เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 519 เจ้าเด็กขี้แยโตแล้
บทที่ 519 เจ้าเด็กขี้แยโตแล้ว
สวี่ชิงชวนซูช่านไปกินอาหารเย็นที่บ้าน แต่ก่อนหน้านั้นเธอต้องไปเข้าร่วมงานแต่งของฉินเสวี่ยเหมยในตอนเช้าเสียก่อน
บ้านสกุลฉินยังไม่ได้จัดงานเลี้ยงฉลองงานแต่งงาน และทันทีที่เห็นสวี่ชิงเข้ามา แม่ฉินที่ดูกระตือรือร้นมากก็รีบเรียกสวี่ชิงให้เข้ามาในลานบ้าน
หล่อนยกชาและเมล็ดแตงโมมาเสิร์ฟให้ และพูดกับสวี่ชิงด้วยสีหน้ารู้สึกผิดว่าฉินเสวี่ยเหมยต้องทำงานล่วงเวลา จึงอยากจะขอชวนให้อยู่กินข้าวเที่ยงด้วยกันก่อน
สวี่ชิงมองดูเวลาและพบว่าเธอมีนัดกับซูช่านต่อ จึงปฏิเสธคำขอให้อยู่ต่อของแม่ฉิน
แม่ฉินเดินออกไปส่งสวี่ชิง และยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านเป็นเวลาก่อนจะเดินกลับเข้าไปมองฉินเสวี่ยเหมยที่นั่งอยู่บนขอบเตียงด้วยสีหน้าหม่นหมอง “ลูกสร้างแต่ปัญหา ถ้ายังเอาแต่ทะเลาะวิวาทอยู่แบบนี้เดี๋ยวก็ไม่เหลือเพื่อนสักคนหรอก ดูซิสวี่ชิงเอาผ้ามาให้สองผืน ผืนหนึ่งเป็นผ้าซาติน ส่วนอีกผืนเป็นผ้าขนสัตว์ ราคาไม่ใช่ถูก ๆ”
ฉินเสวี่ยเหมยไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่หันหน้าไปด้านข้างด้วยความรู้สึกเศร้าเสียใจ หล่อนไม่สามารถสลัดความเศร้าหมองออกไปได้ ประจวบเหมาะกับสิวเม็ดเล็กที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้า ถึงแม้ว่าสวี่ชิงจะบอกหล่อนตั้งแต่ต้นว่าถ้าหล่อนอยากทำธุรกิจ อีกฝ่ายจะช่วยดูให้
ทว่าตอนนี้คำพูดกลับไม่เป็นคำพูด หากอีกฝ่ายไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน หล่อนเองคงจะไม่สนใจมันด้วยซ้ำ
แม่ฉินถอนหายใจ “แกดื้อรั้นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ คิดว่าสวี่ชิงจะรู้สึกผิดงั้นเหรอที่หล่อนไม่พาแกไปทำธุรกิจด้วยกันน่ะ? หล่อนจะไปรู้สึกผิดกับแกได้ยังไง? ในความคิดแม่นะ สวี่ชิงทั้งฉลาดกว่าแก แถมยังทำธุรกิจได้ ส่วนแกทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง”
ดวงตาของฉินเสวี่ยเหมยเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ “แม่ ตอนนี้มันใช่เวลาไหม พูดไปจะมีประโยชน์อะไร?”
แม่ฉินจ้องมองด้วยความโกรธจัด “แม่เพิ่งรู้ว่าแกจะดื้อรั้นหัวชนฝาขนาดนี้ แล้วแม่ของสวีหย่วนตงน่ะนะ หล่อนเป็นพวกเรื่องเยอะ ต่อจากนี้ไปแกจะต้องทุกข์ทรมานแน่”
หล่อนพูดและเดินกลับออกไปด้วยสีหน้ามืดหม่น คำยืนกรานที่จะแต่งงานของฉินเสวี่ยเหมยทำให้บรรยากาศภายในบ้านแย่ลงมาก
……
สวี่ชิงรู้ดีว่าฉินเสวี่ยเหมยอยู่ในบ้าน เพราะเธอเห็นรถจักรยานของฉินเสวี่ยเหมยจอดอยู่ใต้กันสาด และขณะที่เธอพูดคุยอยู่กับแม่ฉิน เธอยังได้ยินเสียงเคลื่อนไหวดังมาจากข้างในบ้าน
แม้ว่าจะรู้สึกหมดหนทาง ทว่าเธอก็ได้ทำสิ่งที่ควรทำแล้ว และเธอจะไม่เสียใจอีก
เธอเดินวนไปที่สถานีรถไฟ พูดคุยกับผางเจิ้งหัวสองสามคำ และรีบกลับไปที่บ้าน
