เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 371
< < 228 Sec2 > >
ผมยืนอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิง อันเป็นอำนาจของมหามังกร ยืนอยู่บนเศษซากสิ่งก่อสร้าง และชีวิตของผู้คนมากมาย รอบตัวผมมีผู้คนวิ่งหนีตายไปมา เสียงร้องไห้ของเด็กเองก็ดังกึกก้องไปทั่วทั้งเมืองแห่งนี้
จุดที่ผมยืนอยู่มัน ..ช่างน่าคุ้นเคย มันเป็นจุดๆเดียวกับที่ยูนาเคยยืนอยู่เมื่อในอดีต
หากจำไม่ผิดละก็—กรรรรรรรรรรรรรรรร!!!!! เสียงของมหามังกรฟัฟนิร์คำรามกลบทุกเสียงร้องของสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก
“…ท่ามกลางเปลวเพลิงของมหามังกร มีเด็กสาวสองคนมอบกอดให้กันและกัน เพื่อที่มอบความอบอุ่นสุดท้ายให้แก่เด็กสาวผู้นั้น”
ผมหันไปทางที่ที่เพื่อนของยูนาน่าจะอยู่ ทว่า ..กลับไม่ใช่เพื่อนของยูนา เด็กสาวคนนั้นกลับเป็น ‘ยูนา’ เสียเอง
เธอนอนบาดเจ็บอยู่กับพื้น หายใจหอบอย่างรุนแรง ดูจากสภาพแล้วอีกไม่นานน่าจะตาย …
แบบนี้นี่เอง
ไม่นานผมก็เข้าใจ ว่าตัวเองกำลังยืนอยู่จุดเดียวกับยูนา ช่วงหนึ่งของชีวิตที่กำลังจะสูญเสียสิ่งสำคัญอย่างเลี่ยงไม่ได้ เหมือนกับที่เธอคนนั้นเคยพบเจอ และต้องจมปลักกับมันมานับพันปี ช่วงเวลาที่สิ้นไปของคนๆหนึ่ง และหยุดลงของคนอีกคนหนึ่ง
ฝันร้ายนั่นเอง
ผมนั่งลงกับพื้น โอบกอดยูนา และพึมพำเบาหวิวท่ามกลางชีวิตที่อีกไม่นานก็จะถึงจุดสิ้นสุด
“..ไม่เอานะ”
…..
“ขอร้องละ ยูนา ..อย่าจากฉันไปเลยนะ”
****
ทั้งหมดเป็นเพียงฝันร้ายเท่านั้น ไม่นานผมก็ลืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียง เตียงหนึ่ง และรับรู้ได้โดยทันทีว่าผมแค่ฝันไป ..ซะที่ไหน
อีกเจ็ดวัน ยูนาจะหายไป ..ความกังวล ความเครียด ความเศร้า ปรี๊ดขึ้นสมองกระหัน รู้สึกปวดหัวขึ้นมาสุดๆ ผมกุมขมับตัวเอง กัดฟันกรามแน่น อีกไม่นานคงจะระเบิดอารมณ์ทำอะไรไม่ดีสักอย่างลงไปแน่ๆ อาทิเช่นการทำลายข้าวของ …. ทว่า
“ตื่นแล้วเหรอคะ?”
เสียงของนางฟ้าก็ช่วยดึงผมออกจากความรุนแรง
“…เรเซล?”
“ใช่ค่ะ เรเซลเอง”
‘เรเซล’ ในชุดเมดนั่งอยู่ข้างๆผม ไม่ใช่แค่นั้น ‘อันนา’ ก็นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเตียงนอนนี้ด้วย
เรื่องอะไรกัน ..หากเป็นตามปกติ จะมีเสียงยูนาในหัวคอยตอบข้อสงสัยให้ผม แต่ครั้งนี้ไม่มี เพราะพวกเราแยกออกจากกันเป็นที่เรียบร้อย พอนึกถึงเรื่องนี้ผมก็รู้สึกซึมจนไม่ค่อยมีอารมณ์ทำอะไรเลย …
ผมนั่งเงียบครู่หนึ่ง ก่อนเปิดปากพูดต่อ
“อันนาด้วยเหรอ? พวกเธอทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้กันล่ะ”
“คนจากสภาโลกมาเจรจากับจอมมารน่ะค่ะ ท่านแองเจลิน่าได้รับหน้าที่นี้ด้วย พวกเราก็เลยต้องติดตามมาด้วยในฐานะเมด แน่นอนว่าอย่างช่วยไม่ได้อีกแล้วน่ะค่ะ”
เจรจากับสภาโลก?
