เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 290 ถ้าเรียกว่าพี่สะใภ้อีกครั้ง นายเป็นใบ้แน่
บทที่ 290 ถ้าเรียกว่าพี่สะใภ้อีกครั้ง นายเป็นใบ้แน่
ครั้งนี้สวี่ชิงโกรธมากจนไม่เห็นแก่มิตรภาพในวัยเยาว์ และคิดจะตัดขาดจากหลูเว่ยตงอย่างสมบูรณ์แบบ
หลูเว่ยตงโกรธมากเช่นกัน จนเริ่มพูดตะกุกตะกัก “เธอ สวี่ชิง… เธอจะต้องเสียใจ ฉันไม่นึกมาก่อนเลยว่าตอนนี้เธอจะแยกแยะถูกผิดไม่ได้”
สวี่ชิงขี้เกียจเกินจะพูดต่อล้อต่อเถียงกับคนโอหังพรรค์นี้ เธอเอื้อมมือออกมาดึงตัวซุนเถียนจากไป
หลูเว่ยตงแทบจะระเบิดออกมาด้วยความโกรธจัด เขาเสียใจมากที่ตนเองเดินทางมาที่เมืองเอกมณฑล และตอนนี้เขาไม่มีทางออกด้วยซ้ำ
ถ้าเขากลับไป ครอบครัวจะต้องไม่พอใจแน่นอน
คุณปู่จะยิ่งไม่เห็นด้วย ครอบครัวเขาไม่ได้เป็นคนจัดการดูแลหน่วยงานนี้ แล้วเขาจะโยกย้ายไปแผนกอื่นตามที่ต้องการได้อย่างไร?
เขายืนสงบอารมณ์โกรธอยู่ที่นั่นสองสามนาที ก่อนจะมองหาคนจากแผนกรักษาความปลอดภัยให้มาจัดการกับรถขายอาหารของสวี่หรูเยว่กับฟางหลานซิน
หลังจากที่สวี่ชิงกับซุนเถียนกลับมาที่ร้านอาหารไม่ได้นาน หู่จือที่ออกไปเดินเที่ยวเล่นก็กลับมาพร้อมกับเสียงตะโกนก้องอย่างมีความสุข “พวกแผนกรักษาความปลอดภัยมาขับไล่คนขายข้าวกล่องออกไปแล้ว”
พวกซุนเถียนรีบออกไปมองดูด้วยความตื่นเต้นทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น
สวี่ชิงออกมามองดูเช่นกัน และเธอมีความสุขมากที่ได้เห็นสวี่หรูเยว่กับฟางหลานซินแสดงท่าทางไม่พอใจ
จากระยะไกล พวกเขาเห็นคนสองสามคนสวมปลอกแขนสีแดงกำลังเก็บริบม้านั่งออกจากลานจัตุรัส
หลี่เฟิงปล่อยโฮ ในขณะที่ฟางหลานซินกับสวี่หรูเยว่พยายามคว้าเอาสิ่งของของพวกหล่อนกลับคืนมา แต่ด้วยกำลังอันน้อยนิด ทำให้พวกหล่อนทำอะไรไม่ได้มาก
สวี่ชิงเดินกลับเข้าไปในร้านอาหารอย่างพึงพอใจ แต่เธอคิดว่ามันจะดีกว่านี้ถ้าหลูเว่ยตงออกไปด้วย
ไม่เช่นนั้นหลังจากนี้เธอคงยังจะต้องพบเจอกับอุปสรรคมากมาย
แต่ด้วยความคิดถึงเย่หนาน สวี่ชิงจึงเดินไปรอบ ๆ ร้านอาหาร ช่วยทำความสะอาด และค่อย ๆ ปั่นจักรยานกลับบ้าน
ระหว่างที่ผ่านร้านอาหารของฉินกุ้ยจือ เธอก็ได้ยินเสียงฉินกุ้ยจือด่าทอว่า “พวกแกมันมีประโยชน์อะไรบ้างไหม? ถูกไล่ออกมาได้ยังไง? ฉันคิดว่าพวกแกคงเก่งแต่เรื่องไม่เป็นเรื่องซะมากกว่า ถึงได้ทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่าง”
หล่อนดุด่าฟางหลานซินและสวี่หรูเยว่ด้วยคำพูดหยาบคายทุกประเภท
สวี่ชิงค่อนข้างประหลาดใจที่สองแม่ลูกไม่ได้ตอบโต้กลับ
ระหว่างทางเธอแวะซื้อแอปเปิ้ลและสาลี่อย่างละสองชั่ง ของว่างอีกเล็กน้อย นำกลับไปให้เฟิงซูฮวาและเย่หนานกิน
แต่เมื่อกลับไปถึงบ้าน เธอกลับนึกไม่ถึงว่าเหยียนจี้ชวนกับเกาจ้านจะอยู่ที่นั่น มีกล่องกระดาษแข็งสองกล่องถูกวางไว้ในบ้าน กล่องหนึ่งเป็นตู้เย็น ส่วนอีกกล่องเป็นโทรทัศน์
สวี่ชิงรีบจอดรถจักรยานและเดินเข้าไปดูรอบ ๆ “พระเจ้า พวกคุณเอาตู้เย็นกับโทรทัศน์มาได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอคะ?”
