เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 754 เมื่อความคิดถึงเลือนหาย ชีวิตยังมีความหมายอีกหรือไม่
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 754 เมื่อความคิดถึงเลือนหาย ชีวิตยังมีความหมายอีกหรือไม่
บทที่ 754 เมื่อความคิดถึงเลือนหาย ชีวิตยังมีความหมายอีกหรือไม่
ยังคิดถึงเฉียวเหลียนเฉิงอยู่ใช่ไหม นี่คือคำถาม
ในวินาทีที่ฮวาจือเอ่ยถาม ไป๋อวี้ซิ่วก็อดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามกับตัวเองเช่นกัน
คนที่เธอรักมากที่สุดในชีวิตคือเฉียวเหลียนเฉิง
ไม่ใช่เพราะเขากลายเป็นทหาร หรือเพราะตอนนี้เขาประสบความสำเร็จแล้ว
เพียงเพราะเขาคือเฉียวเหลียนเฉิง
ชายหนุ่มที่เติบโตมากับเธอ ชายหนุ่มที่ทั้งน่าสงสารและหล่อเหลา
ก่อนที่เธอจะถูกเฉียวเหลียนเย่ข่มขืน ความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอคือการแต่งงานกับเฉียวเหลียนเฉิง และเธอทุ่มเทความพยายามอย่างมาก
แต่ตอนนี้ เธอมีสิทธิ์อะไรที่จะคิดถึงเฉียวเหลียนเฉิง
ไป๋อวี้ซิ่วก้มหน้าลงพลางยิ้มอย่างขมขื่น “ตอนนี้ฉันแค่อยากเลี้ยงลูกสาวให้เติบโตขึ้น!”
“เฉียวเหลียนเฉิงน่ะ ต่อให้ฉันคิดถึงเขาแค่ไหน เขาก็ไม่มีวันหันมองมาที่ฉัน!”
หลังจากหยุดชั่วคราว เธอหันมองฮวาจือด้วยสีหน้าจริงจัง
“พวกเราที่เป็นผู้หญิง ก่อนแต่งงานย่อมมีคนที่เราอยากแต่งงานด้วย แต่พอแต่งงานแล้ว ความก็จะกลายเป็นแค่ความคิด!”
“แต่ฉันไม่สามารถปล่อยให้ความคิดนี้พังทลายได้ มิเช่นนั้น ชีวิตนี้คงมืดมนไร้แสงสว่าง!”
“แต่เธออย่ากังวลไปเลย ฉันรู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไร ตอนนี้ ลูกสาวคือทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน!”
ฮวาจือนิ่งเงียบ ไม่ได้ลดละความระแวดระวังลง
เธอเม้มริมฝีปากและพูดด้วยท่าทางจริงจัง “ฉันจะคอยจับตาดูเธอ หากเธอประพฤติดี พวกเราทุกคนจะช่วยเธอ เชื่อเถอะว่าแม้แต่พี่สาวเจียงเองก็จะช่วยเธอเช่นกัน!”
“แต่หากเธอคาดหวังถึงสิ่งที่ไม่ใช่ของเธอ ไม่ต้องรอให้พี่สาวเจียงลงมือหรอก ฉันฮวาจือเป็นคนแรกที่จะไม่ปล่อยเธอไป!”
“ถึงเวลานั้น ฉันรับรองว่าเธอจะรักษาแม้แต่ลูกสาวของเธอไว้ไม่ได้!”
ไป๋อวี้ซิ่วตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง รับรู้ได้ถึงจิตสังหารแรงกล้าจากฮวาจือ เธอพยักหน้ารับสีหน้าเคร่งขรึมเป็นการตอบตกลง!
ณ เหยียนจิง!
