เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 761 คำพูดของเธอทำให้ครอบครัวเฉียวตกตะลึง
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 761 คำพูดของเธอทำให้ครอบครัวเฉียวตกตะลึง
บทที่ 761 คำพูดของเธอทำให้ครอบครัวเฉียวตกตะลึง
“ไห่หรงเทียน ลองเอามือตบหน้าอกแล้วถามตัวเองดูสิ ว่าคุณยังรักฉันอยู่ไหม?”
ไห่หรงเทียนขมวดคิ้ว
“รัก?”
เขาเงียบไปชั่วครู่ เสียงของเขาแหบพร่าเมื่อพูดว่า
“ไห่เสีย คุณคือภรรยาของผม เป็นคนในครอบครัวของผม แน่นอนว่าผมรักคุณ!”
เจี๋ยไห่เสียหัวเราะเยาะ “คุณยังมีความรู้สึกต่อฉันอยู่อีกเหรอ?”
ไห่หรงเทียนขมวดคิ้ว อธิบายอย่างใจเย็นว่า “เพราะงานในกองทัพยุ่งมาก ผมจึงละเลยคุณไปบ้าง”
“แต่ผมก็ส่ง ‘ปันส่วน’ ให้คุณตรงเวลาเสมอนะ!”
“ทำไมถึงกลายเป็นเรื่องไม่รักและไม่มีความรู้สึกไปได้ล่ะ!”
เจี๋ยไห่เสียหัวเราะเยาะ “ส่งปันส่วน? แค่ทำตามหน้าที่เสร็จแล้วก็จบแค่นั้นเหรอ?”
ไห่หรงเทียนไม่เข้าใจ “คู่สามีภรรยาทุกคู่ก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?”
“บางทีมันอาจเริ่มต้นจากความรัก แต่ต่อมาก็กลายเป็นความผูกพันในครอบครัว สองสามีภรรยาเป็นเหมือนญาติสนิทที่สุด!”
เจี๋ยไห่เสียถอนหายใจเบา สีหน้าตื่นเต้นค่อย ๆ สงบลง
เธอลุกขึ้นยืน พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณกลับไปเถอะ ฉันจะไม่กลับไปกับคุณ!”
ไห่หรงเทียนขมวดคิ้ว
เขารู้สึกว่าเจี๋ยไห่เสียกำลังทำตัวงี่เง่ามากเกินไป
อีกทั้งช่วงนี้เขาเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ ทำให้ความอดทนของเขาน้อยลง
เขาจ้องมองเจี๋ยไห่เสียและพูดว่า “ไห่เสีย พอได้แล้ว ถ้าคุณไม่เห็นแก่หน้าผม ก็ควรคิดถึงลูกบ้าง คุณสร้างปัญหามามากพอแล้ว!”
ประโยคนี้กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำลายชีวิตแต่งงานของทั้งคู่
เจี๋ยไห่เสียพูดอย่างใจเย็นว่า “คุณพูดถูก พอได้แล้ว ถึงเวลาจบเรื่องนี้เสียที!”
ไห่หรงเทียนถอนหายใจโล่งอก ขอแค่เธอตกลงกลับไปกับเขา เขาก็จะหาทางง้อเธอทีหลัง
แต่คำพูดต่อไปของเจี๋ยไห่เสียกลับทำให้เขาชะงักงัน
เธอพูดว่า “ไห่หรงเทียน เราหย่ากันเถอะ!”
ไห่หรงเทียนกลับไปบ้านด้วยความสิ้นหวัง
เมื่อเปิดประตูเข้าไป เขาก็เห็นไห่จิ่งนั่งอยู่บนโซฟา
“พ่อ! พ่อไปอยู่ที่ไหนมา?”
ไห่หรงเทียนถูกพักงานและอยู่บ้านตลอดในช่วงหลายวันมานี้ ไห่จิ่งจึงลากลับบ้านมาโดยเฉพาะ เพราะกลัวว่าพ่อจะคิดสั้น
ไห่หรงเทียนเงียบไปชั่วครู่ “พ่อไปหาแม่มา!”
ไห่จิ่งขมวดคิ้ว “แล้วแม่ล่ะ? ไม่ยอมกลับมาเหรอ?”
ไห่หรงเทียนพยักหน้า
ไห่จิ่งเงียบไป
ไห่หรงเทียนพูดขึ้น “ลูกกำลังจะแต่งงานแล้ว พ่ออยากให้แม่เขามาช่วยเตรียมงานแต่งงานให้!”
เขาหยุดชะงัก เสียงของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าโศก “ทว่า…แม่เขาขอหย่ากับพ่อ!”
