เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 156 ขนาดเขายืนอยู่บนโคลนยังทำให้คนชอบเขาได้
บทที่ 156 ขนาดเขายืนอยู่บนโคลนยังทำให้คนชอบเขาได้
ตอนสวี่ชิงพาไป๋หลางมาถึงบ้าน พวกของเกาจ้านก็ทำงานบนหลังคากันแล้ว
ไม่รู้ว่าพวกเขาไปขนดินมาไกลจากที่ไหน มันไม่เหมือนกับดินจากห้องเก็บผักที่ถูกขุดออกไปเมื่อเช้า เป็นดินเหนียวที่มีเนื้อค่อนข้างละเอียดกว่านำมาผสมกับฟางข้าวสาลีสับก่อนจะนำมาฉาบเป็นชั้นหนาทั่วหลังคา
โจวจินหนานสวมเสื้อกล้ามสกรีนลายตัวเลข ท่อนล่างเป็นกางเกงลายทหาร ขากางเกงพับขึ้นมาถึงเข่า ทั้งหน้าแข้งเรียวแข็งแรงเปื้อนดินเหนียวไปแล้วทั้งหมด
เท้าเปล่าเหยียบบนดินเหนียว ขณะถือพลั่วฉาบโคลนอยู่
ทุกการเคลื่อนไหว กล้ามเนื้อไหล่และแขนก็จะขยับตามไปด้วย แสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านช่องระหว่างใบไม้ได้ตกกระทบลงบนร่างของเขา เผยพลังของเสน่ห์ชายชาตรีไปทุกที่
เห็นได้ชัดว่าอีกสองสามคนเองก็แต่งตัวไม่ต่างกัน
ทว่าสวี่ชิงกลับจับจ้องไปที่ตัวของโจวจินหนานคนเดียว พอได้ออกกำลังกลับยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์มาก จู่ ๆ เธอก็รู้สึกปากคอแห้งผากขึ้นมา
เกาจ้านยังคงยืนชี้นิ้วสั่งอยู่ข้าง ๆ เมื่อมองเห็นสวี่ชิงกลับมาก็ยิ้มทักทาย “น้องสะใภ้กลับมาแล้ว ซื้อของเยอะแบบนี้อีกแล้ว ดูเหมือนเย็นนี้จะลาภปากพวกเราอีกแล้ว”
สวี่ชิงได้สติกลับมาในตอนนั้นเอง พยักหน้ายิ้ม “ใช่ค่ะ เย็นนี้จะทำของอร่อยให้พวกคุณกินกันนะคะ”
สวีหย่วนตงยืนอยู่บนหลังคายิ้ม “น้องสะใภ้ ถ้าครั้งหน้าที่บ้านคุณมีงานอะไรอีกเรียกพวกเราอีกได้เลย แค่ทำกับข้าวอร่อย ๆ ให้กินก็พอแล้ว”
สวี่ชิงยิ้มตาหยี “ถึงไม่มีธุระอะไร ถ้าพวกคุณว่างก็สามารถมาที่นี่ได้เสมอค่ะ ฉันจะทำกับข้าวอร่อย ๆ ให้กินเอง”
สวีหย่วนตงโบกมือ “เกรงใจเกินไปล่ะครับ หรือเอาเป็นว่าฉันกลับไปเอากลับนกพิราบมาให้เธอดีกว่า”
โจวจินหนานมองสวี่ชิงกับคนอื่น ๆ คุยกันเงียบ ๆ สายตาสังเกตเห็นคอเสื้อสวี่ชิงว่าคอเสื้อของเธอมีรอยเปียก สายตาจึงสำรวจลงมาที่เท้าของหล่อน
แล้วดึงสายตากลับมาฉาบดินเหนียวต่ออยู่ไม่พูดอะไร
