เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 523 ไห่หรงเทียนคลั่ง ไม่ยอมรับเฉียวเหลียนเฉิงเด็ดขาด
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 523 ไห่หรงเทียนคลั่ง ไม่ยอมรับเฉียวเหลียนเฉิงเด็ดขาด
บทที่ 523 ไห่หรงเทียนคลั่ง ไม่ยอมรับเฉียวเหลียนเฉิงเด็ดขาด
หลังมองแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่เดินจากไปโดยไม่คิดแยแส ไห่หรงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะสับสนเล็กน้อย
พวกเขาแข่งขันกันมาตั้งแต่ยังเด็กก็ตาม เขาและเกาเสียงเติบโตมาด้วยกัน
พวกเขาอยู่โรงเรียนชั้นเดียวกัน และทุกครั้งที่ไห่หรงเทียนเป็นที่หนึ่ง เกาเสียงจะเป็นที่สอง
ด้วยเหตุผลนี้เองเกาเสียงจึงถูกเรียกขานว่าที่สองหมื่นปี
หลังจากเข้าร่วมกองทัพ พวกเขาก็อยู่ในกองทัพเดียวกัน
ในทุกการแข่งขัน เกาเสียงจะเป็นอันดับหนึ่ง และไห่หรงเทียนเป็นอันดับสอง
คราวนี้ตำแหน่งที่สองหมื่นปีได้กลายเป็นของไห่หรงเทียนแทน กระทั่งทั้งสองออกจากค่ายทหาร และเข้าทำงานในสำนักงาน
ตลอดมาเส้นทางของพวกเขามีเพียงการแข่งขันเสมอ
เวลานี้เกาเสียงกลับเข้าหาอย่างกะทันหัน จึงทำให้ไห่หรงเทียนอดไม่ได้ที่จะสับสน
แม้ว่าเขาจะเดินออกไปแล้ว แต่ไห่หรงเทียนก็ยังคงสับสนและนึกคิดว่าซี่โครงของเกาเสียงอาจจะมีบางอย่างผิดปกติ!
หลังจากสับสนเรื่องเกาเสียง บริเวณที่ไห่หรงเทียนยืนอยู่ก็เริ่มมืดลง
เขาจึงเดินไปยังประตูและกำลังจะเปิดมันออก แต่ขณะนั้นกลับมีเสียงหนึ่งตะโกนเรียกเขา
“นายพลไห่ โปรดรอสักครู่!”
ไห่หรงเทียนหยุดเดิน นี่คือพื้นที่ของทหาร คนธรรมดาไม่สามารถเข้ามาภายในได้
เช่นนั้นก็ควรจะเป็นคนในกองทัพที่วิ่งเข้ามาหาเขา
แต่ทันทีที่หันกลับมา เขากลับเห็นสตรีร่างสูงเดินมาภายใต้แสงไฟสลัว
ผู้หญิงร่างใหญ่ ผมสั้น มองครั้งแรกนึกว่าเป็นชายหนุ่ม
แต่ท่าทางการเดินของหล่อนยังคงแสดงออกถึงความเป็นผู้หญิง
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้อยู่ในกองทัพทหารแน่นอน
ไห่หรงเทียนขมวดคิ้ว ก่อนจะหันมองเจียงหว่านด้วยสีหน้าไม่แยแส
เจียงหว่านเดินเข้ามาหยุดด้านหน้าของไห่หรงเทียน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับเขา
ภายใต้แสงสลัว ร่างสูงยืดตัวขึ้นอย่างสง่างาม
ใบหน้าและดวงตาของเขาคล้ายกับเฉียวเหลียนเฉิงมาก และยังมีกลิ่นอายแห่งความน่าเกรงขามที่เหมือนกันอย่างชัดเจน
รูปร่างหน้าตาของเขาแตกต่างจากเฉียวเหลียนเฉิงเล็กน้อย เพราะเฉียวเหลียนเฉิงได้รับความหล่อเหลามาจากความสวยของแม่
ผู้ชายคนนี้เป็นบิดาผู้ให้กำเนิดของเฉียวเหลียนเฉิงงั้นเหรอ?
เจียงหว่านมองใบหน้านั้น ภายในรู้สึกสับสนเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าเธอไม่ยอมพูดอะไรออกมา ไห่หรงเทียนจึงถามขึ้นอย่างทนไม่ไหว
“สหาย คุณมีอะไรกับผมหรือเปล่า?”