“ฉันหลับไปนานแค่ไหนกัน”
“ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ แต่หลังจากมาถึงที่นี่ก็น่าจะผ่านไปครึ่งวันได้แล้ว ..แล้วก็การเจรจาสำเร็จนะคะ ทางสภาโลกตกลงจะร่วมมือกับกองทัพจอมมารเป็นการชั่วคราวค่ะ รายละเอียดเชิงลึกฉันเองก็ไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นนายน้อยคงจะไปสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้นะคะ”
ได้ยินอย่างนั้นก็ชวนให้โล่งอกไม่น้อย
“ช่วงที่ฉันหลับไป เกิดอะไรขึ้นมากมายเลยสินะ”
“นั่นก็ใช่ค่ะ”
ผมรู้ดีมาโดยตลอด ..ผมมีนิสัยเสียอย่างหนึ่งน่ะนะ เวลาที่สะเทือนใจกับเรื่องอะไรมากๆ ร่างกายมันชอบเสียการควบคุมไปดื้อๆตลอดเลย ครั้งนี้เองก็เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เหมือบกับตอนที่คนๆนั้นตายจากไปจากอุบัติเหตุ หรือตอนที่ทราบข่าวว่าชินได้ตายจากไปแล้ว
สภาพของผมมันจะเละเทะ กลายเป็นคนไม่เอาอ่าว แปลงกลายเป็นไอ้คนไม่ได้เรื่อง คนไร้น้ำยาที่น่าสมเพซมันทุกครั้ง ….ต้องลำบากให้คนอื่นช่วยเหลือตัวเองตลอด
“….”
ผมทนการสูญเสียของตัวเองไม่ไหวจริงๆด้วยสินะ
ทั้งอย่างนั้นกลับอวดดีไปทั่ว
“…..”
“จุ๊บ”
สัมผัสบางๆตรงแก้มเกิดขึ้นกระทันหัน พร้อมด้วยกลิ่นหอมๆจากตัวของเรเซลที่โน้มตัวเข้ามาหอมแก้มผม ….
“ระ เรเซล ไร้ยางอายที่สุดค่ะ”
อันนาผู้เคยเข้าร่วมศึกเลขสามตามด้วยตัวพีท้วงขึ้นอย่างเดือดดาล
“เห็นท่านเรเซอร์ดูเครียดๆเลยเผลอไป ขอโทษด้วยนะคะ”
ใบหน้าแบบนั้นไม่เหมือนคนรู้สึกผิดเลยนะนั่น ….ผมอมยิ้มเล็กน้อย ไม่ว่าเมื่อไหร่เธอสองคนนี้ก็มักจะทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นมาได้เสมอเลยสินะ พวกติดสาวนี่มันดีจริงๆนะ ขอแค่มีผู้หญิงทำดีด้วยหน่อยเดียวก็จะอารมณ์ดีขึ้นอย่างอย่างเนี้ยเนี่ย เฮ้อ แบบว่า
“ขอบคุณนะ”
“ด้วยความยินดีค่ะ”
ผมเขยิบตัวลุกขึ้นจากเตียง พึ่งจะสังเกตุว่าตัวเองอยู่ในชุดคนไข้
“ไม่ต้องห่วงนะคะ ท่านยูนาเป็นคนเปลี่ยนชุดให้”
โดนเห็นหมดเลยสินะนั่น น่าอายจัง! ..ว่าไปนั่น ของลงของลับอะไรพวกนั้น ยูนาเห็นไปผมก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก กลับกัน ให้เรเซลหรืออันนาเปลี่ยนชุดให้ผมมันยังจะดูน่าอายกว่าเลย
เอาเป็นว่า
“ยูนาสินะ ..ตอนนี้เธออยู่ไหนเหรอ?”