สวี่ชิงทำกับข้าวเสร็จแล้ว จึงออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าบนร่างตัวเอง แล้วเรียกให้โจวจินหนานเอาไก่ไปเฉือด
โจวจินหนานเชื่อฟังหล่อนอย่างมากเดินเข้าไปในครัวช่วยสวี่ชิงฆ่าไก่
สวี่ชิงเห็นว่าถึงเวลาที่ฉินเสวี่ยเหม่ยเลิกงานแล้ว จึงเดินไปเรียกให้ฉินเสวี่ยเหมยมาช่วยทอดแป้งทอด
ยิ่งมีแม่บ้านเพิ่มขึ้นมาช่วยล้างผักสองคนในครัว บ้านหลังเล็กก็ดูเหมือนจะคนแน่นไปหมด
อีกทั้งต่างก็ยังเป็นคนหนุ่มสาว เวลาพูดคุยกันก็ยิ่งคคึกครื้น
ฉินเสวี่ยเหมยช่วยสวี่ชิงกลับด้านแป้งทอดไปด้วย ถอนหายใจไปด้วย “โจวจินหนานนี้มีเส้นสายเยอะจริงๆ ขนาดทำงานจิปะถะเรื่อยเปื่อยก็มาคนเยอะแยะมาช่วยทำงานมากขนาดนี้”
สวี่ชิงยิ้ม “เมื่อก่อนพวกเขามีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน น่าจะเพราะผ่านประสบการณ์ร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกัน เลยยิ่งสนิทสนมกันมากน่ะ”
ฉินเสวี่ยเหมยพยักหน้า “อืม แม้ว่าฉันจะไม่เคยมีประสบการณ์ผ่านความเป็นตายมาก่อน แต่พวกเราก็ผ่านเรื่องราวมาด้วยกันเยอะแยะมากมาย ก็สนิทสนมมากเหมือนกัน”
สวี่ชิงหัวเราะ “นั่นมันแน่นอน จริงสิ เธอลองดูหนุ่มที่ลานบ้านสิมีคนไหนถูกตาต้องใจบ้างไหม เดี๋ยวให้โจวจินหนานแนะนำให้เธอรู้จัก เมื่อตอนเที่ยงฉันถามมาแล้ว ต่างคนต่างก็ยังโสดนะ”
ฉินเสวี่ยเหมยหน้าแดงเป็นแถบ “ฉันไม่เอาหรอก ไอหยา รีบตักแป้งลงมาได้แล้วเร็ว ๆ เลย”
สวี่ชิงยิ้มมองหน้าหล่อน “ไม่ต้องเขนไปหรอก ฉันคิดว่าผางเจิ้งหัวก็ไม่เลว เมื่อกี้ใบหน้าอวบอิ่มของหมอสวีก็ไม่เลว ถึงเขาจะเป็นหมอรักษาหมา แต่เป็นคนดีมากเลยนะ”
ใบหน้าฉินเสวี่ยเหมยยิ่งแดงก่ำ “ฉันไม่สนหรอกว่าหน้าตาเขาจะเป็นยังไง”
สวี่ชิงกลัวว่ายิ่งพูดฉินเสวี่ยเหมยจะเขินจนไม่อยู่กินข้าวด้วยกันแล้ว จึงยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ค่อย ๆ ดูตอนกินข้าวแล้วกัน”
ฉินเสวี่ยเหมยยิ้มทั้งที่หน้าแดงอยู่ จู่ ๆ ก็นึกถึงเรื่องซุบซิบเมื่อตอนกลางวันขึ้นมาได้ “น้ารองของฉันมาบอกฉันเมื่อตอนเที่ยง หม่าเสวี่ยหลานบอกว่าฟางหลานซินกับหวังต้าฉินทะเลาะกันแล้ว”
สวี่ชิงรู้ว่าหวังต้าฉินเป็นภรรยาของฟางคุน ที่สะใภ้ของฟางหลานซิน
ก่อนหน้านี้หล่อนช่วยฟางหลานซินเอาไว้ไม่น้อย ทำไมจู่ ๆ ถึงทะเลาะกันได้?
