เกิดใหม่เป็นไอหนุ่ม NTR ในเกมเอโรเกะ แต่ฉันไม่มีวันแย่งเธอมาเด็ดขาด - ตอนที่ 11.2 โอโตนาชิ เซย์นะ
- Home
- เกิดใหม่เป็นไอหนุ่ม NTR ในเกมเอโรเกะ แต่ฉันไม่มีวันแย่งเธอมาเด็ดขาด
- ตอนที่ 11.2 โอโตนาชิ เซย์นะ
“โอส~! นั้นยูกิชิโระกับโอโตนาชินิ โอส~! ทางนี้ๆ”
ไอซากะโบกมือมาจากที่ไกลๆ เขายังอยู่ในชุดเครื่องแบบ นั่นแปลว่าเขาคงเพิ่งทำกิจกรรมชมรมเสร็จ และเขาก็วิ่งเข้ามาหาเราด้วยรอยยิ้ม
“อะไรละเนี่ย? ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นยูกิชิโระกับโอโตนาชิอยู่ด้วยกัน แต่อืม….พวกนายเดทกันอยู่สินะ”
ไอซากะสะกิดไหล่ฉันเบาๆ ท่าทางของหมอนี้ทำให้ฉันหงุดหงิดนิดหน่อยแฮะ แต่เขารู้อย่างรวดเร็วว่าถ้านี้เป็นเดทเขาคงจะเข้ามาขัดจังหวะ เขาจึงรีบขอโทษโดยเร็ว
“ถ้าจะขอโทษ ก็อย่ามาขัดจังหวะตั้งแต่แรกสิ”
“ขอโทษจริงๆ…นายรู้ไหม ช่วงนี้ฉันยุ่งกับการซ้อมมาก ฉันไม่มีเวลาออกไปเที่ยวกับเพื่อนเลย แล้วฉันก็เจอพวกนายเข้า ฉันแค่อยากจะทักทายเท่านั้นเอง”
“แค่นั้นเหรอ?”
“ก็แค่นั้น…จะเอาอะไรอีกล่ะ”
ไอซากะเกาหัวเบาๆกับคำถามของฉัน
อายานะเป็นเพื่อนร่วมชั้นของไอซากะ แต่พวกเขาไม่ได้พูดคุยกันมากนัก นักกีฬาหนุ่มผู้ร่าเริงจึงรู้สึกกลัวเล็กน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงบรรยากาศตึงเครียดระหว่างอายานะกับฉัน การมาถึงของไอซากะก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย
“ไอซากะ ปกตินายกลับบ้านหลังเสร็จกิจกรรมชมรมนิ? บ้านนายอยู่แถวนี้เหรอ?”
“แม่ของฉันขอให้ฉันมาซื้อกับข้าวนะ ถ้าฉันบ่นว่าเหนื่อยจากการเล่นเบสบอล เธอฆ่าฉันแน่”
“แม่นายนี้สุดยอกไปเลยแฮะ”
“เธอเป็นปีศาจตัวจริงเลยล่ะ”
ฉันไม่เคยไปบ้านของไอซากะมาก่อน และฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าครอบครัวของเขาเป็นอย่างไร
“เธออาจจะเป็นปีศาจ แต่เธอก็เป็นแม่ของฉัน”
ฉันเดาว่าคำขอของแม่นั้นยากที่จะปฏิเสธ
แม้ว่าไอซากะกับฉันจะเข้ากันได้ดี แต่ฉันไม่เคยไปบ้านของเขาเลย และฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับครอบครัวของเขาเลย
“คำขอของแม่ยากที่จะปฏิเสธใช่ไหมล่ะ”
“ก็ตามนั้นแหละ เธอทำข้าวกล้องให้ฉันและดูแลฉันตลอด ดังนั้นการมาทำเรื่องเล็กๆน้อยๆให้เธอ….ก็คงเป็นการตอบแทนที่ดีละนะ”
“อืม เข้าใจเลย”
ดูเหมือนว่าเราทั้งคู่จะมีปัญหาในการปฏิเสธคำขอของแม่ของเรานะ
ฉันไม่เคยมีโอกาสพูดถึงครอบครัวของฉันแบบนี้มาก่อนเลย แม้ว่าเราจะเป็นเพื่อนกันก็ตาม
“ฟุฟุ ไอซากะคุง ดูรักแม่จริงๆนะ”
“คือฉันไม่ได้พูดว่า ‘รัก’ เลยนะเพราะมันฟังดูน่าอาย แต่ฉันก็ไม่ได้ไม่ชอบเธอหรอก ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องปกตินะ”
“โอ้ จริงด้วย โทวะคุงก็รักอาเคมิซังเหมือนกัน…ฉันหมายถึงแม่ของโทวะคุงนะ”
“ดูเหมือนนายก็รักครอบครัวของนายเหมือนกันนะยูกิชิโระคุง”
“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลย”
ฉันสะกิดไหล่ของไอซากะเบาๆ
ฉันดีใจมากที่ไอซากะเข้ามาหาพวกเรา…บางทีถ้าเขาไม่มา บรรยากาศระหว่างฉันกับอายานะก็คงจะอึดอัดเหมือนก่อนหน้านี้
“พวกนายจะไปกันแล้วออ?”
