เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 513 เฉินผิงถูกฆาตกรรม ต้องดำเนินคดี!
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 513 เฉินผิงถูกฆาตกรรม ต้องดำเนินคดี!
บทที่ 513 เฉินผิงถูกฆาตกรรม ต้องดำเนินคดี!
มู่เหย่ส่ายหัว “ผลการชันสูตรพิสูจน์ได้ว่าเป็นการฆาตกรรม เลือดของเฉินผิงมีส่วนผสมของยาสองชนิด และยาในนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้เสียชีวิตได้!”
“และถึงแม้ว่าเจียงเฉิงจะไม่ได้ทำอะไร เฉินผิงก็ต้องตายอยู่ดี!”
สีหน้าของทั้งสามคนมืดมนลง
“ถุงกระดาษนั่นอยู่ที่ไหน” เจียงหว่านถาม
มู่เหย่ส่ายหัว “เจียงเฉิงไม่ได้เอามันมา ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม!”
“เราวางกับดักไห่หนิงซวงอย่างที่เธอพูด แต่ไห่หนิงซวงไม่หลงกล และเธอไม่ได้แตะกล่องนั้นเลย”
เจียงหว่านเงียบและยื่นมือซ้ายที่ไม่ได้รับบาดเจ็บออกมา
“เอากล่องมาให้ฉันดู!”
มือขวาของเจียงหว่านหักและใส่เฝือกอยู่
ส่วนเฉียวเหลียนเฉิง เขาได้รับบาดเจ็บที่ผิวหนัง แก้มซ้ายของเขาถูกกระจกบาด และเอ็นร้อยหวายด้านขวาอักเสบ
ส่วนเหอซานไห่หนักที่สุด ขาและแขนซ้ายของเขาหัก และซี่โครงสองซี่ทางด้านซ้ายก็หักเช่นกัน
โชคดีที่ไม่มีอวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บ
มู่เหย่ก้าวไปข้างหน้าแล้วยื่นกล่องให้
ก่อนที่เจียงหว่านจะทำอะไร เฉียวเหลียนเฉิงก็รับมันไปแทน เขาเปิดกล่อง จากนั้นก็ยกที่ด้านล่างของกล่องแล้วดึงแผ่นไม้ออกมา
ข้างล่างของกล่องนี้กลลวง
มู่เหย่เห็นอย่างนั้นก็รู้สึกประหลาดใจ เฝ้าดูอย่างช่วยไม่ได้ ขณะที่เฉียวเหลียนเฉิงหยิบเครื่องเล่นเพลงตัวเล็กออกมา
“นาย นายซ่อนอันนี้ไว้ในกล่องจริง ๆ เหรอ?”
เจียงหว่านยังคงเงียบ และส่งสัญญาณให้เฉียวเหลียนเฉิงกดเล่นเสียง
ในไม่ช้า เสียงของเซี่ยวหลินก็ดังขึ้น ‘สาเหตุการเสียชีวิตของเฉินผิงคือหัวใจวายกะทันหัน!’
นี่คือสิ่งที่เซี่ยวหลินบอกทุกคนหลังจากการชันสูตรพลิกศพเฉินผิงเมื่อเช้านี้
จากนั้นก็เป็นเสียงของนายท่านเฉิน มู่เหย่ และไห่หนิงซวง ที่กำลังแย่งกันเอาตัวอย่างไปส่ง
สักพักก็มีเสียงแปลก ๆ ดังขึ้นมา
‘จะไปไหนคุณไห่ ขึ้นรถมาคุยกันเถอะ!’
‘ไม่อยากรู้เหรอว่าศพของเฉินผิงอยู่ที่ไหน?’
เจียงหว่านคิ้วขมวด เอื้อมมือออกไปกดปุ่มหยุดชั่วคราว และถามอย่างสงสัย
“นายรู้ไหมว่าเสียงนี้คือใคร?”
มู่เหย่ตอบทันที “ถานหย่ง!”