แม้ว่าไห่หรงเทียนจะลดเสียงลงเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ต่างจากเกาเสียง เขาเป็นคนไม่ข่มผู้อื่นและไม่แสดงอำนาจ ถึงอย่างนั้นแล้วน้ำเสียงของเขาก็ยังคงเปรียบเสมือนเศษแก้วที่คมปลาบ
เจียงหว่านเม้มปากก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“สวัสดีค่ะ ฉันเป็นลูกสาวบุญธรรมของเกาเสียง ชื่อเจียงหว่าน!”
“นายพลไห่ ฉันขอเวลาคุณสักสองสามนาทีได้ไหมคะ ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณ!”
ไห่หรงเทียนขมวดคิ้ว ยิ่งได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นลูกสาวบุญธรรมของเกาเสียง คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดเข้าหากันแน่นขึ้น
เกาเสียงเข้ามาขัดขวางการกลับบ้านของเขา และพูดเรื่องไร้สาระต่าง ๆ มากมายจนกระทั่งมืดค่ำ
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะผู้หญิงตรงหน้านี้หรอกเหรอ?
แล้วเธอต้องการอะไร!
ไห่หรงเทียนหยุดคิดเรื่องนั้นก่อนจะมองเจียงหว่านด้วยแววตาเย็นชา
“สหายน้อย คุณเป็นลูกสาวบุญธรรมของเกาเสียง ถ้าคุณมีอะไรก็ควรจะไปพูดคุยกับเกาเสียง มาหาฉันทำไม?”
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับสหายจริง ๆ!”
“และตอนนี้ก็มืดแล้ว คุณควรรีบกลับไปซะ!”
หลังพูดจบ ไห่หรงเทียนก็เดินออกไป
ช่วงขณะนั้นเองเจียงหว่านก็พูดขึ้นว่า “เรื่องที่ฉันอยากจะคุยกับคุณคือเรื่องของเฉียวเหลียนเฉิงค่ะ!”
หลังได้ยินคำว่าเฉียวเหลียนเฉิง ฝีเท้าของไห่หรงเทียนพลันหยุดลง
เขาหันมองเจียงหว่านด้วยแววตาคมปลาบ ก่อนจะเอ่ยถามช้า ๆ
“คุณว่ายังไงนะ? คุยเรื่องของใคร?”
เจียงหว่านเงยหน้า ก่อนจะยืดตัวตรงและตอบกลับ “เฉียวเหลียนเฉิงเป็นสามีของฉัน”
ไห่หรงเทียนประหลาดใจเล็กน้อย เขาจำได้ว่าคราวนั้นที่ได้เห็นภรรยาของเฉียวเหลียนเฉิง เธอเป็นหญิงอ้วนหนักกว่าร้อยโล
แต่ตอนนี้ดูเหมือนรูปร่างของเธอจะดีขึ้น มีทรวดทรงโค้งเว้า ไม่มีร่องรอยของความอ้วนเหลือเลยสักนิด
ไห่หรงเทียนเงียบก่อนจะพูดต่อ “อยากจะคุยเรื่องเฉียวเหลียนเฉิง? เขาขอให้คุณมาหาฉัน?”
เมื่อเอ่ยคำว่าเฉียวเหลียนเฉิง ไห่หรงเทียนก็รู้สึกถึงความร้อนรุ่มในใจอย่างอธิบายไม่ถูก
เขาทั้งโกรธ เสียใจ และขุ่นเคืองต่ออีกฝ่าย
กระนั้นเขาเองก็อยากจะรู้ว่าเจียงหว่านต้องการพูดอะไร
แต่นี่จะมืดแล้ว จึงเป็นเรื่องไม่เหมาะสมหากทั้งสองคนจะพูดคุยกันด้านนอก ไห่หรงเทียนจึงกล่าวเชิญ
“ในเมื่อคุณเป็นลูกสาวบุญธรรมของเกาเสียง อย่างนั้นเข้ามาในบ้านของฉันก่อน แล้วเราค่อยคุยกันดี ๆ!”
เจียงหว่านส่ายศีรษะ “ไม่ค่ะ ฉันไม่อยากพบกับลูกสาวของคุณ!”
ไห่หรงเทียนสับสน “เกิดอะไรขึ้น? คุณรู้จักลูกสาวของฉันด้วยเหรอ?”
เจียงหว่านหัวเราะเยาะ “เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอกค่ะ แต่ถ้าลูกสาวของคุณรู้ว่าฉันมาหาคุณที่นี่ ฉันกลัวว่าตัวเองจะไม่มีโอกาสพูดไปตลอดชีวิต!”
ใบหน้าของไห่หรงเทียนแปรเปลี่ยน ผู้หญิงคนนี้พูดเรื่องอะไรกัน!
ไม่มีโอกาสพูดไปตลอดชีวิต หมายความว่ายังไง?