“ใช่แล้ว”
“ใช่ เรากำลังจะกลับบ้านกันแล้ว”
อายานะยิ้มตามปกติแล้วเดินเข้ามาหาฉัน ในขณะนั้น ไอซากะก็ถามคำถามที่ดูเหมือนจะติดใจของเขาอยู่
“ในห้องเรียน เธอดูแลซาซากิอยู่เสมอใช่ไหมโอโตนาชิ? แต่ดูเหมือนว่าเธอกับยูกิชิโระจะเข้ากันได้ดีนะ……”
“อาระ ขอบใจนะ ไอซากะคุง”
อายานะส่งยิ้มหวานให้ไอซากะ และฉันเห็นไอซากะผงะไปเล็กน้อย แม้ว่าฉันจะเข้าใจว่าการที่ผู้หญิงสวยๆอย่างอายานะยิ้มก็อาจส่งผลเสียต่อหัวใจได้ แต่ฉันจำได้ว่าไอซากะมีคนที่เขาสนใจอยู่ น่าจะเป็นรุ่นน้องละมั้ง
“ยังไงก็เถอะ ไอซากะ เรื่องซื้อของละ….…”
ขณะที่ฉันกำลังจะถามเรื่องซื้อของกับไอซากะ ก็มีเสียงคนทะเลาะกันดังขึ้นดึงดูดความสนใจของไอซากะและฉัน
เราหันหน้าไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว และรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับภาพตรงหน้า
“นี้ ปล่อยฉันนะ!”
ผู้ชายตัวโตน่าจะเป็นเด็กมหาลัยกำลังจับแขนของผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ ผู้หญิงคนนั้นแสดงอาการไม่สบอารมณ์อย่างชัดเจน แต่เธอก็ไม่ถอยกลับและหันมาเผชิญหน้ากับเขาด้วยสายตาและเสียงที่รุนแรงแทน ฉันรู้สึกว่าเธอน่าจะพยายามข่มขู่เขา ในทางตรงกันข้าม ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนั้นจะไม่รู้สึกอะไรเลย
เขาไม่ได้เข้าหาเธอด้วยท่าทีเป็นมิตร เห็นได้ชัดว่าเขาสนใจร่างกายของผู้หญิงคนนั้น และสีหน้าของเขาก็ดูยังกับจิ๊กโก๋เลย
“…”
“พวกนัมปะแฮะ…”
การที่จะเจอพวกนัมปะไม่ใช่เรื่องแปลกโดยเฉพาะในเมือง อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนที่เราจะมองข้ามได้ เธอเป็นคนที่ฉันรู้จักและฉันจำเธอได้ทันทีจากความทรงจำของโทวะ
“นั่นเซย์นะซังเหรอ?”
นั่นคือ โอโตนาชิ เซย์นะ แม่ของอายานะ เธออายุพอๆ กับแม่ของฉัน เธอน่าจะอายุราวๆสี่สิบกว่าๆ อย่างไรก็ตาม เธอดูสาวอย่างน่าทึ่ง เกือบจะเหมือนกับนักศึกษามหาลัย เธอมีรูปลักษณ์และสัดส่วนที่สวยงามคล้ายกันกับอายานะ ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่มีคนพยายามจะจีบเธอแบบนี้
“ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนั้นกำลังทำให้คุณเซย์นะลำบากอยู่นะ…แต่มันก็ไม่สำคัญหรอก ฉันจะกลับบ้านแล้ว……”
“ไอซากะ?”