เจียงหว่านประหลาดใจ “ไม่น่าใช่ ฉันเคยเจอเขาที่หมู่บ้านนายพราน น้ำเสียงของเขาไม่ใช่แบบนี้!”
มู่เหย่ตอบ “น้ำเสียงไม่สำคัญ แต่ยังไงเสียงนี่เป็นเสียงของเขาแน่นอน!”
“ฉันไม่รู้ว่าเขากินยาอะไรไปหรือเปล่า แต่เสียงของเขาดูนุ่มนวลขึ้น”
นายท่านเฉินพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ ฉันเพิ่งเจอเขาเมื่อไม่กี่ปีก่อน ตอนนี้เขาพูดแปลก ๆ ไปนิดหน่อย แต่เสียงแบบนี้ ไม่ผิดแน่!”
เจียงหว่านยังคงเงียบ เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ราวกับว่ามีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมา แต่ความคิดนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว
เธอส่ายหัวสะบัดความคิดนั้นออก แล้วกดปุ่มเล่นอีกครั้ง
‘เธอถืออะไรไว้ในมือน่ะ’ เสียงของอีกฝ่ายถามขึ้น
จากนั้นก็เป็นเสียงของไห่หนิงซวง ‘มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ!’
‘ต้องเป็นตัวอย่างเลือดของเฉินผิงแน่ ๆ!’
‘ฉันรู้ด้วยว่าตระกูลเฉินไม่ไว้ใจเธออีกต่อไปแล้ว พวกเขาเลยใช้กลอุบายหลอกเธอ!’
‘ถ้าให้ฉันเดา เธอคงจะใช้โอกาสนี้เพื่อเปลี่ยนตัวอย่างเลือดในกล่อง เพื่อให้ความจริงที่ว่าเธอวางยาพิษเฉินผิงจะได้ไม่ถูกเปิดเผยสินะ!’
เมื่อเล่นมาถึงจุดนี้ ทุกคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความหวัง
“มาแล้ว! มีหลักฐานแล้ว!” เหอซานไห่อดไม่ได้ที่จะโลดเต้นด้วยความดีใจ แม้ว่าครึ่งหนึ่งของร่างกายจะขยับไม่ได้ก็ตาม
และแค่เขาขยับแขนที่ติดปูนปลาสเตอร์ไว้ก็ทำให้เขาทำหน้าบูดบึ้งด้วยความเจ็บปวด
เจียงหว่านและมู่เหย่ก็ยินดีเช่นกัน
มีเพียงเฉียวเหลียนเฉิงเท่านั้นที่สงบนิ่ง เขามีลางสังหรณ์ว่าสิ่งต่าง ๆ อาจจะไม่ราบรื่นอย่างที่คิด
ขณะที่ทุกคนตั้งตารอคำตอบของไห่หนิงซวง ทันใดนั้นเสียงจากเครื่องเล่นเสียงก็ดังขึ้น
‘คุณต้องการอะไร?’
เสียงนี้มาจากไห่หนิงซวง
‘ฉันต้องการหุ้นทั้งหมดของตระกูลเฉินในเหยียนจิง!’
ทั้งหมดตกใจ
“ส่วนแบ่งของครอบครัวเฉินในเหยียนจิงเป็นโครงการมูลค่าหลายล้านหยวน ไอ้ถานหย่งนี่มันโลภมากจริง ๆ!” มู่เหย่พูดด้วยความโกรธ
หลังจากที่พูดจบ เสียงในเครื่องเล่นก็หายไป
“ยังไงต่อล่ะ?” มู่เหย่ถามด้วยความตกใจ
เจียงหว่านส่ายหัว “เทปมันเล็ก เวลาในการบันทึกก็เลยมีจำกัด แต่ยังบันทึกข้อมูลพวกนี้ได้ก็ดีแล้วล่ะ!”
มู่เหย่รู้สึกเหมือนฝันสลาย
“แค่นี้อะไรล่ะ? แค่นี้มันจะพออะไร!”
“ทั้ง ๆ ที่จะถึงช่วงสำคัญอยู่แล้วเชียว”
“ฉันอยากรู้ว่าไห่หนิงซวงกับถานหย่งทำข้อตกลงอะไรกัน!”
