอรี่และเลือกฉากก่อนจบ มันเป็นฉากที่หายากสำหรับเกมประเภทนี้ มันแสดงให้เห็นอายานะที่สวมฮูทสีดำกำลังเดินไปรอบๆสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง – สวนสาธารณะแห่งนี้คือที่ที่อายานะได้พบโทวะเป็นครั้งแรก เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด
“พอมันจบแล้วจริงๆ ฉันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจเหมือนกันนะ…ทุก~คนหายไปหมดแล้ว”
อายานะ ไม่สนใจว่าเสื้อโค้ทของเธอจะสกปรก เธอจึงเอนหลังพิงต้นไม้ที่เปียกอยู่โดยไม่สนใจ การแก้แค้นของเธอสิ้นสุดลงแล้ว และเนื่องจากชูและคนอื่นๆ รวมถึงอิโอริและมาริได้ทำหน้าที่ของพวกเธอในเรื่องราวนี้เสร็จแล้ว คำพูดของอายานะจึงไม่มีการหลอกลวงอีกต่อไป
“…ในที่สุดทุกอย่างก็จบลงแล้ว ฟูฟู สมควรกับพวกเขาแล้ว”
เธอพูดราวกับกำลังพ่นมันออกมา ไม่ชัดเจนว่าเป็นเพราะเปียกฝนหรือมันเป็นของจริง แต่คราบน้ำตาของอายานะก็ไหลลงมาบนแก้มของเธอ มันอาจเป็นเพราะความโศกเศร้าที่ไม่รู้ตัวของเธอในตอนจบของการแก้แค้นและความเจ็บปวดที่เธอต้องอดทนมาตลอดก็ได้
“กลับไปหาโทวะคุงดีกว่า ตอนนี้ไม่มีใครเหลือที่จะทำร้ายเขาอีกแล้ว…ในที่สุด โทวะคุงก็มีวันที่เขาจะไม่ถูกใครทำร้าย และฉันจะสนับสนุนเขาต่อไป วันแล้ววันเล่า…นั่นคือชีวิตที่มีความสุข อย่างแน่นอน”
จุดหมายแห่งความสุขของแต่ละคนแตกต่างกันมาก อายานะไม่สงสัยเลยว่าอีกไม่นานความสุขของโทวะจะมาถึงเพราะเธอบรรลุเป้าหมายของเธอแล้ว อายานะจะไม่มีวันแสดงมันออกทางสีหน้าหรือท่าทางของเธอ เธอตัดสินใจที่จะสนับสนุนโทวะต่อไปจนถึงที่สุด
“ถ้าฉันเป็นโทวะ…ไม่ มันค่อนข้างจะโกงนิดหน่อย แต่ถ้าฉันรู้เรื่องนี้ ฉันจะทำยังไงให้เธอได้บ้างนะ?”
หากฉันได้เห็นตอนจบแบบนี้…ในฐานะคนที่ตกหลุมรักอายานะ ฉันคงคิดว่าตัวเองสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อมอบอนาคตที่เธอจะยิ้มอย่างแท้จริงได้
“มันเป็นแค่ความพึงพอใจของตัวฉันเอง แต่…ฉันไม่อยากให้เธอเดินไปในเส้นทางแบบนี้เลย”
ฉันกำหมัดแน่น ในเรื่องราวนี้ โทวะไม่รู้อะไรเลย และอายานะก็ไม่ยอมให้โทวะรู้อะไรทั้งนั้น นั่นหมายความว่าอายานะจะเป็นคนเดียวที่จะอยู่กับความจริงนี้ เธอไม่สามารถแบ่งปันกับใครได้ ไม่สามารถพูดคุยกับใครได้…นั่นคือเหตุผลที่เธอต้องอดทน ซึ่งมันจะทำให้ใจเธอแตกสลายต่อไปเรื่อยๆ
“สำหรับเด็กผู้หญิงตัวแค่นั้น ฉันว่ามันยากเกินไปนะ”
แม้การแก้แค้นอาจทำให้รู้สึกโล่งใจขึ้น แต่ความตั้งใจที่แท้จริงของอายานะนั้นก็ไม่เป็นที่แน่ชัด เนื่องจากฉันไม่ได้ถามเธอโดยตรง อย่างไรก็ตาม ฉันไม่สามารถลืมสีหน้าเจ็บปวดของอายานะท่ามกลางสายฝนที่สวนสาธารณะได้
“ความสุขและความทุกข์…ถึงตัวคันจิจะดูคล้ายกันมาก แต่ความแตกต่างนั้นช่างมหาศาล ใช่ไหมละ?”