ไอซากะทิ้งสัมภาระไว้ที่พื้นและรีบมุ่งหน้าไปหาเซย์นะซังและชายคนนั้น
คนส่วนใหญ่อาจเลือกที่จะเพิกเฉยต่อสถานการณ์เช่นนี้ แต่การตอบสนองอย่างรวดเร็วของไอซากะดูเหมือนจะสะท้อนถึงความยุติธรรมในใจของเขาได้ การที่ได้เห็นเขาแบบนั้นก็ทำให้ฉันมีไฟขึ้นมาเช่นกัน
“ฉันจะไปกับไอซากะนะ อายานะฉันรู้ว่าแม่ของเธอมองฉันไม่ดี แต่เธอก็เป็นแม่ของเธอ และแค่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะไปช่วย……อายานะ รออยู่ตรงนี่ก่อนนะ”
แม้ว่าเธอจะมองฉันไม่ดี แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่จะเพิกเฉยได้ เธอเป็นแม่ของอายานะ และฉันคงรู้สึกเสียใจหากไม่ได้ทำอะไรเลย
แต่…นี่มันอะไรอีกแล้วเนี่ย?
ขณะที่ฉันพยายามมุ่งหน้าไปหาเซย์นะซัง ขาของฉันก็รู้สึกหนักราวกับว่าฉันติดอยู่ในทรายดูด
(เหมือนกับตอนนั้น……)
ฉันจำความรู้สึกตอนที่เห็นชูและอิโอริถือกระเป๋าได้ ในตอนนั้นฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเลยและกลับบ้านกับอายานะ
ฉันบังคับเท้าให้ขยับ
ราวกับว่ามีบางอย่างดังขึ้นในใจ และในตอนนี้ฉันพบว่าตัวเองยืนอยู่ข้างไอซากะ
ฉันไม่สามารถขัดขืนความรู้สึกนี้ได้ แต่ไฟที่อยากจะช่วยเซย์นะซังก็เอาชนะมันได้ นั่นคือสิ่งที่เติมเต็มหัวใจของฉัน
“เดี๋ยวก่อน ไอซากะ”
“ฮะ? ยูกิชิโระ นายก็มาด้วยเหรอ?”
“ใช่ ฉันมาก็เพราะว่าเธอเป็นแม่ของอายานะ”
“เฮอะ…เอ๊ะ?”
ไอซากะกระพริบตาอย่างประหลาดใจกับคำพูดของฉัน เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ไม่บ่อยนักที่คุณเห็นคนที่ดูเด็กขนาดนี้มีลูกสาวอยู่ชั้นมัธยมปลาย
เรามุ่งหน้าไปหาเซย์นะซังกับชายคนนั้นที่กำลังทะเลาะกันอยู่ คนแรกที่สังเกตเห็นเราคือเซย์นะซัง และเธอดูประหลาดใจมากเมื่อเห็นฉัน ไม่ใช่ไอซากะ
“พี่ชายวางมือเถอะ คุณไม่เห็นเหรอว่าเธอไม่เล่นด้วยนะ”
“สมัยนี้ยังมีคนกล้าทำอะไรแบบนี้ในที่สาธารณะอีกเหรอ? ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย”
“…พวกนายเป็นใครกันวะ?”