เฉียวเหลียนเฉิงและตงเลี่ยวพบกันที่ทะเลสาบเล็ก ๆ ในสวนสาธารณะ
วันนี้ตงเลี่ยวสวมลำลองบุรุษที่ทำจากผ้าแพร
เสื้อผ้าสีน้ำเงินเข้มอมเทา ตัดเย็บเป็นชุดแบบจีนโบราณ กับผมสีเงินที่ปรกหน้าผากของเขา นี่ช่วยให้เขาดูสง่างาม น่าเกรงขาม แต่ไม่ลึกลับนัก
ย้อนกลับมาดูที่เฉียวเหลียนเฉิง เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว และกางเกงขายาวสีเทาอ่อน ชายเสื้อถูกสอดเข้าไปในขอบเอวกางเกงเผยให้เห็นเข็มขัดสีดำล้วน
เข็มขัดเส้นนี้ใช้หัวเข็มขัดหนังแท้ทำมือ ประดับด้วยตราสัญลักษณ์รูปหน้ายิ้มสีขาวที่สวยงามเป็นพิเศษ
ดูสบาย ๆ แต่มีสไตล์ และสิ่งสำคัญคือการทำให้รู้สึกเข้าถึงง่าย
เมื่อพี่ตงหรือตงเลี่ยวมาถึง เขาก็อดไม่ได้ที่จะมองดูตั้งแต่หัวจรดเท้า
ก่อนที่สายตาจะมองไปยังเข็มขัดหนังเส้นนั้น
“คุณซื้อมาจากไหนเหรอ มันสวยดีนะ”
เฉียวเหลียนเฉิงตอบกลับ “ภรรยาฉันสั่งทำให้เป็นพิเศษน่ะ”
ใช่แล้ว เข็มขัดเส้นนี้สั่งทำพิเศษ เจียงหว่านเป็นคนออกแบบ หลินชิงโหรวแก้ไข และผลิตออกมาจำนวนหนึ่ง
วันนี้ตอนออกจากบ้าน เจียงหว่านเป็นคนเอาใส่เข็มขัดเส้นนี้ให้เขา
‘แม้ว่าเราจะไม่ได้ใช้กลอุบายหว่านเสน่ห์ แต่ก็ไม่ควรลดราวาศอกให้ตงเลี่ยวดูถูกได้’
เฉียวเหลียนเฉิงดึงสติกลับมา กระแอมเล็กน้อยและพูดว่า
“เรามาพูดเรื่องธุระกันเถอะ”
ตงเลี่ยวพยักหน้า มองไปรอบ ๆ ก่อนพูดว่า “คนเยอะไปหน่อย ไปคุยกันที่ศาลาตรงนั้นดีกว่า”
เขาชี้ไปที่ศาลากลางทะเลสาบ
เฉียวเหลียนเฉิงพยักหน้าโดยไม่ต้องคิด
ส่วนเรื่องจะไปกันยังไงนั้น!
ไหน ๆ ตงเลี่ยวก็เป็นคนเลือกสถานที่ เขาคงคิดหาวิธีจัดการเองได้
แน่นอนว่าตงเลี่ยวเตรียมเรือลำเล็กไว้ ทั้งสองคนจึงขึ้นเรือ และพายตรงไปยังกลางทะเลสาบ
ด้านหลังต้นไม้ริมตลิ่ง
ใบหน้าและร่างกายของเจียงหว่านยังพันด้วยผ้าพันแผล เคลื่อนไหวไม่สะดวก มู่เหย่ที่อยู่ข้าง ๆ มองไปทางทะเลสาบ
แล้วหันกลับมามองเจียงหว่าน
“ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ เธอเป็นซะแบบนี้ ทำไมต้องถ่อมาที่นี่ด้วย!”
เจียงหว่านโบกมืออย่างหงุดหงิด “สามีของฉันไปเดทกับคนอื่น ฉันจะไม่มาดูได้ยังไง!”
“เผื่อเขาโดนคนอื่นเอาเปรียบจะทำยังไง!”
มู่เหย่หน้าตึงเครียด “ตอนนี้เขาคือเฉียวเหลียนเฉิง ไม่ใช่หลัวนีน่า เธอจะกลัวอะไร!”
“อีกอย่าง ใครจะกล้าทำอะไรเขาได้!”
เจียงหว่านนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเธอก็หันไปถามมู่เหย่ “นายดูสิ พวกเขาดูเหมาะสมกันดี ว่าไหม?”
มู่เหย่มองไปทางทะเลสาบ
แสงแดดสดใส เรือลำเล็กโยกคลอนไปมาบนผิวน้ำที่ระยิบระยับ บนเรือมีชายหนุ่มสองคน คนหนึ่งใบหน้าหล่อเหลา ดูสดใสมีชีวิตชีวา
ส่วนอีกคนสง่างาม น่าเกรงขาม และดูลึกลับ
พูดตามตรง ดูแล้วก็เข้ากันเป็นอย่างดี!
แต่ว่า ใช้คำว่า ‘เหมาะสม’ จะเกินไปหน่อยไหม
มู่เหย่สีหน้าหมองหม่น อดไม่ได้ที่จะตำหนิเธอ “อย่าพูดไร้สาระ พวกเขาเป็นผู้ชายนะ!”
เจียงหว่านโบกมืออย่างหงุดหงิด “นายไม่เข้าใจอะไร ความกลมกลืนและความเหมาะสมไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพศชายและหญิง มันเป็นความรู้สึก…เป็นความรู้สึกฟินน่ะ!”