หลังจากกลับมาถึงบ้าน โจวจินหนานได้ซื้อผักเตรียมเอาไว้หมดแล้ว และพูดคุยกับอวี๋เซี่ยงตงอยู่ที่ลานบ้าน
อวี๋เซี่ยงตงส่งยิ้มสดใสเมื่อเห็นสวี่ชิง “พี่สะใภ้ รบกวนทีนะครับ ผมแวะมากินข้าวที่นี่อีกแล้ว”
เสี่ยวเป่ารีบวิ่งเข้ามาหาเธอ “แม่ อม ลุงให้”
เสี่ยวเป่าถือลูกอมไว้ในมือเล็ก ๆ และแสดงให้สวี่ชิงดูราวกับทรัพย์สมบัติอันมีค่า
สวี่ชิงยิ้มและอุ้มเสี่ยวเป่าขึ้นมา “คุณจะแวะมาอีกก็ได้ค่ะ แต่ไม่ต้องเอาอะไรมาหรอก”
อวี๋เซี่ยงตงเชิดหน้าไปทางโจวจินหนาน “ไม่เป็นไรครับ ผมกะว่าจะแวะมากินที่นี่อีกสักสองสามมื้อ เอาให้เจ้าคนขี้งกนี้ทุกข์ใจตายไปเลย”
สวี่ชิงคุ้นเคยกับคำพูดถากถางของทั้งสองคนเป็นอย่างดี ถึงกระนั้นความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากลับดีมาก “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเป็นคนรับผิดชอบเรื่องอาหารเอง คุณนั่งพักก่อนเถอะนะคะ เดี๋ยวฉันไปตามเพื่อนร่วมชั้นมาก่อน”
อวี๋เซี่ยงตงยื่นมือออกไปและพยายามจะโบกมือเท่าที่เขาสามารถจะขยับได้ “ไปเถอะ ผมจะพักอยู่ที่นี่ให้เหมือนอยู่บ้านตัวเอง งั้นไม่เกรงใจนะครับ”
สวี่ชิงกำลังจะออกไปข้างนอก ทว่าเสี่ยวเป่ากลับกอดขาเอาไว้แน่น “แม่ เสี่ยวเป่าไปด้วย เสี่ยวเป่าไป”
ขณะที่ต้าเป่ายังคงนั่งบิดเชือกป่านด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมอยู่ข้าง ๆ เฟิงซูฮวา
สวี่ชิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตะโกนเรียกหาลูกชายคนโต “ต้าเป่า ไป แม่จะพาหนูออกไปเดินเล่น”
ทว่าต้าเป่ากลับรีบส่ายหัว “ต้าเป่าไม่ไป”
เขาพูดและใช้มือเล็ก ๆ บิดเชือกป่านอย่างระมัดระวัง จนดูกลายเป็นเหมือนช่างฝีมือ
สวี่ชิงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากอุ้มเสี่ยวเป่าไปตามหาซูช่านที่หอพัก
เมื่อเดินมาถึงหอพัก เธอก็เห็นซูช่านกำลังเดินถือกระเป๋ากับถุงตาข่ายลงมาที่ชั้นล่าง
ซูช่านโบกมือขณะส่งยิ้มให้สวี่ชิง “สวี่ชิง! พระเจ้า นี่ลูกคุณเหรอ? หน้าตาจิ้มลิ้มมากเลย”
และเขยิบเข้ามาจับมือของเสี่ยวเป่า
เสี่ยวเป่าไม่ได้สะบัดออก แต่กับจ้องซูช่านด้วยดวงตากลมโตอยู่นาน ก่อนจะยิ้มจนตากลายเป็นสระอิ “คุณน้าสวย”
ซูช่านประหลาดใจกับเสียงของเด็กน้อย “เจ้าตัวเล็กปากหวานไปหรือเปล่าเนี่ย? ไหนมาให้น้าอุ้มทีสิจ๊ะ”
เสี่ยวเป่าส่ายหน้า ก่อนจะเอาหัวซุกเข้าที่ซอกคอของสวี่ชิง
สวี่ชิงไม่รู้ว่าลูกชายตัวน้อยติดนิสัยเจ้าชู้ ชอบอ้าปากพูดชมเชยคนอื่นตั้งแต่อายุยังน้อยมาจากที่ไหน
“แรก ๆ เขาจะยังไม่ค่อยคุ้นน่ะ ไปกันเถอะ ฉันกลับมาสาย กว่าจะไปถึงเนื้อคงตุ๋นเสร็จพอดี”
ซูช่านยิ้มรับ “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันจะไปซื้อแอปเปิลที่หน่วยงานบริการด้วยค่ะ”
…
ทั้งสองพูดคุยกันตลอดทางเดินกลับบ้าน ในขณะที่เสี่ยวเป่าคอยวิ่งนำหน้า บิดก้นไปมาราวกับเพนกวินท้องกลมตัวน้อย
ยิ่งซูช่านมองไปที่เขามากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งชอบเขามากเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วสวี่ชิงห้ามปรามเธอไม่ให้เข้าไปซื้อแอปเปิลได้สำเร็จ