ฉันยิ้มแห้งๆ ในขณะที่ครุ่นคิดถึงสิ่งที่ชัดเจนเช่นนั้น ฉันตบแก้มตัวเองทั้งสองข้าง ต้องใช้เวลาพอสมควรในการจำ…หรืออาจจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ? แต่ตอนนี้ฉันจะไม่มีวันลืม ฉันจำทุกอย่างไว้!
“ฉันไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ไหม แต่การเสียใจกับสิ่งที่ทำไปแล้วมันดีกว่าการเสียใจที่ไม่ได้ทำอะไรเลยแน่นอน แต่นอกจากนี้มีบางอย่างเปลี่ยนไปแล้ว”
การเล่นแฟนดิสก์นี้และการได้เห็นเบื้องหลังของอายานะทำให้ฉันได้เรียนรู้อะไรมากมาย สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งคือตอนที่เราทำงานร่วมกับชู อิโอริและมาริ รวมถึงการได้พบกับเซย์นะ เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีอยู่ในเรื่องราวต้นฉบับ นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าพวกเขาไม่ได้เดินตามเส้นเรื่องที่กำหนดไว้ แต่พวกเขาดำเนินชีวิตตามความเป็นจริง ซึ่งเหตุการณ์ต่างๆ สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างง่ายดายด้วยการตัดสินใจเพียงครั้งเดียว
“…แต่ก่อนหน้านั้น ฉันต้องหาวิธีให้ตัวเองตื่นก่อนสินะ?”
ฉันพึมพำคำพูดเหล่านั้นในห้องที่คุ้นเคย ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีวันที่ฉันจะต้องกังวลว่าจะตื่นจากความฝันได้อย่างไร
ฉันปิดคอมพิวเตอร์ ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วมองไปรอบๆ
“จริงๆแล้ว…ฉันกลับชาติมาเกิดได้ไงนะ?”
การกลับชาติมาเกิดหมายถึงการตายในชาติก่อน…แต่ตอนนี้พอคิดดูแล้ว ฉันก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมฉันถึงตาย ชั่วขณะหนึ่งฉันนึกภาพคานเหล็กที่ตกลงมาจากอาคารก่อสร้าง แต่ตอนนี้การคิดถึงมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว
ขณะที่ฉันกำลังครุ่นคิดอยู่ สภาพแวดล้อมรอบตัวก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และฉันก็พบว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในความมืดมิดโดยสมบูรณ์
ที่นี่คือ…ที่ไหน?
“อะไรอีกละเนี่ย…?”
มันมืดสนิทจนฉันมองไม่เห็นอะไรเลย แม้ฉันจะเอื้อมมือออกไปก็ไม่มีอะไรให้สัมผัส เมื่อพูดออกไป เสียงของฉันก็ก้องกังวานราวกับถูกกลืนหายไปในความเงียบรอบตัว ซึ่งมันฟังดูน่าขนลุกใช่ไหมละ แต่กลับกันฉันกลับไม่รู้สึกกลัวเลย
“…มีใครอยู่ไหม?”
ฉันกระซิบเบาๆ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับตามคาด ฉันคิดว่าที่นี่มีแต่ความว่างเปล่า แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อได้ยินเสียงตอบกลับมา
“อืม มีอยู่คนหนึ่งนะ”
“คุณคือ….!?!?”
ฉันหันไปเผชิญหน้ากับชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความตกใจ แต่เสียงที่เพิ่งได้ยินเมื่อกี้…ไม่ หรือว่าคนคนนี้คือ…มันเป็นไปได้ด้วยเหรอ!?
“เอ่อ…นายคือ…”
“ฮ่าๆ มันแปลกดีนะ ที่ได้คุยกับคนที่หน้าตาเหมือนตัวเองนะ”
บางทีพวกคุณคงจินตนาการความประหลาดใจของผมในตอนนี้ไม่ออกแน่นอน
“…ท โทวะ?”
“อ่า… นี่เป็นครั้งแรกที่เราเจอกันแบบนี้ใช่ไหม?”