ไห่จิ่งอึ้งไป
ณ เมืองหลินเฉิง
หลังจากการมาของเกาซิ่วเหมย ไป๋อวี้ซิ่วรู้สึกผ่อนคลายลงอย่างมาก
เกาซิ่วเหมยเป็นคนใจดี รู้ว่าเธอเลี้ยงลูกคนเดียวลำบากจึงมาช่วยเธออยู่บ่อย ๆ
อย่างน้อยเธอก็เตรียมอาหารสามมื้อมาให้
และยังช่วยซักผ้าอ้อมเด็กด้วย
ไป๋อวี้ซิ่วรู้สึกตื้นตันใจจนอดร้องไห้ไม่ได้
เธอจากบ้านเกิดมาอยู่ที่นี่ ทุกวันถูกหลี่หงเหมยกลั่นแกล้งสารพัด เพิ่งจะได้รู้สึกถึงความอบอุ่นของครอบครัวเป็นครั้งแรกก็ตอนนี้ จึงไม่แปลกที่จะรู้สึกตื้นตันใจ
เมื่อร่างกายของเธอเริ่มแข็งแรงขึ้น ไป๋อวี้ซิ่วก็โทรติดต่อสามี รวมถึงน้องชายและน้องสาวของสามี
คนทั้งครอบครัวรีบกลับมาทันทีเมื่อได้ยินข่าวว่าแม่ของพวกเขายังมีชีวิตอยู่
ทั้งสามคนเหมือนจะนัดกลับมาวันเดียวกัน
เพียงเวลาหนึ่งชั่วโมง ทั้งสามคนก็กลับมาถึงบ้าน
เวลานี้เกาซิ่วเหมยกำลังทำอาหารให้ไป๋อวี้ซิ่วอยู่พอดี
เฉียวเหลียนเย่เห็นเกาซิ่วเหมยก็ขมวดคิ้ว “เธอเป็นใคร?”
เสื้อผ้าของเกาซิ่วเหมยล้วนเป็นเสื้อผ้าราคาหลายร้อยหยวน แน่นอนว่าเธอคงไม่ใส่ทำอาหาร
ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนเป็นชุดของแม่เจียง เสื้อผ้าชุดนี้มีรอยปะและเก่ามาก
บริเวณข้อศอกและหัวเข่ามีรอยขัดจนเป็นขุย เฉียวเหลียนเย่เห็นแล้วก็เบ้ปาก
“คงไม่ใช่แม่บ้านที่จ้างมาหรอกนะ?”
“ไป๋อวี้ซิ่ว เก่งนะ เก่งขึ้นเยอะเลย มีเงินจ้างแม่บ้านแล้วด้วย!”
“ไหนเงินล่ะ ส่งเงินมาให้ฉัน!”
ก่อนกลับมาเฉียวเหลียนเย่เพิ่งจะเสียเงินไปจำนวนมาก ตอนแรกเขาทำงานในไซต์ก่อสร้างอย่างขยันขันแข็ง แต่พอมีเงิน เขาก็อดไม่ได้ที่จะไปเล่นการพนัน และก็เสียจนหมดตัว
จากนั้นเขาก็ไปทำงานหาเงินอีก แล้วก็ไปเล่นการพนันอีก วนไปวนมาแบบนี้
ตอนนี้เขาเพิ่งจะเสียเงินพนันจนหมดตัว จึงอารมณ์เสียเป็นพิเศษ
ไป๋อวี้ซิ่วไม่สนใจเขา เธอโน้มตัวลงกล่อมลูกสาวขณะให้นม
เฉียวเหลียนเย่เห็นว่าเธอไม่สนใจ จึงเดินเข้ามาตบหน้าเธอ
“แม่งเอ๊ย ฉันถามแกว่าเงินอยู่ไหน หูหนวกหรือไงวะ!”
ไป๋อวี้ซิ่วเงยหน้าขึ้นจ้องเขาอย่างโกรธแค้น “แกยังมีหน้ามาถามหาเงินอีกเหรอ พวกเราแม่ลูกกินอะไรก็ต้องใช้เงิน แกไม่เคยทิ้งเงินไว้ให้สักเฟินเดียว!”
“ฉันเก็บหอมรอมริบจนได้สิบสองหยวน แกยังมาเอาไปตอนที่กลับมาบ้าน!”
“ตอนนี้แกขอเงินฉันหน้าด้าน ๆ ฉันจะเอาเงินที่ไหนมาให้แก!”
เฉียวเหลียนเย่โกรธจัด “นังสารชั่ว แกยังกล้าเถียงอีกเหรอ ถ้าไม่มีเงินจริง แล้วแกจะจ้างแม่บ้านได้ยังไง!”
เขาเงื้อมือขึ้นจะตีเธออีกครั้ง แต่ก็ถูกคว้าข้อมือไว้
เฉียวเหลียนเย่ตะคอกด้วยความโกรธ “ใครวะ? ปล่อยนะเว้ย!”