ขณะที่เดินเข้าประตูบ้าน สวี่ชิงยังคงครุ่นคิดในใจว่าเธอควรจะบอกซูช่านหรือไม่ว่าเธอมีลูกแฝดอีกคน และลูกชายกำลังบิดเชือกป่านอยู่ในลานบ้าน
หวังว่าซูช่านจะไม่ประหลาดใจเมื่อเห็นเขา
เธอกำลังจะหันหน้าไปพูดกับซูช่าน ทว่าดวงตาของซูช่านกลับมองไปทิศทางดังกล่าวด้วยท่าทางประหลาดใจมาก
สวี่ชิงรีบร้องตะโกน “ซูช่าน? นั่นต้าเป่า ลูกชายคนโตของฉันเอง”
ซูช่านดึงสติกลับมา กำถุงตาข่ายแน่นทั้งที่หัวใจเต้นระรัว นึกไม่ถึงว่าชายหนุ่มคนที่ตนเล่าให้สวี่ชิงฟังจะนั่งอยู่ในลานบ้านของอีกฝ่าย
เด็กน้อยคนหนึ่งนั่งอยู่บนม้านั่งข้าง ๆ เขา ก้มหน้าบิดเชือกป่านอย่างระมัดระวัง
สวี่ชิงคิดว่าซูช่านประหลาดใจที่ได้เห็นต้าเป่า จึงรีบดึงเธอเข้ามา “นี่คือคุณย่าฉันเองค่ะ ส่วนนั่นต้าเป่า แล้วก็นั่นอวี๋เซี่ยงตง เป็นเพื่อนร่วมงานของสามีฉันเอง”
หัวใจของซูช่านกระชับแน่นขึ้นทันทีที่ได้ยินชื่อของอวี๋เซี่ยงตง ไม่ผิดคนแน่ ๆ ใช่เขาจริง ๆ!
อวี๋เซี่ยงตงพยักหน้าให้ซูช่านอย่างสุภาพ ก่อนจะมองไปทางสวี่ชิง “พี่สะใภ้ ผมคิดว่าต้าเป่าโตไปจะต้องมีความสามารถมากแน่ ๆ เขานั่งนิ่งไม่ยอมขยับตั้งแต่ยังเด็ก ผมให้ลูกอมเขายังไม่กินเลย”
สวี่ชิงรู้สึกว่าลูกชายคนโตของเธอน่าอัศจรรย์มาก และหันไปบอกอวี๋เซี่ยงตงว่า “คุณก็ให้ลูกอมพวกเขาน้อย ๆ หน่อย เดี๋ยวฟันผุกันหมด”
อวี๋เซี่ยงตงเลิกคิ้ว และอมยิ้มด้วยท่าทางสบาย ๆ “คุณเป็นหมอ ถึงตอนนั้นก็ค่อยรักษาอาการปวดฟันให้พวกเขาแล้วกัน”
สวี่ชิงรู้สึกเกียจคร้านเกินกว่าจะพูดต่อล้อต่อเถียงกับเขา และแนะนำให้ซูช่านรู้จักกับคุณย่า “คุณย่า นี่ซูช่าน เพื่อนร่วมชั้นของฉันเองค่ะ สวยมากใช่ไหมล่ะคะ?”
เฟิงซูฮวาหัวเราะฮิๆ แล้วพยักหน้า “ใช่ สวยมาก เหมือนตุ๊กตาในภาพวาดเลยนะ”
ซูช่านยิ้มและพูดตอบรับคุณย่า ขณะที่ปลายหางตาคอยแอบชำเลืองมองอวี๋เซี่ยงตงเป็นระยะ ๆ และสังเกตเห็นว่าดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อของหล่อน
ท่าทางตอบสนองดูเรียบง่าย เฉกเช่นเดียวกับได้ยินชื่อของคนแปลกหน้า
พี่ใหญ่จำหล่อนไม่ได้เหรอ?
สวี่ชิงพาซูช่านเข้าไปในห้องครัว และแนะนำหล่อนให้รู้จักโจวจินหนานกับเย่หนาน
อวี๋เซี่ยงตงเหลือบมองแผ่นหลังของซูช่านกับสวี่ชิง ก่อนจะยิ้มมุมปาก เด็กหญิงตัวน้อยที่ดูเหมือนซาลาเปาและชอบร้องไห้กระจองอแงในตอนนั้น
โตขนาดนี้แล้วเหรอ?
ช่วงเวลาทำให้คนรู้สึกแก่ลงจริง ๆ สินะ และตัวเขาเองก็ยอมรับว่าตนเองแก่มากแล้ว!
หลังจากสวี่ชิงพูดแนะนำเสร็จแล้ว เธอก็พับแขนเสื้อขึ้นและเข้าไปทำอาหาร เธอขอให้โจวจินหนานกับเย่หนานพากันออกไป เพราะตนทำอาหารเพียงลำพังได้
ซูช่านยืนกรานจะอยู่ช่วยปอกกระเทียม แต่สุดท้ายก็อดสงสัยไม่ได้ “ทำไมผู้ชายคนนั้นถึงนั่งรถเข็นเหรอคะ?”
…………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เจอหน้าพี่ชายข้างบ้านในอดีตเข้าแล้ว ถ่านไฟเก่าจะลุกโชนไหมนะ
ไหหม่า(海馬)