ฉินเสวี่ยเหมยกลับแป้งทอดไปแล้วก็พูดไปด้วยว่า “หวังต้าฉินไม่ชอบที่ฟางหลานซินมาอยู่บ้านแล้วยังต้องให้คอยรับใช้หล่อน ตอนนี้บนตัวของฟางหลานซินไม่มีเงินสักเฟินเดียว กลับยังมากินข้าวข้าวฟรี ๆ ถ้าหล่อนยังมีความสุขอยู่ไม่ใช่ว่ายิ่งน่าแปลกเหรอ”
สวี่ชิงคิดแล้วก็รู้สึกเห็นด้วย แต่ว่านี่ก็เท่าเป็นเรื่องซวยของฟางหลานซิน
ฉินดสวี่ยเหมยพูดจบ ก็พูดเรื่องแปลก ๆ อีกเรื่องขึ้นมา “หม่าเสวี่ยหลานยังบอกฉันว่ามีผู้หญิงแปลกหน้ามาแอบฟังพวกเธอด้วยนะ คนคนนั้นหน้าตาเหมือนกับเธอเลย”
สวี่ชิงพลันนึกถึงผู้หญิงชุดแดงขึ้นมาได้ นี้ยิ่งเป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายจะพุ่งเข้ามาหาหล่อนเอง
เพียงแต่เธอไม่พูดเรื่องนี้ให้ฉินเสวี่ยเหมยรู้ หลังจากด้านนี้ทอดแป้งเสร็จ ไก่ตุ๋นก็สุกเรียบร้อยดีแล้วเช่นกัน
ในไก่ตุ๋น สวี่ชิงใส่มันฝรั่งกับพริกหม่าล่า และยังมีวุ้นเส้น วิธีทำคล้ายกับไก่ผัดพริกเล็กน้อย แต่แค่เพิ่มวุ้นเส้นเข้าไปด้วย
ทั้งหมดเป็นไก่บ้านที่เลี้ยงมามากว่าหนึ่งปี ทำให้มีเนื้อแน่นมาก
น้ำซุปเข้มข้นเมื่อใส่วุ้นเส้นเข้าไป เส้นก็ซึมซับน้ำแกงเต็มที่
ฉินเสวี่ยเหมยยืนมองสวี่ชิงทำอยุ่ข้าง ๆ ถอนหายใจเล็กน้อย “แค่ดูก็รู้แล้วว่าอร่อยมาก น่าแปลกที่เพื่อนบ้านเธอไม่เคยออกความคิดเห็นว่าบ้านเธอวัน ๆ ทำแต่ของอร่อย ๆ กินเลย”
สวี่ชิงรู้สึกภูมิใจนิดหน่อย “คือว่าต้องเลี้ยงเด็กจอมงอแงน่ะ”
ฉินเสวี่ยเหมยยิ้ม หันหน้ากลับไปเห็นสวีหย่วนตงกำลังช่วยไป๋หลางเกาแก้คันอยู่ สายตาแอบมองบนร่างสวีหย่วนตง กลับรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
หัวใจพลันเต้นแรง จนต้องรีบหันหน้ากลับมา
สวี่ชิงมองเห็นการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ นั่นของฉินเสวี่ยเหมย แล้วก็หันกลับไปมองสวีหยวนตง ชายหนุ่มเป็นคนที่ทำให้คนชอบได้ไม่ยากคนหนึ่ง
ไว้เดี๋ยวเตรียมถามโจวจินหนานดูก่อนแล้วค่อยว่ากัน
หลังมื้อเย็นที่คึกครืนจบลง อาหารที่สวี่ชิงทำก็ถูกกิจนเรียบไม่มีเหลือ
ภายในบ้านหลังเล็กเพราะว่ามีวัยรุ่นอยู่รวมตัวกันหลายคน ทำให้บรรยากาศคึกครืนและมีชีวิตชีวา
……….