ชายคนนั้นจ้องมาที่เรา แต่เมื่อเขารู้ว่ามีพวกเราสองคน ดูเหมือนเขาจะผงะไปเล็กน้อย และตอนนั้นเขาปล่อยมือจากเซย์นะซัง ฉันจะไม่ปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดมือไปเลยรีบดึงเซย์นะซังออกมาจากเขา
“ธ-เธอ”
“อย่าพึ่งพูดอะไรตอนนี้เลย ให้ผมได้ช่วยเถอะครับ”
แต่ลึกๆแล้วฉันก็กังวลนะ เมื่อพิจารณาถึงคำพูดที่ฉันได้ยินจากโคโตเนะและฮัทสึเนะซัง ฉันก็ไม่คิดว่าจะได้ยินอะไรที่น่าตกใจไปมากว่ากว่านี้ได้อีกแล้ว แต่ฉันยังไม่อยากได้ยินคำพูดแบบนั้นจากแม่ของเด็กผู้หญิงที่ฉันชอบหรอกนะ ดังนั้นฉันจึงเลือกที่จะเงียบไว้ดีกว่า
“ไอ้เด็กเวร แส่หาเรื่องนะมึง”
“เธอเป็นคนรู้จักของฉันเอง จบนะ”
“แค่ยอมเสียหน้าหน่อย มันไม่เท่ใช่ไหมละ พี่ชาย”
ความโกรธของชายคนนั้นยิ่งปะทุขึ้นเมื่อเขาได้ยินคำพูดของไอซากะ และเขาก็หยิบกรวยจราจรที่อยู่ใกล้ๆขึ้นมา
เมื่อเห็นเช่นนี้ เซย์นะซังก็ร้องออกมา แล้วฉันก็รีบจับไหล่ของไอซากะแล้วดึงเขามายืนข้างเรา
“นายกำลังจะแข่งเบสบอลใช่ไหม? มันจะเป็นปัญหาได้นะถ้านายได้รับบาดเจ็บ”
“ใช่ แต่…”
“อยู่ข้างหลังไปเถอะน่า!”
ตอนนี้แย่ของแท้เลย แม้ว่าความตั้งใจของฉันคือการปกป้องพวกเขา แต่ฉันก็ไม่ได้คิดถึงทางออกที่ชัดเจนเท่าไหร่ ด้วยการดึงไอซากะเข้ามา ฉันจึงเว้นระยะห่างระหว่างเขากับเซย์นะซังได้ ซึ่งก็ทำให้ฉันมั่นใจได้เปราะหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เซย์นะซังที่ยืนอยู่ข้างหลังฉันยังคงตกอยู่ในอันตรายอยู่
ในขณะที่ความโกลาหลดึงดูดความสนใจของผู้คนมากขึ้น ตอนนี้เริ่มมีญี่ปุ่นมุงแล้ว เอาจริงๆนะ….ฉันต้องถูกตีหัวหรืออะไรประมาณนั้น…หรือเปล่านะ?
“อย่าทำตัวอวดดีนะ ไอเด็กเวร!”
ขณะที่ฉันละสายตาจากชายที่แกว่งกรวยจราจร ฉันเหลือบไปเห็นเซย์นะซังดวงตาของเธอเบิกกว้าง จ้องมองมาที่ฉันด้วยความตกใจ ไอซากะก็กำลังจะวิ่งเข้ามาหาฉัน การแสดงออกของเซย์นะซังดูโดดเด่นจริงๆสมกับที่เป็นแม่ของผู้หญิงที่ฉันรัก
ความทรงจำของการสนทนาโดยตรงกับเธอนั้นมาจากความทรงจำในอดีตของ โทวะ และพวกมันก็ไม่ได้ปรากฏอยู่ในเกม ดังนั้นฉันจึงบอกไม่ได้ว่าตอนนี้ฉันรู้สึก “ตื่นเต้นที่ได้คุยกับเธอ” อยู่หรือเปล่่า แต่ฉันรู้สึกอย่างนั้นจริง
“อา…”
ฉันหลับตาและเตรียมพร้อมรับแรงกระแทก ฉันแค่หวังว่ามันจะไม่เจ็บมากนักนะ อย่างไรก็ตาม ทำไมความรู้สึกเจ็บถึงช้าอย่างงี้นะ
“อย่าบังอาจมาทำร้ายโทวะคุง นะะะะะะะะะะะะะะ!”
นั่นเป็นเสียงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวของอายานะ
ฉันหันกลับไปเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างกระแทกพื้น และฉันก็เห็นกรวยจราจรตกลงไปที่พื้น ชายคนนั้นนั่งหมอบลงกับพื้นและจับน้องชายของเขาอยู่ และอายานะก็ยืนหันหลังของเธอมาทางเรา เธอยืนอยู่ระหว่างชายคนนั้นกับฉัน
เมื่อมองดูแผ่นหลังของเธอ อายานะมีท่าทางที่คล้ายกับนักรบในเกมต่อสู้จริงๆ ฉันกับไอซากะสบตากันปริบๆ
“อายานะ…?”