****
ผมเดินไปตามทางเดินที่เรเซลบอก
อนึ่ง ตอนนี้ผมจะอยู่บนเรือรบยักษ์ที่ทางสภาโลกเป็นคนเอามา พวกเขาให้ผมยืมเตียงนอนที่นี่พักผ่อน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และดูเหมือนว่าตอนนี้น่าจะดึกมากๆแล้ว เวลาคงจะเลยเที่ยงคืนไปได้สักพักหนึ่งแล้ว
ให้เดาพวกของดิลุค รวมถึงพวกยูจิน่าจะอยู่กันข้างนอกเรือนี้นี่แหละ ไว้ถ้าเสร็จธุระแล้วผมจะออกไปหา
ถือว่าเป็นโชคดีอย่างหนึ่งก็ว่าได้ที่ผมตื่นมาเวลานี้ เพราะมันไม่มีคนอยู่เลย ..ผมไม่ชอบที่ที่คนเยอะในเวลาที่ตัวเองไม่พร้อม ตอนที่เปลือกอันแข็งแกร่งของตัวเองถูกขยี้จนเละ ด้านที่ดูอ่อนแอ จะให้คนอื่นนอกจากคนสำคัญเห็นไม่ได้เด็ดขาด ผมเชื่ออย่างนั้น และทำมาโดยตลอด ผมถึงรู้ดี ว่าตัวเองตอนนี้อยู่ในช่วงอ่อนแอ และไม่อยากจะพบเจอผู้คนมากนัก
เดินไปได้ไม่นาน ผมก็ถึงจุดหมาย แต่เพราะได้ยินเสียงคนคุยกันจางๆ ผมเลยไม่คิดจะโผล่ไปทัก แต่กลับเลือกจะพิงกำแพงแถวนั้น และดักฟังเอา
เป็นนิสัยที่ไม่ดี
“…..”
“ขอบคุณที่ช่วยดูแลน้องชายมาโดยตลอดนะคะ ..ท่านวีรสตรี ตัวฉันไม่รู้จะขอบคุณท่านอย่างไรจึงจะดี”
เสียงของแองเจลิน่า? คู่สนทนาน่าจะยูนา
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรหรอก เป็นหน้าที่ของฉันในฐานะวิญญาณระดับเทพอยู่แล้ว แล้วก็มาก้มหัวให้กันแบบก็ไม่มีอะไรให้นอกจากความน่าอึดอัดใจหรอกนะคะ และหากมาสเตอร์รู้เข้าเรื่องที่คุณมาก้มหัวให้ฉัน ฉันคงได้โดนเขาตรงปรี่เข้ามาสับศอกให้สักทีเป็นอย่างแน่นอน ฉะนั้นเป็นไปได้ช่วยเงยหัวกลับเป็นปกติจะเป็นการดีกว่ามาก
“ถึงกับสับศอกเลยเหรอคะนั่น เรเซอร์ของฉันดูท่าจะก้าวร้าวขึ้นมามาก”
“เป็นปกติของวัยรุ่นค่ะ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ”
ปกติก็บ้าแล้วเว้ย ช่วยอย่ามายัดข้อมูลแปลกๆให้พี่สาวผมจะได้มั้ยเนี่ย ..บ้าเอ้ย
“ขอบคุณมากค่ะที่ยังฟังกันบ้าง นึกว่าจะเป็นพวกไม่ฟังใครเหมือนกับมาสเตอร์แล้วแท้ๆ โชคดีเหลือเกินที่ลูกไม้หล่นไกลต้นเช่นนี้”
“นั่นสำนวนเปรียบเทียบลูกกับผู้ให้กำเนิดไม่ใช่หรือคะ?”
ยูนาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนตอบ
“หืม ..มาสเตอร์เห็นคุณเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ และพี่สาวไปในตัว การเปรียบเปรยคุณเป็นดั่งผู้ให้กำเนิดคงไม่ได้ผิดอะไรนัก”
“ยินดีเลยค่ะเรื่องนั้น!”
“พี่สาวของมาสเตอร์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจง่ายดีจริงๆ”
ยัยนี่น่าโดนสับศอกสักทีจริงๆด้วย ให้ตายเถอะ
ผมถอนหายใจเฮือกโต รู้ตัวอีกทีตัวเองก็เผลอยิ้มน้อยๆตรงมุมปากไปเสียแล้ว
“ดูเหมือนท่านวีรสตรีจะมีความสัมพันธ์ที่วิเศษกับเรเซอร์ ยิ่งกว่าที่ฉันคิดเอาไว้อีกนะคะเนี่ย”
“เรื่องนั้น—ก็ไม่ได้ต่างกับการทำพันธสัญญาทั่วๆไปสักเท่าไหร่ ไม่ได้ต่างจากปกติหรอกค่ะ”
“ฮะ ฮะ ..ขอเรียกว่า ‘ท่านยูนา’ เฉยๆได้รึเปล่าคะ?”