เหยียนจี้ชวนยิ้ม “รีบเอามาส่งให้ พวกหลานจะได้รีบดูกันไง ช่วงนี้มีละครโทรทัศน์เยอะเลย มากพอให้พี่สะใภ้ได้หาอะไรดูที่บ้าน”
คำว่าพี่สะใภ้ฟังดูแผ่วเบามาก เพราะเขากลัวว่าเย่หนานที่อยู่ในห้องจะได้ยิน
สวี่ชิงรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย เพราะของพวกนี้ค่อนข้างแพง “ไม่ต้องห่วงนะคะ อาเล็ก ฉันจะจ่ายส่วนต่างค่าโทรทัศน์ตามที่ตกลงกันไว้ อาแค่เอาคูปองโทรทัศน์มาให้ฉันพอ โทรทัศน์ราคาเท่าไหร่คะ ฉันจะเอามาคืนให้”
เหยียนจี้ชวนส่ายหน้า “ไม่ต้องให้อาหรอก พ่อเธอจ่ายค่าโทรทัศน์ให้แล้ว เธอสบายใจได้”
สวี่ชิงไม่ต้องการเช่นนั้น “ฉันคิดว่าพ่อน่าจะมีเงินไม่เยอะ เดี๋ยวฉันเอาให้พ่อดีกว่าค่ะ”
เหยียนจี้ชวนเดาะลิ้น “เธอพูดผิดแล้วล่ะ พ่อเธอน่ะรวยจะตาย”
ถึงจะยังไม่รู้แน่ชัดว่าอีกฝ่ายมีเงินเหลือหรือไม่ แต่เขาก็ถูกรีดไถจนไม่เหลือเงินแม้แต่หยวนเดียว
ไม่เคยเห็นพ่อตากับลูกเขยไร้ยางอายแบบนี้มาก่อน
สวี่ชิงไม่พูดอะไรอีก และเฝ้าดูเกาจ้านติดตั้งเสาโทรทัศน์ “ฉันเคยเห็นคนเอากระป๋องมาทำเป็นเสาโทรทัศน์ด้วย ฉันออกไปซื้อเครื่องดื่มและเอากระป๋องเปล่ามาให้ไหมคะ?”
เหยียนจี้ชวนหยิบบุหรี่ออกมาจุด พลางพยักเพยิดไปทางเกาจ้าน “เธอต้องคิดถึงพื้นเพของพวกเขาด้วย ทำเสาอากาศก็แค่เรื่องง่าย ๆ ไม่ใช่หรือไง? ถ้าวางไว้แบบนี้ ต่อให้โทรทัศน์ทั้งซอยจะไม่ชัด แต่บ้านเธอจะชัดแจ่ม”
สวี่ชิงคิดแบบนั้นเช่นกัน เกาจ้านจะต้องทำการกรองสัญญาณเสียก่อน ถึงจะทำการรับคลื่นสัญญาอย่างไม่มีปัญหาได้
มองดูเกาจ้านและวัสดุบางอย่างที่ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร มันเป็นเหมือนลวดเหล็กที่ถูกกางออกมา ดูคล้ายกับปีกเครื่องบิน และค่อนข้างดูดีทีเดียว
หลังจากเฝ้าดูอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็เข้าไปหาเย่หนาน
เย่หนานตื่นนอนแล้ว และกำลังนั่งอยู่บนเตียงพร้อมกับแมวดำในอ้อมแขน ผ้าม่านถูกดึงเข้าหากันจนห้องมืดสนิท เงาคนและเงาแมวที่อยู่ภายใต้ความมืดมิดยังคงดูน่ากลัวเล็กน้อย
“แม่ตื่นหรือยังคะ? หิวหรือเปล่า?”
เย่หนานส่ายหน้า “ไม่หิว พวกเขาซื้อโทรทัศน์มาเหรอ?”
สวี่ชิงพยักหน้า “อืม พ่อซื้อมาน่ะค่ะ อีกสักพักคงเอามาวางตั้งไว้ในห้องเรา ถ้าแม่ไม่มีอะไรทำก็ดูอยู่ที่บ้านได้”
เย่หนานมีท่าทางดูสงบนิ่งมาก “ได้ งั้นอีกสักพักค่อยให้พวกเขาเอาโทรทัศน์เข้ามา ปล่อยให้เข้ามาทั้งแบบนี้เลย”
สวี่ชิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “แม่ไม่กลัวว่าพวกเขาจะเห็นเหรอคะ?”