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันคือ ยูกิชิโระ โทวะ คนที่ดูเหมือนจะแย่งอายานะไปจากชู แต่จริงๆแล้วเขารักเธอมาโดยตลอด และตัวตนที่ฉันได้เข้ามาแทนที่ตอนนี้เขาอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว
“…”
แม้ว่าฉันจะใช้ชีวิตเป็นโทวะและสวมหน้ากากของเขาอยู่ตลอดเวลา แต่การได้เห็นเขาตัวเป็นๆแบบนี้ ทำให้ฉันตระหนักได้้ลยว่าเขาเป็นคนละคนกับฉันอย่างสิ้นเชิง
เมื่อฉันเข้าใจแบบนั้น คำพูดบางคำก็หลุดออกมาจากปากของฉัน
“…ขอโทษนะ ที่ฉันเข้ามาแย่งชีวิตของนาย…”
มันเป็นคำขอโทษ แต่ก่อนที่ฉันจะพูดต่อว่าฉันแย่งอายานะไปจากเขา โทวะก็วางมือมาที่ไหล่ของฉัน เพื่อหยุดไม่ให้ฉันพูดอะไรไปมากกว่านี้
เมื่อฉันเงยหน้าขึ้น โทวะก็กำลังยิ้มให้ฉันอยู่
“นายไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกในทางกลับกัน การที่นายมาที่โลกนี้ มันเหมือนกับความปรารถนาของฉันมากกว่า”
“นายหมายความว่าไงนะ?”
ผมไม่เข้าใจว่าโทวะกำลังจะสื่ออะไร แต่เขาก็ยิ้มแห้งๆ และพูดต่อ
“มันแปลกดีนะที่เมื่อทุกอย่างจบลงแล้ว เราถึงจะเข้าใจอะไรหลายๆอย่าง…ในกรณีของฉัน สิ่งที่ฉันรู้ก็คืออายานะต้องทุกข์ทรมานมาโดยตลอด เธอดูเหมือนปกติเวลาอยู่กับฉัน แต่บางครั้งฉันก็เห็นความมืดมิดในแววตาของเธอ เวลาฉันถามเธอว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เธอก็ไม่ยอมบอก และสุดท้ายเธอก็ไม่เคยบอกอะไรฉันเลย”
“ฮะ…เดี๋ยวก่อน นายพึ่งพูดอะไรนะ?”
ฉันรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยกับคำพูดของโทวะ และบางอย่างก็ดูแปลกไปเมื่อมองไปที่เขา เขาคือโทวะ แต่ดูเหมือนเขาจะมีวุฒิภาวะมากกว่าเดิมราวกับว่าเขาอายุมากกว่าโทวะที่เป็นนักเรียนมัธยมปลายที่ฉันจำได้เล็กน้อย สิ่งนี้อาจจะเป็นไปได้ ผมจึงลองถามดูอย่างไม่แน่ใจ
“หรือว่า…นายจะเป็นโทวะจากอนาคต?”
โทวะพยักหน้า
“ก็ตามนั้นแหละ ฉันเป็นไอโง่โทวะที่มองไม่เห็นความมืดมนในหัวใจของอายานะ ฉันโง่มากที่ไม่ตระหนักถึงมันและจบลงด้วยการทำร้ายเธอ”
สำหรับเรื่องนั้น มันก็เข้าใจได้ และฉันก็ไม่โทษเขา ในกรณีของฉัน ฉันสามารถมองเห็นหัวใจของเธอได้ในระดับหนึ่ง แต่โทวะคนนี้ เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกใบนี้ตั้งแต่แรก และอายานะก็เก่งเกินไปในการปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงของเธอ
“ฉัน…ไม่สามารถช่วยอายานะได้ ไม่ว่าฉันจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม เธอที่อยู่ข้างๆ ฉันเธอผ่านทุกอย่างมาหมดแล้ว เธอปลอบใจตัวเองว่าที่เธอทำทั้งหมดนั้นก็เพื่อฉัน มันทำให้หัวใจของเธอค่อยๆอ่อนแอลงเรื่อยๆ เด็กผู้หญิงคนนั้น…อายานะ เป็นคนใจดีอย่างไม่น่าเชื่อ”
โทวะหยุดถอนหายใจ สักพักก่อนจะพูดต่อ
“บางทีในใจของฉันอาจจะหวังให้ใครสักคนมาช่วยอายานะ…ใครสักคนที่คอยปกป้องหัวใจของเธอ”
เดี๋ยวนะ โทวะหมายถึงฉันเหรอ? ภาระหน้าที่มันหนักเอาเรื่องอยู่นะ…แต่มันก็สมเหตุสมผลดี