“ ‘ยูนา’ ก็พอค่ะ ฉันไม่ใช่คนสนใจเรื่องลำดับความอาวุโส”
“ถ้านั้นก็ .. ‘ยูนา’ ขอขอบคุณอีกครั้งจากใจจริงนะคะ” แองเจลิน่าพูดอย่างนุ่มนวล “เพราะคุณ เรเซอร์ถึงได้เติบโตมาได้ไกลถึงขนาดนี้ ที่บอกว่าไม่ได้ต่างจากปกติ ฉันคิดว่าคุณโกหกนะคะบอกตามตรง เห็นแบบนี้แต่ฉันก็มองคนออก อย่างน้อยก็ในระดับที่รับรู้ได้ว่าคนๆนี้พูดจริงหรือว่าโกหกอยู่กันแน่ น่ะนะ”
ยูนาสำคัญกับผมมากจริงๆ ไม่ว่าจะกี่ครั้งผมก็จะยืนยันเช่นนี้เสมอ ต่อให้เธอไม่ได้คิดอย่างนั้น แต่ผมก็เชื่ออย่างนี้มาโดยตลอด และตลอดไป ..ไม่มียูนา ถ้าไม่มียูนา ชีวิตผมมันคงจะจบไปตั้งนานแล้ว เพราะมีเธอ ผมถึงมาได้ไกลขนาดนี้
ไม่โดนพวกมอนสเตอร์ฆ่าทิ้ง รอดจากเซียน และเอเธอร์มาได้ ผ่านอุปสรรคมากมาย ไม่ใช่แค่เรื่องพวกนี้
การได้พูดคุยกับยูนา ได้แลกเปลี่ยนความเห็นกัน ได้เล่นตลกกันเป็นกิจวัตรนั่นเองก็ช่วยให้ผมรอดพ้นหลายๆสถานการณ์มาได้
ทุกสิ่งทุกอย่างที่นำพาผมมาถึงตรงนี้ได้ เป็นเพราะยูนา ไม่ได้เกินจริงเลยที่ชีวิตของผมถูกอุ้มด้วยตัวของยูนามาโดยตลอด ทั้งกายภาพ และด้านจิตใจ
ถ้าหากผมไม่ได้พบกับยูนา
“..ทางฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณ” ยูนาถอนหายใจ “ถ้าไม่มีคุณ ฉันจะไม่มีวันได้พบกับมาสเตอร์ วันๆคงได้แต่นั่งรอคอยอะไรไปเรื่อยอยู่ภายในป่ามหาภูต ขอบคุณที่ทำให้มาสเตอร์ได้พบกับฉัน และทำให้เขาพาฉันออกจากที่แห่งนั้น ..ถ้าหากฉันไม่ได้พบกับมาสเตอร์—-”
ชีวิตนี้คงจะจบสิ้นไปตั้งนานแล้ว
“ชีวิตนี้คงจะจบสิ้นไปตั้งนานแล้ว”
….
…….
“ด้วยเหตุผลหลายๆประการ ฉันคงจะอยู่โลกใบนี้ได้อีกไม่นาน .. แองเจลิน่า ดราแคล์ ช่วยทำเพื่อฉันหนึ่งอย่างได้รึเปล่าคะ? จะมองว่าเป็นการทวงบุญคุณที่ช่วยดูแลน้องชายของคุณมาโดยตลอดก็ได้”
“สัญญาด้วยชื่อของตระกูลดราแคล์ ว่าจะทำตามความปารถนาของคุณให้เป็นจริง”
“ขอบคุณค่ะ”
“ช่วยเฝ้ามองมาสเตอร์ต่อจากนี้แทนฉันทีนะคะ”
“ฉันอยากจะเห็นค่ะ ปลายทางที่คนๆนั้นปารถนา”
สิ้นสุดคำพูดของยูนา ร่างของผมก็หมดเรี่ยวแรงลงอีกครั้ง ผมค่อยๆล้มลงไปนั่งพิงกับกำแพง ผมมีสีหน้าแบบไหนกันนะ? นึกสงสัย แต่ก็นึกไม่อยากจะเห็นไปพร้อมๆกัน รู้สึกตลกดี ฮะ ฮะ
ช่วยเฝ้ามองผมแทนเหรอ? ..บัดซบเอ้ย อยากจะเห็นปลายทางที่ผมปารถนานั้นเหรอ? เรื่องบ้าอะไรวะ ….ทำไมกัน
ไม่ชอบเอาซะเลย บทสรุปแบบนี้
ผมใช้แขนข้างถนัดปิดใบหน้าของตัวเองเอาไว้อย่างนั้น บทสนทนาของทั้งสองคนต่อจากนี้ผมไม่ได้ยินอะไรเลย จนกระทั่ง ทั้งสองจบบทสนทนากันเรียบร้อย
แองเจลิน่าเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม แม้จะไม่เห็น แต่ผมก็สัมผัสได้
“เรเซอร์ ..มาหายูนาเหรอ”
“……”