ครั้นเขาหันกลับมา ก็เห็นว่าเป็น ‘สาวใช้’ คนนัน
เฉียวเหลียนเย่ตะโกนด่าด้วยความโมโห “นางขี้ข้าเนรคุณลุกขึ้นมาเห่าใส่เจ้าของงั้นเรอะ? แกคิดว่าแกเป็นใครวะ!”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เกาซิ่วเหมยก็เหวี่ยงมือตบเขา
เฉียวเหลียนเย่โกรธจัด ยกกำปั้นชกออกไป
เกาซิ่วเหมยหลบหลีกไปด้านข้าง งอเข่ากระแทกเข้าที่ท้องของเขาเต็มแรง
“อั่ก!” เฉียวเหลียนเย่แทบจะกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
ก่อนที่เขาจะพูดอะไรอีก เกาซิ่วเหมยก็ตบหน้าเขาซ้ำ ๆ อยู่หลายครั้ง จนเขามึนงงไปชั่วขณะ
ตอนนั้นเองก็มีเสียงดังมาจากหน้าประตูบ้าน เป็นเฉียวฟางฟางที่กลับมา
เฉียวเหลียนเย่รีบตะโกนเรียกน้องสาวของเขา “น้องสาวมาช่วยพี่หน่อย!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ เฉียวฟางฟางก็หยิบมีดทำครัวจากด้านนอก รีบพุ่งตัวเข้าไปหาเกาซิ่วเหมย
เกาซิ่วเหมยพ่นลมหายใจเย็นชา เธอมีเรื่องทะเลาะวิวาทมาตั้งแต่เด็ก
ตอนยังเด็ก ๆ เธอทะเลาะกับเด็กผู้ชายในชุมชนหลายครั้ง!
นับประสาอะไรกับหมัด ต่อให้มีดพร้าบินไปทั่วฟ้า เธอก็ไม่กลัว!
เมื่อเห็นว่าเฉียวฟางฟางเข้ามาใกล้แล้ว เกาซิ่วเหมยก็หาจังหวะเตะอีกฝ่ายอย่างจัง
“กรี๊ด!” เฉียวฟางฟางถูกเตะจนถอยหลังไปหลายก้าว แผ่นหลังกระแทกกับกรอบประตู
ไป๋อวี้ซิ่วบนคังถึงกับตกตะลึง
ตอนเธอเจอเกาซิ่วเหมยครั้งแรก ก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่ง
แต่ไม่คาดคิดว่าจะโหดถึงขนาดนี้
สมแล้วที่เธอเป็นแม่บุญธรรมของเจียงหว่าน เหมือนที่เรียกว่ากาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์!
เมื่อเฉียวเหลียนเจียเข้ามาในบ้าน เกาซิ่วเหมยก็ตัดสินแพ้ชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ไปแล้ว
เฉียวเหลียนเย่และเฉียวฟางฟางนั่งหมอบอยู่ที่มุมห้องด้วยใบหน้าบวมช้ำ
เฉียวเหลียนเจียรู้สึกงุนงง สายตาจับจ้องไปเกาซิ่วเหมย จากนั้นก็วิเคราะห์สถานการณ์ในบ้านอย่างรวดเร็ว
เขาหันไปหาไป๋อวี้ซิ่ว “พี่สะใภ้รอง คนนี้ใครครับ?”
น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
ไป๋อวี้ซิ่วตอบว่า “เธอเป็นแม่บุญธรรมของพี่สะใภ้ มาจากเหยียนจิง!”
ทุกคนต่างรู้สึกประหลาดใจ
เฉียวเหลียนเย่กับเฉียวฟางฟางรู้สึกเสียใจขึ้นมา นี่คือแม่บุญธรรมของเจียงหว่าน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอโหดเหี้ยมมากขนาดนี้
เจียงหว่านผู้หญิงคนนั้นมีพิษ คนรอบข้างเธอล้วนไม่ใช่คนดีเช่นกัน
เฉียวเหลียนเจียมีใบหน้ายิ้มแย้มและพูดว่า “สวัสดีครับคุณป้า!”
“แม่ของผมก็อยู่ที่เหยียนจิงด้วยใช่ไหม?”
เกาซิ่วเหมยพยักหน้า “ใช่ ในเมื่อพวกเธอกลับมาแล้ว ฉันจะบอกเลยแล้วกัน!”
“หลี่หงเหมยแม่ของพวกเธอได้รับบาดเจ็บที่เหยียนจิง”
จากนั้นเกาซิ่วเหมยก็เล่าเรื่องที่หลี่หงเหมยถูกทำร้ายและได้รับบาดเจ็บสาหัส
หลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดแล้ว เธอพูดว่า “นี่คือเวชระเบียนของเธอจากโรงพยาบาล ฉันได้ทำสำเนาให้แล้ว”
“ในปัจจุบัน แม้ว่าเธอจะรู้วิธีกิน ดื่ม และถ่ายหนักเบา แต่ว่าสติยังไม่ดี และต้องการคนดูแล!”
“ตกลงกันเองแล้วกันว่าใครจะไปเหยียนจิงกับฉันเพื่อดูแลแม่ของพวกเธอ!”