เธอไม่รู้จะอธิบายอย่างไร กับยุคสมัยที่เรียบง่ายนี้ พูดไปพวกเขาคงไม่เข้าใจ
ช่วงเวลาเดียวกัน บนเรือ ก่อนที่เรือจะไปถึงศาลา มันก็หยุดลงเสียก่อน
“คุยกันตรงนี้ก็ได้” ตงเลี่ยววางไม้พาย
เฉียวเหลียนเฉิงไม่ได้สนใจ เขาว่ายน้ำเป็นอยู่แล้ว
ตงเลี่ยวพูดว่า “ผมรู้ว่าคุณต้องการอะไร ผมไม่ได้มาจากเครือข่ายของพวกเขา แต่ผมสามารถหาข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับเครือข่ายทั้งหมดของพวกเขาได้”
“เช่น บัญชี! หรือรายชื่อสมาชิกหลักทั้งหมดของเครือข่าย!”
เฉียวเหลียนเฉิงรู้สึกประหลาดใจ ข้อมูลนี้สำคัญมาก
เขาสงสัย “นายเป็นอะไรกับตงเหล่า?”
ตงเลี่ยวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนถามกลับว่า “ถ้าผมบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกัน คุณจะเชื่อไหม?”
เฉียวเหลียนเฉิงตอบ “เป็นไปไม่ได้หรอก เพราะตัวคุณเองก็คงไม่เชื่อประโยคนี้เช่นกัน!”
ตงเลี่ยวหัวเราะอย่างขมขื่น “ตงเหล่าเป็นตาของผม แต่ก็เป็นฆาตกรที่ฆ่าแม่ผมเช่นกัน!”
เฉียวเหลียนเฉิงขมวดคิ้ว ความสัมพันธ์แบบนี้มันคืออะไรกัน ตงเหล่าฆ่าลูกสาวตัวเองจริง ๆ หรือ?
เมื่อเห็นว่าเฉียวเหลียนเฉิงไม่พูดอะไร ตงเลี่ยวก็รู้ว่าถ้าวันนี้เขาไม่พูดให้ชัดเจน อีกฝ่ายคงจะไม่เชื่อเขา
“มันเป็นเรื่องราวที่น่าเศร้า”
“พูดสั้น ๆ ก็คือ แม่ของผมเป็นลูกสาวของตงเหล่า และเป็นลูกสาวแท้ ๆ เพียงคนเดียวด้วย”
“เพื่อเอาใจคนคนหนึ่ง เขาเลยส่งลูกสาวของเขาไปแต่งงาน แต่ระหว่างทาง แม่ของผมหนีออกมาและได้พบกับพ่อ แล้วก็มีผมคนนี้”
“พ่อกับแม่พาผมหนีไปซ่อนตัวในภูเขาเป็นเวลาสิบปี แต่สุดท้ายตาก็ตามหาจนเจอ”
“เพื่อปกป้องผมกับพ่อ แม่ท้าประลองกับตา โดยเอาชีวิตผมกับพ่อเป็นเดิมพัน”
“แล้วแม่ก็ตาย”
ตงเลี่ยวพูดสั้น ๆ แต่คำไม่กี่คำเหล่านี้เต็มไปด้วยความรักและความเกลียดชัง
เฉียวเหลียนเฉิงฟังเขาพูดเงียบ ๆ ไม่ได้ขัดจังหวะเขา
หลังจากนั้นไม่นาน ตงเลี่ยวก็พูดต่อว่า “หลังจากแม่ตาย พ่อไม่พูดอะไรเลย ก่อนจะตัดสินใจจากโลกนี้ไปพร้อมกับแม่”
“ตาเลยรับผมมาเลี้ยง และสอนศิลปะการต่อสู้ให้”
เขาหยุดพูดชั่วครู่ แล้วชี้ไปที่เส้นผมสีเงินของตัวเอง “ผมสีนี้เกิดขึ้นในวันที่แม่และพ่อจากไป หลังจากนั้น ไม่ว่าจะตัดผมสีนี้ทิ้งอย่างไร ผมที่งอกขึ้นมาก็เป็นสีนี้เสมอ!”
เฉียวเหลียนเฉิงมองดูเส้นผมสีเงินนั้น เขาจำได้ว่าหลังจากเจียงหว่านเจอกับตงเลี่ยว ก็เอาแต่บ่นเกี่ยวกับสีผมของเขา
‘ผู้ชายที่ย้อมผมเป็นสีเงินแบบนี้ ต้องเป็นพวกแข็งนอกอ่อนในแน่ ๆ!’
ไม่รู้เลยว่าเจียงหว่านจะพูดว่าอะไร ถ้าได้รู้ว่าผมสีเงินนี้งอกขึ้นมาเองตามธรรมชาติ!