“พวกพี่สาวคุยกันจบแล้ว เรเซอร์จะคุยต่อเลยก็ได้นะจ๊ะ”
“..อ่า”
ผมลุกขึ้นยืน และเดินเข้าไปหายูนาในสภาพที่ดูน่าสมเพซเกินทน
“ดูอ่อนแอจังเลยนะคะ”
“ขอโทษด้วยละกัน แต่คิดว่าเป็นความผิดของใครกันล่ะ”
“เฮ้อ ..พึ่งคุยกับพี่สาวของมาสเตอร์จบไปเองแท้ๆ เหนื่อยเหมือนกันนะคะการใช้ชีวิตเนี่ย มาสเตอร์ก็อุตส่าห์ทนมาได้ตั้งสิบเจ็ดขวบเชียวนะคะ เก่งมากค่ะ เก่งมาก”
“หนวกหูน่า ยัยป้า”
คำด่าของผมตอนนี้แม้แต่สะกิดยูนายังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ทั้งที่ปกติการเรียกยูนาว่า ‘ยัยป้า’ เอย ‘วัตถุโบราณ’ เอย ดูจะสร้างความเสียหายให้เธอมหาศาลแท้ๆ เพราะผมตอนนี้ดูอ่อนแอกระมัง
“…ทำไมไม่เฝ้ามองด้วยตัวเองล่ะ ถ้าอยากจะเห็นขนาดนั้น ทำไมไม่เฝ้ามองจนถึงปลายทางนั้นกันล่ะ!?”
“แอบฟังสินะคะ เลวร้ายที่สุดค่ะ”
“ช่วยอย่าพูดเหมือนตัวเองรู้สึกแค่ฝ่ายเดียวจะได้รึเปล่า ช่วยอย่าทำเหมือนว่าเธอจะหายไปมันเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นแน่นอนได้มั้ย ฉันเองก็เหมือนกัน ฉันเองก็อยากให้เธอคอยเฝ้าดูฉันเหมือนกัน—มากกว่าใครๆ ฉันอยากจะแสดงให้เห็น”
โดยไม่รู้ตัว
ผมร้องไห้ออกมา
เหมือนกับเด็กน้อยคนหนึ่ง ผู้มีจิตใจบอบบาง
“..เธอเป็นคนที่ฉันอยากจะแสดงให้เห็นมากที่สุดบนโลกใบนี้ ..อยากจะให้เธอเห็นตอนที่ฉันมีความสุขที่สุด”
“…..”
“ยูนา ..ขอร้องละ ..อยากจากฉันไปได้มั้ย? ขอร้องละ” ผมปิดหน้าของตัวเอง เพื่ออำพรางน้ำตาเอาไว้ “ขอร้องละ อย่าจากไปเลยนะ ..ไม่ต้องมีพันธสัญญาก็ได้ ไม่ต้องมีใครเป็นเจ้านายหรือลูกน้องก็ได้ จะให้ฉันเป็นลูกน้องเธอแทนก็ได้ ให้ยกย่องเธอเยี่ยงพระเจ้าก็ได้ จะให้ทำอะไรก็ได้ ขอแค่อย่างเดียว ขอร้องละ ช่วยอยู่กับฉันต่อไปได้รึเปล่า”
“เรื่องใช้น้ำตาเพื่อหลอกล่ออีกฝ่าย ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่ทำเป็นสินะคะ”
“พอฉันร้องไห้ออกมาแล้วก็อ่อนไหวใช่มั้ยล่ะ ..ใช่มั้ยล่ะ ฮะ ฮะ ฮะ ..ยินยอมซะสิ ยอมสัญญากับฉันว่าจะไม่จากไปไหนซะสิ”
ผมคุกเข่าลงไปจับชายเสื้อของเธอ สภาพน่าสมเพซเกินจะทน ตัวผมเองยังไม่อยากจะมองตัวเองตอนนี้เลยด้วยซ้ำ ..แต่ว่าผมพยายามจะรั้งเธอเอาไว้ ยอมแลกได้กระทั่งศักดิ์ศรี
“ยูนา ช่วยอย่า–”
“เด็กโง่”
ยูนาก้มลงมาสวมกอดผม ..เป็นโอบกอดที่อบอุ่น และคุ้นเคย
ทั้งๆที่ยูนาไม่มีกายเนื้อแท้ๆ แต่ผมกลับคุ้นเคยกับอ้อมกอดนี้เป็นพิเศษ
“แต่แรกเดิมที ฉันไม่ใช่คนในยุคสมัยนี้ ไม่สมควรที่จะใช้ชีวิตอยู่ในช่วงเวลาเดียวกับมาสเตอร์ เป็นสิ่งผิดปกติของยุคสมัยค่ะ การที่ฉันจะต้องหายไป นับว่าเป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นช้าเกินไปเสียด้วยซ้ำ”
เพราะเป็นวิญญาณระดับเทพ เลยเป็นคนหลงยุค ..