“โอโตนาชิ…?”
เรา…เราไม่ใช่ตัวเองเหรอ? ฉันรู้สึกตื้นตันใจจริงๆกับการปรากฏตัวของอายานะ ไม่เพียงแต่ไอซากะกับฉันเท่านั้น แต่ในขณะที่ฉันมองไปด้านหลังเซย์นะซังก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ ดูเหมือนเธอจะพบว่าอายานะที่ยืนอยู่ตรงหน้าเราจะไม่ใช่อายานะที่เธอรู้จัก
“…”
ดูเหมือนตอนนี้เราสองคนไม่จำเป็นต้องถามถึงสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นแล้ว
สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือในขณะที่เหตุการณ์สงบลง ทั้งเซย์นะซังและอายานะก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิมโดยที่ไม่ได้พูดอะไรกัน และเป็นเสียงของเซย์นะซังที่ทำลายความเงียบนี้ลง
“อายานะ…เกิดอะไรขึ้น? ทำไมลูกถึงอยู่กับเด็กคนนี้”
คำว่า “ทำไมถึงอยู่กับเด็กคนนี้” เห็นได้ชัดว่าหมายถึงฉัน ในท้ายที่สุดถึงอายานะจะเป็นคนที่ขับไล่ชายคนนั้นไป แต่ฉันก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่ามันน่าขำดีแฮะที่เธอไม่ได้กล่าวขอบคุณเราสักคำ
“แม่ จะดีกว่าไหมถ้าจะขอบคุณโทวะคุงก่อน? เขาอุตส่าห์เข้ามาปกป้องแม่เลยนะ”
“ทำไมฉันต้อง…พวกเธอกำลังเล่นตลกอะไรกันอยู่ ฮะ”
เธอตะคอกเราขณะที่เธอมองมาที่ฉัน พูดตามตรง ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงไม่ชอบฉันหรือไม่ชอบโทวะมากขนาดนั้น แม้ว่าฉันจะถามเธอ เธอก็คงจะไม่บอกฉัน ไม่ว่าจะมีเหตุผลใดก็ตาม ฉันอยากจะพูดอะไรบางอย่างเหมือนกันนะ แต่ในขณะที่ฉันกำลังคิดอยู่ อายานะก็เริ่มพูด เธอปล่อยคำพูดที่รุนแรงกว่าผู้เป็นแม่ออกมา
“ตอนนั้นมันก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ? โทวะคุงเป็นคนที่เข้าไปช่วยชูคุงไว้ และคุณก็ปฏิบัติต่อโทวะคุงอย่างไร้เยื่อใย แม้ว่าตอนนั้นโทวะคุงจะได้รับบาดเจ็บก็ตาม!!”
อายานะสูดหายใจเข้าลึกๆ และพูดต่อด้วยเสียงที่สงบ ราวกับว่าเมื่อกี้เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ไม่เพียงแต่คุณไม่พูดขอบคุณ แต่คุณยังพูดเรื่องเลวร้ายเเบบนี้กับโทวะคุงอีก ฉันไม่เพียงแต่ไม่ชอบคุณเท่านั้น ฉันไม่อยากจะคิดด้วยซ้ำว่าเรามีสายเลือดเดียวกัน”
“อ…อายานะ…?”
คำพูดของอายานะทำให้เซย์นะซังตกตะลึงราวกับว่าเธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนตรงหน้าคือลูกสาวที่เธอรู้จัก เธอจ้องไปที่อายานะราวกับว่าเธอลืมไปว่าไอซากะกับฉันยังอยู่ที่นั่นด้วยซ้ำ
(นี่เธอไม่พูดตรงเกินไปหน่อยเหรอ?)