เจียงหว่านแบมือ “ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน แต่น่าเสียดาย…”
มู่เหย่กำลังจะบ้าแล้ว
“เราใช้ความพยายามกับมันไปมาก แต่สุดท้ายแล้วก็ยังไม่ได้อะไรเลยเนี่ยนะ?”
เจียงหว่านหัวเราะเบา ๆ “อย่างน้อยความอยุติธรรมที่เฉียวเหลียนเฉิงได้รับ ก็ได้รับการแก้ไขแล้ว และเจียงเฉิงจะไม่ถูกตัดสินประหารชีวิต”
“ส่วนไห่หนิงซวง…!”
เธอเงียบไปก่อนพูดอย่างเย็นชา “ไม่สำคัญหรอก ยังมีเวลาอีกเยอะ”
“แต่ก่อนอื่นบอกฉันหน่อยว่าโครงการล้านหยวนของตระกูลเฉินนั่นคืออะไร!”
มู่เหย่เลิกคิ้ว “ทำไม เธออยากได้ส่วนแบ่งด้วยหรือไง?”
เจียงหว่านส่ายหัว “ฉันแค่สงสัย สมัยนี้เงินหายาก โครงการประเภทไหนกันที่ใช้เงินเป็นล้านได้ขนาดนั้น!”
มู่เหย่หัวเราะเยาะ “ดูศักยภาพของตัวเองซะก่อน ฉันจะช่วยให้เธอมีรายได้เป็นล้านได้อยู่แล้ว คอยดูเถอะ!”
“แล้วฉันจะเอาเงินล้านหนึ่งมาปูบนเตียงให้เธอนอนเลย”
เจียงหว่านยิ้มอย่างสบายใจ “อื้อ ต้องแบบนั้นสิ!”
“พอถึงตอนนั้น ทั้งตัวของฉันก็จะมีแต่กลิ่นเงิน!”
หลังจากพูดอย่างนั้น ทั้งคู่ก็หัวเราะลั่น
การพูดคุยระหว่างทั้งสองมีความสนิทสนมและเป็นธรรมชาติมาก เหมือนกับว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกันมานานหลายปี
เหอซานไห่ที่เห็นภาพนี้ไม่รู้สึกอะไร เพราะเขาก็เข้ากันได้ดีกับเจียงหว่านแบบนี้เหมือนกัน
แต่ท่าทีของเฉียวเหลียนแตกต่างออกไป
เขาพบว่าเจียงหว่านตอนที่อยู่กับมู่เหย่ เธอทั้งดูเป็นธรรมชาติ และดูสนุกสนาน
…ไม่ว่าจะมีคนอยู่รอบตัวกี่คน เจียงหว่านก็เป็นคนสำคัญเสมอ
เธอดึงดูดความสนใจจากทุกคนรอบตัวมาโดยตลอด
เจียงหว่านที่เป็นแบบนี้ ทำให้เฉียวเหลียนเฉิงหลงรักหัวปักหัวปำ แต่เมื่อเขาเห็นเธอกับมู่เหย่คุยกันอย่างสนิทสนม และยิ้มแย้มกันขนาดนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขมขื่นในใจ
หรือนี่คือความหึงหวงกันนะ!
เจียงหว่านไม่รู้ว่าคนรักของเธอเกิดความอิจฉาริษยาและไม่พอใจ จึงยังคงถามเกี่ยวกับโครงการกับมู่เหย่ต่อ
มู่เหย่ตอบ “ตระกูลเฉินและมณฑลซานบรรลุข้อตกลงในการสร้างทางด่วนในชนบท”
เจียงหว่านรู้สึกประหลาดใจ แต่พอคำนวณเวลาแล้ว การก่อสร้างทางด่วนสายแรกของชาวจีนก็เริ่มขึ้นในเวลานี้จริง ๆ
แต่อย่างไรก็ตาม เธอจำได้ว่าคนที่สร้างคนแรกอยู่ที่ไต้หวัน ไม่ใช่จีน!