ความปรารถนาของฉันที่จะเปลี่ยนอนาคต แก้ไขความเสียใจในอดีต ทุกคนต่างอยากช่วยอายานะ…ความรู้สึกของโทวะตรงกับความรู้สึกของฉันเป๊ะเลย
“ฟังดูสะดวกเกินไปหน่อยนะ แต่เอาเถอะ ก็คงเป็นเพราะฉันกลายเป็นนายสินะ”
“อา ถึงจะน่าหงุดหงิด แต่จนถึงตอนนี้ หัวใจของอายานะก็ยังไม่มีรอยแตกร้าวต่างจากตอนที่ฉันยังเป็นโทวะอยู่ นายสามารถช่วยเธอได้แน่นอน”
การได้ยินคำพูดเหล่านั้นจากโทวะทำให้ฉันมั่นใจอย่างไม่น่าเชื่อ
ฉันกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว
“ฉันอาจจะทำอะไรพิเศษให้กับอายานะไม่ได้ แต่สิ่งเดียวที่ฉันทำได้ก็คือเผชิญหน้ากับเธออย่างจริงจังและคุยกับเธอ”
“แค่นั้นก็เกินพอแล้ว ที่จริงมันมากกว่าพอด้วยซ้ำ มันเป็นสิ่งที่ฉันไม่สามารถทำได้ในช่วงเวลาของฉัน…”
โทวะมองลงต่ำ ดูเหมือนเขาจะรู้สึกเสียใจ
ช่างเป็นความรู้สึกที่แปลกจริงๆ…ชายหนุ่มรูปงามที่อยู่ตรงหน้าฉัน ยังคงแสดงท่าทีเศร้าหมองและน่าสงสารตลอดเวลาที่ผ่านมา มันทำให้ฉันรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยแฮะ
ดังนั้น ฉันก็เลยตัดสินใจตบหลังเขาเบาๆ และโทวะก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บ
“โอ๊ย!”
“อย่าทำหน้าเศร้าโศกเศร้าแบบนั้นสิ! เห็นหน้านายแบบนั้นแล้วเสียดายของหมด”
ถึงแม้ว่าฉันจะพูดแรงไปหน่อย แต่มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
“การช่วยอายานะไม่ได้หมายความว่า ‘ทุกอย่างจะลงเอยด้วยดี’ โลกนี้ไม่ใช่เกมอีกต่อไปแล้ว และไม่มีตอนจบที่กำหนดไว้ตายตัวด้วย แล้วมันยังมีเรื่องราวอีกหลายอย่าง เช่น ครอบครัวของชู และแม้กระทั่งสถานการณ์ของเซย์นะซัง”
“นั่นก็…จริง นายก็พยายามทำดีที่สุดก็แล้วกัน”
“นายพูดเหมือนมันง่ายเลยนะ!”
ฉันตีไปที่หลังโทวะอีกครั้ง
“ฉันจะพูดอีกครั้ง สิ่งเดียวที่ฉันต้องการคือการช่วยอายานะ และฉันก็ไม่สนด้วนว่าทางที่ฉันเลือกจะทำให้ฉันถูกดีดออกจากร่างนาย แต่ไม่ว่าอย่างไง ฉันก็จะช่วยเธอ”
“ไม่เป็นไรหรอก อันที่จริงนายก็น่าจะรู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ความจริงที่ว่านายไม่ได้รู้สึกอึดอัดในการใช้ชีวิตเป็นโทวะแล้วด้วยวิญญาณที่ผสานกัน มันหมายความว่านายก็คือตัวของนายเองในโลกนี้ ดังนั้น นายไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดหรอก และไม่ต้องขอโทษแบบที่นายทำตอนแรกด้วย”
โทวะตบไหล่ฉันเบาๆ ขณะที่เขาพูด ฉันมองดูเขาอยู่ครู่หนึ่ง และคำพูดของเขาก็ตรงไปตรงมาคำพูดเหล่านั้นมันเต็มไปด้วยความจริงใจ ฉันพยักหน้าเห็นด้วย
“แต่สุดท้ายแล้ว ก็ยังมีปัญหาอีกหลายอย่างที่ต้องจัดการ นายไม่ได้แค่ทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังหรอกใช่ไหม?”
“…”
โทวะทำท่าเตรียมจะรับหมัดของฉันด้วยท่าทีรู้สึกผิด ราวกับกำลังบอกว่ามันไม่สำคัญอะไร ผมรู้ว่าการต่อยเขาจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย และมันไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง
“เอ่อ? หรือว่า…?”