“ฉันควรจะตายไป พร้อมกับอดีตที่ไม่มีวันก้าวข้ามไปได้ แต่ว่ากลับได้รับโอกาส และถูกมาสเตอร์ตามตัวจนพบ ได้รู้ความหมายของการก้าวข้ามอดีตสำหรับตัวเอง” ยูนากอดผมแน่นยิ่งขึ้น “การก้าวข้ามอดีตของฉันก็คือการที่ตัวฉันตอนนี้มีความสุขดีค่ะ”
“..ยูนา”
“มาสเตอร์ ไม่ใช่แค่ฉัน มาสเตอร์เองก็ต้องก้าวข้ามไปให้ได้ค่ะ สิ่งที่ฉันได้รับมา ทางนั้นก็ต้องได้รับด้วยเหมือนๆกันจึงจะถูก ก้าวข้ามไปให้ได้ ความสุข ความเศร้า ความทุกข์ ทุกความรู้สึก ไม่จำเป็นต้องยอมรับมันทั้งหมดในทีเดียวก็ได้ แต่ในบทสรุป ช่วยโอบกอดทุกความรู้สึกไว้ให้ได้ด้วยนะคะ”
“ฉันไม่อยากให้เธอหายไป”
“ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องหายไปค่ะ ดาบแห่งโซโลม่อน หรือว่า ดาบสะบั้นมิติที่พวกเราช่วยกันสร้างขึ้นมาก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงนี้ได้ ฉันจะต้องหายไปค่ะ”
…..
“เพราะกฏของโลกใบนี้เหรอ ..”
“เปล่าค่ะ มันคือกฏแห่งชีวิตต่างหาก”
ถ้าหากเป็นกฏแห่งชีวิตก็คงช่วยไม่ได้—-ผมกัดฟันกรามแน่น และก้มหน้าหนีความจริง
……..
“แต่ว่าถ้าฉันตายไปแล้วฉันก็คงจะตกนรก ซึ่งมันไม่แฟร์เอาเสียเลย เพราะอย่างนั้นมาสเตอร์ช่วยทำลายสวรรค์และนรกให้ทีนะคะ ตามที่เคยโม้เอาไว้ ถ้าทำอย่างนั้นฉันจะเป็นไปตามกฏของชีวิต ..อาจจะไม่ใช่ฉันคนเดิม แต่ว่าเราจะได้พบกันอีกค่ะ”
“……”
“ถึงตอนนั้นก็ช่วยตามหาฉันให้พบอีกครั้งนะคะ เหมือนกับที่มาสเตอร์เคยทำมาก่อน”
“ที่ทำได้ตอนนั้น มันเป็นเพราะฉันโกงข้อมูลต่างหาก เป็นเพราะฉันเล่นไม่ซื่อต่างหาก
“พูดไม่สมกับเป็นมาสเตอร์เลยนะคะ”
…….
“มาสเตอร์ เรื่องที่สักวันจะออกตามหาฉัน ไม่จำเป็นต้องสัญญาก็ได้ แต่ช่วยสัญญาเรื่องหนึ่งได้รึเปล่าคะ?”
“..อะไรเหรอ”
“ต่อจากนี้ หรือหลังจากที่ฉันหายไป ช่วยกลับมาหัวเราะเหมือนทุกครั้งได้รึเปล่าคะ?”