แย่ละสิ….ทั้งหมดที่ฉันมีคือความทรงจำที่ไม่ดีของเซย์นะซัง อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันคิดว่า “ทำถูกแล้ว” เมื่อได้ยินอายานะพูดแบบนั้น
ตอนนี้ฉันควรทำอย่างไงกับสถานการณ์นี้ดีเนี่ย? ขณะที่ฉันกำลังคิดหาทางออกเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันสังเกตเห็นว่าเซย์นะซังมีรอยถลอกบนมือของเธอ—น่าจะมาจากตอนที่เธอยื้อกับชายคนนั้นอยู่ ซึ่งเล็บของเขาอาจจะมาโดนเธอจากตอนนั้นได้
“เซย์นะซา…..คือผมขอโทษนะ แต่คุณช่วยอยู่นิ่งๆแปบหนึ่งนะ”
“โทวะคุง?”
เมื่อฉันเข้าใกล้เธอ ดูเหมือนว่าเธอจะยังมีสติอยู่ครบถ้วนนะ เพราะตอนนี้เธอเอาแต่จ้องหน้าฉันใหญ่เลย……ก็แน่นอนอยู่แล้วละนะ
“มีรอยถลอกอยู่ตรงนี้นะ ผมไม่มีครีมฆ่าเชื้อติดตัวไว้ด้วย เพราะงั้นพอถึงบ้านแล้วทำความสะอาดและดูแลแผลด้วยนะครับ”
ฉันพันผ้าเช็ดหน้าไว้รอบๆรอยถลอกของเธอ และแม้ว่าฉันจะหวังให้เธอขัดขืนหรือปัดมือของฉันออก แต่เธอก็เพียงแค่เฝ้าดูฉันทำแผลให้เธอเงียบๆ
“เอาล่ะ เท่านี้ก็น่าจะเรียบร้อยแล้ว”
หลังจากฉันทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเสร็จแล้ว ฉันก็ปล่อยมือของเซย์นะซัง ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเธอดี อันที่จริงฉันมีคำถามมากมายที่อยากจะถามเธอ แต่ฉันไม่รู้ว่าจะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้านี้ยังไงดี
“ไปกันไหมโทวะคุง? เธอก็ด้วย ไอซากะคุง”
อายานะจับมือฉันไว้แน่นขณะที่จูงฉันเดินไป
“อืม…ฮ่าฮ่า รู้สึกเหมือนมีอะไรเกิดขึ้นมากมายเลยแฮะ”
เมื่อเราเดินออกห่างจากเซย์นะซังจนพ้นสายตา ไอซากะก็หัวเราะเบาๆ ฉันว่าเขาคงงงกับสถานการณ์อยู่ อืม..ถ้าใครจะสับสนก็คงไม่แปลกหรอก อย่างไรก็ตาม ฉันขอชื่นชมเลยที่เขาพยายามลดความตึงเครียดลงด้วยเสียงหัวเราะของเขา
“โทษทีนะไอซากะ เรื่องทางนี้ค่อนข้างซับซ้อนนะ”
“อา…ไม่เป็นไร ถึงแม้ฉันจะไม่รู้รายละเอียดอะไร แต่พอเห็นแบบนั้นแล้วก็พอเดาได้ละนะ เอาจริงๆแค่โอโตนาชิกับนายไม่ได้รับอันตรายก็ดีแล้ว”
“ใช่ ไม่มีใครเป็นอะไรก็ดีแล้ว”
รู้สึกเหมือนจะมีคนหนึ่งเงียบมาตั้งแต่เมื่อกี้เลยแฮะ
“…”
“…”
“อายานะ?”