ใบหมู่บ้านเขตโรงงาน สวี่จื้อกั๋วจ้องผู้หญิงตรงหน้าด้วยดวงตาแดงก่ำ
หลังจากแตกหักกับฟางหลานซิน ทั้งหมู่บ้านต่างก็รู้แล้วว่าฟางหลานซินคือผู้หญิงแพศยา เขาก็ต้องใช้ชีวิตแบบเจ้างั่งตัวหนึ่งมาโดยตลอด ไม่ไปทำงาน ไปกินเหล้ากลับมาทุกวัน มีอะไรให้กินก็กินอย่างนั้น
กินแล้วก็เมาปล่อยบ้านเละแทะไปหมด
ในบ้านเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่าราวกับขยะอย่างไรอย่างนั้น
เย่เหม่ยขมวดคิ้วนั่งอยู่ในบ้านเหม็น ๆ นี้ สายตาเย็นชามองผู้ชายสภาพหนวดเครารุงรัง ในใจก็รู้สึกยากจะอธิบาย
นี่น่ะหรือคือผู้ชายที่เย่หนานหาได้!
สวีจื้อกั๋วจ้องเย่เหม่ย มือและเท้าพลันเย็นเชียบ ตกใจจนสร่างเมาไปครึ่งหนึ่ง ยังนึกว่าเย่หนานกลับมาแล้ว
ไม่ เย่หนานดูดีกว่าผู้หญิงตรงหน้าเสียอีก
เย่เหม่ยมองเขาอย่างดูถูกโดยไม่คิดปิดบังแม้แต่น้อย “สวี่จื้อกั๋ว? พี่สาวของฉันหาสวะอย่างคุณมาได้ยังไงกัน”
หน้าผากสวี่จื้อกั๋วเต้นตุบ ทว่ากลับไม่ได้พูดอะไร
เย่เหม่ยยิ้มเย็น “ฉันยังนึกว่าผู้ชายที่ทำให้เย่หนานทิ้งทุกอย่างจะเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากเสียอีก คิดไม่ถึงว่าฉันจะได้เปิดหูเปิดตาแล้ว!”
สวี่จื้อกั๋วพยายามเอ่ยปากพูด “เธอคือน้องสาวของเย่หนานจริงเหรอ”
เย่เหม่ยยิ้มเยาะเย้ย “ฉันจะโกหกคุณให้มันได้อะไรล่ะ ตอนนั้นหล่อนออกมาพร้อมกล่องใบหนึ่งใช่ไหม มันอยู่กับคุณหรือว่าสวี่ชิง”
สวี่จื้อกั๋วมุ่นคิ้ว “กล่องอะไร ผมไม่รู้”
เย่เหม่ยยิ้มนิด ๆ ทว่าดวงตากลับทอประกายเย็นชา “ฟางหลานซินรู้แล้ว คุณจะไม่รู้ได้ยังไง คุณต้องช่วยฉันหาของที่เหมือนกันอย่างหนึ่ง”
หล่อนใช้น้ำเสียงออกคำสั่งราวกับว่ามั่นใจว่าสวี่จื้อกั๋วไม่มีวันปฏิเสธ
สวี่จื้อกั๋วตะลึงงัน “ทำไมผมต้องช่วยคุณหาของด้วย?”
เย่เหม่ยแสยะยิ้ม รู้สึกถึงรังสีดำมืดทั้งยังดูน่ากลัวอย่างประหลาด “เพราะฉันรู้ว่าการตายของพี่สาวฉันเกี่ยวข้องกับคุณน่ะสิ คุณคิดว่าฉันจะปล่อยคุณไปงั้นเหรอ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เจอคนอวดสามีกับรับงานแม่สื่อแล้วหนึ่ง
เย่เหม่ยไปขู่อะไรจื้อกั๋วไว้บ้างเนี่ย
ไหหหม่า(海馬)