ฉันอดไม่ได้ที่จะถามคำถามที่รบกวนจิตใจของฉันมาตั้งแต่แรกที่เราเจอกัน
“นายรู้ไหม บางครั้งฉันก็เห็นภาพแปลกๆเหมือนมันพยายามจะกระตุ้นความทรงจำของฉัน นั่นนะ…เป็นฝีมือนายหรือเปล่า?”
“เปล่า มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย ที่นายเห็นภาพพวกนั้นคงเป็นเพราะความปรารถนาของนายเองที่จะอยากช่วยอายานะและสร้างอนาคตที่ดีให้กับเธอละมั้ง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉันก็รู้สึกสบายใจขึ้นที่ความรู้สึกของฉันมันไม่ได้ไร้ประโยชน์
“ฉันจะไปคุยกับอายานะแบบตรงไปตรงมาน่ะ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าวิธีนี้จะได้ผลมากแค่ไหน”
โทวะมองดูฉันด้วยความครุ่นคิดอยู่สักพัก และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ เขาดูเหมือนกำลังคิดว่า “เอาเถอะ มันขึ้นอยู่กับนายแล้วล่ะ” ดูเหมือนเขาจะปล่อยวางแล้วแฮะ
“อย่าทำหน้าเครียดแบบนั้นสิ ฉันมอบหมายสิ่งที่ฉันทำไม่ได้ให้นายทำ…ถึงมันจะทำให้ฉันหงุดหงิดก็เถอะ”
คำพูดของโทวะทำให้ผมหยุดคิด การมัวแต่คร่ำครวญอยู่อย่างนี้ก็คงไม่ช่วยอะไร แถมยังยิ่งทำให้โทวะลำบากใจเปล่าๆ
ขณะที่เรายังคงพูดคุยกันต่อ แสงอ่อนๆก็เริ่มส่องลอดผ่านความมืดเข้ามา ดูเหมือนว่าจะถึงเวลาที่เราต้องกล่าวคำอำลากันแล้ว
“ทุกอย่างจะเรียบร้อย อย่าเพิ่งยอมแพ้ก่อนละ ด้วยความรู้สึกที่แข็งแกร่งของนายที่มีต่ออายานะ ฉันเชื่อว่านายสามารถสร้างอนาคตที่ดีที่สุดให้เธอได้ พยายามทำอย่างเต็มที่นะ ยูกิชิโระ โทวะ”
“โทวะ…อ่า ฉันเข้าใจแล้ว!”
มันเป็นภาพที่แปลกประหลาดมาก ที่พวกเราสองคนต่างเรียกซึ่งกันและกันว่า “โทวะ” แต่ความรู้สึกบอกฉันว่านี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เจอกัน แม้กระทั่งในฝัน
เมื่อคิดดูอีกที ฉันก็ไม่ได้รู้สึกเศร้าหรือเหงาแต่อย่างใด มันเป็นความรู้สึกแปลกๆ ราวกับว่าตัวตนของฉันได้ผสานเข้ากับโทวะมากขึ้น มันเหมือนกับถูกบอกอ้อมๆว่า ฉันไม่ต้องกังวลเรื่องการเป็นโทวะอีกต่อไปแล้ว
“ดูจากปฏิกิริยาของนาย นายคงจะไม่เป็นไรแล้ว แต่ก่อนที่ฉันจะไป มีสิ่งหนึ่งที่ฉันคิดว่าฉันพอจะช่วยนายได้อยู่”
“หืม? อะไรละ?”
ผมโน้มตัวเข้าไปฟังสิ่งที่โทวะจะพูด หวังว่าจะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์
“นายรู้ใช่ไหมว่าเมื่อก่อนฉันเคยสนุกกับการเล่นฟุตบอลมากขนาดไหน?”