เย่หนานดูไม่แยแส “ก็แม่อยู่ที่นี่แล้ว กลัวว่าพวกเขาจะเห็นงั้นเหรอ? ไม่หรอก”
ทั้งเหยียนจี้ชวนและเกาจ้านคิดว่าเย่หนานเสียโฉม พวกเขาจึงยกโทรทัศน์เข้ามา และมองดูเย่หนานที่นั่งอยู่บนเตียง สวมใส่ชุดสีกระโปรงสีดำ ผอมบางราวกับแผ่นกระดาษ และใบหน้าดูแก่เฒ่า
น่าตกตะลึงไปทั่วทั้งหัวใจ
ถึงกระนั้นพวกเขามีสภาวะทางจิตใจที่สูงมาก ราวกับไม่ได้เห็นสิ่งผิดแปลกอะไร และวางโทรทัศน์ไว้บนลิ้นชักข้างเตียง
เหยียนจี้ชวนเปล่งเสียงอย่างไม่เกรงกลัว “พี่สะใภ้ คิดว่าดีหรือยังครับ?”
เย่หนานกลอกตาไปที่เขา “ถ้านายเรียกฉันว่าพี่สะใภ้อีกที ฉันจะทำให้นายเป็นใบ้”
เหยียนจี้ชวนรีบปิดปากทันที ทว่าเกาจ้านยังคงพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “คุณน้า คิดว่าความสูงเท่าดีหรือยังครับ เวลานั่งดูโทรทัศน์บนเตียงจะได้ไม่รู้สึกเมื่อยเกินไป หรือถ้าเหนื่อยก็นอนดูโทรทัศน์บนเตียงได้ เดี๋ยวผมจะไปต่อเสาอากาศข้างนอกอีกแป๊บ คืนนี้ก็ดูโทรทัศน์ได้แล้วครับ”
ทัศนคติของเย่หนานที่มีต่อเกาจ้านดีขึ้นมาก “รบกวนทีนะ”
เกาจ้านรีบโบกมือ “ไม่รบกวนเลยครับ ไม่รบกวน ผมควรทำน่ะถูกต้องแล้ว”
ทั้งสองรีบจัดการเชื่อมต่อโทรทัศน์ และย้ายตู้เย็นไปยังห้องหลัก
รายการโทรทัศน์ปรากฏขึ้นเมื่อฟ้าเริ่มมืด และบัดนี้ก็ได้เวลาแก้ไขจุดบกพร่องของเสาอากาศแล้ว
ไม่มีฉากไหนที่สวี่ชิงคิดว่าจะต้องหันไปหมุนเสาอากาศเพื่อรับช่องโทรทัศน์เลยด้วยซ้ำ เกาจ้านตรวจสอบดูอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะหาช่องโทรทัศน์อย่างแม่นยำ
สวี่ชิงรู้สึกว่าโทรทัศน์ขาวดำขนาดสิบสี่นิ้วมีขนาดใหญ่พอดีและน่าดูมาก ดีกว่าโทรทัศน์สีแอลซีดีขนาดใหญ่รุ่นหลัง ๆ เสียอีก
เกาจ้านกับเหยียนจี้ชวนช่วยกันจัดการอย่างดี และรีบกลับไปโดยไม่รับประทานอาหารเย็น
สวี่ชิงบอกให้เฟิงซูฮวากับเย่หนานออกมาดูโทรทัศน์ ส่วนเธอขอไปทำอาหาร
โต๊ะตัวเล็กถูกย้ายไปอยู่ใกล้เตียงสำหรับวางอาหารเย็น และทั้งสามคนก็นั่งกินอาหารบนเตียงกัน
สวี่ชิงสังเกตเห็นปรากฏการณ์บางอย่าง ในขณะที่เฟิงซูฮวากับเย่หนานดูไม่ได้ตื่นเต้นและสงสัยเกี่ยวกับโทรทัศน์มากนัก นอกจากนี้ยังดูไม่แปลกใจที่โทรทัศน์เปิดได้และไม่สงสัยว่าทำไมถึงมีคนอยู่ด้านใน
ต่างนั่งดูโทรทัศน์ด้วยความเงียบสงบ
สวี่ชิงนั่งพึมพำในใจ ปกติแล้วควรจะสงสัยไม่ใช่หรือ?
ท้ายที่สุดแล้ว บ้านทุกหลังในซอยมีโทรทัศน์กันไม่ถึงห้าหลัง และช่วงเย็นจะเห็นกลุ่มคนสองสามคนไปนั่งดูโทรทัศน์ในบ้านหลังที่มีโทรทัศน์บ่อย ๆ
ในขณะที่สวี่ชิงยังคงคิดอย่างเป็นจริงเป็นจัง เย่หนานค่อย ๆ วางตะเกียบลง “ชิงชิง พรุ่งนี้ลูกเชิญฟางหลานซินมาที่บ้านทีนะ”
สวี่ชิงรู้สึกราวกับหูฝาดไป “แม่พูดว่าอะไรนะคะ?”
เย่หนานยิ้ม “เชิญฟางหลานซินมาที่บ้านทีจ้ะ”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
รู้สึกถึงความโหดของคุณแม่เย่หนานขึ้นมาเลย พาศัตรูมาบ้านแบบนี้ ไม่ใช่ว่าล่อให้มาติดกับแล้วเก็บแบบไม่เหลือร่องรอยนะ?
ไหหม่า(海馬)