ก่อนที่เขาจะคิดอะไร ๆ ให้กระจ่าง เจียงหว่านก็ชี้ไปยังศาลาเล็ก ๆ ไม่ไกลนัก
“ไปที่นั่นเถอะค่ะ”
“เรื่องที่จะพูดค่อนข้างยาว ยืนคุยตรงนี้คงไม่เหมาะเท่าไหร่”
ไห่หรงเทียนพยักหน้ารับ เขามั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเอง และไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะมีแผนชั่วร้าย จึงเดินตามเจียงหว่านไปยังศาลาเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างออกไป
ทั้งสองคนนั่งลง จากนั้นเจียงหว่านก็หยิบนาฬิกาออกมา
“คุณจำนาฬิกาเรือนนี้ได้ไหมคะ?”
ไห่หรงเทียนหยิบนาฬิกาขึ้นมา ทันใดแววตาของเขาก็มีประกายวูบไหว
“คุณเอามาจากไหน?”
เจียงหว่านรู้ว่าเขาจะตื่นเต้นเมื่อได้เห็นนาฬิกาอีกครั้ง เธอจึงตอบกลับอย่างใจเย็น
“ฉันได้สิ่งนี้มาจากแม่สามี!”
“แม่สามีบอกว่าตอนเธอจะคลอดลูก เธอได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งในทุ่งนาที่กำลังคลอดลูกอยู่ และเธอช่วยผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ ครอบครัวของผู้หญิงคนนั้นจึงมอบนาฬิกาเรือนนี้ให้เพื่อแทนคำขอบคุณ!”
สีหน้าของไห่หรงเทียนแปรเปลี่ยน ดวงตาของเขาจ้องมองเจียงหว่าน
“เจ้าของนาฬิเรือนนี้ชื่ออะไร อยู่ที่ไหน?”
เจียงหว่านตอบกลับ “เธอชื่อหลี่หงเหมย มาจากหมู่บ้าน… เมือง… มณฑลก้านซู!”
หลี่หงเหมย!
คำสามพยางค์นี้คล้ายจะนำพาความทรงจำเก่า ๆ กลับมา ทำให้ใบหน้าของไห่หรงเทียนยิ่งบิดเบี้ยว
เขามองดูนาฬิกาในมือ พร้อมกับประกายในแววตากลับคืนเป็นเย็นชาอย่างช่วยไม่ได้
“งั้นเฉียวเหลียนเฉิงก็คือลูกชายของหลี่หงเหมยสินะ!”
เจียงหว่านรู้สึกว่าน้ำเสียงของอีกฝ่ายผิดแปลกไปเล็กน้อย เธอขมวดคิ้วก่อนจะพูดต่อไปอย่างตรงไปตรงมา
“ใช่ เขาคือลูกชายของหลี่หงเหมย… ไม่สิ เขาเป็นลูกชายคนโตของหลี่หงเหมย!”
“และยังเป็นเด็กที่เกิดวันเดียวกันกับไห่หนิงซวงด้วย!”
“หรือฉันควรจะบอกว่า เขาเป็นลูกชายแท้ ๆ ของคุณ… ไห่หรงเทียน!”
“ที่ฉันมาหาคุณวันนี้ก็เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น!”
ทว่าขณะเจียงหว่านกำลังจะเล่าเรื่องในเวลานั้น ไห่หรงเทียนก็คำรามลั่น
“พอแล้ว!”
เจียงหว่านสะดุ้งเฮือก
ตอนแรกก็คุยกันดี ๆ ทำไมจู่ ๆ เขาถึงตะโกนเสียงดังล่ะ?!
ก่อนที่เจียงหว่านจะตอบสนอง ไห่หรงเทียนก็พลันลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า
“ดูเหมือนตระกูลเฉียวจะโลภเหมือนกันหมด? ย้อนกลับไปตอนนั้น หลี่หงเหมยโลภมากเกินกว่าจะรับได้”
“และตอนนี้มาบอกว่าฉันมีลูกชาย!”
ไห่หรงเทียนคิดถึงสิ่งที่เฉียวเหลียนเฉิงพูดออกมาตอนที่ปฏิเสธเข้าร่วมกองทัพของทีมปฏิบัติการพิเศษ เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มไม่พอใจ
แล้วทำไมถึงไม่พอใจ?
ระหว่างทางกลับ เขายังนึกสงสัยว่าเฉียวเหลียนเฉิงได้รู้มาก่อนหรือเปล่าว่าก่อนหน้านี้ตัวเองจะได้เป็นผู้บัญชาการกองทัพ?
แต่ต่อมาเมื่อไม่มีตำแหน่งผู้บัญชาการ อีกฝ่ายจึงไม่พอใจที่จะได้เป็นเพียงแค่ทหารธรรมดา!