“ใช่ ฉันรู้ ความทรงจำเหล่านั้นฝังแน่นอยู่ในจิตใจ ร่างกาย และหัวใจของฉัน”
“ฉันหวังว่านายจะสามารถให้อายานะเห็นภาพของนายที่เล่นฟุตบอลต่อหน้าเธอได้ ฉันอยากให้นายช่วยเธอให้เดินหน้าต่อไปได้จากช่วงเวลาที่เธอยังติดอยู่ในอดีตไม่ให้เธอถูกกักขังไว้ในอดีตเพราะอุบัติเหตุ และให้เธอก้าวต่อไป…”
ขณะที่เขากำลังพูดต่อ โทวะดูเหมือนจะนึกอะไรออกและยิ้มแห้งๆพร้อมกับเกาหัว
“โทษที…ฉันคิดว่านั่นอาจจะเป็นความปรารถนาส่วนตัวของฉันมากกว่า”
“เปล่าเลย ถ้าฉันคิดถึงอายานะในอดีตจริงๆ มันอาจจะเป็นไอเดียที่ดีจริงๆ… ไม่ใช่แค่ดี มันเป็นไอเดียที่ยอดเยี่ยมเลย ‘อย่าถูกกักขังไว้ด้วยอดีต ก้าวต่อไป’…ใช้ได้เลย คำพูดนั้นยอดเยี่ยมมาก”
อย่ายึดติดกับอดีต ก้าวไปข้างหน้า…ใช่แล้ว เป็นคำพูดที่ดีจริงๆ
แต่ฉันยังมีกังวลอยู่อย่างนึง ฉันเกาหัวเหมือนโทวะเมื่อกี้ แล้วก็พูดความกังวลของตัวเองออกไป
“คือต้องขอโทษนะที่ต้องพูดถึงเรื่องนี้หลังจากที่เราตกลงกันไปแล้ว แต่ฉันไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับฟุตบอลเลย”
“ฉันคิดว่าร่างกายของนายคงจำการเคลื่อนไหวได้อยู่ ไม่เป็นไรหรอก”
“เอาเถอะ แบบนั้นก็สะดวกดี”
มันน่าทึ่งจริงๆ ที่ร่างกายเราสามารถจดจำสิ่งต่างๆ ได้
ขณะที่เรากำลังคุยกันอยู่นั้น บรรยากาศรอบๆก็สว่างขึ้น และร่างของโทวะก็เริ่มเลือนหายไป ดูเหมือนว่าจะถึงเวลาอำลาจริงๆแล้วสินะ
“งั้น ดูแลตัวเองดีๆนะ ฉันฝากให้นายช่วยอายานะด้วย”
“ไว้ใจได้เลย ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่ในด้านอื่นๆด้วยเช่นกัน ถ้าฉันช่วยอายานะได้ ฉันก็มั่นใจว่าฉันจะสามารถดูแลอิโอริ มาริ และคนอื่นๆ ได้…ส่วนชู ฉันจะจัดการให้ทุกอย่างเข้าที่ให้เรียบร้อยเอง ถึงแม้ว่าจะรู้สึกเกรงๆกับโคโตเนะและฮัตสึเนะก็ตามเถอะ!”
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อายานะคือคนที่ฉันต้องปกป้อง ฉันจะปกป้องหัวใจของเธอด้วยวิธีของฉันเอง
โทวะดูเหมือนจะพอใจเมื่อได้ยินความตั้งใจของฉันและพยักหน้า เขาตบไหล่ฉันเบาๆ อีกครั้งเหมือนในตอนแรก
“การมองดูนายทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันก็สามารถช่วยเธอได้เหมือนกัน ฉันจะสนับสนุนผู้หญิงคนนั้นที่ผ่านอะไรมามากมาย ด้วยวิธีของฉันเอง ภายในขีดจำกัดของฉันน่ะนะ”
“นายจะทำอะไรนะ…”
แต่ก่อนที่ฉันจะได้ถามว่าเขาหมายถึงอะไร ร่างของโทวะก็เริ่มเลือนหายไป
แต่จนถึงวินาทีสุดท้าย คำพูดของเขาก็ยังลอยมาถึงหูผม
“หวังว่านายจะหาทางออกที่ทำให้ตัวเองพอใจได้นะ…แล้วก็…ขอบคุณ”
ด้วยเหตุนี้ ฉันก็ตื่นขึ้นมาจากการพบกับโทวะ
———————————————————————————————————————————————————–
คุยท้ายตอน
เอาล่ะ โทวะของเราจะทำให้อายานะมีความสุขได้ไหม??? เรื่องนั้นคงเป็นเรื่องของอนาคต…
แต่ผู้หญิงที่โทวะอีกคนพูดถึงนี่คงเป็นอายานะสิน่ะ ถึงโทวะจะรู้ความจริงแล้วแต่ก็ไม่ทิ้งอายานะไปเป็นเรื่องที่น่าดีใจดีนะครับ
ในที่สุดก็เข้าสู่องค์สุดท้ายแล้วสิ จะเป็นยังไงต่อนะ