เมื่อไอซากะและฉันจ้องไปที่เธอ อายานะก็ดูจะไม่สบายใจและหดตัวเล็กลง มันช่างห่างไกลจากความมั่นใจและความทรงพลังที่เธอแสดงออกมาก่อนหน้านี้เลย
ฉันรู้สึกว่านี่คืออีกด้านของเธอที่ไม่เคยแสดงให้ใครเห็นมาก่อน แม้ว่าความทรงจำในอดีตของฉันและในเกมจะไม่เคยเห็นมันเลย แต่วันนี้เธอก็แสดงตัวตนอีกด้านออกมาแน่นอน
“อายานะ…พอเธอโกรธเธอจะเป็นแบบนั้นใช่ไหมละ? ไม่ต้องอายหรอกน่าใครๆก็เป็นกัน นั่น…เอ่อ ฉันไม่รู้สึกว่ามันแตกต่างจากเธอตอนปกติหรอกนะ”
“ใช่…ฉันไม่คิดว่าเธอเป็นคนไม่ดีหรอกนะ ฉันคิดว่านั่นเป็นวิธีแสดงความโกรธในแบบของเธอใช่ไหมละ แม่ของเธอไม่ได้ขอบคุณเราเลย แถมเธอก็พูดแบบนั้นออกมาดื้อๆอีก…เป็นใครก็โกรธทั้งนั้นแหละ”
“…..ฟุฟุ ขอบใจจ๊ะ”
ไอซากะมองมาที่ฉันแล้วพูดว่า
“ที่จริงฉันก็อยากรู้ละนะ แต่ฉันจะไม่ถามอะไรทั้งนั้น เพราะฉันไม่คิดว่านายเป็นคนที่จะถูกเกลียดโดยไม่มีเหตุผลหรอกนะ ดังนั้นฉันหวังว่านายจะปรับความเข้าใจกับแม่ของโอโตนาชิไว้ๆนะ”
“อา…ขอบคุณ ไอซากะ”
“ฮิฮิ เอาล่ะ….นั้นฉันไปซื้อของก่อนนะ!!”
จากนั้นไอซากะก็โบกมือลาเรา
อายานะจับแขนของฉันแล้วจ้องมาที่ฉันอย่างตั้งใจ
ตอนแรก…ฉันคิดว่าถ้าฉันส่งเธอกลับบ้าน แต่จากสถานการณ์เมื่อกี้ ที่บ้านโอโตนาชิคงจะอึดอัดแน่นอน ฉันเลยเสนอให้เธอมาค้างคืนที่บ้านของฉันก่อน
“ถ้าโทวะคุงไม่รังเกียจ ฉันก็ยินดีจ้ะ”
“เยี่ยม”
[โทวะ ลูกมีอะไรหรือเปล่า?]
[แม่ คือว่านะ….จะว่าอะไรหรือเปล่าถ้าอายานะจะมาค้างบ้านเราคืนนี้นะ—]
[เรื่องแค่นั้นเอง ไม่เห็นเป็นไรเลย แม่แค่ทำอาหารเพิ่มมาอีกคนเอง]
แม่ของฉันเห็นด้วยโดยไม่ถามเหตุผลใดๆ เรื่องนั้นต้องขอบคุณมากครับ
อายานะที่อยู่ใกล้ๆ ดูเหมือนเธอจะได้ยินเสียงของแม่ฉันที่หลุดออกมา และเธอก็จับมือฉันไว้ขณะที่หัวเราะออกมาเบาๆ
“ขอบคุณนะโทวะคุง อา….เดียวฉันไปต้องขอบคุณอาเคมิซังด้วยแล้ว”
“เธอไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอก ที่จริงฉันต้องขอโทษเธอไว้ก่อนด้วยเพราะแม่ฉันอาจทำตัวน่ารำคาญนิดหน่อย”
“อืม ไม่เป็นไรหรอกจ้า ฉันคุ้นเคยกับการรับมือกับอาเคมิซังจอมขี้เมาแล้วละ♪”
เธอนี้…..มันใจจริงๆเลยแฮะ
แต่ว่าเห็นเธอเป็นแบบนี้ฉันเองก็รู้สึกสบายใจขึ้นหน่อย ตอนนี้ฉันรู้สึกสบายใจจริงๆที่อายานะอยู่ข้างๆ วันนี้ฉันพาเธอกลับบ้านด้วย บ้านที่ที่แม่รอเราอยู่
————————————————————————————————————————-
คุยท้ายตอน
ที่จริงแม่ของอายานะจะพูดตะคอกโทวะแรงกว่านี้นะ แต่ผมคิดว่าแปลออกมาแบบนี้ดีกว่ามันให้ความรู้สึกสับสนดี
ออ แล้วก็ถ้าใครอ่านดีดีอาจสังเกตเห็นอายานะเปลี่ยนสัพพนามเรียกแม่ตัวเองว่า “คุณ” ด้วย อย่างงั้นให้ความรู้สึกห่างเหินดีนะครับผมว่า